ตะพาบน้ำโครงการที่ 47 นิทานก่อนนอน
ตะพาบน้ำโครงการที่ 47 นิทานก่อนนอน
โจทย์ของน้องเป็ดสวรรค์ให้เขียนนิทานก่อนนอน จะแต่งเองหรือลอกมาก็ได้ฟรีสไตล์
ขอตั้งชื่อตอนนี้ว่า
นิทานกระต่ายกับเต่า ในศตวรรษที่ 22
โดเรมอน ช่วยเล่านิทานให้ฉันฟังก่อนนอนหน่อยนะขอร้องหล่ะ
คืนนี้ฉันไม่ง่วงเลยนะๆๆๆเล่าหน่อยๆน่านะๆๆๆ
โนบิตะก็เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย เอาก็ได้เรื่องเดียวพอนะ
ม่อนง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว
โดเรม่อนพูดพลางล้วงเข้าไปในกระเป๋าหน้าท้องหยิบได้หนังสือ
นิทานอีสป ศตวรรษที่ 22ออกมา
นี่เป็นนิทานก่อนนอนในศตวรรษที่ 22 อีสปเป็นคนเล่าเองเลยนะ
จะบอกให้ คนแต่งนั่ง Time machine ไปบันทึกมาด้วยตัวเองเลย
เปิดหน้าแรกเรื่องกระต่ายกับเต่า ม่อนชอบเรื่องนี้ที่ซู๊ดเลย
ไม่เอาๆโดเรม่อนเรื่องนี้โนบิตะไม่ชอบเลย เพราะในชีวิตจริงเต่าอย่างโนบิ
ตะไม่เคยชนะใครได้สักคนเดียว
ลองฟังดูสักหน่อยนะโนบิตะ เรื่องนี้อีสปแต่งขึ้นมาใหม่เชียวนา หลังจากที่ฉบับแรก
มีคนโวยวายอย่างที่โนบิตะบอกนั่นแหละ คนรวบรวมเลยไปบอกท่านให้แต่งขึ้น
ใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ฟังก่อนแล้วกันนะ
กาลครั้งหนึ่งมีกระต่ายผู้ลำพองในความเร็วของตนเห็นเต่าคลานอย่างเชื่องช้า จึงเข้าไปเย้ยหยันว่า
"เจ้าเต่าต้วมเตี้ยมเอ๋ย ข้าว่าถ้าเจ้าวิ่งแข่งกับข้าเจ้าไม่มีวันชนะข้าได้แน่นอน ฮาๆๆๆ กระต่ายพูด
ถึงข้าจะเชื่องช้าแต่เรื่องความอดทนข้าไม่เป็นรองใครในดินแดนแห่งนี้แน่นอน
ข้าขอรับคำท้าของเจ้าเต่าตอบ
ก่อนที่ทั้งสองจะนัดแข่งขันกันนั้น ราชสีห์เจ้าป่าได้ทราบข่าวเข้า จึงเรียกทั้งสอง
มาชี้แจงกติกาการแข่งขันเพื่อให้เกิดความยุติธรรมมากที่สุด
นี่เจ้ากระต่ายและเจ้าเต่า ข้าในฐานะราชสีห์รู้สึกไม่สบายใจที่เจ้าทั้งสองจะแข่งขันกันในดินแดน
ของข้า กระต่ายเอ๋ยเจ้าขายาววิ่งได้รวดเร็วกว่าเจ้าเต่ามากนัก เจ้าได้เปรียบทุกทางแต่ก็ยังไปท้า
แข่งขันกับเต่าที่ทั้งเชื่องช้าและขาก็สั้นนิดเดียวแค่เดินแบกกระดองอันหนักอึ้งไปก็ช้าจะแย่แล้ว
เจ้าเอาเปรียบคู่ต่อสู้อย่างไม่มีน้ำใจนักกีฬาและน่าละอายเป็นที่สุด ถ้าจะแข่งกันข้าขอให้ใช้กติกา
ของข้าที่จะตั้งขึ้นมาใหม่โดยห้ามมีข้อโต้แย้งใด เจ้าจงฟังไว้นะ
กติกาก็คือ ใครไปถึงเส้นชัยทีหลังเป็นผู้ชนะ การแข่งขันไม่จำกัดเวลาว่าจะนานสักแค่ไหน ห้ามยกเลิกการแข่งขันเป็นอันขาด
นี่คือกติกาที่ข้ากำหนดเอง ฮ่าๆๆๆๆๆ เริ่มแข่งขันกันวันพรุ่งนี้เช้าที่บริเวณ
ทางเข้าป่าสิ้นสุดที่เชิงภูเขาที่ห่างออกไปลิบๆโน่น
ข้าจะบอกให้สัตว์ทุกตัวมาเป็นสักขีพยาน"
กระต่ายกับเต่ามองหน้ากันงงๆคิดไม่ออกว่าจะแข่งขันกันแบบไหนดี
แต่ก็จำต้องทำตามกติกาของท่านราชสีห์เจ้าป่าโดยไม่สามารถโต้แย้งได้
การแข่งขันเริ่มต้นในเช้าวันรุ่งขึ้นตามที่นัดหมายกันไว้
กระต่ายและเต่าออกจากจุดเริ่มต้นพร้อมๆกัน
ทั้งสองไม่มีใครอยากจะวิ่งหรือแม้จะเดินออกจากจุดแข่งขัน
จากนาทีเป็นชั่วโมงเป็นหลายๆชั่วโมง
ทั้งคู่ก็ดูจะเดินไปได้พอๆกัน สัตว์ที่มาเชียร์ก็ต่างแยกย้ายกันกลับถิ่นของตัวจนหมด
เต่าข้าขอนอนสักงีบนะ
ตามสบายเจ้ากระต่าย ข้ารับรองว่าจะไม่รีบเดินหนีไป ข้าจะนอนเป็นเพื่อน
และรอจนกว่าเจ้านะตื่น เต่าตอบยิ้มๆ
จากวันเป็นอาทิตย์เป็นเดือน ทั้งสองก็ไม่มีทีท่าว่าจะไปถึงเส้นชัยเลย
แต่ส่วนใหญ่ก็จะเดินคุยกันไปแล้วก็แวะเข้าข้างทางไปดูที่กินที่อยู่ของ
แต่ละฝ่าย ไปหาญาติพี่น้องที่อยู่แถวๆเส้นทางนั้น หรือแวะตามน้ำตกลำธาร
บ่อน้ำ ทุ่งดอกไม้เพื่อหาอาหารกินเสียมากกว่า
จากที่เคยเป็นศัตรูกัน ก็เริ่มรู้จักกันมากขึ้น แล้วก็กลายเป็นสนิทสนม
จนทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทไปโดยไม่รู้ตัว
"เต่าเราคิดว่าเราไม่ต้องแข่งขันกันแล้วหล่ะ เส้นชัยอยู่ตรงนั้นแล้ว
เรามาเข้าเส้นชัยพร้อมๆกันนะเต่าเพื่อนรัก
"ดีจ้าๆกระต่าย ไม่อย่างนั้นเราคงต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน แยกกันไปทำอะไรตามใจไม่ได้สักทีจนกว่าจะแข่งขันเสร็จ ข้าเบื่อเต็มทนแล้วเหมือนกัน"
ทั้งสองจึงจับมือกันเดินเข้าเส้นชัยพร้อมๆกัน และไม่เคยคิดคิดจะแข่งขันกันอีกเลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความเป็นเพื่อนสำคัญกว่าการแพ้ชนะ
และอย่าตัดสินใครเป็นศัตรูจนกว่าเราจะเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็นได้ทั้งหมด
จบแล้วโนบิตะ คนเราทุกคนก็เกิดมาอยู่ในโลกใบเดียวกัน เป็นที่แห่งเดียวในสุริยะจักรวาล
ที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่รอดได้ มีพระอาทิตย์พระจันทร์ดวงเดียวกัน หายใจและกินอาหารที่มีในโลก
เดียวกัน ต่างก็เกิดแล้วจากโลกนี้ไปเหมือนกัน
เวลาน้อยนิดที่อยู่ในโลกนี้ ใช้สำหรับสร้างประโยชน์ดีกว่ามามัวทะเลาะเบาะแว้งกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ในชีวิตจริงไม่มีใครเป็นผู้ชนะอยู่เสมอ และไม่มีใครเป็นผู้แพ้ตลอดเวลา
เราต่างเคยแพ้เคยชนะมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนตลอดช่วงชีวิตของเรา
สิ่งสำคัญคือเราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการพ่ายแพ้และชัยชนะเหล่านั้น
เราลืมความพ่ายแพ้นั้นไปได้จนหมด หรือนำความพ่ายแพ้อันเป็นอดีตมาทำร้ายตัวเองอยู่เสมอ
บางที่จะดีกว่าไหม? ถ้าเราจะลืมการแพ้ชนะที่เป็นปมให้ออกจากใจของเรา คนที่เราเห็นว่าชนะใน
วันนี้เขาอาจเคยแพ้มาแล้วตลอดชีวิตก็ได้ คนที่เราเห็นเขาแพ้ในวันนี้ เขาก็อาจเคยยิ่งใหญ่ เคย
ชนะมานับครั้งไม่ถ้วนก็ได้ ถ้าเราได้สิ่งที่ต้องการเราเป็นผู้ชนะ ถ้าไม่ได้เราก็เป็นผู้แพ้เพราะไม่มีใคร
ได้ทุกอย่างดังใจเสมอไป นี่คือธรรมดาของโลกเราที่ทุกคนต้องพบเจอ
คนที่เราเห็นว่าแพ้อย่างน่าสงสารนี้ไม่ใช่คนที่ไร้ค่าแต่อย่างไร เขาอาจจะเป็นคน
สำคัญคนหนึ่งที่มีคนที่รักใคร่ห่วงใยรออยู่ที่บ้าน ต้องอาศัยและพึ่งพิงเขาอยู่
เราอย่าปล่อยให้เขาล้มลงไปโดยลำพัง เราพยายามช่วยให้เขาได้ลุกขึ้นสู้ชีวิต
ให้จงได้ เมื่อเขาลุกขึ้นได้คนที่เขาต้องดูแลก็จะมีกินอิ่มท้อง ไม่อดอยากหิวโหย
ทุกคนก็จะมีแต่รอยยิ้มที่เปี่ยมสุขแทนที่จะมีแต่คราบน้ำตา
เมื่อแพ้จงแพ้อย่างเข้มแข็ง
เมื่อชนะจงชนะอย่างมีเมตตา
ถ้าทุกคนมีน้ำใจไมตรีจิตให้แก่กันและกัน ไม่คิดว่าใครเป็นศัตรู ใครเป็นคนได้เปรียบ
ใครเป็นคนเสียเปรียบ เพียงแค่เราคิดว่า เราและเขาต่างก็เป็นเหมือนเพื่อนร่วมโลก
ย่อมมีความรู้สึกรักสุขเกลียดทุกข์ กลัวตายรักชีวิต มีความรู้สึกเจ็บปวด หิวโหย ดีใจเสียใจ
และสุดท้ายก็ต้องจากโลกนี้ไปเหมือนกันกับเรา เราก็จะเกลียดใครไม่ลง จำไว้นะโนบิตะ
คร็อก ฟี๊ ๆๆๆ
แหมโนบิตะไม่เอาไหนเลย ปล่อยให้ม่อนพูดอยู่คนเดียว นอนบ้างดีกว่าเรา
โดเรม่อนนอนยิ้มและหลับไปอย่างรวดเร็ว
เรื่อง...วนารักษ์
ขอบคุณภาพโดเรม่อนน่ารักๆจากอินเตอร์เน็ต
ขอบคุณน้องรินที่ช่วเตือนให้ร่วมงานตะพาบครั้งนี้
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและช่วยติชม
ขอบคุณเพื่อนๆประจำบล็อกที่เป็นกำลังใจในการเขียนและเป็นกำลังใจให้มีบล็อกนี้ต่อไป
ขอบคุณที่มีนิทานดีๆไว้เติมเต็มความฝันแม้จะเลยวันนั้นไปแล้วก็ตาม ^^
Create Date : 09 มกราคม 2555 |
|
116 comments |
Last Update : 10 มกราคม 2555 18:54:36 น. |
Counter : 10493 Pageviews. |
|
|
|
คืนนี้จะมาอ่านนิทานของพี่จ้า