สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง.... มีกรรมเป็นของตน.... มีกรรมเป็นผู้ให้ผล....มีกรรมเป็นแดนเกิด.... มีกรรมเป็นผู้ติดตาม.... มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย.... จักทำกรรมอันใดไว้ ....เป็นบุญหรือบาป........ จักต้องเป็นผู้ได้รับผลกรรมนั้น ๆ สืบไป
นิทานเรื่องที่ 8 ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง

ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง



ณ. โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง หลังจากสอบกลางภาคเสร็จใหม่ๆ อาจารย์วนารักษ์เดินผ่าน บริเวณที่นั่งริมสวนหย่อม เห็นเด็กชายป๋องลูกศิษย์คนสนิท นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว เกิดความสงสัยจึงเดินตรงเข้าไปถาม

อาจารย์ “แหมขยันจังเลยนะ สอบเสร็จไม่ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนเหรอ ทำไมจึง
มานั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว?”


ศิษย์ยกมือไหว้ พร้อมกล่าวว่า
“สวัสดีครับ อาจารย์ อ๋อ! ป๋องเผอิญอ่านหนังสือค้างไว้ตั้งแต่ก่อนสอบ สอบเสร็จแล้วจึงมานั่งอ่านต่อ กำลังสนุกเลยครับ”


อาจารย์“ ตัวครูเองก็ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน เอาไว้วันหลังครูจะเอาหนังสือดีๆ มาให้เธออ่านบ้าง
เอแต่เธอเคยคิดไหมว่า ชีวิตเราก็คล้ายกับหนังสือเล่มหนึ่งเหมือนกันนะ ”


ศิษย์“ อย่างไรหรือครับ?”


อาจารย์ “ก็คือว่า หนังสือชีวิตของเรา ชีวิตเราเป็นเสมือนกระดาษเปล่าที่เราต้องใช้ประสบการณ์ในชีวิตของเราเป็นเนื้อหาของหนังสือน่ะซิ

ชีวิตที่จริงแล้วก็เป็นเพียงหน้ากระดาษของเวลา อันว่างเปล่า เราต้องใช้ความคิดของเราเพื่อสรรสร้างสาระขึ้นมา ไม่มีใครเขียนแทนให้เราได้
เราเป็นผู้เขียน เป็นผู้อ่านเองทุกวัน สุขใจและทุกข์ใจเอง ทุกวัน เราอาจโกหกคนอื่นได้แต่เราโกหกใจของตัวเองไม่ได้ เลย

ถ้าเราทำดีแล้วได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเราก็จะบันทึกเรื่องที่ดีๆไว้ในใจเราก็มีความสุข ถ้าเราทำชั่วหรือไม่ได้ตามสิ่งที่ต้องการเราก็มีความทุกข์ เราก็บันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ในความทรงจำของเราเสมอ


ศิษย์“ เหมือนจดไดอารี่ใช่ไหมครับ”


อาจารย์“คล้ายๆอย่างนั้น แต่นอกจากนั้นก็คือ เราเป็นผู้กำหนดเรื่องราว
ของชีวิตตัวเองด้วย ทั้งความสำเร็จและล้มเหลว ไม่ใช่แค่บันทึกเรื่องราวๆต่างๆ
อย่างเดียว”


ศิษย์“ ไม่เข้าใจครับ เราจะเลือกเป็นอะไรได้ตามใจเราหรือครับ ส่วน
ใหญ่ ผมว่าเราถูกสภาพแวดล้อมกำหนดมากกว่า เช่น มีคนมาทำให้
พอใจไม่พอใจ บางทีก็มีโชคชะตำกำหนดให้โชคดีโชคร้ายสลับกันไป”


อาจารย์“ เธอยังไม่เข้าใจ เรานี่แหละกำหนดชะตาชีวิตของเราเอง
ในศาสนาพุทธเรา ไม่เคยพูดว่าชะตาชีวิตเราถูกกำหนดไว้แล้ว มีแต่เพียง
กรรมที่เราสร้างไว้ในอดีตและปัจจุบันที่กำหนดตั้งแต่ตัวเราเอง ให้มีรูปร่างหน้าตา สติปัญญา นิสัยใจคอ เป็นเช่นไร แล้วเราจึงกำหนดการกระทำด้วยเจตนาที่ดีและชั่วเป็นกรรมต่อไปในชาตินี้และชาติต่อไป

