สิงหาคม 2551

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
หนีร้อน นอนแพ แช่น้ำ @ กาญจนบุรี # 1 - Lake Heaven


Image hosting by Photobucket


โดนคำสั่งจากหมีอ้วน ให้งดเที่ยว 3 เดือน
แต่สุดท้าย ก็ทำไม่ได้อยู่ดี
เอิ๊ก เอิ๊ก

เอาน่าๆ ... ไปเที่ยวกัน ไม่ไกล
ยังดินแดนประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
- จ.กาญจนบุรี -


++ ฉากหนึ่ง ของภาพยนตร์พระนเรศวร 3 ++

มี 
voucher ที่ซื้อเก็บไว้ จากงานท่องเที่ยว
ไม่รีบใช้ คงจะอดไปกันพอดี

ออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่ 0730 น.
แต่จน 0900 น. ยังคงวนเวียนอยู่ในกรุงเทพฯ

นี่ขนาดปิดเทอมแล้วนะเนี่ย
เดินทางเข้าเมืองตอนเช้าๆ รถเยอะพอควร

ยิ่งย้ายมาอยู่ชานเมือง
เจอรถติดๆ ไม่ค่อยจะชินเลยแฮะ

สุดท้าย ... หมีอ้วนเลยต้องเลี้ยวรถ
แวะตุนเสบียงระหว่างการเดินทาง

สอยขนม-นม-เนย
จาก
Home Bakery- ราชภัฎสวนดุสิต มาเพียบ

เดินทางกันต่อ .... จนเกือบ 11 โมง
ใกล้เข้าตัว จ.กาญจนบุรีแล้ว

เลยแวะหม่ำมื้อกลางวันกันก่อนเลย
ที่ร้าน
”ครัวลุงรัตน์”

ร้านนี้ เน้นเมนูปลา และอาหารป่าค่ะ
อาหารรวดเร็วทันใจดีจริง

จากนั้น ใช้ทางเลี่ยงเมือง จ.กาญจนบุรี
ไปทางอ.ลาดหญ้า

เป้าหมายต่อไป คือ
“ค่ายสุรสีห์”
สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง สมเด็จพระนเรศวร

ระยะทาง ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 20 กว่ากม.ได้
ต้องผ่าน
”สนามบินบ่อพลอย”ด้วย

ได้โปรเจ๊คใหม่ในอนาคต
จะขับเครื่องบินมาเที่ยว ... กรั่กๆๆๆๆ
(อ่ะนะ ... พูดไปงั้นแหละ)

ถึงลานจอดรถ ... จ่ายค่าบัตรคนละ 100 บาท
(ต่างชาติคนละ 200 บาท)
ก็พร้อมเดินตะลุย
ตามรอย ภาพยนตร์สมเด็จพระนเรศวรแล้วค่ะ

ไปถึงตอนเที่ยงพอดี แดดกำลังร้อนได้ที่เลย
อย่าลืมหยิบร่ม ... หมวก ... และแว่นตากันแดด
ติดตัวไปด้วยนะคะ

บริเวณแรก ที่แวะเข้าไปชม
คือ 
“หมู่บ้านโยเดีย”


++ ภายในค่ายสุรสีห์ ++

ไม่มีอะไรมาก

นอกจากซื้อกล้วยให้ช้างกิน กระจาดละ 20 บาท
หรือจะแวะให้อาหาร ก็ได้

ให้กล้วยช้างไป  2  เชือกเสร็จ
จู่ๆ ก็มีอีกตัววิ่งมาอย่างเร็ว ทางด้านหลัง
... ตกใจ นึกว่าช้างตกมัน
…

ที่ไหนได้ คุณเธอหิวค่ะ อยากกินด้วย
วิ่งมาขอถึงที่เลย ก็เลยต้องซื้อให้อีก
1 กระจาด



มาทำท่าออดอ้อน ยืน 2 ขา ขอกินด้วย
ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม อายุ
27 ปีแล้ว
(อายุเท่ากับนังโอ๋ น้องสาวเราเลย อิ อิ)

