นานมาแล้วเคยดูแค่ในภาคของภาพยนต์ตอนนั้นที่ดู ดูแบบไม่ได้ตั้งใจดูเลย
เพราะมีพี่คนหนึ่งเอาแผ่นมาให้ยืม ด้วยการกันเขาครหา เลยดู ๆ ให้เขาหน่อยหนึ่ง
เผื่อเขาถามจะได้ตอบถูกว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร แล้วเวลาก็ผ่านไป
ผ่านมา 10 ปี ได้ดู Hedwig and the angry inch อีกครั้งในรูปแบบละควรเวที
แต่คราวนี้ตั้งใจไปดูและความรู้สึกที่ได้กลับมาแตกต่างจากคราวแรกนั่นห่างไกลกับลิบลับ
จนต้องกลับไปหาหนังเรื่องนี้มาดูอีกครั้ง แล้วก็มานั่งตอบคำถามตัวเองว่า
ทำไมตอนนั้นไม่สนุกเหมือนตอนนี้ แต่เรื่องน่าเสียดายนั้นก็ผ่านไปแล้ว
ไม่เหมือนไปดูละครเวที ? เรียกได้ว่า เหมือนไปดูคอนเสิร์ตมากกว่า
ด้วยการฉีกเงื่อนไขเดิม ๆ ของสถานที่จัดละคร ที่ส่วนมากนิยมให้ผู้ชมได้นั่ง
เพื่อเพลิดเพลินไปกับละครเวที ทางทีมผู้จัดได้เนรมิตให้สตูดิโอขนาดย่อม ๆ
ให้กลายเป็นเวทีคอนเสิร์ต
หนุ่มอยากเป็นสาวน้อย ต้องการข้ามเพศที่เธอถือมาโดยกำเนิด
สวรรค์ประธานโอกาศให้เธอได้ทำในสิ่งที่เธอฝัน แต่กลับเล่นตลกแบบตลกไม่ออก
ความผิดพลาดของหมอทำให้เธอต้องมีจอนนี่เหลือติดกายอีก 1 นิ้ว
เธอจึงข้ามน้ำทะเลมายังเมืองแห่งความหวัง อเมริกา ที่เธอได้พบกับความรัก
รักที่เธอคิดว่าเป็นรักแท้ (่ฝ่ายเดียว) สุดท้ายความฝันและบทเพลงของเธอ ถูกคนที่เธอรัก
ปล้นไปใช้แบบด้าน ๆ สุดท้าย สวรรค์ก็ไม่ได้ใจร้ายกับเฮดวิกนัก
เฮดวิกก็ได้พบกับรักแท้
เพศสภาพที่เป็นอยู่ ความสลับซับซ้อนทางเพศและความผิดเพี้ยนของโชคชะตา
ขีดเส้นให้ เฮดวิก และ ยิทแซก ได้พบกัน
ชนุดม ถ่ายทอดเฮดวิกที่ทรงพลัง บางตอนเธอดูอ่อนหวาน ไร้เดียงสาต่อความรัก
ดูเกรียวกราดต่อโลก บางครั้งดูสับสน ท้อแท้ในโชคชะตา
หากแต่ละตอนนั้นสะกดคนดูให้สนุกไปกับบทเพลงและทำให้ทุกคนเชื่อว่า นี่หล่ะนังเฮดวิก!
ส่วนก้อย รัชวิน ในบทบาทของ ยิทแซก ถึงแม้ตามบทจะไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก
แต่เธอก็ได้ฉีกบทบาทเดิม ๆ ที่เคยรับ แต่เธอดูเหมือนทอมบอยหน้าหวาน มากกว่าเป็นนางโชว์ข้ามเพศ
แต่สุดท้ายด้วยความสมบูรณ์ของทีมงาน ผู้แสดง นักดนตรี และคนดู
Hedwig and the angry inch เป็นละครที่น่าประทับใจของปีนี้ และยังวิ่งวนอยู่ในความรู้สึก....