อาจมีบางครั้งที่กรรมในอดีตมาให้ผลบ้างเช่น ประสบอุบัติเหตุ ประสบชะตากรรมที่ไม่ดี มีโรคประจำตัว มีโรคร้ายแรง หรือ มีศํตรูคู่เวรมารังควาญ ก็เป็นเพียงฉากหนึ่งให้เราเลือกแสดงกรรมเท่านั้น ผู้ไม่รู้ก็คิดว่าเป็นโชคชะตา ผู้รู้ก็จะทำใจได้ว่าเป็นผลของกรรมเก่าและกรรมไม่ดีในบัจจุบันมาร่วมกันส่งผลแค่นั้นเอง เราก็ทำกรรมใหม่ประคับประคองไปได้ โดยไม่ต้องปล่อยใจให้ทุกข์
จนเกินไป เพราะทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนของใครเลย

สรุปก็คือ เรานี่แหละเป็นคนเขียนหนังสือกำหนดอุปนิสัย บทบาทของตัวละคร และเป็นตัวแสดงเสียเอง เมื่อแสดงไปนานๆก็จำไม่ได้ว่าเรากำหนดอะไรไว้ ทำอะไรไว้ อาจเป็นเพราะบทบาทที่เราต้องเลือกแสดงในแต่ละวันเหมือนไม่มีใครกำหนดหรือบังคับ พอเกิดเรื่องอะไรไม่ดีก็โทษโชคชะตา โทษกรรม แล้วใครเล่าจะเป็นคนกำหนดโชคชะตาหรือกรรม ถ้าไม่ใช่ตัวเอง ล้วนเป็นสิ่งที่เราทำไว้แล้วเป็นต้นทุนทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้รอเพียงเวลา สถานการณ์ และโอกาสที่จะให้ผลแค่นั้นเอง”


ศิษย์ “ แต่เราไม่รู้ว่าเราทำกรรมไม่ดีอะไรมาบ้าง อย่างนี้เราก็แย่ซิ มิต้องรอให้
กรรมเก่ามาคอยให้ผลอยู่ร่ำไป อย่างไม่มีทางสู้อย่างนั้นหรือครับ ?”


อาจารย์ “ป๋องถามได้ดีมาก กรรมเก่าเขามีหน้าที่ให้ผล แต่ กรรมใหม่ที่เราสร้าง ย่อมมีผลด้วยเช่นกัน และเราทำดีได้ทุกวัน เหมือนหนี้เก่าและเงินที่เราหาได้ใหม่ทุกวัน ถ้าเราทำกรรมดีมากๆ เราก็จะมีบุญสะสมไว้มาก เวลาเราใช้หนี้กรรมเก่า อาจผ่อนหนักเป็นเบา หรือถ้ามีกรรมดีมากๆ กรรมชั่วเบาๆก็อาจส่งผลไม่ทันก็ได้

สิ่งสำคัญก็คือในแต่ละวัน เราต้องทำดีให้มากกว่าทำชั่ว พยายามเอาชนะกิเลสที่จะพาให้เราทำชั่ว ถ้ากรรมชั่วเหมือนเกลือ กรรมดีเหมือนน้ำ เกลือขนาดหนึ่งช้อนโต๊ะใส่ในน้ำหนึ่งแก้ว ย่อมเค็มดื่มไม่ได้ แต่ถ้า เราเติมน้ำมากขึ้นทุกวัน จนน้ำเพิ่มขึ้นเป็นน้ำหนึ่งโอ่ง แต่เกลือเท่าเดิม เราก็ดื่มได้โดยไม่รู้สึกเค็มแต่ประการใดเลย”


ศิษย์ “แต่ผมว่ามันยากอยู่นะครับ เพราะแต่ละวันเราก็มักจะทำอะไรตามใจไป
เรื่อย ตามนิสัย ความเคยชิน ตามความอยากโน่น อยากนี่ แล้วเมื่อไหร่น้ำสะอาด จะเต็มโอ่งได้หล่ะครับ แถมยังเติมเกลือเข้าไปอีก” ป๋องอมยิ้มไปด้วยขณะพูด