จากหมู่บ้านโยเดีย ... เราจะเข้าสู่เขต
”วัดของมหาเถรคันฉ่อง”
เจดีย์สีทอง เหลืองอร่าม อยู่ทางซ้ายมือ



บนกุฎิมหาเถรคันฉ่อง  ... มีฉากสำคัญอยู่ฉากหนึ่ง
ถ้าใครดูหนังเรื่องนี้ คงจำได้ดี


"ห้องเก็บศัสตราวุธ หรือห้องเก็บพระแสงปืนต้น”
ที่ภายหลัง สมเด็จพระนเรศวร ใช้ปืนนี้ยิงข้ามแม่น้ำสะโตง


++ พระแสงปืนต้น ++

ใกล้ๆกัน เป็น
”โบสถ์พระมหาเถรคันฉ่อง”
สถานที่พระองค์ดำ และบุญทิ้ง (ออกญาราชมณู)
ศึกษาหาความรู้ ในวัยเยาว์


พ่อหมีบอกว่า พระพุทธรูปใน จ.แม่ฮ่องสอน ณ ปัจจุบัน
ก็ยังมีลักษณะเช่นนี้ค่ะ

ไปค่ะ ... เดินตากแดดกันต่อ
เดี๋ยวจะพาไปเยือน
“กรุงหงสาวดี”


++ กำแพงเมือง กรุงหงสาวดี ++

ฟู่ว์ววว ... เห็นแดดร้อนๆ ฟ้าใสๆแบบนี้
ตอนเย็นเจอฝนด้วยนะคะ ขอบอก

ผ่านประตูเมืองหงสาวดี เข้ามา
ก็จะพบกับ
"สีหาสนบัลลังก์"
ที่ประทับของ”เจ้าอยู่หัวบาเยงนอง” หรือบุเรงนอง

มีฉากคุกใต้ดินใกล้ๆ


++ สีหาสนบัลลังก์ ++

รอบๆ ... เขามีมุม
gallery แสดงภาพถ่ายด้วย
มีแต่รูปสวยๆทั้งนั้น เดินดูเพลินเลยค่ะ

ชอบภาพนี้มากเป็นพิเศษค่ะ
มณีจันทร์ ตอนเด็ก



จากตรงนี้ ... เขามีรถรางบริการฟรีค่ะ

จะพาไปยัง "สรรเพชรปราสาท"

ใครจะเดินไปเอง ... ก็ไม่ว่ากัน อิ อิ
แต่นะ ร้อนๆแบบนี้ นั่งรถดีก่า  
แค่นี้ ก็แทบจะอาบเหงื่อต่างน้ำแล้ว

”สรรเพชรปราสาท”
ใครได้ดูหนังเรื่องนี้ ....  จำกันได้มั๊ยเอ่ย
??
เขาใช้ถ่ายฉากไหนกันบ้าง

... จำได้อยู่ฉากหนึ่ง ....
ที่พี่สาวของสมเด็จพระนเรศวร
(พระสุพรรณกัลยา)
เก็บดิน จากแผ่นดินแม่ บ้านเกิดเมืองนอน
ใส่พานนำติดตัว ไปกรุงหงสาวดีด้วย


++ ภายในสรรเพชรปราสาท ++

ที่จุดนี้ .... มีบริการขี่ม้าชมเมือง

นั่งบนหลังช้าง หรือ จะนั่งเกวียนก็ได้

... เราก็สนใจนะ ...
แต่ร้อนอ่ะ ... เลยนั่งรถรางออกไปเลย


เขาจะพาผ่าน “หมู่บ้านอโยธยา”
แต่ตอนนี้ ... เริ่มพังๆไปบ้างบางส่วนแล้ว


เสียดายจัง ... น่าจะทำแบบดีๆ
เก็บไว้ได้นานๆ

จากนั้น เขาจะพามาส่งที่ "ท้องพระโรงกรุงหงสาวดี"

ที่นี่ มีบริการถ่ายภาพในชุดต่างๆ

มีให้เลือกหลายแบบเลยค่ะ
(แต่ไม่มีของสมเด็จพระนเรศวรนะคะ ไม่รู้ทำไม)

แบบของเด็กๆ อย่าง มณีจันทร์ กับพระเอกาทศรถ ก็มี
... น่ารักดีค่ะ ...


