ถนนสายนี้มีตะพาบโจทย์ครั้งที่ 63 ตะพาบและบล็อกเกอร์
เจ้าของโจทย์ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล
คุณต่อ toor36 นั่นเอง
ข้อกำหนดของโจทย์ก็คือ เขียนเรื่องอะไรก็ได้
ขอให้มีตัวเอง คือเจ้าของบล็อกอยู่ในนั้น
ส่งกันวันที่ 1 กันยายน ต้นเดือนหน้าวันหวยออกนั่นล่ะครับ
ไม่ยากไม่ง่าย
อย่าลืมมาร่วมสนุกกันนะครับ
ลงนาม
เป็ดสวรรค์
ขอตั้งชื่อตอนนี้ว่า ความลับและที่มาของตะพาบและบล็อกเกอร์
ความลับและที่มาของตะพาบและบล็อกเกอร์
ภายในบล็อกแก๊งค์แห่งนี้เสมือนเหมือนกาแลกซี่ทางช้างเผือก
หนึ่งในกาแลกซี่ที่มีอยู่มากมาย
ซึ่งเพิ่งกำเนิดขึ้นราวๆแปด(ล้าน)ปี(แสง)มานี้เอง
มีดาวฤกษ์และดาวเคราะห์เกิดขึ้นกำลังกระจายตัว
ออกสู่อนันตจักรวาลอันมืดมนไม่มีที่สิ้นสุด
บางดวงก็เพิ่งเกิดขึ้นมา ดาวบางดวงก็สลายตัวไปแล้ว
บางดวงก็ริบหรี่ๆ ใกล้ดับ เหมือนแสงหิ่งห้อยน้อยนิด
บางดวงก็โผล่ขี้นและหายไปเหมือนเห็ดถอบที่เกิดเฉพาะใน
หน้าฝนแต่ก็อร่อยดี
บางดวงก็เหมือนดาวหางแสนงดงามที่ปรากฏกายชั่วครู่หนึ่ง
เสมือนดอกฟ้าที่ให้หมาวัดได้หมายปองแล้วก็จากไป
แต่ละจักรวาลล้วนมีดาวฤกษ์และดาวพระเคราะห์โคจรกันอยู่
มากบ้างน้อยบ้างไม่จำกัด
หนึ่งในดาวเคราะห์อันนับไม่ถ้วนหนึ่งในนั้นก็มีดาววนารักษ์
หรืออดีตที่เรียกว่า ดาว M 78 ที่ยอดมนุษย์อุลตร้าแมน อาศัยอยู่
ดาววนารักษ์นี้แปลว่าดาวผู้รักษาป่า รักษาโรค เอ๊ย โลก
คือดาวที่เข้ามาแล้วมีแต่ดอกไม้เต็มไปหมด ไม่รู้ดอกไหนเป็นดอกไหน
อยู่แล้วสูดโอโซนเข้าไปมากๆจะแข็งแรงเหมือนอุลตร้าแมนเลยทีเดียว
ในจักรวาลของกลุ่มดาว M 78 มีดาวฤกษ์หรือดวงอาทิตย์ดวงใหญ่
ชื่อดาว"กะว่าก๋า" มาส่องให้ความอบอุ่น ตอนเช้าๆทุกวัน
พร้อมฉายภาพเด็กชายตัวน้อยๆที่ยิ้มแฉ่ง
และไร้เดียงสาน่ารักน่าเอ็นดูที่สุดเหมือนที่เห็นในหนัง "เทเลทับบี้"
เป็นชื่อคล้ายๆราชวงศ์จีนโบราณ เดาถูกใช่ไหมครับว่า
ชื่อว่า พระโอรสหมิงๆ นั่นเอง
แล้วประมาณ ตีห้าถึงหกโมงเช้าของทุกๆวัน พระอาทิตย์ก๋าก็จะกล่าว
ด้วยเสียงดังกังวาลว่า
"อรุณสวัสดิ์เพื่อนๆทั้งหลาย
จงตื่นขึ้นมาเล่นบล็อกกันเถิดชาวบล็อกเกอร์"
ด้วยเสียงที่ไพเราะนุ่มนวล พร้อมร้องเพลงด้วยกีตาร์โปร่ง
ที่บรรจงเล่นด้วยตนเองอย่างไพเราะ
ปลุกชาวบล็อกแก๊งค์ให้ตื่นจากหลับใหล ให้ได้รับน้ำใจ
กำลังใจและสาระดีๆทุกๆวัน
ถ้าไม่ป่วยหรือไม่ลาไปไหน แฮะๆ ^^
พอสายๆหน่อยก็จะมีเสียงมาทักทายจากดวงจันทร์ประจำ
ดาวเคราะห์วนารักษ์ ดาวฟ้าใส จาก"บล็อกฟ้าใสวันใหม่"นั่นเอง
ที่คอยมาทักทาย พร้อมเสิร์ฟกาแฟ หรือดอกไม้กันทุกๆวัน
พอหัวใจได้แสงแดดและอาหารใจแล้ว กำลังใจก็มาเต็มร้อย
วิ่งไปทักทายคนโน้น คนนี้ ได้อย่างสนุกสนานต่อไป
ในบล็อกแต่ละคนที่ได้สัมผัสมาล้วนมีจุดเด่นแตกต่างกันไป
ตามแต่ความสนใจของเจ้าของดวงดาว แต่ไม่ขอเอ่ยนามชื่อดวงดาวนั้น
(เนื่องจากหากเอ่ยไม่ครบ ศีรษะอาจปูดระบมก็ได้ อิอิ )
บางบล็อกก็แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว บล็อกแนะนำร้านอาหาร
บล็อกทำอาหาร บล็อกงานประดิษฐ์ บล็อกเรื่องขำขัน
บล็อกบันทึกชีวิตในต่างแดน บล็อกสุขภาพ บล็อกภาพถ่าย
บล็อกความงาม บล็อกแต่งกลอน บล็อกเพลง
บล็อกการ์ตูน บล็อกธรรมะ ฯลฯ ส่วนใหญ่งานเขียนของวนารักษ์ จะอยู่ในบล็อกธรรมะนี่เอง
และแล้วก็ถึงวัน"ถนนสายนี้มีตะพาบ"
เป็นวันนัดพบบล็อกต่างๆให้ได้มาเจอะเจอกัน
นั่นคือการนัดพบบล็อกเกอร์ที่แฝงตัวอยู่ในที่ต่างๆ
ไม่ว่าจะตามที่โต๊ะทำงาน ตามลิ้นชักในห้องครัว
ตามห้วยหนอง คลองบึง ตามสวน ตามนา
หรือแม้แต่ตามท่อระบายน้ำก็มี
ให้มาเจอกันเดือนละสองหนคือในคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ
และ ในคืนแรมหนึ่งค่ำเวลาเที่ยงคืนพอดี บรู๋ว์ๆๆๆ ....
วันตะพาบครองเมืองนั่นเอง 555++
และแล้วก็ถึงเที่ยงคืนในวันพระจันทร์เต็มดวง
เหล่าบล็อกเกอร์ก็จะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า เอ๊ยไม่ใช่
เป็นตะพาบคอยาวๆ จมูกแหลมๆย่นๆ หน้าตาคล้ายหนูหริ่งไม่มีหู มีงวงสั้นๆ
คลานไปที่ลานหินใหญ่อันเป็นจุดนัดหมาย บริเวณริมแม่น้ำโขง
แล้วก็ใช้ความสามารถพิเศษของตัวเอง ใช้ระยางค์คู่หน้าข้าง
ร่ายรำอักษรไปตามหัวเรื่องที่ตั้งขึ้นโดยเจ้าชายเป็ดสวรรค์
บุตรพระเจ้ากูลิโกะ แห่งแคว้นมิยาบิที่สาบสูญไปนานแล้ว
พอเริ่มเที่ยงคืน เจ้าชายเป็ดสวรรค์เจ้าแห่งอารมณ์ขัน
ก็ขึ้นนั่งประทับบนบรรลังก์และเริ่มนับผลงานที่ผู้ส่งจะมากระซิบที่ข้างๆหู
โดยการติดประกาศ ให้ทราบลำดับที่ก่อนหลัง
แต่อาจมีหลงลืม หรือ ง่วงมากๆนั่งสับประหงกไม่ได้ยิน
ก็ต้องคอยไปสะกิดกันบ้าง
เพราะท่านก็คงเพลียและง่วงนอนจากการรับภาระอันยิ่งใหญ่นี้
ตลอดทั้งคืนทั้งวัน แทบไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทีเดียว
การประลองนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงกันอึงมี่ เสียงตีน้ำกระจาย
ดังกังวาลทั่วลำน้ำโขง นานประมาณหนึ่งอาทิตย์
เป็นเวลาที่ตะพาบแต่ละตัวจะได้ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนๆตัวอื่น
และสัมผัสตัวอักษรร้อยแก้ว ร้อยกรอง พร้อมภาพถ่ายงามๆ
หลากหลายรูปแบบ ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
เพื่อที่จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ สนิทสนมและรู้จักกันมากขึ้น
จากนั้นพอพระจันทร์เริ่มอ่อนแสง แหว่งเว้า เคลื่อนออกจากจันทร์วันเพ็ญ
ตะพาบแต่ละตัวก็จะเริ่มกลายกลับเป็นร่างเดิมอย่างช้าๆ
แล้วก็คืนกลับไปอยู่ตามที่ต่างๆเหมือนเดิมทีละตัวสองตัวจนหมด
หลังจากงานตะพาบนั้นก็จะมีดาวเคราะห์ที่ไปมาหาสู่เป็นเพื่อนกัน
และหมุนไปรอบๆดาวฤกษ์ที่เป็นจุดศูนย์กลางด้วยกัน
การโคจรเป็นกลุ่มจักรวาลย่อยๆ
มีข้อดีก็คือทำให้เกิดสมดุลของแรงโน้มถ่วง
ช่วยให้ดวงดาวและจักรวาลไม่ให้สูญสลาย
หลุดวงโคจรไปในอวกาศได้โดยง่าย
เพราะต่างดึงดูดซึ่งกันและกันไว้
และมั่นใจว่าเรื่องของเราจะมีคนเข้ามาอ่าน
เหมือนการลงแขกช่วยกันทำดำนา งานก็เสร็จเร็ว มีความสนุกที่จะดำนา
ทำไปก็ร้องเพลงดำนากันไป
ถ้าเรื่องที่เขียนไม่มีคนอ่านก็เหมือนทำนาคนเดียว ทำไปก็บ่นไป
เหนื่อยนัก ร้อนหนักก็เลยเลิกทำไปเอง
ดาวดวงนั้นก็จะล่มสลายแล้วก็ร่วงหล่นจากท้องฟ้าในไม่นานนัก
ถ้าคุณรู้สึกว่าดวงดาวของคุณยังไม่มีวงโคจรที่แน่นอน
ก็ลองมาแปลงร่างเป็นตะพาบในคืนเดือนเพ็ญกันนะครับ
และนี่คือความลับและที่มาของตะพาบและบล็อกเกอร์
ที่ถูกนำมาตีแผ่ให้ทราบอย่างหมดเปลือกกันจริงๆ
...เราอาจไม่รู้ว่าบล็อกที่เราทำอยู่นี้จะอยู่ได้นานหรือไม่?
หรืออาจไม่รู้ว่าอนาคตบล็อกแก๊งค์แห่งนี้ยังจะมีอยู่หรือไม่?
แต่หากเรามีความจริงใจ มีน้ำใจ ปราถนาดีต่อกัน
มอบสิ่งดีๆให้กันและกันตามแต่ความถนัด
ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาพิเศษที่เราได้เคยอยู่ในสังคม
ที่ต่างมิตรภาพงดงามต่อกันและกัน
เป็นวันเวลาแห่งความสุข ที่เราจะได้จดจำไปตลอดชีวิต
ไม่สำคัญว่าจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ
หรือจะนานแค่ไหนก็ตามด้วยซ้ำไป...
เรื่องและภาพประกอบ วนารักษ์
ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านและร่วมติชม
ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกที่มาดึงดูดและเหวี่ยงดวงดาวไปด้วยกัน
ขอบคุณ คุณต่อ 36 ที่ตั้งกระทู้ดีๆครั้งนี้
ขอบคุณเจ้าชายเป็ดสวรรค์ที่ลงมาจัดงานตะพาบทุกครั้ง
ขอบคุณบล็อกแก๊งค์ที่ทำให้เรามีดวงดาว เอ๊ย มีบล็อก
ให้อยู่อาศัยกัน ฟรีๆ ^^
Create Date : 30 สิงหาคม 2555 |
|
155 comments |
Last Update : 3 กันยายน 2555 21:45:26 น. |
Counter : 5483 Pageviews. |
|
|
|