อาจารย์ “ นั่นแหละทุกวันนี้เราถึงได้มีปัญหาต่างๆมากมาย ไม่มีใครคิดว่า ตัวเองจะได้รับผลของกรรมที่ตัวเองก่อ ต่างกอบโกย มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตัว

การทำผิดทั้งหลายก็เกิดจากความคิดและการเข้าใจที่ผิดพลาดทั้งนั้น นี่แหละเป็นสิ่งที่ชาวพุทธเรา ควรจะศึกษาและเชื่อเรื่องกรรมกันไว้ อย่างน้อย ก็เพื่อให้สังคมและบ้านเมืองมีความสงบร่มเย็น

ป๋องจงจำไว้นะว่าเราเป็นชาวพุทธ ความเชื่อเรื่องกรรมเป็นเรื่องของสัมมาทิฏฐิเป็นความเห็นที่ถูกต้อง ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าไม่มีโทษใคจะร้ายแรงเท่าการมองเห็นไม่ถูกตรงเลย

เสมือนคนต้องการไปทิศเหนือ แต่ตัวเองไปทิศใต้ด้วยความเห็นผิด นับวันก็ยิ่งถลำตัวสู่ความชั่วต่างๆนาๆ ในชั่วชีวิตหนึ่งของเราไม่ยาวมากนัก วัยหนุ่มสาว ก็แค่ช่วงสั้นๆ ขอให้เราคิดดี ทำดีแก่ตัวเองและผู้อื่น ก่อนที่จะแย่จนแก้ไม่ได้เสมือนการดัดไม้นั้นเมื่อไม้มีกิ่งก้านที่ยังอ่อนอยู่ ย่อมง่ายกว่ามาดัดไม้เมื่อไม้นั้นแข็งเสียแล้ว เมื่อดัดเข้าก็จะมีแต่หักแค่นั้นเอง

ขอให้ป๋องจำคำของครูไว้ เราเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของตัวเอง จงละเว้นความชั่ว ทำแต่ความดี เป็นคนที่ดีคิดดีทำดีทุกๆวัน เธอจะสร้างชีวิตของเธอได้ เสมือนคนที่รู้ว่าทิศแห่งความสุขความสำเร็จอยู่ที่ไหน และจงเดินไปอย่างมั่นคง ชีวิตของเธอจะเป็นชีวิตที่มีค่า เสมือนหนังสือที่เขียนบทสรุปท้ายไว้ด้วยความสุขและความสำเร็จ เธอเป็นผู้สร้างงานเขียนชนิดที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อ่านไม่รู้ลืมเลือนทีเดียว”

ศิษย์ “แหมอาจารย์พูดได้ดีจังเลย ถึงแม้ว่าสมัยนี้คนจะไม่เชื่อเรื่องเวรเรื่องกรรมก็ตาม แต่ทุกครั้งที่ผมคิดดีทำดี ก็มีความสุขใจอยู่เสมอๆ ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าถูกหรือผิด เพราะว่ารู้อยู่ในใจเราเอง ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ได้ผลลัพท์ที่ดีตอบแทน แต่ผมว่า การทำความดีก็เป็นหน้าที่ของคนดีทุกคน ผมเชื่ออาจารย์และจะปฏิบัติตามคำสอนของอาจารย์ครับ”


อาจารย์ “นั่น ต้องอย่างนั้น อาจารย์มั่นใจว่า เธอต้องทำได้ เธอต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน เดี๋ยวอาจารย์ขอตัวก่อนนะ”
อาจารย์ยิ้มพร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่


ศิษย์ “ ขอบพระคุณมากครับ อาจารย์”
ป๋องกล่าวสวัสดีพร้อมประนมมือไหว้อย่างอ่อนน้อม


ที่มา จินตนาการ



Create Date : 25 สิงหาคม 2551
Last Update : 25 สิงหาคม 2551 15:02:07 น. 14 comments
Counter : 3487 Pageviews.