ค่าบริการ คนละ 150 บาท / 1 ชุด (เลือกสีที่ต้องการได้)
ถ่ายได้ 5 ภาพ แล้วเขาจะไรท์ลงซีดีให้
 บริการแต่งตัว กับทำผมให้ด้วย

แต่หน้า ... ต้องแต่งมาเอง

แต่ขอโทษเถอะ ... ถึงแต่งหน้ามาพร้อม
เดินตากแดด อาบเหงื่อมาซะขนาดนี้
หน้าตามันแผล่บ ดูไม่ได้เลย


ใครเอากระเป๋าเครื่องสำอาง ติดตัวมา
ก็แต่งเติมได้ตามใจ


แต่เราดันทิ้งไว้ในกระเป๋าเดินทาง ในรถ
ถ่ายรูปออกมา ดูไม่จืดเลยค่ะ


ตอนนี้ ... เขากำลังถ่ายทำ “พระนเรศวรอยู่
ว่าแล้ว ก็เลยขอเข้าฉาก เป็นตัวประกอบสัก 1 ที
เกี่ยวไรกันอ่ะ ... อิ อิ

ก่อนถึงทางออก
จะเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ประกอบฉากทั้งหมด


ตรงนี้ เป็นห้องแอร์ เย็นสบาย
จนพ่อหมีอ้วนบ่นว่า ห้องที่ถ่ายรูป น่าจะติดแอร์บ้าง

เพราะตอนที่ถ่ายเนี่ย แสงไฟ ทำเอาเหงื่อไหลไคลย้อยเลย

ยังไงก็ตามแต่
ขอชมว่า เจ้าหน้าที่ ที่ดูแลน่ารักมากๆ ทุกจุดที่แวะชมเลยค่ะ


เขาจะเข้ามาพูดคุยให้ความรู้ประกอบ
แถมบอกให้เราหยิบโน่น-หยิบนี่ มาถือเล่นถ่ายรูปได้ด้วย



อย่างหอกที่เห็นเนี่ย ....เป็นเหล็กจริงค่ะ

เขาบอกให้หยิบดูได้
แต่ขอโทษเถอะค่ะ หนักจนยกไม่

... เราหยิบหมวกขึ้นมาดู ...
เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า  ใส่ถ่ายรูปได้เลยครับ

เลยสนองเจตนารมย์ซะ

... เท่านั้นแหละ ...
พี่ท่านเลยสนุกใหญ่ "ถือดาบด้วยสิครับ"


เราก็ก้มๆ เลือกดาบปลอม ที่ทำจากยางมา 1 อัน
พี่ท่านสั่งต่อ
“เอาอันนี้ เลยครับดาบจริง !!!”

โอ้วววว แม่เจ้า .... หนักค่อดๆๆๆๆ ค่ะ
ถือถ่ายรูปไปสักพักเนี่ย เริ่มออกอาการแขนสั่นพั่บๆๆๆๆ
><

ยังค่ะ ยัง ... คุณพี่ท่านยังสนุกอยู่
"เอาโล่ห์ด้วยครับ" แล้วก็ส่งโล่ห์มาให้เราอีก 1 อัน
สอนวิธีถือให้เสร็จสรรพ


อ่ะนะ ... ขาดเสื้อเกราะอย่างเดียว
ไม่งั้นก็ครบชุดเลย


ถือดาบ แอ๊คท่า ให้พ่อหมีถ่ายรูปให้
จะเอาไปขยายติดฝาบ้าน
ขู่ไว้เป็นนัยๆ
”แอบมีกิ๊กเมื่อไหร่ ตรูจะเจื๋อนมันซะ 55555++”

((ขออนุญาต ไม่โชว์ใบหน้าชัดๆ))

สนุกสนานมากพอแล้ว
ก็เดินทางกันต่อ ไปยังที่พักของเราค่ะ

 

~* Lake Heaven *~
ซื้อมาจากงานท่องเที่ยว เมื่อปลายเดือนกุมภา

เห็นบูธเจ้านี้ หลายครั้งแล้ว
แต่เพิ่งมาสนใจซื้อ
เพราะเห็นแผนที่ว่า ผ่านค่ายสุรสีห์เนี่ยแหละ
(กะจะได้แวะเที่ยวระหว่างทาง)

1) ตอนนั้น ถามเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าห่างกันประมาณ 20 กม.
ที่ไหนได้ ขับรถออกมาจากค่าย เห็นป้ายบอกระยะทาง
ไป
Lake Heaven 54 กม. !!!

กรี๊ดดดด
!!! ไป-กลับ ตั้งร้อยกว่ากิโล !!!
โหย ... ถูกหลอกแล้วตรู

ถามพ่อหมีเลย ว่าจะเปลี่ยนที่พักมั๊ย
แต่พ่อหมีบอกว่า มาถึงนี่แล้ว ต้องไปให้ถึง

แล้วก็นะ .... เจออะไรไม่ประทับใจอีกหลายๆอย่างเลยค่ะ
จะสาธยายให้ฟัง

พอเริ่มเข้าเขต "เขื่อนศรีนครินทร์"

ฝนก็เริ่มเทลงมาค่ะ
ทั้งๆที่เมื่อตอนบ่าย ฟ้าใส แดดจ้าซะขนาดนั้น


++ Lake Heaven ++
(ภาพนี้ ถ่ายวันรุ่งขึ้น หลังฝนหยุด)


จนไปถึง
Lake Heaven ฝนก็ยังตกอยู่
เราจอดรถรออยู่ตั้งนาน
2) แต่ไม่มีใครสนใจ จะเอาร่มมารับเลยค่ะ

เลยต้องรอในรถ รอให้ฝนซา
แล้วก็กางร่ม เดินเข้าไปยังที่พักเอง

พ่อหมีน่ะ ลากกระเป๋าตากฝนไปเลย
แต่เชื่อมั๊ย ... ไม่มีใครสนใจ จะถือร่มมารับระหว่างทางเลย
ทั้งๆที่มีเจ้าหน้าที่คนนึง เดินถือร่มอยู่

เดินตากฝน ไปจนถึง
Recption เลย

!! jackpot อีกค่ะ !!
เราโทรมาจองเมื่อวาน เขาบอกให้เราเลือกห้องพักได้
เราเลยขอ 
“ศรีชงโค 8” ที่อยู่ริมด้านในสุด
เพราะต้องการพักแบบเงียบๆ

... กลายเป็นว่า ...
3) ห้องพักนั้น มีปัญหาไฟฟ้า กับท่อน้ำแตก

”เมื่อ 2 วันก่อน พายุเข้า ลมแรง ...”
เอ่อ ... คุณขา อิฉันเพิ่งโทรมาจองเมื่อวานเย็นเองนะคะ
แล้วทำไม เพิ่งจะมาบอกล่ะคะ
!?!?

แบบนี้ ไม่ควรถามแต่แรก ว่าต้องการห้องไหน


สรุป เหลืออยู่ 2 ห้อง ... ไม่ 1 ก็ 3
แต่ 3 ก็ต้องรอค่ะ ช่างเขายังซ่อมท่อน้ำอยู่
(ตอนนั้น 1630 น.แล้ว)

สุดท้าย ก็ต้องเอา
“ศรีชงโค 1”
ซึ่งหนวกหู มากที่สุด
เพราะอยู่ใกล้กับห้องอาหาร และเขาเปิดเพลง
(ยังดีว่า ร้านอาหารเขาเปิดไม่ดึกมาก)



ยังค่ะ ... ยังไม่จบ
4) ไฟฟ้าดับค่ะ บอกว่า เพราะฝนตกอีกล่ะ

เอาของไปเก็บที่ห้อง ... เปลี่ยนชุด
ฝนยังตกเปาะแปะ แต่ซาแล้ว

เลยไปเดินหาเรือยาง จะพายเล่น
เพราะพวกอุปกรณ์ที่ไม่ติดเครื่องยนต์ เล่นได้ฟรีหมด

แล้วก็เซ็งอีกรอบค่ะ
5) เจ้าหน้าที่ ไม่มีใครจะมาสนใจ หรือดูแลเลย

เดินหาเรือยางเอง
6) มันก็มีแต่ฟีบๆ ขืนลงไป มีหวังยวบ จมน้ำบุ๋มๆแน่นอน
ใครไม่ทันสังเกต อันตรายมากๆค่ะ

เขาควรจะใส่ใจกว่านี้
หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นเรือคายักไปเลย


++ สภาพแบบนี้ เหยียบลงไป มีหวังจมแน่ ++

หาเรือ ที่พอจะใช้งานได้เสร็จ
ปรากฏว่า ... พายใช้กันไม่ได้อีกค่ะ
 ต้องไปหาเอง จากพาย ที่เขากองๆ รวมกันไว้

สุดท้าย ... หาไม่เจอ

ต้องไปตามเจ้าหน้าที่มา ... เขาว่า ห่วงคล้องพาย หักหมดเลย
ให้เอาเรืออีกแบบ (ที่ฟีบๆ) ไปแทน

ก็เลยบอกให้เขา สูบลมเรือยางให้ใหม่
เพราะลมอ่อนมากแล้ว

เฮ้อ ..... เห็นเขาสูบไป
แอบคิดในใจว่า ถ้ารั่ว จมไปกลางน้ำ ก็คงไม่สนใจมั๊งเนี่ย

activities โฆษณาไว้เยอะ
มีทั้ง
JetSki, Donut, Banana Boat, และ ??
(เรียกไม่ถูก ที่เป็นเหมือนสปริงบอร์ด ลอยกลางน้ำน่ะค่ะ)

แต่ใช้งาน ได้ไม่กี่อย่างเองค่ะ
7) อย่างสปริงกระโดดน้ำเนี่ย เขาก็ลากมาเก็บไว้ข้างแพ
บอกว่า พายุทำให้หลุด
(สุดท้าย จนกลับบ้านแล้ว เขาก็ไม่ลากออกไป ไม่ได้เล่นเลยค่ะ)

JetSki ชาร์จชั่วโมงละ 1,600 บาท
เราไม่เคยเล่นหรอกนะ แต่รู้สึกว่าแพงไปหน่อย

อย่างเรามาพักเนี่ย 2 คน จ่ายไป 1
,380 บาท
แพงกว่า ค่าที่พักอีกอ่ะ

พายเรือเล่น กลางสายฝนไปได้พัก
ชักไม่ไหว ... เริ่มหนาว ... กลับไปนอนที่ห้องดีกว่า


++ ท้องฟ้า เริ่มเห็นแสงแดดแล้ว ++

สักพัก ... ไฟฟ้า ก็มา .... แต่ .....
8) ทีวีไม่มีสัญญาณค่ะ
!!
ฮ่วย ... อะไรกันนัก กันหนา

ยังค่ะ ... ยังไม่พอ ....
ขณะที่นอนพักในห้อง มีคนเล่น
JetSki ค่ะ

9) เขาก็ติดป้ายไว้แล้ว ใกล้ฝั่งให้ลดความเร็ว
แต่อารมณ์แบบว่า เร่งเครื่องอย่างเดียว

แพเราน่ะ ใกล้ที่จอด ... เจอคลื่นที ก็โคลงไป-มา
อยู่นานๆ มีหวังมึนได้เลยนะนั่น
(เคยอ่านเจอ ตอน search ข้อมูลที่นี่ มีคนบ่นเรื่องนี้เหมือนกัน)

น่ารำคาญมากค่ะ เจอคนข้างห้องพักแบบนี้
ไม่เกรงใจคนอื่นเลย


++ พระอาทิตย์ กำลังจะลาลับขอบฟ้า ++

แล้วที่แย่ๆอีก ... ก็ตอนอาหารมื้อเย็นค่ะ
ห้องอาหารแคแสด จะปิดตอนประมาณ 1900 น.
เนื่องจากระยะทางไกล เลยต้องทานที่รีสอร์ท

ทำใจไว้แล้ว ว่าคงแพงบ้าง
อาหารจานเดียว ราคาประมาณ 70.-บาท
อาหารตามสั่ง จานละไม่ต่ำกว่า 100.- บาท

แต่นั่น ... ไม่ใช่ปัญหาค่ะ

ปัญหาคือ เมนูมีให้เลือกน้อยมาก
10) แถมบางอย่างสั่งไป ก็ไม่มีของค่ะ

เขาว่า กุ้งไม่มี แล้วมาบอกทีหลังค่ะ
มารู้ตอนเราสั่ง
“ทอดมันกุ้ง”

แต่ดันสั่งแกงส้มชะอมทอดไป 1 ชามแล้ว
กลับไม่บอกว่า ไม่มีกุ้ง
ในชามเลยมีแต่น้ำ ไข่ และผัก มาเสิร์ฟที่โต๊ะ

พ่อหมีเลยสั่งแกงเผ็ดเนื้อ
เขาก็บอก ผักที่จะใส่ไม่มีอีก .... โหย
!!!!

สรุป ... ในเมนู กินได้แต่ปลาค่ะ
พ่อหมีชักรำคาญ อะไรๆก็ไม่มี
ก็เลยบอกไปว่า มีแค่ไหน ก็ใส่มาแค่นั้นละกัน

กับข้าว 3 อย่าง
+ ข้าว 3 จาน + น้ำ 2 ขวด (ไม่มีน้ำแข็ง)
ของหวาน เป็นไอติม 2 ถ้วย

แอบได้ยิน ตอนพนักงานเขาตัก
บ่นๆว่า ไอติมเละ เพราะไฟดับ เมื่อตอนเย็น

คิดอยู่ในใจ สงสัยคงอดกินไอติม อีกแน่
แต่สุดท้าย เขาก็ยกมาเสิร์ฟ แบบเละๆนิดหน่อยนั่นแหละค่ะ
เฮ้อ ...... ให้มันได้หยั่งงี้สิ

ทั้งหมด 460.- บาท  ไม่คุ้มราคาเลย ... อาหารก็ช้าค่ะ
11) แถมมดแดง เดินพาเหรดบนโต๊ะกินข้าว
จนต้องเรียกมาจัดการให้


++ บรรยากาศยามเย็น จากโต๊ะอาหาร ... ฝนเพิ่งหยุดตกค่ะ ++

กลับเข้าห้องพัก นอนดีกว่า

อืมม ... บ้านพักแบบไม้อ่ะเน๊อะ
12) ข้างห้อง ก็เปิดทีวีเสียงดังน่ารำคาญอีก

... เอาน่ะ ...
บอกตัวเองว่า ดีกว่า ตั้งวงกินเหล้าเสียงดัง

เฮ้อ .... ส่วนตัว เราชอบรูปแบบที่พักที่นี่นะคะ
บรรยากาศดี ทิวทัศน์ก็ดี


แต่อย่างอื่น 
“ติดลบ” หมดเลย

ด้วยราคา และระยะทาง(ไกล)ขนาดนี้
ถ้าไม่แก้ไขเรื่องระบบการจัดการ ท่าทางจะแย่ค่ะ


++ ทิ้งท้าย กับบรรยากาศยามเย็นอีกสักมุม ++

 

concert tickets 
- Since August 12, 2005 -

             




Create Date : 06 สิงหาคม 2551
Last Update : 10 สิงหาคม 2551 16:44:02 น.
Counter : 10018 Pageviews.

6 comments
  
จุกจิกจังเลยครับคุณแมบ้าน ถ้าต้องการความสดวกสบายแนะนำไปเที่ยวห้างครับ ต้องเข้าใจเล็กน้อยว่าแพ ไม่ใช่ห้าง อาหารก็ต้องราคาประมานนี้ เพราะค่าเดินทางและอีกหลายๆประการ ส่วนเรื่องความเงียบนั้นแนะนำถ้ารอบหน้าอยากได้ความสงบ ลองไปเที่ยวเขื่อนรัชประภาครับ กว่าจะถึงจุดพักนี่นั่งเรือปาไป1ชมได้ รับรอง เงียบสมใจแถม 4ทุ่มดับไฟ หรือถ้าสดวกที่แถวกาญจนบุรี ลองหาแพที่เค้ามีบริการลากแพออกไปไกลๆอะครับ เงียบแน่นอน
โดย: ลุงชม IP: 58.10.93.93 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:58:53 น.
  
คุณลุงชม >>

ดิฉันต้องการแชร์"ประสบการณ์แย่ๆ" ที่เจอมากับตัวเอง
อะไรดี ก็บอกว่าดี .. อะไรไม่ดี ก็บอกว่าไม่ดี
ไม่นิยมยกยอปอปั้น หรือนั่งเทียนเขียนค่ะ

ไปเที่ยว ไม่ได้หวังจะสบายอยู่แล้วค่ะ
ถ้าจะเอาสบาย ดิฉันขอไปนอนรีสอร์ทหรูๆ 5 ดาว มี butler ส่วนตัวดีกว่า
ดิฉันแยกแยะออกค่ะ ...

ที่ว่านอนแพลาก ก็ไปมาแล้วค่ะ นอนอยู่ในแพ 3 วัน 2 คืน
และนอนรวมกับคนอื่นๆ เป็น open air ด้วย ไม่ใช่ห้องพักส่วนตัว

แต่"สำนึก เรื่องความเกรงใจ" ของคนเราไม่เท่ากัน
อันนี้ เข้าใจค่ะ ... ดิฉันก็บ่นไปตามประสา

ส่วนเรื่องอาหาร กรุณาอ่านให้เข้าใจอีกรอบ !!!
ดิฉันบอกว่า แพงแต่รับได้ ไม่มีปัญหา
คุณเข้าใจผิดประเด็นซะแล้วล่ะค่ะ

ขออนุญาตให้ข้อมูลอีกอย่าง
ดิฉันเป็นคนในวงการโรงแรมมาก่อนค่ะ และเรียนจบมาด้านนี้โดยตรง
เลยเป็นสาเหตุ ที่ทำให้จุกจิกอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ
เพราะรู้ระบบการบริหารจัดการต่างๆ พอสมควร

ขอบอกอีกอย่างว่า ทางเจ้าหน้าที่ของ Lake Heaven ได้โทรมาหาดิฉันแล้วด้วย
และเขายินดี รับฟังคำติชมต่างๆ เพื่อนำไปปรับปรุง
ก็ขอชื่นชมตรงจุดนี้ด้วยละกันค่ะ
โดย: I-am-Nina วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:37:44 น.
  
เห็นด้วยทุกประการ กับ เจ้าของกระทู้คับ เพิ่งเข้ามาอ่านเจอ คับ

ผมก็เจอ ประสบการณืแย่ๆ กับทาง Lake Heaven มาเหมือนกันครับ บริการแย่มาก แล้วก็ ไม่โปร่งใสด้วยครับ sales ของทาง LH ก็ให้ข้อมูลไม่ครบ หวังแต่จะเอา ยอด booking อย่างเดียว เฮ้ออ แบบนี้ ไม่เจริญหรอกครับ

โดย: บ็อบบี้ IP: 203.146.242.129 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:16:54:59 น.
  
พึ่งไปมาอาทิตน์ก่อน
ขอบอกว่าบริการดีขึ้น ถ้าเทียบกะคุณเจ้าของบล๊อคเจอ แต่ว่า จะบริการเยี่ยมเฉพาะก่อน check out อ่ะ ถือกระเป๋า ยิ้มแย้มดี แต่พอ check out เรียบร้อย เมิงถือเป๋าเมิงเอง กูไม่สนแล้วววว
โชคดีที่เจอแค่ร้านอาหาร เราเข้าห้องตอนสามทุ่ม ร้านอาหารเปิดอยู่ไม่เป็นไร ยังไม่ดึก แต่พอเที่ยงคืน สะดุ้งตื่น เพราะอั๊ยห้องข้าง ๆ แหกปาก ตะโกน ร้องเพลงเล่นกีต้าร์ ลั่นแพ ย้ำว่าตะโกนจิง ๆ ไม่มีมารยาททางสังคมสุด ๆ ร้องเพราะจะไม่ว่าเลย... โทรไปแจ้งทางรีสอร์ทตอนตีหนึ่ง เพราะทนฟังมาชั่วโมงนึง ยังไม่หยุด ไม่ไหวจริง ๆ รีสอร์ทบอกจะให้ยามมาดู ปรากฏว่าตีสองก้อยังได้ยินอั๊ยพวกนรกนั่นแหกปากอยู่ เซ็งงง จิต ยอมรับว่าบรรยากาศดีสุดๆๆ โคตรชอบ แต่ควรมีกฎระเบียบดูแลผู้เข้าพัก ที่ไม่มีมารยาททางสังคมแบบนี้หน่อย
โดย: ภูวารี IP: 125.25.193.167 วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:28:48 น.
  
บังเอิญไ้ด้เข้ามาอ่าน เพราะค้นหาข้อมูลอยู่พอดี
ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่ได้แชร์ประสบการณ์
ซึ่งเป็นประโยชน์มาก สำหรับคนที่คิดว่าการไปนอนแพในเขื่อนมันน่าสนใจแค่ไหน

ปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ คงได้รับการแก้ไขในวันนี้บ้าง
แต่ปัญหาเรื่องความไม่เกรงใจของคน
อันนี้อ่านเรื่องของคุณแล้ว เห็นใจมากๆ
ถ้าเป็นเราไปเจอ ก็คงได้มีการตะโกนสวนออกไปบ้าง
ขนาดไปนอนเ่ล่นริมหาดบางแสน
ยังเจอโต๊ะข้างๆดื่มสุราแล้วส่งเสียงดังตลอด 2 ชั่วโมง
แถมยังพูดจาหยาบคายมากๆอีกด้วย
ทำเหมือนว่า โลกนี้มันอิสระ ใครจะทำอะไรก็ไ้ด้

ปล. แปลกใจที่มีคน เข้ามาตำหนิเจ้าของบล๊อก
ถ้าตัวเขาและครอบครัวไปเจอแบบนี้บ้าง
คุณคงไม่เขียนคอมเมนท์แบบนั้นแน่ๆ
โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด IP: 124.120.152.107 วันที่: 20 มกราคม 2555 เวลา:12:16:01 น.
  
บรรยากาศดีมาก วิวสวยไม่เถียง แต่เรื่องที่พักเนี้ยควรปรับปรุงนะคร้า กุญแจห้องหนึ่งสามารถไขห้องอื่นได้ด้วย งงจัง ความปลอดภัยไม่มีเลย และที่สำคัญเรือที่มีไว้บริการฟรี!!!1พายไปถึงกลางเขื่อน ล่มคร้า สาเหตุเกิดจากรั่ว ทำเอาคนในเรือ ตกจัยอย่างแรงมาก ต้องให้เจ้าหน้าที่ขับเจ็คสกีไปรับทำเอาพี่ที่พายออกไปเสียขวัญเป็นอย่างมาก และอีกเรื่องหนึ่ง อาหารเช้า 10 โมงปุ๊ป เก็บปั๊ป ไม่รอแม้กระทั่งคนกำลังเดินมา ผู้จัดการ เลค เฮฟเว่น ควรปรับปรุง ดูแลลูกน้องหน่อยนะคร้า บรรยากาศดีๆๆอย่างเนี้ย เด๊วจะเสียลูกค้าหมดคร้า...
โดย: หมิว IP: 101.108.184.11 วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:14:17:00 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I-am-Nina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เรื่องราวของคนเดินทาง ที่ชอบสะพายกล้อง ท่องเที่ยว ไปทั่ว ... กับคนรู้ใจ

** สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพและ/หรือข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด **