Group Blog
All Blog
|
Discover "Hua Hin" The Amari Way : Part 3 - Amari Hua Hin AMARI HUA HIN ที่ตั้ง : ทางไปเขาตะเกียบ https://www.facebook.com/amarihuahin //www.amari.com/huahin :+: :+: :+: :+: :+: :+: :+: :+: แวะเที่ยว Camel Republic แวะทานมื้อกลางวันที่ Alpaca Restaurant แล้ว ก็ได้เวลาเดินทางสู่ที่พักค่ะ Amari Hua Hin - ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของแคมเปญ Discover "Hua Hin" The Amari Way ซึ่งมอบโอกาสให้เราเป็นผู้โชคดี 1 ใน 3 ของกิจกรรมนี้ :) ส่วนตัวแล้ว เราไม่เคยเข้าพักโรงแรมในเครืออมารีมาก่อน เคยแต่ไปร่วมสัมมนาในโรงแรมอมารีที่กรุงเทพฯ และภาพของอมารีที่เราเคยเห็นผ่านตา ก็ถูกลบออกไป เมื่อย่างก้าวแรกที่มาถึงที่นี่ .... อมารี หัวหิน อมารี สีสันและจังหวะแห่งเอเชียสมัยใหม่ คำจำกัดความนี้มีขึ้น หลังจากมีการ rebranding แบรนด์อมารีใหม่ ในรูปโฉมที่ทันสมัยมากขึ้น นอกจากนี้ อมารี หัวหินยังถือเป็นโรงแรมต้นแบบของโรงแรมอมารีสาขาอื่นๆ (อมารี หัวหินเป็นโรงแรมสร้างใหม่ เปิดได้ประมาณ 3 ปี) และเราก็รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพราะภาพลักษณ์ที่เราเคยมีต่ออมารีได้เปลี่ยนไป จากการได้มาสัมผัสในครั้งนี้ . . บริเวณโถงต้อนรับหรือ lobby เป็นเพดานสูงโปร่ง ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงิน-ขาว ให้ความรู้สึกของการมาเที่ยวทะเล ++ แอบมาเก็บภาพล๊อบบี้ยามดึก เพราะช่วงกลางวันคนเยอะตลอด ++ ทราบมาว่า เนื่องจากอมารีหัวหินไม่ได้อยู่ติดชายหาด เลยพยายามนำสิ่งที่มีอยู่ใกล้ตัวรอบๆ นำมาประดับตกแต่งรวมไว้ในโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล (นึกภาพตามง่ายๆ แบบเดียวกับที่พระราชวังมฤคทายวันค่ะ) การตกแต่งแบบคลาสสิก หากแต่ดูไม่เก่า มีความทันสมัยแฝงอยู่ในตัวเอง ได้บรรยากาศบ้านพักตากอากาศของเมืองหัวหิน ซึ่งเป็นที่นิยมในอดีตกาล เท่าที่สังเกต รูปภาพติดผนังที่นี่ จะเป็นสีขาวดำทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ภาพวาดที่ประตูลิฟต์ และทั้งหมด เป็นภาพที่สื่อความหมายของเมืองชายทะเล เมืองที่มีเสน่ห์มนต์ขลังมานับตั้งแต่อดีตกาล - หัวหิน - . . ครอบครัวเรามาถึงที่พักประมาณ 1600 น. ทำการเช็คอิน พร้อมด้วยผ้าเย็นและเครื่องดื่มเย็นที่ถูกเตรียมไว้ต้อนรับ โปรแกรมเดิมหลังจากมาถึงที่พัก คือจะมี Afternoon Tea เตรียมไว้ให้ ที่ Coral Lounge ซึ่งอยู่ติดกับล๊อบบี้ แต่เนื่องจากมาถึงค่อนข้างเย็นแล้ว ประกอบกับลูกหมีร่ำร้องอยากเล่นน้ำ ก็เลยเข้าห้องพักทันที ++ โถงหน้าลิฟต์ ++ ตัวอาคารที่พักจะมีอยู่ 2 อาคารด้วยกัน และมีสระว่ายน้ำตรงกลาง ++ อาคารด้านซ้าย คือ ตึก 1 และอาคารด้านขวาคือ ตึก 2 ++ ห้องพักที่นี่ แบ่งเป็น 3 แบบหลักๆ * Deluxe จำนวน 207 ห้อง * Family Suite จำนวน 8 ห้อง * Suite จำนวน 8 ห้อง (รวมเป็น 223 ห้อง) //////////////////////////////////////////////////////// :+: FAMILY SUITE :+: การเข้าพักครั้งนี้ เราได้ห้องพักแบบ Family Suite ซึ่งประกอบด้วย 1 ห้องนอนเล็ก + 1 ห้องนอนใหญ่ + มุมนั่งเล่น มี 1 ห้องน้ำ แต่จัดสรรพื้นที่ได้ดี และกว้างขวางค่ะ ซึ่งสามารถเข้าพักได้มากถึง 4 คน (พื้นที่โดยรวม 77 ตารางเมตร) ++ Master Bedroom ++ ภายในห้องนอนเล็ก เป็นเตียงคู่ (twin bed) พร้อมโต๊ะทำงาน ซึ่งค่อนข้างจะเอนกประสงค์ทีเดียว นอกจากนี้ ยังมี stationery set เตรียมไว้ให้ด้วยค่ะ เราชอบไอเดียบานเลื่อนกระจกติดกับโต๊ะทำงาน เมื่อปิดบานเลื่อน ก็สามารถแทนโต๊ะเครื่องแป้งได้ แต่เมื่อเปิดออก จะทะลุถึงโถงทางเดินทำให้มีพื้นที่ในการวางของมากขึ้น เมื่อเดินกลับเข้ามาในห้อง พร้อมสัมภาระจุกจิก ++ ยามเมื่อปิดบานเลื่อน ++ ++ เมื่อเปิดบานกระจกออกและมองจากฝั่งด้านนอกเข้าไปยังห้องนอน ++ ถัดไปยัง มุมห้องนั่งเล่น Welcome Fruits และโถขนมเล็กๆถูกจัดเตรียมไว้ พร้อมกับเก้าอี้โยก ห้องนอนใหญ่เป็นเตียงเดี่ยวแบบ King Size พร้อมหมอนหนุนมากมายหลายใบ (อันนี้ก็ชอบเป็นการส่วนตัว เพราะสามีเป็นคนนอนหนุนหมอนสูงๆค่ะ) หัวเตียง ติดกับกระจกบานเลื่อนบานใหญ่ เปิดออกสู่ระเบียง ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ไกลๆ พร้อม iPod Dock ที่หัวเตียง ++ ระเบียงนี้ เป็นทั้ง sea view และ pool view ++ ++ มุมระเบียง สามารถชมแสงแรกของวันได้ในยามเช้า ++ ++ วิวจากด้านข้างระเบียง ++ มีเครื่องเล่น DVD ให้ภายในห้องพัก ห้องน้ำแยกส่วนเปียก-ส่วนแห้งอย่างดี พร้อมอ่างล้างหน้า 2 อ่าง ตามประสาห้องใหญ่พักกันหลายคน ห้องอาบน้ำมีทั้งฝักบัว และ rain shower แต่ไม่มีอ่างอาบน้ำค่ะ อุปกรณ์ Bathroom Amenities ที่นี่ ใส่มาในขวดรูปทรงทันสมัย ทราบมาว่าเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในสปา (แอบเสียดาย ที่ไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม Breeze Spa เลย) ส่วนห้องสุขา สามารถเปิดบานเกล็ด เพื่อชมวิวทะเลได้ และคำถามที่มักจะโดนถามอยู่บ่อยๆเมื่อเขียนรีวิวที่พัก มีสายชำระหรือไม่? ขอตอบด้วยภาพๆนี้ละกันค่ะ (ชิงตอบก่อนเลย) v v Mini Bar ต่างๆ ตามมาตรฐานทั่วไป พร้อมกาต้มน้ำร้อน และชา-กาแฟบริการฟรี ในส่วนของตู้เสื้อผ้า ... ซึ่งน่าจะเรียกว่า Walk-in Closet มากกว่า มีอุปกรณ์ครบครัน ทั้งเตารีด, ที่รองรีด, beach bag, ร่ม, ชุดคลุมอาบน้ำ, ตู้เซฟ, ไฟฉาย, เครื่องชั่งน้ำหนัก,แปรงขัดรองเท้า, ฯลฯ (ของเขาเตรียมให้เยอะจริงๆ) พร้อมทั้งกระจกบานใหญ่ พื้นที่กว้างขวาง และเอื้อต่อประโยชน์ใช้สอย มีที่วางกระเป๋าเดินทางพร้อม มีบานเลื่อนเปิด-ปิด เหมือนห้องเก็บของเล็กๆอีก 1 ห้อง เลยสนุกเด็กหมีเขาล่ะ ... เอาไว้เล่นซ่อนแอบ ^^ ++ จ๊ะเอ๋ !!! ++ โดยรูปแบบการตกแต่งและการออกแบบประโยชน์การใช้สอยแล้ว ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานทุกอย่าง เดินเก็บภาพในห้องอย่างมีความสุข เพราะมีมุมสวยๆให้เก็บภาพเยอะมาก ++ รูปประดับภายในห้องพัก ก็ยังคงเป็นโทนสีขาว-ดำ ++ เกือบ 1800 น. พนักงานยก afternoon tea set มาบริการให้ถึงห้อง เนื่องจากเตรียมไว้ให้แล้ว เล่นเอาอึ้งไปพักนึงกับความอลังการ เพราะดูน่าทานมาก มีทั้งเบอร์เกอร์, สโคน, เค้ก, เอแคลร์, ถุงทอง ฯลฯ เสิร์ฟพร้อมชาร้อนอีก 1 กา (เซ็ทนี้สำหรับ 4 คน ราคา 800.-บาทเน็ท) คุณลูกเล่นน้ำเสร็จ กลับมาถึงห้องปุ๊ป ! เห็นเจ้าสิ่งนี้วางอยู่ในห้อง คว้าเข้าปากเลยทันที ^^ แต่แอบมีโวยวายค่ะ เพราะเบอร์เกอร์เป็นไส้ลาบหมู รสชาติออกเผ็ด คุณลูกบอกทานไม่ได้ โปรแกรมสำหรับมื้อเย็นวันนี้ เดิมทีคือที่ Shoreline Beach Club แต่เนื่องจากช่วงที่เราเข้าพัก มีการปิดปรับปรุง เลยต้องเปลี่ยนสถานที่ ซึ่งทางผู้ดูแลเสนอเป็นร้านอยู่เย็น เรามอง afternoon tea set ที่วางตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เลยตัดสินใจโทรไปขอยกเลิกมื้อเย็นวันนี้ เพราะที่มีอยู่ตอนนี้ ทานหมดก็อิ่มจุกล่ะ -.- ส่วนตัวแล้ว เราเป็นคนชอบทานขนมหวาน ชอบบรรยากาศของ afternoon tea ชอบนั่งชิลตามร้านกาแฟ ขอชมว่า เบเกอรี่ที่นี่อร่อยหลายอย่างเลยค่ะ และได้แอบดูราคาจากป้ายโฆษณาที่หน้าห้อง Coral Lounge เราว่าราคาก็ไม่ได้แรงมาก เรียกว่าจับต้องได้ //////////////////////////////////////////////////////// :+: CORAL LOUNGE :+: เอ่ยถึง afternoon tea set แล้ว ก็ขอพูดถึง CoralLounge สักหน่อย เพราะจริงๆแล้ว เขาจะให้บริการที่ Coral Lounge ค่ะ Coral Lounge เป็น 1 ใน 5 ส่วนบริการอาหารและเครื่องดื่มของอมารีหัวหิน ซึ่งอยู่ติดกับบริเวณ lobby ไม่ขอเรียกว่าห้องอาหารนะคะ (ตามชื่อของเขา คือ เลาจน์) เพราะห้องนี้เป็นแนวบริการขนมและเครื่องดื่ม มีทั้งชา-กาแฟ-ค๊อกเทล มีบริการขนมชิ้นเล็กๆ ในราคามิตรภาพ ภายในบริเวณ coral lounge เพดานสูงโปร่ง ประดับด้วยโคมไฟทรงปะการังสีแดง เข้ากับชื่อห้อง โดยรอบตกแต่งด้วยภาพม้า หมากรุก และปลาดาว (น่าจะ)สื่อความหมายถึงบรรยากาศชายหาดหัวหิน ที่เป็นถิ่นมีหอยและมีม้าเดินไปมา //////////////////////////////////////////////////////// :+: SHORELINE BEACH CLUB :+: ร้านอาหารริมหาด เน้นเมนูแบบบาร์บีคิว ซึ่งมีทั้งแบบพร้อมเสิร์ฟและปิ้งย่างด้วยตัวเอง เป็นที่น่าเสียดายว่า ที่นี่ปิดปรับปรุงเพื่อทำสระน้ำช่วงที่เราเข้าพักค่ะ เลยไม่มีโอกาสได้เห็นสถานทีจริง แต่ถึงกระนั้น โฆษณาก็ทำเอาน้ำลายหยดแหมะ เมนู BBQ Buffet ทุกคืนวันศุกร์ ตั้งเป้าหมายว่า ถ้ามีโอกาสกลับไปหัวหินจะขอไปลองสักครั้ง ! //////////////////////////////////////////////////////// :+: AQUA POOL BAR :+: บริการอาหารว่าง อาหารจานเดียวและเครื่องดื่มริมสระน้ำ แอบเสียดายเหมือนกัน ไม่มีโอกาสได้ลองใช้บริการ //////////////////////////////////////////////////////// :+: MOSAIC :+: สำหรับมื้อเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ เราฝากท้องเอาไว้ที่ห้องอาหารแห่งนี้ค่ะ ตกแต่งสวยงาม สีสันสดใส จากการเข้าพัก 3 วัน 2 คืน และทานอาหารมื้อเช้าที่นี่ 2 วันติด แอบสังเกตเห็นว่า เมนูอาหารบางอย่างมีการเปลี่ยนแปลงไม่ให้ซ้ำซากจำเจ จะคงไว้แต่เมนูหลัก อย่างแฮม เบคอน เมนูไข่ ฯลฯ ยกตัวอย่าง เช้าวันแรกมีเมนูโจ๊กและข้าวต้ม แต่วันถัดมาเป็นก๋วยเตี๋ยวค่ะ โดยรวมแล้วถือว่าหลากหลายใช้ได้ค่ะ โดยเฉพาะเมนูเครื่องดื่ม ซึ่งจะมีบางเมนูเปลี่ยนไปในแต่ละวันเช่นกัน ที่นี่ไม่ได้มีแค่น้ำผลไม้ แต่มีเครื่องดื่มประเภท smoothies เป็นน้ำผลไม้ปั่นกับโยเกิร์ตด้วยค่ะ ขอเอ่ยปากชมนิดนึง ... เราลงมาทานอาหารเช้าใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม. เพราะคุณลูกหมีร่ำร้องจะไปว่ายน้ำเล่น เลยกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องพัก เข้าไปถึงแม่บ้านทำความสะอาดห้องไว้ให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็วมาก ทั้งๆที่ไม่ได้แจ้งอะไรเป็นพิเศษเป็นการส่วนตัว ประทับใจกับการบริการที่ใส่ใจและรวดเร็วค่ะ ^^ //////////////////////////////////////////////////////// :+: REEF DELI & WINE LOUNGE :+: อีก 1 ห้องอาหารที่มีโอกาสได้ใช้บริการ เป็นมื้อเย็นวันที่ 2 ค่ะ ส่วนตัวแล้ว ชอบการเล่น lighting แสงและเงาของห้องอาหารนี้มาก เลยเก็บภาพมาซะเยอะเลย นอกจากบริการอาหารแล้ว ห้องนี้ยังเหมือนแหล่งรวมไวน์ชั้นดี แต่ไม่ได้ลองอีกล่ะ เพราะไม่ดื่มไวน์ ^^ สำหรับอาหารเมนูเด็ดที่ได้รับการเสนอจากการเข้าพักครั้งนี้ ได้แก่ แพนงเนื้อแกะ ... รสชาติเข้มข้นทีเดียวค่ะ พ่อหมีเป็นคนชอบทานเนื้อแกะอยู่แล้วด้วย ถึงกับชมเลยทีเดียว เพราะกลิ่นเนื้อแกะไม่แรง แถมเข้ากันได้ดีกับเครื่องแกงอย่างแพนง v สะเต๊ะไก่ ... ที่เน้นการนำเสนอ ทำ presentation ได้ดูดีน่ารัก ไม่มากและไม่น้อยไป v ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว ... เนื้อปลาสด อร่อย รสชาติกลมกล่อม v ข้าวอบสัปปะรด v เครื่องดื่ม Apple Lychee ซึ่งช่วงที่เข้าพัก เขามีกิจกรรมให้ร่วมผ่านทาง socialnetwork สามารถแลกรับเครื่องดื่มชนิดนี้ได้ฟรีค่ะ v ปิดท้ายด้วยของหวานแบบโมเลกูล่า Mango Caviar ซึ่งเขาจะใช้หลักวิทยาศาสตร์มาช่วยในการปรุงแต่งอาหาร (โดนคุณลูกหมีแย่งทานไอศกรีมหมดเลย) v //////////////////////////////////////////////////////// จบเรื่องส่วนบริการอาหารและเครื่องดื่มทั้ง 5 แห่งไปแล้ว มาชม facilities ส่วนกลางกันต่อค่ะ :+: MAIN POOL :+: สระว่ายน้ำกลางแจ้ง มีความยาวกว่า 38 เมตร เนื่องจากที่พักไม่ได้อยู่ติดทะเลหรือชายหาด เขาจึงจำลองชายหาด มาไว้ที่สระว่ายน้ำส่วนกลางค่ะ โดยการให้ความรู้สึกของสีน่ำตาลแทนหาดทราย พื้นเทลาดลงสู่พื้นน้่ำ แทนการใช้ขั้นบันไดหรือมีขอบปูน กระเบื้องสีฟ้าไล่ระดับสี แทนความตื้น-ลึกของน้ำ ระแนงไม้ที่ยื่นออกไปในสระ ไห้ความรู้สึกเหมือนท่าเรือ (หรือเหมือนสะพานปลาดี??) [ Shuttle Service ] ถึงแม้ที่พักจะไม่ได้ติดชายหาด แต่เขามีรถ Shuttle Service รับ-ส่งระหว่างตัวโรงแรมและชายหาด บริการฟรี สำหรับแขกที่เข้าพักที่โรงแรม รอบเช้าสุดตั้งแต่เวลา 0600 น. จนถึงรอบสุดท้าย รับกลับเวลา 2305 น. ให้บริการทุกๆ 30 นาที นอกจากนี้ ยังมีบริการรับ-ส่งจากโรงแรมไปยังหอนาฬิกาด้วยค่ะ วันละ 4 รอบเวลา สะดวกสำหรับคนที่อยากไปตลาดโต้รุ่ง แต่ไม่อยากขับรถไปเอง หรือเสียเวลาวนหาที่จอดรถ (แต่ถ้าอยากไปตลาดจักจั่นหรือ Cicada ก็เดินไปจากรร.ได้เลยค่ะ) //////////////////////////////////////////////////////// :+: KIDS POOL:+: อยู่ใกล้ๆกับ Aqua Pool Bar ค่ะ ลูกหมีไม่มาเล่นที่สระนี้เลย เพราะว่ายน้ำได้แล้วและชอบดำน้ำงมของ เลยเมินกับสระติ้นๆซะล่ะ //////////////////////////////////////////////////////// :+: FITNESS CENTER :+: ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ถือว่าไม่ขาดหายค่ะ //////////////////////////////////////////////////////// :+: KIDS CLUB :+: อยู่ในบริเวณเดียวกันกับ Fitness Center ที่นี่จะมีห้องเด็กเล่น ที่ให้บริการฟรีมีของเล่นให้เลือกเล่นตามชอบ รวมถึงมีแผ่นการ์ตูนให้ดู กับส่วนกิจกรรมที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ตามตารางกิจกรรมในแต่ละวัน ซึ่งลูกหมีมีโอกาสได้ลองทำเทียนเจล เป็นครั้งแรก เห็นลูกตั้งใจทำมาก ก็ดีใจค่ะ ได้ผลงานกลับบ้านไปอวดคุณปู่-คุณย่า . . เป็นอันว่าจบการพาทัวร์โรงแรมอมารี หัวหิน ซึ่งจริงๆแล้ว ยังถือว่าเราตกหล่นอยู่อีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ... * Breeze Spa - ที่ไม่มีโอกาสได้ลองใช้บริการ * Aqua Pool Bar - ไมไ่ด้ใช้บริการเช่นกัน * Shoreline Beach Club - เพราะปิดปรับปรุง //////////////////////////////////////////////////////// เต็มอิ่มกับที่พักสวยๆ บรรยากาศดีๆไปแล้ว แต่การเดินทาง 3 วัน 2 คืนของครอบครัวหมียังไม่จบค่ะ ตอนต่อไป จะพาไปเที่ยวใกล้ๆโรงแรม กับ"สวนน้ำ Vana Nava" ที่ใช้เวลาเดินทางไปจากที่พักไม่ถึง 10 นาที ปล. เด็กหมีคนนี้ชอบเล่นน้ำมากกกก แช่น้ำได้ทั้งวันเลยฮับ thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:2:06:00 น.
|
I-am-Nina
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] เรื่องราวของคนเดินทาง ที่ชอบสะพายกล้อง ท่องเที่ยว ไปทั่ว ... กับคนรู้ใจ ** สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพและ/หรือข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด ** Friends Blog
Link |