กุมภาพันธ์ 2559

 
1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
All Blog
Discover "Hua Hin" The Amari Way : Part 1 - Camel Republic

สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นขอถือโอกาสนี้ขอบคุณ
Amari อย่างเป็นทางการ ที่ให้เราได้ผ่านการคัดเลือกเป็น1 ใน 3 นักรีวิวของโครงการ Discover “Hua Hin” The Amari Way



ซึ่งนักรีวิวทั้ง 3 คนจะได้รับบทบาทและการนำเสนอในรูปแบบที่แตกต่างกันไปได้แก่ ...
1) เส้นทางนักเที่ยว
2) เส้นทางนักชิม
3) เส้นทางสำหรับครอบครัว



ครอบครัวลูกเล็กวัย 5 ขวบอย่างเรา ได้รับมอบหมายใน”เส้นทางสำหรับครอบครัว”ค่ะ (อาจจะมีนายแบบตัวน้อยมาเสนอหน้าทักทายในรีวิวนี้เป็นระยะ) เพราะฉะนั้นแล้วรีวิวนี้จึงเน้นกิจกรรม-ที่เที่ยว-ที่พักในแบบการท่องเที่ยวเดินทางแบบครอบครัวนะคะและด้วยโปรแกรมที่อัดแน่นด้วยกิจกรรมมากมาย จึงขอแบ่งออกเป็นตอนๆเพื่อไม่ให้ยืดยาวมากจนเกินไปค่ะ



เริ่มต้นการเดินทาง ....... เป็นเรื่องราวที่ประทับใจมาก เลยอยากจะขอเล่าสักหน่อยเพราะตั้งแต่เคยผ่านการคัดเลือกทำงานรีวิวมาบ้าง เดินทางด้วยตัวเองตลอดแต่ครั้งนี้สำหรับ
Discover “Hua Hin” The Amari Way เขาส่งรถมารับถึงบ้านเลยค่ะ >.< !

ในเส้นทางสำหรับครอบครัว เขาให้เลือกได้ด้วยว่าต้องการเป็นรถเก๋งหรือว่ารถตู้แต่ครอบครัวเราก็มีกันอยู่แค่ 3 คนพ่อ-แม่-ลูกก็เลยเลือกรถเก๋งค่ะเพื่อความคล่องตัว ... คนขับเองก็ใจเย็นและสุภาพมากๆ เนื่องจากเรามีลูกเล็ก(แถมแสบซนอีกต่างหาก)คอยจะป่วน บางทีก็ปีนข้ามไปมา แต่โชคดีว่าพี่คนขับก็มีลูกเล็กวัยขวบกว่าเช่นกันเขาก็เลยเข้าใจในความป่วนของเจ้าตัวซน



PORTO CHINO

ถนนพระราม 2
https://www.facebook.com/portochino

ระหว่างการเดินทางบนส้นทางถนนพระราม 2 เราหยุดแวะพักกันที่
Life Style Mallอย่าง Porto Chino … ทันทีที่เห็นป้าย McDonaldด้านหน้ามอลล์ คุณลูกหมีตะโกนออกมาทันทีว่า"เฟรนฟรายซ์ !!"

เอ่อ ไปไหนไม่รอดค่ะ -.-“ จบอยู่ที่ร้าน McDonaldด้านหน้านั่นแหละ

++ ดูหน้าตาเด็กดีใจ ได้ทั้งเฟรนซ์ฟรายซ์
, โค๊กและไอศกรีม... ไหนบอกแค่เฟรนซ์ฟรายซ์ไม่ใช่หรือคะคุณลูก !? ++


ส่วนตัวแล้ว เราชอบร้าน
Starbucks ที่นี่ค่ะที่ทราบมาเหมือนจะเป็นร้านแบบ Drive Thru แห่งแรกในประเทศไทยด้วยและเป็น Starbucks แห่งแรกในเอเซียที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน LEEDระดับ Gold ซึ่งเป็นมาตรฐานการออกแบบและการสร้างอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม



แวะพักสักครู่หนึ่งก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ เพราะวันแรกนี้มีโปรแกรมเยอะทีเดียว



CAMEL REPUBLIC
ถนนนเพชรเกษม ซ้ายมือ ก่อนถึงทางแยกไปชะอำ
จันทร์ – ศุกร์ เวลา 1000 – 1800 น.
เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 0900 – 1830 น.

https://www.facebook.com/camelrepublic



นั่งหลับๆตื่นๆมาสักพัก (มีคนขับรถให้ดีแบบนี้นี่เอง)เราก็มีถึงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกสำหรับการเดินทางครั้งนี้ค่ะ นั่นก็คือ
CamelRepublic ... ถึงแม้จะชื่อว่า”สวนอูฐ” แต่ที่นี่มีอะไรมากกว่าอูฐค่ะโดยหลักๆแล้วจะมี 2 โซนด้วยกันคือ โซนสวนสัตว์และโซนเครื่องเล่นไม่นับรวมร้านค้าต่างๆ ซึ่งมีทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านขนมและร้านอาหาร

++ โซนเครื่องเล่น ++


ส่วนตัวแล้ว เราเคยมาที่นี่ 2 ครั้งแล้วค่ะ และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ...
ครั้งที่ 1 – 14 สิงหาคม 2014
ครั้งที่ 2 – 15 ตุลาคม 2014
ครั้งที่ 3 – 26 พฤศจิกายน 2015 (ครั้งนี้)



Camel Republic เริ่มเปิดให้บริการเมื่อกลางปี 2557ตอนที่เรามาครั้งที่ 3 เปิดมาได้ประมาณปีกว่าแล้วค่ะ และการเปลี่ยนแปลงอย่างแรกที่เห็นคือ“ราคาค่าเข้าชม” ... เดิมทีราคาค่าเข้าชมคนละ 120.-บาทแต่มีการปรับราคาลดลงเหลือคนละ 80.-บาท เริ่มเมื่อ 1 พฤษภาคม 2558 (สำหรับเด็กส่วนสูงต่ำกว่า100 ซม.เข้าชมฟรีค่ะ) นอกจากนี้ยังมีราคาแบบ package ต่างๆแบบรวมเครื่องเล่นสำหรับรีวิวนี้จะเน้นที่โซนสวนสัตว์เป็นหลักค่ะ เนื่องจากว่าลูกหมียังเล็กอยู่เลยไม่สามารถเล่นเครื่องเล่นอะไรได้มากนัก (แต่จริงๆเขาก็มีโซนเครื่องเล่นสำหรับเด็กเล็กนะคะแต่ลูกเราก็ขี้กลัวซะเหลือเกิน)

++ ภาพเก่า จากครั้งที่ 2 ++


การเปลี่ยนแปลงอย่างที่ 2 “ความร่มรื่นย์”ค่ะ ... อาจจะด้วยเพราะต้นไม้ที่เริ่มโตและใหญ่ขึ้นเลยทำให้มีร่มไม้ไว้หลบร้อนมากขึ้น

จำได้ว่าตอนได้ยินชื่อ
Camel Republic ครั้งแรกรู้สึกดีจังที่บ้านเราจะมีอูฐให้ได้ใกล้ชิด ได้ทดลองขี่เหมือนประเทศทางแถบตะวันออกกลางบ้างหลังจากที่เห็นแต่ฟาร์มแกะเกลื่อนทั่วบ้านทั่วเมืองตามกระแส ...ส่วนตัวเราชอบอะไรที่แปลกใหม่ ฉีกแนวคิดเดิมๆ สร้างจุดเด่นเป็นของตัวเองและมีจุดขายที่ชัดเจน

ไม่ได้กลับมาปีกว่า สัตว์ที่นี่ออกลูกออกหลานเยอะแยะมากมาย อย่างอูฐ 2 ตัวในภาพด้านล่างนี้ก็เป็นลูกอูฐที่เกิดและโตที่นี่ค่ะแต่เขายังไม่ได้รับการฝึกเพื่อให้ขี่และพาเดินได้ ก็เลยรับหน้าที่ในการโชว์ตัวรับอาหารไปซึ่งอาหารสัตว์ที่นี่จะแยกขาย ไม่ได้รวมกับค่าตั๋วเข้าชม สนนราคาถุงละ20-40.-บาทแล้วแต่ประเภทของอาหารของสัตว์แต่ละชนิดค่ะ





ปกติแล้วเรามักจะป้อนอาหารสัตว์โดยการยื่นให้ตรงๆแบบยาวๆด้วยความเคยชินจนมาครั้งนี้ถึงได้ตาสว่าง เมื่อเจ้าหน้าที่สอนว่าวิธีให้ที่ถูกต้องคือให้ถือตามขวางที่ปลายด้านหนึ่ง แล้วเขาจะทานอาหารจากปลายอีกด้านหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันปากหรือฟันเขางับโดนมือด้วยค่ะ(ผิดวิธีมาตลอดสินะเรา
-.-“)



โดยแนวคิดของสวนสัตว์ที่นี่เขาพยายามจัดพื้นที่แล้วเลี้ยงสัตว์ให้เหมือนเขาได้อยู่ในบ้านของเขาเองแต่หากใครจะซื้ออาหารป้อน ก็สามารถเปิดประตูกรง เดินเข้าไปใกล้ชิดกับเขาได้ ...จากที่ได้สัมผัส สัตว์ที่นี่ค่อนข้างเชื่องค่ะ และมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างดีในบ้านของพวกเขาทุกๆหลัง

++ แพะแองโกล่าหรือแพะภูเขา ผู้ซึ่งมีนิสัยชอบปีนป่ายบนที่สูง ++


บ่อเลี้ยงหงส์และเป็ด ...

มาครั้งนี้แบบตกใจ เพราะเป็ดเต็มบ่อ แถมช่วงนี้เป็นช่วงฤดูออกไข่ด้วยค่ะไข่เยอะมากจนเจ้าหน้าที่ต้องเก็บออกและให้ฝ่อไปเองเนื่องจากว่าไม่มีพื้นที่มากเพียงพอในการรองรับการขยายพันธุ์ของบรรดาฝูงเป็ด

++ ภาพเก่าจากครั้งแรก จะเห็นว่าสระยังโล่งๆ ไม่เยอะมาก ++


++ ภาพเก่าจากครั้งแรก จะเห็นว่าสระยังโล่งๆ ไม่เยอะมาก ++




++ ภาพจากครั้งล่าสุด น้องเป็ดว่ายน้้ำเล่นเต็มสระ ++




อัลปาก้า ...
ขอบอกว่าเราเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าอัลปาก้าคือแกะชนิดหนึ่ง ด้วยเพราะลักษณะของขนปุยๆเหมือนเจ้าแกะเพียงแต่คอยาวกว่า ... จนถึงวันนี้ได้ตาสว่างอีกรอบว่า อัลปาก้าคือ”อูฐ”สายพันธุ์หนึ่งค่ะเจ้าตัวใหญ่เชื่องและเป็นมิตรมาก เดินเข้าหาลูกหมีทันทีที่เห็นหน้าส่วนคุณลูกหรือคะ
? วิ่งหนีก่อนเลยค่ะกว่าจะตั้งหลักผูกสัมพันธ์กันได้ ... แหม ! เขาก็แค่อยากทักทายด้วยนิดหน่อยเอง





ยีราฟ ...
เจ้าสัตว์รูปร่างสูงยาว มีลิ้นที่หนาและหยาบมาก เขาจึงทานใบไม้ได้หลายชนิดรวมถึงใบประเภทมีหนาม ... แต่ยีราฟที่นี่เขาจะทานกล้วยค่ะโดยจะเสียบไม้อำนวยความสะดวกให้



