Wonder Moment @Wonderfruit Festival Day 3
และแล้วก็ผ่านไปเข้าวันที่ 3 ของ Wonderfruit Festival จนได้ จะมีวงอะไรปิดท้ายเทศกาล นี้กันบ้าง ?
เปิดเวทียามบ่ายด้วยคณะ Paradise Bangkok International Molam Band เป็นวงไทยที่ ได้รับการกล่าวขวัญในระดับสากลและคนไทยได้วยกันเอง ล่าสุดได้รับเลือกจาก Gilles Peterson เป็น Album of the week ของเดือน พ.ย. ของ BBC 6 และจากที่ได้เห็นวีดีโอที่ไปตระเวณสายตามที่ festival ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ไม่เคยดูวงนี้ perform มาก่อน เคยเพียง 1-2 ครั้งที่เคยไปฟัง DJ Maftsai เปิดเพลงที่สุขุมวิท 51 และที่งานเปิดตัวนิทรรศการที่ Jim Thompson (เขียนไว้ด้วยนะเข้าไปติดตามได้ที่ และนี่จะเป็นครั้งแรกของเราที่ได้ดู Paradise Bangkok International Molam Band อย่างเป็นทางการ
เริ่มงานประมาณบ่ายแก่ ๆ เซ็ทติ้งกันประมาณครึ่งชั่วโมงก็เป็นอันเรียบร้อย ขอยอมรับว่า จริง ๆ แล้วค่อนข้างคาดหวังว่าจะได้เห็น Moment แบบใน Youtube ที่เคยดูเลยนะสำหรับวงนี้ พอเริ่มเล่นคนก็เริ่มทยอยเข้ามามากขึ้น แต่อาจจะเป็นเพราะยามบ่าย และ เป็นวงแรกด้วย คนเลยดูบางตาไปนิดนึง มีฝรั่งและคนไทยให้ความสนใจพอสมควร เพลงเล่นได้สักพักคนดูก็ เริ่มออกสเต็ปไปตามเสียงเพลง แต่พอดูไปสักพักเริ่มรู้สึกไม่ค่อยโอเค (อันนี้เป็น คหสต.) คือเหมือนเพลงจะโอเคนะโดยเฉพาะช่วงที่ พิณและแคนเล่นเดี่ยว ๆ หรือเล่นประสานกัน แต่พอ เบสและกล้องขึ้นทำให้ความน่าฟังของเพลงมันถูกบั่นทอนไป คือก็เข้าใจว่าเขาต้องเอาไลน์เบส+กลอง มันเป็นตัวชูให้จังหวะเพลงมันมี movement ที่หนักแน่น เลยทำให้ แคน กับ พิณ ที่ควรจะเป็น พระเอกถูกกลบลงไป คือสรุปง่าย ๆ ว่ารู้สึกกร่อย ๆ กับวงนี้ รู้สึกเหมือนดูหนังที่แบบ มีพระเอก กับนางเอก แต่ให้ตัวรองที่บทบาทไม่โดดเด่นมาเดินเรื่องแทน แบบนั้นเลย.
ป.ล. อาจจะเป็นเพราะคาดหวังเกินไปหน่ะ
Paradise Bangkok International Molam Band
คำเม่า เปิดถนน (หมอแคน)
ไสว แก้วสมบัติ (หมอพิณ)
มีแฟน ๆ ให้ความสนใจพอสมควร
หลังจากจบ Paradise Bangkok International Molam Band แล้วก็ต่อคิวด้วย Jose Gonzalez เพียงแค่คิดว่า เสียงกีตาร์ไนล่อน อุ่น ๆ ของเขาทำให้ความรู้สึกหนาวเย็นในวันนั้นดูอบอุ่นขึ้นมาทันที ตามธรรมเนียมต้องมี Dj มาเปิดเพลงคั่นรายการ แต่ Dj คนที่เปิดเพลงในช่วงนี้โชคร้ายไปหน่อย เพราะว่าเปิดได้ไม่นานนักก็ถูกร้องขอให้หยุดก่อนเนื่องจากไม่ได้ยินเสียงของเสียงที่กำลังเซ็ทกันอยู่เลย หลังจากที่บรรยากาศงานอยู่ในความสงบโดยปราศจากเสียงเพลงอึกทึกจากเพลงของ Dj คั่นช่วงแล้ว ระหว่างรอก็ดูการ เซ็ทติ้งของ Jose Gonzalez ไปพลาง ๆ (เพื่อนอีกคนที่อยู่ใกล้ ๆ กับ sound control แอบมาบอกว่าคงอีกนาน เพราะดูว่า sound engineer ของวง พิถีพิถันมาก) จับเวลาการเซ็ทได้ประมาณ 45 นาที ก็พร้อมแสดงประมาณ 18.00 น. และแล้วเพลง ก็เริ่มขึ้น และหลังจากนั้น ก็ไม่หยุดเลยกล่อม คนดูด้วยสายไนล่อน 6 เส้น พ่วงด้วยกลองและเปียโนเบา ๆ เรียกได้ว่าแทบจะ ขนเพลงจาก Veneer มาเกือบหมด ทั้ง Killing for Love, heartbeat, slow move ฯลฯ หลังจากเล่นจบแล้วเหมือนรู้ว่ายัง มีอะไรที่ขาด ๆ แหว่ง ๆ สุดท้ายลงเวทีไปแป๊บหนึ่งและกลับขึ้นมาต่อกับเพลง with the ink of the ghost (น่าจะเป็นเพลงใหม่) และส่งคนดูให้ไปต่อกับ De la Soul ด้วย Teardrop ถ้าเพลงนี้ไม่เล่นคนดู คงพากันนอนตายตาไม่หลับแน่
พักเบรกรอช่วงต่อไป
ปิดค่ำคืนสุดท้ายของงาน ด้วยวงนี้ De la Soul ไม่คิดไม่ฝันเลยจริง ๆ นะว่าวงนี้จะมาได้ วงนี้ก่อตั้งเมื่อ ตอนเรา 9 ขวบ ผ่านไป 25 ปี เพิ่งได้ดูเป็นครั้งแรก สุดยอดของ entertainer ด้วยชั่วโมงบินหรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้คนดูสนุกและมีส่วนร่วมไปกับ 3 หนุ่ม บนเวทีได้ (จริงๆ แล้วอยากบรรยายให้เห็นภาพมากกว่านี้ แต่คงไม่เท่ากับการได้ไปเห็นด้วยตาและหูของตัวเอง ถึงแม้จะไม่มีอังกอร์ ถึงแฟน ๆ จะเรียกร้องจนคอแทบแตกแค่ไหน ก็ไม่ออกมา แต่ส่วนตัวเรา ชอบนะ กับการที่ไม่มีอังกอร์แบบนี้ เพราะบางครั้งดูเป็นธรรมเนียมที่บางวงต้องปฏิบัติ จนบางครั้ง ดูไม่ธรรมชาติเลย
พี่คนนี้อินมากกกกก ทะลุข้ามรั้วเข้าไปเลย
/ ส่งแฟนเพลงกลับบ้านด้วยความสุข
สรุป Wonderfuit ทั้ง 3 วัน
1. งานจัดได้ลงตัวมาก การแบ่งโซนพื้นที่ การใช้สอยได้อย่างชัดเจน ร้านรวงที่มาออกงาน ตกแต่งแบบพร้อม ไม่ยอมเสีย look และเป็น Event ที่เหมาะกับ 24 hours party people ถึงเวทีหลักจะเลิกตามเวลา แต่ Dj. ตามซุ้มต่าง ๆ นี่ไม่มีเลิกเปิด มีมาหมุนเวียนกันยันเช้า เสียดาย ถ้าร่างกายไหวกว่านี้ คงได้ไม่พลาด. 2. Boutique camping เข้าไปลึกมาก คือเขาต้องการบรรยากาศแบบส่วนตัว จนบางคนต้องเอ่ยปากว่าต้องแบกกระเป๋าเข้าไปไกลมาก. 3. น้ำที่ใช้เป็นน้ำบาดาล สีนวลเชียวแต่ก็ไม่เป็นปัญหา ส่วนห้องน้ำถึงวันแรก - วันที่สองช่วงเช้า มีปัญหา แต่ก็จัดการแก้ปัญหาเรียบร้อยถึงวันจบงาน. 4. มีน้ำดื่มฟรีบริการแถมขวดน้ำไว้ Refill ด้วยแต่ขาดประชาสัมพันธ์ไปหน่อย 5. ค่าอารหาร - เครื่องดื่ม แพงมาก (สำหรับบางร้าน) เพราะเดินทางมากไกล ต้องมีค่าใช้จ่าย ที่ต้องเพิ่มเข้าไปในราคาอาหาร แต่ก็มีโซนราคาย่อมเยาว์แบบศูนย์อาหารในห้างหรูไว้บริการ 6. เรื่องอนุรักษ์ธรรมชาติด้วยการใช้แก้วที่ย่อยสลายได้ สุดท้ายขยะก็เกลื่อน แต่พอรุ่งเช้า เจ้าหน้าที่ก็เก็บกวาดได้เรียบร้อย. 7. เรื่องประเภทตั๋วประกาศตั้งแต่ต้นว่าจะมีขาย 3 วันเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วก็มีหยวนแบบแบ่ง ขายรายวันออกมา แต่ล่าช้ามาก มาเอาตอนอาทิตย์สุดท้ายก่อนงานจะเริ่ม. 8. ไม่มี Booth ให้ชาร์ทโทรศัพท์ เอาแบบคิดค่าชาร์ทแบบที่ Big mountain จะดีมาก 9. ไม่ค่อยมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่าง ๆ เท่าไหร่ ส่วนมากจะประจำใน ซุ้มประชาสัมพันธ์กลางงาน เท่านั้น 10. ไม่มีเจ้าหน้าที่สแตนด์บายที่ทางเข้าตลอดเวลาการที่เป็น festival แบบ 3 วัน ไม่มีทางรู้หรอก ว่าจะมีคนลงจากเครื่องแล้วมาถึงงานที่งานตอนไหน ควรมีเจ้าหน้าที่สแตนด์บายเพื่อแลกสายรัด เพื่อเข้างานตลอดทั่งคืน. 11. จัดอีกนะปีหน้า ถ้ามี festival ขนาดใหญ่แบบนี้ ได้ทีมที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกมาจัด วงดี ๆ ดัง ๆ ก็อาจจะไม่กล้ามา อีกก็ได้.
เจอกันปีหน้าาาา
Create Date : 13 มกราคม 2558 |
Last Update : 25 มีนาคม 2558 11:11:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 957 Pageviews. |
|
|