ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 122 ทางแยก
ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 122 ทางแยก ผู้เสนอโจทย์เป็นดาวรุ่งดวงใหม่สมญานาม คุณฉัตร ณ ปลายฉัตร หรือที่ผมเรียก ว่า น้องฉัตร" บก.บล็อกแก๊งค์เฟสบุ๊คของที่พวกเรารู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง ^^ ขอตั้งชื่อตอนนี้ว่า จุดเปลี่ยนของชีวิต จุดเปลี่ยนของชีวิต ถ้าแปลกันตรงๆทางแยก ก็คือ จุดตัดของถนนนั่นเอง ง่ายนิดเดียวจบ... 555++ ^^ ตอบแบบนี้น้องฉัตรคงจะปวดหัวนะครับ งั้นเริ่มต้นใหม่แล้วกัน... ในชีวิตจริงๆพบว่าบริเวณทางแยก สำคัญๆนั้นมักจะเป็น แหล่งที่มีผู้คนพลุกพล่านเพราะผู้คนต้องลงรถโดยสาร เพื่อต่อรถเมล์สายอื่น หรืออาจต่อรถไฟ รถไฟฟ้า เป็นการเปลี่ยนเส้นทางเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางทางแยก จึงมักจะเป็นตลาด ร้านค้า ที่มีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามากมาย มาขายข้างถนน มีผู้คนมากหน้าหลายตา และเป็นสถานที่ที่คนคุ้นเคยและรู้จักกันดี แต่ในอีกนัยหนึ่งของความหมายของทางแยกที่สำคัญก็คือ เป็นทางที่แยกออกจากทางเดิม ถ้าเปรียบชีวิตคือการเดินทาง เราคงต้องผ่านกันคนละหลายทางแยก กันเลยทีเดียว เช่น แยกสำคัญแยกแรกที่ทุกคนต้องผ่าน แบบชี้เป็นชี้ตายกันเลย ก็คือ แยกแรกเกิดว่าจะเป็นหญิงหรือชายโดยกำเนิด ร่างกายสมบูรณ์ดีทั้งร่างกายและจิตใจ หรือพิกลพิการมาแต่กำเนิด ชีวิตต่อไปภายภาคหน้าก็เริ่มต้นทุนที่มีมาแต่เกิดนนั่นเอง แยกวัยอนุบาลที่ถูกบังคับให้ไปโรงเรียน ต้องร้องไห้จ้า พ่อแม่ก็น้ำตาคลอ ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยที่ลูกต้องจากอ้อมกอดไปเป็นครั้งแรก แยกวัยประถมที่เด็กๆมักกลัวครูเป็นที่สุด กลัวยิ่งกว่าพ่อแม่ของตัวเองเสียอีก ต่อไปยัง แยกวัยรุ่น ที่ระดับ ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน เสียผู้เสียคนกันได้ง่ายที่สุด มีหลากหลายเรื่องราวความรัก เพื่อนฝูงและการเรียน ด้วยวัยที่ยังอ่อนประสบการณ์ จึงเป็นวับที่เสี่ยงจะเสียคนที่สุด จนผู้กำกับหัวใสต้องทำเป็นหนังในชื่อเรื่องเดียวกัน จนฮอตฮิตติดจอแก้วและจอเงินกันเลย ต่อมาขึ้นสะพานข้ามถนนเลี้ยวขวาเข้า แยกวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย เป็นแยกที่จัดเต็มแบบสุดๆทั้งการเรียน กิจกรรม ความรัก ถือว่าเป็นแยกวัดใจกันเลย บางคนไปได้แบบฉลุย บางคนก็ไม่ผ่านถูกรีไทร์ออกมา หรือบ้างก็ผ่านแบบพอไปได้แต่ร่อแร่เต็มทนอย่างผมเป็นต้น ^^ จากนั้นสายพานเข้าสู่ แยกวัยทำงาน เริ่มทำงานหารายได้เลี้ยงตัวเองและพ่อแม่ เป็นแรงงานสำคัญของชาติเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง แถมยังต้องมองหาสาวที่จะเทคมีเอ้าท์ไปเดทกันอีก ถ้าสำเร็จก็จะผ่าน เข้า แยกการมีครอบครัว สร้างครอบครัว สร้างฐานะให้ลูกๆ สร้างรังน้อยๆที่เป็นที่อยู่ที่อบอุ่นที่สุด ที่จะได้ใช้ชีวิตกับคนที่เรารักตลอดชีวิต บางคนที่เบื่องานประจำก็จะออกจากบริษัท หรือ สถานที่ทำงาน เข้าสู่ แยกธุรกิจส่วนตัว ที่จะได้ใช้กำลังความสามารถกันแบบ ไม่มีตัวช่วยและท้าทายกันแบบสุดๆไปเลย เมื่อพ่อแม่แก่ชราลง บางคนอาจต้องออกจากงานเข้าสู่ แยกในการดูแลพ่อแม่ เป็นการตอบแทนพระคุณของท่าน แล้วก็มาถึงสาม ทางแยกสุดท้ายที่ทุกคนต้องผ่านแบบไฟท์บังคับ นั่นก็คือ แยกของความแก่ชรา แยกแห่งความเจ็บป่วย และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดของการเดินทางคือ แยกแห่งความตายนั่นเอง เป็นแยกที่สอนความจริงเราได้มากที่สุดว่า ไม่ว่ารวยหรือจน ดีหรือชั่ว ยิ่งใหญ่ทรนงหรือกระจอกงอกง่อย ต่างก็ต้องแสดงบทบาทนี้ให้คนข้างหลังได้เห็น เหลือไว้แต่ความดีความชั่วติดตัวไป และเรื่องราวในความทรงจำของคนที่รู้จัก บางคนอาจมีทางแยกมากหรือน้อยกว่านี้ ผิดแผกแตกต่างกันไป ตามประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนที่ผิดแผกแตกต่างกันไป เราไม่อาจรู้ว่าข้างหน้าแยกที่เรากำลังเลี้ยวไปนั้น ชีวิตต้องเจออะไรบ้าง อาจจะดีหรือร้าย อาจเป็นทางตัน หรือ อาจเป็นจุดหักเหสำคัญไปตลอดชีวิตก็ได้ หรืออาจเป็นเพียงแยกเล็กๆที่เราผ่านมันไปอย่างไม่เห็นคุณค่าอะไรเลยก็ได้ แยกแต่ละแยก ถ้าเราผ่านมันไปได้ด้วยดี มันคือประสบการณ์อันมีค่าควรจดจำ และภาคภูมิใจ เป็นอดีตที่น่าประทับใจในช่วงชีวิตของเรานั่นเอง ขอเล่าประสบการณ์ชนิดเปลี่ยนความคิดแบบหักเหต่อชีวิต ในการทำงานของผมให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง ......................................................... ในวันหนึ่งตอนเช้าเมื่อหลายปีที่แล้ว ในห้องฟัน รพ.ที่ผมอยู่ มีคนไข้นั่งเต็มหน้าห้องรอเข้ารับการรักษา เห็นแล้วชวนให้ท้อแท้... หลายวันแล้วที่ผมรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับที่ที่ทำงาน รู้สึกคับข้องใจกับการเอาเปรียบของผู้ร่วมงาน ที่เหมือนจงใจให้เราทำงานหนัก มากอยู่คนเดียว ตัวเองก็เลี่ยงทำงานเบาๆสบายๆไปแบบไม่ทุกข์ร้อนสนใจ ต่อคนไข้ที่นั่งรอจำนวนมาก การไม่ได้รับความสนใจจากหัวหน้าแผนกที่ไม่เคยให้ซีให้ขั้นผมมานานนับสิบปี แถมยังชอบเบรคทุกเรื่องที่ผมคิดและเสนอในที่ประชุมเพราะท่านไม่ค่อยชอบผม ที่ไม่เคยประจบเอาใจท่าน ถือว่ากระด้างกระเดื่องสมควรแก่การลงโทษให้สาสม คนประจบประแจง สองขั้นปีเว้นปี ถูกใจมากๆเอาสองขั้นทุกปีไปเลย รู้สึกว่าคนไข้ทำไมเยอะแยะมากมายไม่จบสิ้น แต่ละคนก็มีเรื่องทุกข์ร้อน มาให้เราวินิจฉัยและรักษา บางคนก็พูดรู้เรื่องดี บางคนก็พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ความคิดของผมมันวนเวียนไปมากับปัญหาค้างคาใจที่ยังหาทางออกไม่เจอ ชีวิตในวัยทำงานของผมกำลังเลี้ยวเข้าทางแยก ที่เป็นทางตันเข้าแล้ว บ่อยครั้งที่ผมเผลอดุคนไข้ไปด้วยวัยที่ใจยังร้อนอยู่ และสภาวะที่ความคับข้องใจ น้อยใจ "เหมือนทำดีไม่ได้ดี" อะไรทำนองนั้น