Group Blog
All Blog
|
Discover "Hua Hin" The Amari Way : Part 1 - Camel Republic สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอถือโอกาสนี้ขอบคุณ Amari อย่างเป็นทางการ ที่ให้เราได้ผ่านการคัดเลือกเป็น1 ใน 3 นักรีวิวของโครงการ Discover Hua Hin The Amari Way ซึ่งนักรีวิวทั้ง 3 คนจะได้รับบทบาทและการนำเสนอในรูปแบบที่แตกต่างกันไปได้แก่ ... 1) เส้นทางนักเที่ยว 2) เส้นทางนักชิม 3) เส้นทางสำหรับครอบครัว ครอบครัวลูกเล็กวัย 5 ขวบอย่างเรา ได้รับมอบหมายในเส้นทางสำหรับครอบครัวค่ะ (อาจจะมีนายแบบตัวน้อยมาเสนอหน้าทักทายในรีวิวนี้เป็นระยะ) เพราะฉะนั้นแล้วรีวิวนี้จึงเน้นกิจกรรม-ที่เที่ยว-ที่พักในแบบการท่องเที่ยวเดินทางแบบครอบครัวนะคะและด้วยโปรแกรมที่อัดแน่นด้วยกิจกรรมมากมาย จึงขอแบ่งออกเป็นตอนๆเพื่อไม่ให้ยืดยาวมากจนเกินไปค่ะ เริ่มต้นการเดินทาง ....... เป็นเรื่องราวที่ประทับใจมาก เลยอยากจะขอเล่าสักหน่อยเพราะตั้งแต่เคยผ่านการคัดเลือกทำงานรีวิวมาบ้าง เดินทางด้วยตัวเองตลอดแต่ครั้งนี้สำหรับ Discover Hua Hin The Amari Way เขาส่งรถมารับถึงบ้านเลยค่ะ >.< ! ในเส้นทางสำหรับครอบครัว เขาให้เลือกได้ด้วยว่าต้องการเป็นรถเก๋งหรือว่ารถตู้แต่ครอบครัวเราก็มีกันอยู่แค่ 3 คนพ่อ-แม่-ลูกก็เลยเลือกรถเก๋งค่ะเพื่อความคล่องตัว ... คนขับเองก็ใจเย็นและสุภาพมากๆ เนื่องจากเรามีลูกเล็ก(แถมแสบซนอีกต่างหาก)คอยจะป่วน บางทีก็ปีนข้ามไปมา แต่โชคดีว่าพี่คนขับก็มีลูกเล็กวัยขวบกว่าเช่นกันเขาก็เลยเข้าใจในความป่วนของเจ้าตัวซน PORTO CHINO ถนนพระราม 2 https://www.facebook.com/portochino ระหว่างการเดินทางบนส้นทางถนนพระราม 2 เราหยุดแวะพักกันที่ Life Style Mallอย่าง Porto Chino ทันทีที่เห็นป้าย McDonaldด้านหน้ามอลล์ คุณลูกหมีตะโกนออกมาทันทีว่า"เฟรนฟรายซ์ !!" เอ่อ ไปไหนไม่รอดค่ะ -.- จบอยู่ที่ร้าน McDonaldด้านหน้านั่นแหละ ++ ดูหน้าตาเด็กดีใจ ได้ทั้งเฟรนซ์ฟรายซ์, โค๊กและไอศกรีม... ไหนบอกแค่เฟรนซ์ฟรายซ์ไม่ใช่หรือคะคุณลูก !? ++ ส่วนตัวแล้ว เราชอบร้าน Starbucks ที่นี่ค่ะที่ทราบมาเหมือนจะเป็นร้านแบบ Drive Thru แห่งแรกในประเทศไทยด้วยและเป็น Starbucks แห่งแรกในเอเซียที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน LEEDระดับ Gold ซึ่งเป็นมาตรฐานการออกแบบและการสร้างอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม แวะพักสักครู่หนึ่งก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ เพราะวันแรกนี้มีโปรแกรมเยอะทีเดียว CAMEL REPUBLIC ถนนนเพชรเกษม ซ้ายมือ ก่อนถึงทางแยกไปชะอำ จันทร์ ศุกร์ เวลา 1000 1800 น. เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 0900 1830 น. https://www.facebook.com/camelrepublic นั่งหลับๆตื่นๆมาสักพัก (มีคนขับรถให้ดีแบบนี้นี่เอง)เราก็มีถึงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกสำหรับการเดินทางครั้งนี้ค่ะ นั่นก็คือ CamelRepublic ... ถึงแม้จะชื่อว่าสวนอูฐ แต่ที่นี่มีอะไรมากกว่าอูฐค่ะโดยหลักๆแล้วจะมี 2 โซนด้วยกันคือ โซนสวนสัตว์และโซนเครื่องเล่นไม่นับรวมร้านค้าต่างๆ ซึ่งมีทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านขนมและร้านอาหาร ++ โซนเครื่องเล่น ++ ส่วนตัวแล้ว เราเคยมาที่นี่ 2 ครั้งแล้วค่ะ และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ... ครั้งที่ 1 14 สิงหาคม 2014 ครั้งที่ 2 15 ตุลาคม 2014 ครั้งที่ 3 26 พฤศจิกายน 2015 (ครั้งนี้) Camel Republic เริ่มเปิดให้บริการเมื่อกลางปี 2557ตอนที่เรามาครั้งที่ 3 เปิดมาได้ประมาณปีกว่าแล้วค่ะ และการเปลี่ยนแปลงอย่างแรกที่เห็นคือราคาค่าเข้าชม ... เดิมทีราคาค่าเข้าชมคนละ 120.-บาทแต่มีการปรับราคาลดลงเหลือคนละ 80.-บาท เริ่มเมื่อ 1 พฤษภาคม 2558 (สำหรับเด็กส่วนสูงต่ำกว่า100 ซม.เข้าชมฟรีค่ะ) นอกจากนี้ยังมีราคาแบบ package ต่างๆแบบรวมเครื่องเล่นสำหรับรีวิวนี้จะเน้นที่โซนสวนสัตว์เป็นหลักค่ะ เนื่องจากว่าลูกหมียังเล็กอยู่เลยไม่สามารถเล่นเครื่องเล่นอะไรได้มากนัก (แต่จริงๆเขาก็มีโซนเครื่องเล่นสำหรับเด็กเล็กนะคะแต่ลูกเราก็ขี้กลัวซะเหลือเกิน) ++ ภาพเก่า จากครั้งที่ 2 ++ การเปลี่ยนแปลงอย่างที่ 2 ความร่มรื่นย์ค่ะ ... อาจจะด้วยเพราะต้นไม้ที่เริ่มโตและใหญ่ขึ้นเลยทำให้มีร่มไม้ไว้หลบร้อนมากขึ้น จำได้ว่าตอนได้ยินชื่อ Camel Republic ครั้งแรกรู้สึกดีจังที่บ้านเราจะมีอูฐให้ได้ใกล้ชิด ได้ทดลองขี่เหมือนประเทศทางแถบตะวันออกกลางบ้างหลังจากที่เห็นแต่ฟาร์มแกะเกลื่อนทั่วบ้านทั่วเมืองตามกระแส ...ส่วนตัวเราชอบอะไรที่แปลกใหม่ ฉีกแนวคิดเดิมๆ สร้างจุดเด่นเป็นของตัวเองและมีจุดขายที่ชัดเจน ไม่ได้กลับมาปีกว่า สัตว์ที่นี่ออกลูกออกหลานเยอะแยะมากมาย อย่างอูฐ 2 ตัวในภาพด้านล่างนี้ก็เป็นลูกอูฐที่เกิดและโตที่นี่ค่ะแต่เขายังไม่ได้รับการฝึกเพื่อให้ขี่และพาเดินได้ ก็เลยรับหน้าที่ในการโชว์ตัวรับอาหารไปซึ่งอาหารสัตว์ที่นี่จะแยกขาย ไม่ได้รวมกับค่าตั๋วเข้าชม สนนราคาถุงละ20-40.-บาทแล้วแต่ประเภทของอาหารของสัตว์แต่ละชนิดค่ะ ปกติแล้วเรามักจะป้อนอาหารสัตว์โดยการยื่นให้ตรงๆแบบยาวๆด้วยความเคยชินจนมาครั้งนี้ถึงได้ตาสว่าง เมื่อเจ้าหน้าที่สอนว่าวิธีให้ที่ถูกต้องคือให้ถือตามขวางที่ปลายด้านหนึ่ง แล้วเขาจะทานอาหารจากปลายอีกด้านหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันปากหรือฟันเขางับโดนมือด้วยค่ะ(ผิดวิธีมาตลอดสินะเรา -.-) โดยแนวคิดของสวนสัตว์ที่นี่เขาพยายามจัดพื้นที่แล้วเลี้ยงสัตว์ให้เหมือนเขาได้อยู่ในบ้านของเขาเองแต่หากใครจะซื้ออาหารป้อน ก็สามารถเปิดประตูกรง เดินเข้าไปใกล้ชิดกับเขาได้ ...จากที่ได้สัมผัส สัตว์ที่นี่ค่อนข้างเชื่องค่ะ และมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างดีในบ้านของพวกเขาทุกๆหลัง ++ แพะแองโกล่าหรือแพะภูเขา ผู้ซึ่งมีนิสัยชอบปีนป่ายบนที่สูง ++ บ่อเลี้ยงหงส์และเป็ด ... มาครั้งนี้แบบตกใจ เพราะเป็ดเต็มบ่อ แถมช่วงนี้เป็นช่วงฤดูออกไข่ด้วยค่ะไข่เยอะมากจนเจ้าหน้าที่ต้องเก็บออกและให้ฝ่อไปเองเนื่องจากว่าไม่มีพื้นที่มากเพียงพอในการรองรับการขยายพันธุ์ของบรรดาฝูงเป็ด ++ ภาพเก่าจากครั้งแรก จะเห็นว่าสระยังโล่งๆ ไม่เยอะมาก ++ ++ ภาพเก่าจากครั้งแรก จะเห็นว่าสระยังโล่งๆ ไม่เยอะมาก ++ ++ ภาพจากครั้งล่าสุด น้องเป็ดว่ายน้้ำเล่นเต็มสระ ++ อัลปาก้า ... ขอบอกว่าเราเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าอัลปาก้าคือแกะชนิดหนึ่ง ด้วยเพราะลักษณะของขนปุยๆเหมือนเจ้าแกะเพียงแต่คอยาวกว่า ... จนถึงวันนี้ได้ตาสว่างอีกรอบว่า อัลปาก้าคืออูฐสายพันธุ์หนึ่งค่ะเจ้าตัวใหญ่เชื่องและเป็นมิตรมาก เดินเข้าหาลูกหมีทันทีที่เห็นหน้าส่วนคุณลูกหรือคะ? วิ่งหนีก่อนเลยค่ะกว่าจะตั้งหลักผูกสัมพันธ์กันได้ ... แหม ! เขาก็แค่อยากทักทายด้วยนิดหน่อยเอง ยีราฟ ... เจ้าสัตว์รูปร่างสูงยาว มีลิ้นที่หนาและหยาบมาก เขาจึงทานใบไม้ได้หลายชนิดรวมถึงใบประเภทมีหนาม ... แต่ยีราฟที่นี่เขาจะทานกล้วยค่ะโดยจะเสียบไม้อำนวยความสะดวกให้ ++ ยังแอบกลัวอยู่ ขอยืนหลบหลังกำแพงนิดนึง ++ กรงนก ... และแล้วก็มาถึงมุมโปรดของลูกหมีเขาล่ะค่ะต้องบอกว่าตอนมาถึงคุณลูกวิ่งเข้าหากรงนี้ก่อนเลยจนพอใจถึงยอมออกมาทักทายเล่นกับสัตว์ตัวอื่นๆบ้าง ดาราเด่นของจุดนี้คือ นกซันคอนัวร์ด้วยความที่เขาแสนเชื่อง จะบินลงมาเกาะแขนและทานอาหารจากมือไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างหลงเสน่ห์ในความเชื่องของเจ้านกชนิดนี้ล่ะค่ะ(แม่หมีเลยกระเป๋าฉีก หมดค่าอาหารนกไป 200 กว่าบาทหรือมากกว่า 10 ถุง) ไม่เจอกันปีกว่า บรรดาน้องนกโตกันขึ้นเยอะเลยค่ะ โดนเกาะแขนที 4 ตัวพร้อมกันนานๆนี่มีแอบเมื่อยแขนนะ เพราะตัวใหญ่และหนักขึ้นเยอะ ฟลามิงโก้ ... อีกหนึ่งกิจกรรมแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอจากที่อื่นมาก่อน คือการป้องอาหารนกฟลามิงโก้... อาจจะดูไม่แปลกนะกับคำว่าป้อนอาหารสัตว์ แต่สำหรับนกฟลามิงโก้เราไม่เคยเจอจากที่อื่นมาก่อนเลยจริงๆค่ะ เท่าที่สอบถามดูเขาใช้เวลาฝึกอยู่นานเหมือนกันค่ะ กว่านกจะยอมมาทานอาหารจากมือซึ่งอาหารของเขาจะผสมน้ำและใส่มาในขัน เวลาเขารุมล้อมเข้ามาทานคือจิกครึ่กๆๆๆอารมณ์เหมือนเครื่องปั่นยังไงยังงั้นเลย ... เปียกเลอะเทอะกันไปบ้างแต่มาถึงตอนนี้คุณลูกหมีสนุกแบบไม่ยอมถอยแล้วค่ะ เลอะยังไงก็ยอม บ่อปลาคาร์ฟ ... มีกิจกรรมป้อนอาหารปลาคาร์ฟเช่นกันค่ะ โดยป้อนผ่านขวดนม และในอนาคตเขามีแผนเพิ่มกระต่ายรอบๆบ่อปลาด้วยค่ะ . . . เกือบจะบ่ายโมงแล้ว เรามานั่งทานเครื่องดื่มเย็นๆคลายร้อน รอเวลาไปขี่อูฐต่อค่ะ... ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่รอมานานมากทีเดียว เพราะตอนมาที่นี่ 2ครั้งแรก ยังไม่มีกิจกรรมขี่อูฐ เพราะอูฐยังอยู่ระหว่างการฝึกและยังไม่พร้อมให้บริการซึ่งครูผู้สอนต้องจ้างมาจากต่างประเทศกันเลยทีเดียว การขี่อูฐยังถือเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่สำหรับบ้านเราและคาดว่าจะมีที่นี่ที่เดียวในประเทศไทยค่ะ ที่มีอูฐที่ผ่านการฝึกแล้ว ให้ได้ทดลองขี่กัน อูฐที่นี่เขาจะมีเวลาทำงานค่ะ ไม่ใช่ว่ามาถึงเวลาไหนก็จะขี่ได้เลย เขามีเวลาทำงานมีเวลาพักเหมือนคน เป็นการสร้างนิสัยให้เขาด้วยค่ะ ซึ่งเราไปถึงช่วงเขาพักเที่ยงพอดีก็เลยต้องรอเวลากันสักนิดนึง เมื่อพร้อมจะขี่อูฐแล้ว ทางผู้ดูแลก็จะแต่งตัวให้อูฐ รวมถึงคนจูงก็จะแต่งตัวด้วยค่ะ... ก่อนจะขึ้นขี่อูฐ เขาก็จะเข้ามาทักทายและขอทำความคุ้นเคยกับเราก่อนค่ะโดยการขอดมมือ ... ถ้าสังเกตเบาะรองนั่งบนหลังอูฐ จะเห็นว่านั่งได้ 2 คนพร้อมกันเพราะเขาสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 4 เท่าจากน้ำหนักตัวเขาเอง เลยสามารถขี่ได้ 2คนพร้อมๆกัน และนิสัยอีกอย่าง เขาจะทำตามอูฐตัวหน้าค่ะ เช่น การเดินหรือหยุดเพราะฉะนั้นแล้ว จึงสามารถใช้เชือกผูกเดินตามกันและใช้คนจูงเพียงคนเดียว เส้นทางการขี่อูฐด้านใน มีการตกแต่งสถานที่ให้ได้บรรยากาศเหมือนกลางทะเลทรายค่ะมีต้นตะบองเพชร และในอนาคตจะมีเส้นทางที่ยาวขึ้น โดยการเดินออกไปด้านนอกบริเวณใกล้ๆลานจอดรถ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างค่ะ ด้านในมีการจำลองสถานที่ให้เหมือนกับการตั้งแคมป์พักแรมหรือโอเอซิสกลางทะเลทรายและไฮไลท์ของเราอยู่ที่ตรงนี้ล่ะค่ะ คือตอนขึ้นน่ะไม่ลำบาก แต่จะลงจากหลังอูฐยังไงคะ!?!? ... เขาจะสั่งให้อูฐนั่งลงค่ะ แต่ตอนที่อูฐนั่งเนี่ยต้องมีเทคนิคค่ะ มิเช่นนั้นอาจจะหน้าคมำ กลิ้งลงไปได้เลย น้องอูฐเขาจะนั่งโดยการย่อขาหน้าลงก่อน ซึ่งจะทำให้เรากลิ้งไปข้างหน้าเพราะฉะนั้นก่อนเขาย่อเข่าลง เราจะต้องเอนหลังไปด้านหลังให้มากที่สุด (เพื่อไม่ให้หน้าคว่ำ)แล้วเหยียดแขนให้ตรง ... เราเคยขี่ม้า ขี่ช้างมาก่อนนะคะ แต่ยอมรับว่าตอนน้องอูฐนั่งลงนี่หวาดเสียวจริงๆ คือ เอนหลังสุดๆแล้ว แต่หน้ายังเกือบจะคว่ำได้(โปรดดูสีหน้าจากภาพประกอบ แอบเกร็งจริงๆ 555++) ++ ตอนแรกกลัวไม่ยอมขี่อูฐ พออูฐนั่งเฉยๆล่ะ วิ่งมาขอลองขี่บ้างเชียว ++ ต้องขอขอบคุณทาง Camel Republic สำหรับโอกาสได้ลองขี่อูฐครั้งแรกในชีวิตค่ะ ++ ระหว่างถ่ายรูปเล่นในโอเอซิส น้ออูฐก็นั่งรอใกล้ๆอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ++ ปิดท้ายกันด้วยเครื่องเล่นสักหนึ่งชนิด เรียกว่า Eagle Zipline นั่งขึ้นไปชมวิวสวยๆด้านบน ก่อนจะปล่อยเก้าอี้ไหลลงมาตามสลิง ...สนุกสนานกันจนเลยเวลา เดินทางกันต่อค่ะ ยังไม่ถึงหัวหินเลย ^^ ((to be continued .)) |
I-am-Nina
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] เรื่องราวของคนเดินทาง ที่ชอบสะพายกล้อง ท่องเที่ยว ไปทั่ว ... กับคนรู้ใจ ** สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพและ/หรือข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด ** Friends Blog
Link |