++ ยังแอบกลัวอยู่ ขอยืนหลบหลังกำแพงนิดนึง ++


กรงนก ...
และแล้วก็มาถึงมุมโปรดของลูกหมีเขาล่ะค่ะต้องบอกว่าตอนมาถึงคุณลูกวิ่งเข้าหากรงนี้ก่อนเลยจนพอใจถึงยอมออกมาทักทายเล่นกับสัตว์ตัวอื่นๆบ้าง



ดาราเด่นของจุดนี้คือ “นกซันคอนัวร์”ด้วยความที่เขาแสนเชื่อง จะบินลงมาเกาะแขนและทานอาหารจากมือไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างหลงเสน่ห์ในความเชื่องของเจ้านกชนิดนี้ล่ะค่ะ(แม่หมีเลยกระเป๋าฉีก หมดค่าอาหารนกไป 200 กว่าบาทหรือมากกว่า 10 ถุง)

ไม่เจอกันปีกว่า บรรดาน้องนกโตกันขึ้นเยอะเลยค่ะ โดนเกาะแขนที 4 ตัวพร้อมกันนานๆนี่มีแอบเมื่อยแขนนะ เพราะตัวใหญ่และหนักขึ้นเยอะ





ฟลามิงโก้ ...
อีกหนึ่งกิจกรรมแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอจากที่อื่นมาก่อน คือการป้องอาหารนกฟลามิงโก้... อาจจะดูไม่แปลกนะกับคำว่าป้อนอาหารสัตว์ แต่สำหรับนกฟลามิงโก้เราไม่เคยเจอจากที่อื่นมาก่อนเลยจริงๆค่ะ



เท่าที่สอบถามดูเขาใช้เวลาฝึกอยู่นานเหมือนกันค่ะ กว่านกจะยอมมาทานอาหารจากมือซึ่งอาหารของเขาจะผสมน้ำและใส่มาในขัน เวลาเขารุมล้อมเข้ามาทานคือจิกครึ่กๆๆๆอารมณ์เหมือนเครื่องปั่นยังไงยังงั้นเลย ... เปียกเลอะเทอะกันไปบ้างแต่มาถึงตอนนี้คุณลูกหมีสนุกแบบไม่ยอมถอยแล้วค่ะ เลอะยังไงก็ยอม



บ่อปลาคาร์ฟ ...
มีกิจกรรมป้อนอาหารปลาคาร์ฟเช่นกันค่ะ โดยป้อนผ่านขวดนม และในอนาคตเขามีแผนเพิ่มกระต่ายรอบๆบ่อปลาด้วยค่ะ



.
.
.

เกือบจะบ่ายโมงแล้ว เรามานั่งทานเครื่องดื่มเย็นๆคลายร้อน รอเวลาไปขี่อูฐต่อค่ะ... ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่รอมานานมากทีเดียว เพราะตอนมาที่นี่ 2ครั้งแรก ยังไม่มีกิจกรรมขี่อูฐ เพราะอูฐยังอยู่ระหว่างการฝึกและยังไม่พร้อมให้บริการซึ่งครูผู้สอนต้องจ้างมาจากต่างประเทศกันเลยทีเดียว การขี่อูฐยังถือเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่สำหรับบ้านเราและคาดว่าจะมีที่นี่ที่เดียวในประเทศไทยค่ะ ที่มีอูฐที่ผ่านการฝึกแล้ว ให้ได้ทดลองขี่กัน

อูฐที่นี่เขาจะมีเวลาทำงานค่ะ ไม่ใช่ว่ามาถึงเวลาไหนก็จะขี่ได้เลย เขามีเวลาทำงานมีเวลาพักเหมือนคน เป็นการสร้างนิสัยให้เขาด้วยค่ะ ซึ่งเราไปถึงช่วงเขาพักเที่ยงพอดีก็เลยต้องรอเวลากันสักนิดนึง