วันนั้นผมรับคนไข้ถอนฟันคนหนึ่งมานั่งเก้าอี้ทำฟัน เธอเป็นหญิงวัยกลางคนในเสื้อผ้าชุดที่สุภาพ ดูดี และคงจะเป็นชุด"ที่ดีที่สุด"ในความคิดของแกชุดหนึ่งทีเดียว หลังจากพูดคุยสอบถามอาการตามปกติแล้วผมพูดขึ้นว่า ป้าขยับตัวขึ้นมาหาหมอหน่อยครับ หมอจะได้เห็นถนัดๆจะได้ไม่ต้องก้มไปดู เนื่องจากป้าแกเลื่อนตัวช้าสักหน่อย ผมจึงช่วยด้วยการเอามือ ไปดึงแขนเสื้อแกเบาๆเพื่อให้แกเลื่อนตัวเร็วขึ้น แม้ว่าผมจะใช้แรงดึงไม่มากแต่เสื้อของแกคงเก่ามากๆ และผมคงไม่ได้สังเกตเห็น ว่าชุดที่ดูดีของแกนั้นที่แท้แล้ว"เก่ามากๆ" ผมรู้สึกได้ว่า เสื้อของแกขาดหลุดแคว็กตามมือผมที่ดึงเลยทีเดียว ผมตกใจมากๆ ที่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เสียใจ อยากขอโทษแต่ก็ไม่กล้าบอกแก ผมตั้งสติแล้วมองแกด้วยความพิจารณาอยู่ครู่ใหญ่...แล้วก็เหมือนแสงสว่างแว๊บเข้ามากลางใจจนทำให้ผมยิ้มออก เมื่อผมเดินออกไปเรียกคนไข้คนต่อๆมา และตั้งใจสังเกตมองทุกๆคนที่นั่งรอทำฟัน ในเช้าวันนั้นแบบพิจารณา ผมก็ได้เห็นในสิ่งที่ผมมอง ผ่านทุกวันแล้วไม่เคยเห็น คำตอบของปัญหาที่ผมเจอ...นั่นก็คือ ผมทำงานในโรงพยาบาลของรัฐบาล แม้ว่าจะเป็นโรงพยาบาลจังหวัดแล้ว แต่กว่าครึ่งหนึ่งคนไข้นั้นเป็นคนชราและยากจนมากๆ บางคนก็เป็นคนพิการทางร่างกาย ตาบอด หูหนวก บางคนก็พิการทางสมอง เขาเหล่านั้นเป็นคนน่าสงสารไม่มีเงินไปใช้บริการทางคลินิก ที่พึ่งเดียวก็คือ... รพ.ของรัฐแห่งนี้ ผมยังมองไปยังสายตาของคนที่จ้องมองผมขณะไปเรียกคนไข้ แต่ละคนก็มีแววตาใสซื่อแบบชาวบ้านๆ กว่าจะยื่นบัตร กว่าจะได้ทำฟัน บางคนต้องออกจากบ้านมาตั้งแต่ตีสี่ตีห้า ต้องเหมารถมา บางคนต้องลางานมา แต่ละคนต้องเข้าคิวรอนาน บางคนก็ยังทนหิวเพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาเพราะรีบ นอกจากทุกข์เพราะร่างกายสังขารและความยากจนแล้ว แต่ละคนกำลังมีความเจ็บปวดทุกข์ทรมานจากโรคฟันมาทั้งนั้น โดยฝากความหวังไว้ว่า"เราจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่ให้ความช่วยเหลือพวกเขา" นาทีนั้นผมบอกกับตัวเองว่า ปัญหาของผมเมื่อเทียบกับปัญหา ของคนไข้ที่น่าสงสารเหล่านี้เทียบกันไม่ได้เลยสักนิดเมื่อมีโอกาสที่จะทำหน้าที่ทำประโยชน์ได้แล้ว ผมขอทำหน้าที่ด้วย การให้การรักษาเต็มสุดกำลังความสามารถ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนใดๆ สมกับความคาดหวังที่ เขาหวังมาพึ่งพิงมาฝากชีวิตกับหมอที่นี่เป็นที่สุดท้าย ผมได้แต่แปลกใจว่าอะไรกันหนอที่บังตาของผมอยู่นานนับสิบๆปี ที่ทำให้ผม"มองดู"คนไข้ที่น่าสงสารเหล่านี้แต่"ไม่เห็นเคย"เห็นความจริงเหล่านี้ จากประสบการณ์ในวันนั้นเป็นต้นมา ผมก็มองคนไข้ด้วยสายตา ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลว่า... เขาไม่ได้มาพึ่งพามาทำให้ผมลำบาก แต่เขามาให้เพื่อให้ผม ได้ทำหน้าที่หมอฟันธรรมดาๆคนหนึ่งให้เต็มที่ทุกวันนั่นเอง รางวัลที่ได้คือความภูมิใจที่ได้เห็นรอยยิ้ม หรือ ความสบายใจหายปวดหายทุกข์ จากโรคฟันที่ตัวเองเป็นอยู่ เป็นรางวัลที่เหนือกว่าตำแหน่ง ซีขั้น ที่ใครจะให้ได้ เพราะมันคือ"ความสุขใจ"ที่มีได้ในทุกวันที่ทำงาน "ภูมิใจ"กับ"ผลงาน" ของผมที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับคนไข้แต่ละคนอย่างสุดความสามารถ ไม่ได้มองว่าเป็นหน้าที่ที่น่าเบื่อ แต่มองว่าเป็นงานที่ผมภูมิใจแทน ถือเป็นจุดเปลี่ยน เป็นทางแยกในชีวิตหมอฟันชนบทอย่างผมเลยก็ว่าได้ ^^ เมื่อมีปัญหาที่ยังไม่มีทางออก คนเรามักจมกับปัญหาและความคิดวกวนเวียน ในเรื่องเดิมๆ ด้วยอารณ์โมโห หลงผิดว่าคนโน้นคนนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เราโกรธ แต่แท้ที่จริงแล้ว ความคิดแย่ๆภายในใจ ต่างหากที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริง คนที่เราโกรธเขาไม่รับรู้ว่าเราโกรธเขาด้วยซ้ำไป การออกจากปัญหาแบบง่ายๆ ก็คือเปลี่ยนความคิดแย่ๆด้วยการเปิดใจรับรู้ความเป็นจริงที่ปรากฏแก่ใจของเราบ้าง ไม่ใช่การมองการดูผิวเผิน แต่เป็นการมองปัญหาด้วยสติสัมปชัญญะ มองด้วยทัศนะคติมุมมองที่เป็นจริงและต่างจากเดิมที่มองอยู่แง่เดียวมุมเดียว ก็จะช่วยเปลี่ยนความคิดอคติในใจ เปลี่ยนความคิดลบให้กลายเป็นบวกได้ เราสามารถออกจากความคิดแย่ๆได้ด้วยง่ายๆแบบนี้เราเปลี่ยนชีวิตด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดของเรา นั่นเอง คุณก็จะพบกับ"ทางแยก" หรือ"จุดเปลี่ยนของชีวิต" ที่ทำให้คุณออกจากปัญหาและความทุกข์ได้อย่างแท้จริง แม้มันจะไม่ง่าย แต่คงจะไม่ยากจนเกินไปนัก ถ้าอยากให้จิตใจมีความสุขเบาสบาย ต้องเปลี่ยนที่ใจของเรานี่เอง มีศรัทธาในความดี อดทนมีกำลังใจและยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องให้ได้ ขอกำลังใจให้เพื่อนๆทุกๆคนที่พร้อมจะเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นกันนะครับ ^^ ขอบคุณเพื่อนๆทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน มาเม๊นท์ ติชมให้กำลังใจกัน ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกทุกๆคนที่ยังไม่ลืมกัน ขอบคุณโจทย์ดีๆจากน้องฉัตร ขอบคุณทุกๆ "ทางแยก"ที่ล้วนมีค่าในชีวิตที่ทำให้เราเป็นเราทุกวันนี้
Create Date : 18 มกราคม 2558
98 comments
Last Update : 28 มกราคม 2558 22:36:59 น.
Counter : 3081 Pageviews.
โดย: วนารักษ์ 18 มกราคม 2558 22:43:21 น.
โดย: มิลเม 19 มกราคม 2558 2:07:30 น.
โดย: อุ้มสี 19 มกราคม 2558 12:56:59 น.
โดย: พรไม้หอม 19 มกราคม 2558 15:24:31 น.
โดย: กะว่าก๋า 19 มกราคม 2558 23:27:23 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 19 มกราคม 2558 23:53:58 น.
โดย: เนินน้ำ 20 มกราคม 2558 7:30:56 น.
โดย: อ้อมแอ้ม IP: 49.230.181.86 20 มกราคม 2558 8:26:28 น.
โดย: กิ่งฟ้า 20 มกราคม 2558 14:24:16 น.
โดย: tanjira 20 มกราคม 2558 15:39:33 น.
โดย: กะว่าก๋า 20 มกราคม 2558 22:42:08 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 21 มกราคม 2558 0:05:17 น.
โดย: mastana 21 มกราคม 2558 10:30:03 น.
โดย: พรหมญาณี 21 มกราคม 2558 11:45:59 น.
โดย: กาบริเอล 21 มกราคม 2558 12:17:43 น.
โดย: อุ้มสี 21 มกราคม 2558 13:53:00 น.
โดย: กะว่าก๋า 21 มกราคม 2558 14:13:39 น.
โดย: mambymam 21 มกราคม 2558 15:41:25 น.
โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) 21 มกราคม 2558 16:21:02 น.
โดย: เนินน้ำ 21 มกราคม 2558 16:59:57 น.
โดย: multiple 21 มกราคม 2558 17:49:26 น.
โดย: พรไม้หอม 21 มกราคม 2558 19:21:54 น.
โดย: tanjira 21 มกราคม 2558 20:41:28 น.
โดย: กะว่าก๋า 21 มกราคม 2558 22:50:26 น.
โดย: anigia 21 มกราคม 2558 23:26:47 น.
โดย: anigia 21 มกราคม 2558 23:34:41 น.
โดย: กิ่งฟ้า 21 มกราคม 2558 23:36:54 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 22 มกราคม 2558 1:05:46 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 22 มกราคม 2558 1:20:55 น.
โดย: พรหมญาณี 22 มกราคม 2558 10:36:38 น.
โดย: ถปรร 22 มกราคม 2558 14:33:47 น.
โดย: เนินน้ำ 22 มกราคม 2558 17:53:15 น.
โดย: multiple 22 มกราคม 2558 20:01:14 น.
โดย: NENE77 22 มกราคม 2558 21:39:17 น.
โดย: กะว่าก๋า 22 มกราคม 2558 22:43:13 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 23 มกราคม 2558 0:35:44 น.
โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) 23 มกราคม 2558 9:46:05 น.
โดย: tanjira 23 มกราคม 2558 15:50:24 น.
โดย: กาปอมซ่า 23 มกราคม 2558 21:27:06 น.
โดย: กะว่าก๋า 23 มกราคม 2558 23:32:48 น.
โดย: rommunee 23 มกราคม 2558 23:54:31 น.
โดย: anigia 24 มกราคม 2558 0:07:58 น.
โดย: ชีริว 24 มกราคม 2558 5:46:04 น.
โดย: mastana 24 มกราคม 2558 9:12:52 น.
โดย: **mp5** 24 มกราคม 2558 9:29:33 น.
โดย: tanjira 24 มกราคม 2558 11:54:25 น.
โดย: มี้เก๋+ป๊าโอ๋+ซีทะเล (kae+aoe ) 24 มกราคม 2558 22:11:26 น.
โดย: haiku 24 มกราคม 2558 22:45:17 น.
โดย: วนารักษ์ 24 มกราคม 2558 22:55:53 น.
Location :
ปราจีนบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [? ]
ขอต้อนรับสู่บล็อกเล็กๆแห่งนี้มีมิตรภาพและความจริงใจให้กับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะเข้ามาทักทายกัน ^^ บทความและรูปภาพนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน พร้อมทั้งขอมอบเป็นน้ำใจกับเพื่อนๆทุกคนที่แวะเข้ามา สามารถคัดลอกนำไปเผยแพร่ได้ ยกเว้นเพื่อประโยชน์ทางการค้าซึ่งต้องขออนุญาตก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ เพื่อนบางคนมาครั้งเดียว นานๆมาที มาไม่บ่อย มาบ่อยๆ บางคนมาเยี่ยมทุกวันให้ชื่นใจ บางคนเคยมาทุกวัน บางคนเคยมานานแล้ว บางคนหายไปจากบล็อก บางคนก็จะไม่แวะมาทักทายกันอีก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะขอเก็บความรู้สึกดีๆที่มีให้กันไว้ตราบนานเท่านาน เพราะเมื่อรักกันแล้วย่อมเข้าใจกันได้ไม่ยาก จขบ.เป็นคนซื่อๆง่ายๆจริงใจ ไม่มีเจตนาแอบแฝงในการทำบล็อก แต่บทความหรือรูปภาพก็อาจทำให้ผู้อ่านขัดใจได้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการของ จขบ.หรืออาจเป็นเพราะเราไม่เคยรู้จักดีพอ จึงกราบขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย และขอขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนด้วยความจริงใจนะครับ ^^ ฝากข้อความหลังไมค์
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31