 
เรามีหน้าที่เขียนบันทึกประวัติศาสตร์ของตัวเราเอง
เราไม่อาจจะย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่ทำมาแล้วในอดีต
แต่เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดี ให้เกิดขึ้นในอนาคตได้
....
ทุกคนก็เข้าใจได้ไม่ยาก...
แต่มันยากสำหรับการปฏิบัติ นั่นแหละ...
src=https://www.bloggang.com/emo/emo2.gif>

ก็เป็นกำลังใจกับเจ้าของ Blog ครับ

โดย: อัสติสะ วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:7:46:28 น.  

 
ขอบคุณที่แวะมาอ่าน และ ช่วยแสดงความคิดเห็นครับ


โดย: วนารักษ์ วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:10:09:57 น.  

 
แวะมาเยี่ยมครับ

จะบอกว่าสามารถดูวันเกิดเพื่อนๆ ได้ที่หน้าแรกของ Bloggang ครับ
ลองหาดูครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:20:31:07 น.  

 
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ เดี๋ยวต้องแวะไปดูวันเกิดเพื่อนๆสักหน่อย


โดย: วนารักษ์ วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:11:13:45 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่แวะไปเที่ยวที่บ้านย่ามา อิอิขอแอดเป็นเพือน

อะค่ะ ช่าย ชีวิต เหมือนหนังสือ อะคะ ต้องอ่านจนหน้าสุดท้ายถึงจะรู้ว่า ตอนจบจะเป็นยังไง

แต่ไม่ว่าจะเป้นยังไงก็ตาม ความดีที่เราทำจะอยู่คู่กับเราตลอดไป


โดย: ย่าชอบเล่า (ย่าชอบเล่า ) วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:19:14:49 น.  

 
อ้อ ภาพประกอบน่ารัก มากๆ อะคะ ไว้จะเข้ามาอ่านอีกนะค่ะ ขอบคุณ เจ๊า


โดย: ย่าชอบเล่า (ย่าชอบเล่า ) วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:19:15:43 น.  

 
ขอบคุณ คุณย่ามากครับ เมื่อวานนี้ก็แวะไปเยี่ยมที่บลอ็ก

มา แถมได้เรื่องดีๆมาแบ่งปันให้เพื่อนๆอีกด้วย


โดย: วนารักษ์ วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:11:06:50 น.  

 
อ่านแล้วได้ไอเดียคะ ขอบคุณนะคะ จริง ๆ แล้วที่ทุกอย่างที่เราทำถูกบันทึกเรียบร้อยแล้วในตัวเรา (แม้ว่าบางครั้งเราลืมเลือนไป)

"ชีวิตที่จริงแล้วก็เป็นเพียงหน้ากระดาษของเวลา อันว่างเปล่า เราต้องใช้ความคิดของเราเพื่อสรรสร้างสาระขึ้นมา ไม่มีใครเขียนแทนให้เราได้
เราเป็นผู้เขียน เป็นผู้อ่านเองทุกวัน สุขใจและทุกข์ใจเอง ทุกวัน เราอาจโกหกคนอื่นได้แต่เราโกหกใจของตัวเองไม่ได้ เลย

ถ้าเราทำดีแล้วได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเราก็จะบันทึกเรื่องที่ดีๆไว้ในใจเราก็มีความสุข ถ้าเราทำชั่วหรือไม่ได้ตามสิ่งที่ต้องการเราก็มีความทุกข์ เราก็บันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ในความทรงจำของเราเสมอ"


โดย: รัชชี่ IP: 210.86.182.238 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:42:33 น.  

 
อ่านแล้วได้ไอเดียคะ ขอบคุณนะคะ จริง ๆ แล้วที่ทุกอย่างที่เราทำถูกบันทึกเรียบร้อยแล้วในตัวเรา (แม้ว่าบางครั้งเราลืมเลือนไป)

"ชีวิตที่จริงแล้วก็เป็นเพียงหน้ากระดาษของเวลา อันว่างเปล่า เราต้องใช้ความคิดของเราเพื่อสรรสร้างสาระขึ้นมา ไม่มีใครเขียนแทนให้เราได้
เราเป็นผู้เขียน เป็นผู้อ่านเองทุกวัน สุขใจและทุกข์ใจเอง ทุกวัน เราอาจโกหกคนอื่นได้แต่เราโกหกใจของตัวเองไม่ได้ เลย

ถ้าเราทำดีแล้วได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเราก็จะบันทึกเรื่องที่ดีๆไว้ในใจเราก็มีความสุข ถ้าเราทำชั่วหรือไม่ได้ตามสิ่งที่ต้องการเราก็มีความทุกข์ เราก็บันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ในความทรงจำของเราเสมอ"


โดย: รัชชี่ IP: 210.86.182.238 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:42:36 น.  

 
อ่านแล้วได้ไอเดียคะ ขอบคุณนะคะ จริง ๆ แล้วที่ทุกอย่างที่เราทำถูกบันทึกเรียบร้อยแล้วในตัวเรา (แม้ว่าบางครั้งเราลืมเลือนไป)

"ชีวิตที่จริงแล้วก็เป็นเพียงหน้ากระดาษของเวลา อันว่างเปล่า เราต้องใช้ความคิดของเราเพื่อสรรสร้างสาระขึ้นมา ไม่มีใครเขียนแทนให้เราได้
เราเป็นผู้เขียน เป็นผู้อ่านเองทุกวัน สุขใจและทุกข์ใจเอง ทุกวัน เราอาจโกหกคนอื่นได้แต่เราโกหกใจของตัวเองไม่ได้ เลย

ถ้าเราทำดีแล้วได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเราก็จะบันทึกเรื่องที่ดีๆไว้ในใจเราก็มีความสุข ถ้าเราทำชั่วหรือไม่ได้ตามสิ่งที่ต้องการเราก็มีความทุกข์ เราก็บันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ในความทรงจำของเราเสมอ"


โดย: รัชชี่ IP: 210.86.182.238 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:42:36 น.  

 
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านและให้กำลังใจกับผู้เขียนครับ


โดย: วนารักษ์ วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:38:09 น.  

 
ได้อ่านอีกเรื่องแล้วค่ะ ชอบอีกตามเคย จะพยายามเขียนแต่เรื่องราวดีๆ ในหนังสือของหนูค่ะ


โดย: รักแม่ IP: 82.48.9.229 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:13:54 น.  

 
ขอบคุณที่ให้กำลังใจกับผู้เขียนนะครับ


โดย: วนารักษ์ วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:12:54 น.  

 


นุกจังเยย



โดย: ป๋อง IP: 58.9.140.172 วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:53:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วนารักษ์
Location :
ปราจีนบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ขอต้อนรับสู่บล็อกเล็กๆแห่งนี้มีมิตรภาพและความจริงใจให้กับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะเข้ามาทักทายกัน ^^

บทความและรูปภาพนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน พร้อมทั้งขอมอบเป็นน้ำใจกับเพื่อนๆทุกคนที่แวะเข้ามา สามารถคัดลอกนำไปเผยแพร่ได้ ยกเว้นเพื่อประโยชน์ทางการค้าซึ่งต้องขออนุญาตก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่

เพื่อนบางคนมาครั้งเดียว นานๆมาที มาไม่บ่อย มาบ่อยๆ
บางคนมาเยี่ยมทุกวันให้ชื่นใจ

บางคนเคยมาทุกวัน บางคนเคยมานานแล้ว บางคนหายไปจากบล็อก บางคนก็จะไม่แวะมาทักทายกันอีก

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะขอเก็บความรู้สึกดีๆที่มีให้กันไว้ตราบนานเท่านาน เพราะเมื่อรักกันแล้วย่อมเข้าใจกันได้ไม่ยาก

จขบ.เป็นคนซื่อๆง่ายๆจริงใจ ไม่มีเจตนาแอบแฝงในการทำบล็อก แต่บทความหรือรูปภาพก็อาจทำให้ผู้อ่านขัดใจได้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการของ จขบ.หรืออาจเป็นเพราะเราไม่เคยรู้จักดีพอ จึงกราบขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย และขอขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนด้วยความจริงใจนะครับ ^^


ฝากข้อความหลังไมค์
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add วนารักษ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.