เมื่อพร้อมจะขี่อูฐแล้ว ทางผู้ดูแลก็จะแต่งตัวให้อูฐ รวมถึงคนจูงก็จะแต่งตัวด้วยค่ะ... ก่อนจะขึ้นขี่อูฐ เขาก็จะเข้ามาทักทายและขอทำความคุ้นเคยกับเราก่อนค่ะโดยการขอดมมือ ... ถ้าสังเกตเบาะรองนั่งบนหลังอูฐ จะเห็นว่านั่งได้ 2 คนพร้อมกันเพราะเขาสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 4 เท่าจากน้ำหนักตัวเขาเอง เลยสามารถขี่ได้ 2คนพร้อมๆกัน และนิสัยอีกอย่าง เขาจะทำตามอูฐตัวหน้าค่ะ เช่น การเดินหรือหยุดเพราะฉะนั้นแล้ว จึงสามารถใช้เชือกผูกเดินตามกันและใช้คนจูงเพียงคนเดียว



เส้นทางการขี่อูฐด้านใน มีการตกแต่งสถานที่ให้ได้บรรยากาศเหมือนกลางทะเลทรายค่ะมีต้นตะบองเพชร และในอนาคตจะมีเส้นทางที่ยาวขึ้น โดยการเดินออกไปด้านนอกบริเวณใกล้ๆลานจอดรถ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างค่ะ



ด้านในมีการจำลองสถานที่ให้เหมือนกับการตั้งแคมป์พักแรมหรือโอเอซิสกลางทะเลทรายและไฮไลท์ของเราอยู่ที่ตรงนี้ล่ะค่ะ คือตอนขึ้นน่ะไม่ลำบาก แต่จะลงจากหลังอูฐยังไงคะ
!?!? ... เขาจะสั่งให้อูฐนั่งลงค่ะ แต่ตอนที่อูฐนั่งเนี่ยต้องมีเทคนิคค่ะ มิเช่นนั้นอาจจะหน้าคมำ กลิ้งลงไปได้เลย



น้องอูฐเขาจะนั่งโดยการย่อขาหน้าลงก่อน ซึ่งจะทำให้เรากลิ้งไปข้างหน้าเพราะฉะนั้นก่อนเขาย่อเข่าลง เราจะต้องเอนหลังไปด้านหลังให้มากที่สุด (เพื่อไม่ให้หน้าคว่ำ)แล้วเหยียดแขนให้ตรง ... เราเคยขี่ม้า ขี่ช้างมาก่อนนะคะ แต่ยอมรับว่าตอนน้องอูฐนั่งลงนี่หวาดเสียวจริงๆ คือ เอนหลังสุดๆแล้ว แต่หน้ายังเกือบจะคว่ำได้(โปรดดูสีหน้าจากภาพประกอบ แอบเกร็งจริงๆ 555++)



++ ตอนแรกกลัวไม่ยอมขี่อูฐ พออูฐนั่งเฉยๆล่ะ วิ่งมาขอลองขี่บ้างเชียว ++


ต้องขอขอบคุณทาง
Camel Republic สำหรับโอกาสได้ลองขี่อูฐครั้งแรกในชีวิตค่ะ

++ ระหว่างถ่ายรูปเล่นในโอเอซิส น้ออูฐก็นั่งรอใกล้ๆอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ++


ปิดท้ายกันด้วยเครื่องเล่นสักหนึ่งชนิด เรียกว่า
Eagle Zipline นั่งขึ้นไปชมวิวสวยๆด้านบน ก่อนจะปล่อยเก้าอี้ไหลลงมาตามสลิง ...สนุกสนานกันจนเลยเวลา เดินทางกันต่อค่ะ ยังไม่ถึงหัวหินเลย ^^”







((to be continued ….))






Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2559 11:04:18 น.
Counter : 1808 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I-am-Nina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เรื่องราวของคนเดินทาง ที่ชอบสะพายกล้อง ท่องเที่ยว ไปทั่ว ... กับคนรู้ใจ

** สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพและ/หรือข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด **