สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง.... มีกรรมเป็นของตน.... มีกรรมเป็นผู้ให้ผล....มีกรรมเป็นแดนเกิด.... มีกรรมเป็นผู้ติดตาม.... มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย.... จักทำกรรมอันใดไว้ ....เป็นบุญหรือบาป........ จักต้องเป็นผู้ได้รับผลกรรมนั้น ๆ สืบไป
เรื่องที่ 15 การเดินทางของใจ

เรื่องที่ 15 การเดินทางของใจ



หากเปรียบสังสารวัฏเสมือนการเดินทางของใจอันเนิ่นนาน หาที่เบื้องต้นและที่สิ้นสุดไม่ได้ เมื่อเราพบพระธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว จะดีไหมถ้าเราจะไปถึงจุดหมายที่พระองค์ทรงสั่งสอนไว้ ได้อย่างรวดเร็วและไม่เนิ่นช้า เสมือนดั่งการเดินทางในนิทานเรื่องหนึ่งดังจะแสดงต่อไปนี้

มีชายสี่คนเป็นเพื่อนรักกัน ทุกคนมีร่างกายพิการต่างๆกัน มีนายใบ้ นายหนวก นายบอด และนายอ่อนที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากปัญญาอ่อนนั่นเอง ทั้งสี่อาศัยอยู่ในบ้านร้างผุพังแห่งหนึ่ง

ทั้งสี่เป็นคนอยู่ในศีลในธรรมแต่มีฐานะยากจนมากเนื่องจากความพิการแต่กำเนิด เทวดาบนสวรรค์เห็นในความดีจึงได้แปลงกายเป็นชายชรามาหาชายทั้งสี่ในเช้าวันหนึ่ง

ชายชราผมขาวหนวดเครายาวเอ่ยขึ้นว่า”เออแน่ะพ่อหนุ่มข้าเห็นใจในความดีแต่ว่าต้องมามีสภาพชีวิตยากจนข้นแค้นแสนสาหัส
ถึงแม้จะพิการแต่ก็สามัคคีรักใคร่ช่วยเหลือกันดีเหลือเกิน ข้ามีแผนที่เดินทางไปสู่ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ กว้างใหญ่ไพศาล เปรียบดังสวรรค์น้อยๆบนดินมีแต่เฉพาะคนดีๆมีเมตตา และเมื่อเจ้าไปถึงแล้วก็จะมีที่ดินทำกิน มีอาหารไม่ต้องอดๆอยากอย่างนี้อีก แต่ถึงจะมีแต่ความสุขความสบายก็ตาม แต่มีคนไม่มากนักที่จะสามารถฝ่าด่านอันยากลำบากไปถึงได้ เอ้านี่แผนที่รับไปซะ”

ทั้งสี่รับแผนที่มาด้วยความดีใจ กล่าวแสดงความขอบคุณกับชายชรา

นายบอดเจ้าปัญญาจึงถามว่า” เอ แล้วทางที่ไปนี่มันยากลำบากแค่ไหนล่ะครับ”

ชายชรา” จำคำของลุงไว้นะ หนทางนี้จะว่าไกลก็ไม่ไกล จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ ถ้าอยากไปเร็วๆก็จะช้า ถ้าประมาทมัวแต่ชักช้าก็จะไปไม่ถึง ทางนี้เจ้าต้องเข้าไปในป่าทึบอันเป็นที่อยู่ของมาร และเส้นทางยังเป็นทางเขาวงกตอีกด้วย เธอต้องสังเกตว่าเดินวนอยู่กับที่ไม่ไปไหนหรือเปล่าตลอดเส้นทาง มารผู้รักษาจะมีอยู่ตลอดเส้นทาง มารนี้นอกจากจะมีฤทธิ์เดชแล้ว ยังรู้อีกว่าเราคิดอะไรอยู่ด้วย มันจะหรอกเราไม่ให้เดินต่อไปด้วยการล่อให้สงสัย หรอกให้หลงเผลินกับสิ่งต่างๆ มีแต่คนที่มีจิตใจมั่นคงและแน่วแน่เท่านั้นที่จะไปบนเส้นทางนี้ได้ ฉะนั้นจงจำไว้ให้ก้าวไปเรื่อยๆ จงเป็นคนช่างสังเกตถึงเส้นทางเขาวงกตนั้น และเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นไม่ว่าจะน่าพอใจเพียงใด ให้มีสติรู้ทันอย่าอยาก อย่าสงสัยให้มันผ่านเราไป มีความพยายามเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่รีบ แล้วเส้นทางจะปรากฏชัดกับเธอเอง”เมื่อพูดจบชายชราก็เดินจากไป

ทั้งสี่คนจึงเริ่มออกเดินทางทันที ในวันแรกที่ออกเดินทางต้องเดินผ่านป่าทึบมารได้บันดาลให้ป่ารกทึบกลายเป็นอุทยานที่น่ารื่นรมย์ มีน้ำตกมีสวนดอกไม้ มีผลไม้สุกงอมมากมาย ทำให้คนทั้งสามยกเว้นนายบอดหยุดเดินทันที แต่แล้วนายบอดก็กล่าวขึ้นว่า

“อ้าวจะหยุดเดินกันทำไมล่ะ มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวก็ไปไม่ถึงไหนหรอก”

คนทั้งสามจึงได้สติเดินต่อไป
ต่อมาก็ถึงเมืองๆหนึ่งกำลังมีการแสดงดนตรีอยู่ เมื่อชายทั้งสามคนยกเว้นนายหนวกได้ยินก็เสมือนต้องมนต์หลงไหลเคลิบเคลิ้มกับเสียงดนตรีจนแทบสิ้นสติ จนนายหนวกต้องรีบดึงพวกเขาเพื่อเดินต่อไป

พอผ่านมาสักพักก็มีชายรูปร่างสูงใหญ่สี่คนถืออาวุธมีทั้งหอกและดาบ มายืนด่าชายทั้งสี่อยู่ ทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน ชายทั้งสามบันดาลโทสะ กำลังจะด่าตอบ แต่นายใบ้ก็รีบดึงข้อมือเพื่อนทั้งสามให้วิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด

เมื่อเดินมาได้สักระยะหนึ่ง ก็มาถึงทางแยก ทางซ้ายเป็นทางเส้นใหญ่คงเป็นเพราะมีคนใช้เส้นทางนี้มากนั่นเอง เขียนไว้ว่า เมืองใหม่ สำหรับผู้ต้องการความร่ำรวย มีที่พักฟรี อาหารฟรี รักษาโรคฟรี อีกทางเป็นถนนเล็กๆ เขียนไว้ว่า เส้นทางสู่ป่าอันสงบเงียบ เมื่อทั้งสี่อ่านดูป้ายแล้ว ก็ปรึกษากันเป็นการใหญ่ ขณะที่ยังตกลงกันไม่ได้ นายอ่อนก็พูดขึ้นว่า

“แผนที่บอกว่าไปทางขวาก็ไปกันเหอะ มัวเถียงอะไรกัน อ่อนฟังแล้วไม่เข้าใจ” คนทั้งสามจึงได้สติ จึงเดินมุ่งสู่ป่าแห่งนั้น

จริงดังที่ชายชราบอก เมื่อเข้าสู่ป่าแล้วด้วยบรรยากาศอันเยือกเย็นลมพัดอ่อนๆสบายๆ ทุกคนก็รู้สึกหายเหนื่อยเมื่อยล้า ในป่ามีผลไม้ป่าสุกงอมหอมหวาน มีนกกาและสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยมากมาย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าไม่ค่อยมีคนมารบกวน หรือเข้ามาวุ่นวาย ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนส่วนใหญ่มุ่งหวังความสุขสบายทางวัตถุในเส้นทางสายใหญ่มากกว่า ทุกสิ่งในป่านี้จึงยังคงเป็นสภาพเดิมของมัน

เมื่อออกจากป่าแล้วก็ไปมีที่ราบเชิงเขามีน้ำตกไหลลงมาเป็นลำธารและแอ่งน้ำ มีหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่ ใกล้ๆ เมื่อเดินเข้าหมู่บ้านคนทั้งสี่ได้พบชายชราอีกครั้ง ท่านจึงกล่าวทักทายคนทั้งสี่ว่า

“โอ ข้าดีใจมากที่เจ้าสามารถมาถึงได้ ในเวลาอันรวดเร็ว ข้อขอแสดงความยินดีและต้อนรับสู่ดินแดนอันสงบและร่มเย็น”

“ทำไมพวกท่านจึงสามารถมาได้อย่างรวดเร็ว บางคนกว่าจะมาที่นี้ได้ใช้เวลานานหลายปีมาก บางคนชั่วชีวิตหนึ่งยังมาไม่ถึงเลย” ชายวัยกลางคน คนหนึ่งในหมู่บ้านถาม

“พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชายทั้งสี่ตอบอย่างงงๆ

“แต่ว่าข้าพอนะรู้ นั้นข้าจะตอบให้ฟังนะ” ชายชราตอบ

"ในการเดินทางของพวกเจ้านี้ก็เหมือนการเดินทางของใจไปบนเส้นทางธรรม เคล็ดลับก็คือ การเดินทางด้วยสติสัมปชัญญะ เมื่อคนหนึ่งหลงไปดู หลงไปฟัง หลงไปคิด ด้วยอำนาจของมารที่มาหลอกล่อให้ล่าช้าหรือหยุดเดิน ก็จะมีคนที่มาเตือนสติให้เดินต่อไป ซึ่งในคนธรรมดาจะไม่สามารถมีสติได้ทัน จึงใช้ชีวิตหมดไปกับความโลภ ความโกรธ ความหลง ในเรื่องต่างๆโดยไม่รู้ว่าตัวเองหลงอยู่ อีกทั้งคนทั่วๆไปยังมีแต่ความลุ่มหลงในวัตถุ เงินทอง ชื่อเสียง ฯลฯ จึงหมดเวลาในชีวิตชาติหนึ่งๆไปอย่างน่าเสียดาย ใช้ชีวิตโดยไม่ได้ทำให้จิตใจพัฒนาแต่อย่างใด มีแต่จะทำบาปกรรมให้จิตใจต่ำลง พวกที่พอจะคลายความลุ่มหลงในโลกและวัตถุลงบ้าง ก็ออกเดินทางมาตามสายพระธรรม แต่ก็มาติดใจสงสัยในนิมิต แสงสีเสียง หลงติดในความพอใจ ไม่พอใจในสภาวะธรรมต่างๆที่เกิดขึ้น บ้างก็ใจร้อนอยากให้ถึงไวๆ ก็เลยมีกิเลสเพิ่มขึ้นมาถ่วงความก้าวหน้าไว้ กว่าจะมีสติถอนความหลงผิดในเรื่องต่างๆก็ช้าและเนิ่นนานมาก ฉะนั้น การช่างสังเกตถึงกิเลสที่เข้ามาและการมีผู้ชี้นำที่ดี การมีสติในชีวิตประจำวันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความไม่จงใจเพ่งกาย เพ่งใจจนเคร่งเครียด ทำแบบรู้ห่างๆแต่ไม่ห่างรู้ ขยันก็ทำไม่ขยันก็ทำไม่ต้องตั้งความหวังว่าจะต้องรู้ ต้องเห็น ต้องได้อะไรมา เพียงแต่มีอะไรก็รู้ พอรู้ก็ปล่อยวางไปเรื่อยๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางของใจสู่จุดหมายแห่งความหลุดพ้นที่ไม่เนิ่นช้า อันเป็นเป้าหมายในที่สุด”

พระศาสดากล่าวไว้ว่าเป็นบุญสูงสุดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา ถ้าได้พบแล้วเดินทางแล้วก็ขอให้มีความเจริญในธรรม มีความพากเพียรอยู่ในธรรม มีความสงบเย็น และขอให้เป็นการเดินทางของใจที่ไม่เนิ่นช้านะครับ




Create Date : 18 มิถุนายน 2552
Last Update : 19 มิถุนายน 2552 11:07:09 น. 5 comments
Counter : 1447 Pageviews.

 
_/||\\_


โดย: Thd IP: 203.144.130.176 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:15:04:47 น.  

 
ยินดีที่ได้รู้จักนะ...คุณวนารักษ์...ไม่ค่อยได้อ่านกระทู้ตามเว็บสักเท่าไหร่...แต่พอดีได้เห็นคุณตอบการแสดงความคิดเห็นของเรา...และมีชื่อเว็บ...เราก็เลยcopyเว็บมา...เพื่อที่จะได้รู้จักคุณให้มาก ๆ ...คุณอิกคิว...ที่Modly เคยถามถึงว่าคือใคร...ตอนนี้รู้จักแล้วล่ะ...ขอบคุณนะที่แนะนำตัวให้รู้จัก...เราก็เป็นคนนึงที่ชีวิตไม่ได้สวยหรูอย่างคุณ...แต่เราไม่ได้ใช้หลักธรรมะมาดำเนินชีวิตสักเท่าไหร่(เรานับถือศาสนาคริสต์)...แต่สิ่งที่Modlyนำมาใช้ในชีวิตคือกำลังใจ...การรู้จักปลอบใจและให้กำลังใจตัวเองให้เป็น...ดังคำว่า...ดังคำว่า"เสีย 'เงินทอง' ถือว่าเสียเพียงหนึ่ง...เสีย 'ชื่อเสียง' ถือว่าเสียมากกว่าหนึ่ง...แต่หาก 'เสียกำลังใจ' ถือว่าเสียทุกสิ่ง"...อย่าลืมนะว่าชีวิตคนเรานั้นท้อได้...ก็สู้ใหม่ได้...และต้องทำชีวิตให้เปลี่ยนแปลงให้ได้...เพราะเรื่องทุกเรื่อง...แก้ไขได้...จริง ๆ นะ...เนื่องจากทุกชีวิตจะอยู่โดยขาดกำลังใจไม่ได้...มดทดลองและทดสอบแล้วว่าหลักการนี้เป็นความจริง...ตราบที่เรายังคงอาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกัน...หากสิ่งใดที่เราสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์กันได้...ไม่ต้องมากมาย...แค่คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราเพียงคำเดียวอาจจะทำให้ชีวิตใครอีกหลาย ๆ คนมีกำลังใจในการฝ่าฝันอุปสรรคต่าง ๆ ได้สำเร็จ...สู้ ๆ ...คอยเป็นกำลังใจให้เสมอนะคุณอิกคิว...มด(Modly)
ปล.หากชอบอ่านเรื่องดี ๆ ก็ส่งเมลมาได้ที่ sasikit_m@hotmail.com แนะนำตัวให้รู้จักอีกครั้งจะเป็นการดีมาก ๆ ...หลังจากมดได้รับเมลจากคุณอิกคิว...มดจะแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการกับคุณนะ


โดย: Modly IP: 210.246.148.28 วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:56:27 น.  

 
สวัสดีครับ คุณมด ดีใจที่แวะเข้ามาทักทายนะครับ
ยินดีเป็นเพื่อนครับ เดี๋ยวจะเมลล์ไปคุยด้วยครับ


โดย: วนารักษ์ วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:49:31 น.  

 

รูปสวยจังค่ะ เคยอ่านกระทู้ของพี่ใน web satabun แล้วชอบที่พี่เขียนค่ะ เพิ่งมาอ่าน blogวันนี้เองค่ะ (เป็นน้องทพ.เขตปริมณฑลค่ะ) เดี๋ยวมาคุยใหม่ค่ะ (ฟังแผ่น 30 ศาลาลุงชินไปพิมพ์ไป ควรทำที่ละอย่างเนาะ) แวะมาทักทายค่ะ/บี


โดย: B IP: 202.149.25.225 วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:50:47 น.  

 
สวัสดีครับ น้องบี ดีใจที่ได้เจอน้องๆในนี้นะครับ
ตอนตั้งชื่อ อิกคิวสั้นไป เลยต้องหาคำอื่นๆแทน
ดีใจที่ยังจำได้นะ

ใน satabun ตอนนี้เงียบมากๆเลย ก็เลยลงเรื่อง
เฉพาะใน blog นี้แล้วก็ ลานธรรมจักร แทน ถ้ามีโอกาศก็แวะมาเยี่ยมอีกนะครับ
เจริญธรรมนะครับ
สวัสดีครับ


โดย: วนารักษ์ วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:58:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วนารักษ์
Location :
ปราจีนบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ขอต้อนรับสู่บล็อกเล็กๆแห่งนี้มีมิตรภาพและความจริงใจให้กับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะเข้ามาทักทายกัน ^^

บทความและรูปภาพนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน พร้อมทั้งขอมอบเป็นน้ำใจกับเพื่อนๆทุกคนที่แวะเข้ามา สามารถคัดลอกนำไปเผยแพร่ได้ ยกเว้นเพื่อประโยชน์ทางการค้าซึ่งต้องขออนุญาตก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่

เพื่อนบางคนมาครั้งเดียว นานๆมาที มาไม่บ่อย มาบ่อยๆ
บางคนมาเยี่ยมทุกวันให้ชื่นใจ

บางคนเคยมาทุกวัน บางคนเคยมานานแล้ว บางคนหายไปจากบล็อก บางคนก็จะไม่แวะมาทักทายกันอีก

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะขอเก็บความรู้สึกดีๆที่มีให้กันไว้ตราบนานเท่านาน เพราะเมื่อรักกันแล้วย่อมเข้าใจกันได้ไม่ยาก

จขบ.เป็นคนซื่อๆง่ายๆจริงใจ ไม่มีเจตนาแอบแฝงในการทำบล็อก แต่บทความหรือรูปภาพก็อาจทำให้ผู้อ่านขัดใจได้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการของ จขบ.หรืออาจเป็นเพราะเราไม่เคยรู้จักดีพอ จึงกราบขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย และขอขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนด้วยความจริงใจนะครับ ^^


ฝากข้อความหลังไมค์
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add วนารักษ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.