|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Lake Titicaca; deepest, largest, highest..ทะเลสาบติติกากา ตอนเกาะลอยอูรอส
อยู่ดีๆก็คิดถึงท้องฟ้าสีฟ้าเข้ม น้ำทะเลสาบสีน้ำเงินเข้มสุดใจกับสีสันเสื้อผ้าสดใสของชนเผ่าพื้นเมือง ณ ดินแดนไกลแสนไกล .... ไม่ๆๆ ไม่ได้ฝันนะคะ เพราะไปเห็นด้วยตามาแล้ว และตรึงใจอยู่ในความทรงจำเรื่อยมา อิ้ววววหนึ่งจะพาย้อนรอยความทรงจำ(ของตัวเอง)กลับไปหาทริปที่ประทับใจที่สุดของชีวิต5 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ทริปอเมริกาใต้ ทริปนี้เป็นทริปที่บ้าบิ่นที่สุดทริปหนึ่ง ชนิดที่เพื่อนๆถึงกับเหวอในความกล้าของนาง ไปทั้งหมด 3 ประเทศ เปรู ชิลี อาร์เจนตินา ว่าแต่ กล้าอะไร บ้าบิ่นยังไง เดี๋ยวหนึ่งมาเล่าให้ฟังค่ะ วันนี้หนึ่งขอกระโดดปุ๊งมาที่นี่่เลย+++++++++++++++++++++++++++มิย 2009 ทะเลสาบติติกากา(Lake Titicaca) เมืองปูโน (Puno) ประเทศเปรูที่ใดกันหนอ ชื่อไม่คุ้นหูเลยใช่ไหมคะ ทะเลสาบติติกากาทอดตัวอยู่ระหหว่างพรมแดนสองประเทศ เปรู/โบลิเวีย ถือเป็นพรมแดนธรรมชาติเหมือนแม่น้ำโขงกั้นไทยกับลาวนั่นเอง แต่ต่างกันที่ติติกากาเปนทะเลสาบคือไม่ไหลลงทะเลและอยู่สูงมากคือสูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,812 เมตร! ตกใจไว้ก่อนว่าแต่สูงขนาดนี้มันขนาดไหนกันนะ เทียบกันง่ายๆกับยอดดอยอินทนนท์ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทยมีความสูงประมาณ 2,600 เมตร บวกลบคูณหารกันสรุปได้ว่าติติกากาสูงกว่ายอดดอยอินทนนท์ประมาณ 1.5 เท่านั่นเอง สูงนะ เป็นไฮโซ ของจริงเลย
* ติติกากาเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์และถือเป็นแหล่งกำเนิดของชาวอินคา ตามตำนานเมื่อครั้งน้ำท่วมโลก พระเจ้าองค์สำคัญ นามมว่า Viracocha ได้กำเนิดจากทะเลสาปแห่งนี้เพื่อสร้างโลก ทรงสร้างพระอาทิตย์ พระจันทร์ รวมทั้งชายหญิงคู่แรกของโลกด้วย ถือเป็นอดัมและอีฟภาคอินคา ชาวอินคาเชื่อว่าหลังจากตายแล้วดวงจิตจะกลับมาที่ทะเลสาบแห่งนี้ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของอินคา
* ปัจจุบันเป็นทะเลสาบที่มีการเดินเรือที่อยู่สูงที่สุดในโลก และเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้
* ถ้าจะมาทะเลสาบแห่งนี้จากฝั่งเปรูนักท่องเที่ยวมักมาพักที่เมือง Puno ถ้าฝั่งโบลิเวียคือเมืองเมือง Copacabana
* ในทะเลสาปมีเกาะต่างๆที่เป็นจุดท่องเที่ยว แต่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมคือ Uros Island หรือ Floating island (Islas Flotantes)
|
มาดูแผนผัง แผนที่กันซะหน่อย เรามาที่ทะเลสาบแห่งนี้ทางฝั่งเปรู พักที่ปูโนและไปเที่ยว 2 ที่ในทะเลสาบคือ Uros Islands และ Taquile Islands
credit ภาพจาก //www.crystalinks.com/laketiticaca.html เราเดินทางจากคุสโก (Cuzco) เมืองหลวงของเปรูด้วยระยะทางแบบอ้อมโลกมาเลยเพราะมีการประท้วงและปิดถนนเราเลยเลี่ยงโดยการใช้เส้นทางอื่นที่ไกลหน่อยแต่สนุกดีค่ะเพราะก๊วนเราฮากันตลอด ออกเช้าถึงปูโนพระอาทิตย์ตกไปแล้ว นานจนรู้สึกว่า....นี่เรามาถูกทางชิมิ เค้าไม่ได้พาพวกเราข้ามฝั่งชายแดนไปขายใช่มะ มโนไปต่างๆนานา แต่สุดท้ายก็มาถึง เข้าพักโรงแรมมองเห็นทะเลสาบอยู่ไม่ไกล
ตื่นเช้ามาเก็บภาพนิดนึง พาหนะพาเราไปทะเลสาบ แซ่บกันมาก เราไปเที่ยวกันสองที่คือ Uros Islands และ Taquile Islands บล็อกนี้จะพาไป Uros ก่อนนะคะถึงท่าเรือแล้ว จัดการติดต่อเรือ ได้เรือแล้วก็กระโดดขึ้นเรือเลย พร้อม!! ไปกันเลยค่าาา ทิ้งเมืองปูโนไว้เบื้องหลัง (ชั่วคราว)
นั่งเรือมาประมาณ 2 ชม เห็นเกาะต้นอ้อสีเหลืองอยู่รำไร...ใช่แล้วมาถึงแล้วเกาะอูรอส ว่าแต่เกาะนี้คืออะไร และมีอะไรน่าสนใจนะ * Uros Islands หรือ Floating Islands (Islas Floatantes) แปลเป็นชื่อไทยเก๋ๆคือเกาะลอยนั่นเอง เป็น man made islands คือเกิดจากมนุษย์โดยทำจากฟางของพืชพวกต้นกกหรืออ้อที่เรียกว่า "โทโทรา(totora)"ที่ขึ้นแถวทะเลสาบนั่นเอง
* เจ้าบ้านคือชาวอูรอส (Uros tribe) ชนเผ่าโบราณก่อนยุคอินคา
* ขนาดของเกาะเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการของของชุมชนนั้น
* ฟางต้นอ้อโทโทโทราในส่วนที่เป็นพื้นที่สัมผัสกับผิวน้ำจะเน่าเร็วมาก ชาวอูรอสต้องนำฟางต้นอ้อมาวางทับซ้อนๆกันอยู่เรื่อยๆเพื่อเสริมความแข็งแรง พื้นเกาะจะค่อนข้างยวบและเดินยากในบางจุด
* ชาวอูรอสนำฟางโทโทรามาสร้างบ้าน เครื่องใช้ในบ้าน เรือ หอสังเกตการณ์ นอกจากนี้ต้นอ่อนของมันยังกินได้ด้วยนะจ้ะ สาระพัดประโยชน์จริงๆ ต้นอ่อนน่าจะเหมือนบอนบ้านเราเนอะ เอาไปแกงคงอร่อยอิอิ
* หลังคาบ้านจากฟางต้นออกกันฝนแต่ไม่กันความชื้น
* การก่อไฟทำอาหารเค้าจะทำบนแท่นหินหรือดินเผาเพื่อหลีกเลี่ยงไฟไหม้
* ในทะเลสาบติติกากามี floating islands อยู่กว่า 40 เกาะ หนึ่งเกาะก็คือ 1 ชุมชน
* ชีวิตบนเกาะพูดได้เลยว่าลำบาก ทำให้มีชาวอูรอสบางส่วนอพยพไปอยู่บนพื้นดิน
| ถึงแว้ววว ขึ้นเกาะกันค่า ต่อไปภาพแสบตานิดนึงนะคะ เราไปช่วงมิถุนาซึ่งเป็นหน้าหนาวเค้า อากาศเย็นสบาย กลางวันสิบองศา C ต้นๆแต่อากาศแห้งมาก และแดดแรงทะลุทะลวงสุดๆ ตัวเกาะตั้งเด่นไม่มีต้นไม้ให้หลบแดดเลย ผิวไหม้โดยไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว ตื่นเต้นๆจะได้เดินบนเกาะ คิดเอาไว้ก่อนว่าจะยวบกว่านี้ แต่พอเท้าสัมผัสจริงๆก็ไม่ยวบมากนะคะ ค่อนข้างมั่นคงเลยล่ะ อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักตัวไม่เยอะด้วย บ้านเค้าเป็นแบบเรียบและง่ายๆ เป็นกระต๊อบอยู่ติดกัน ท่ามกลางฟ้าสีสดชาวอูรอสก็แต่งกายได้จัดจ้านมากบอกเลย! ถ้าแสบตามากก็ใส่แว่นตาได้นะคะ อิอิหอสังเกตการณ์ ในอดีตคงเป็นเหมือนหอเตือนภัย ปัจจุบันไม่มีการทำสงครามกันแล้วแต่เค้ายังสร้างไว้จำไม่ได้แล้วว่าเราขึ้นเกาะอะไร พอขึ้นไปถึงก็มีเจ้าบ้านมาต้อนรับพร้อมกับเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเผ่าอูรอสและการใช้ชีวิตบนเกาะลอยแห่งนี้ เค้าพาเข้าชมในบ้านด้วย บ้านเค้าจะมืดๆหน่อยเหมือนมีไว้นอนอย่างเดียว ทีวี ตู้เย็น พัดลม แอร์ และไวไฟ ไม่ต้องถามถึง ใช้ชีวิตกันแบบดั้งเดิมและพอเพียงของแท้เลยเจ้าบ้านกำลังโม้ๆๆให้เราฟัง สองสาวแต่ชุดของเผ่าสีสันแบบว่าเด้งมากกกก สังเกตว่าเค้าจะใส่หมวกป้องกันแสงแดดกันเพราะเค้าไม่มีต้นไม้ให้หลบและแดดที่นี่แรงมากกก ขนาดมาหน้าหนาวยังเพียงนี้ หน้าร้อนไม่อยากจะคิดเลย บนเกาะจะเห็นกองต้นอ้อที่ชาวอูรอสเตรียมมาซ่อมแซมอยู่เป็นหย่อมๆ การทำอาหารต้องทำบนแท่นหินหรือแท่นดินเผาเพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้ยานพาหนะของชาวอูรอส เรือจากฟางอ้อ สังเกตว่าหัวเรือจะเป็นหน้าสัตว์ต่างๆ ไม่ซ้ำด้วยมารู้จักชาวอูรอสเพิ่มกันสักนิดนะคะ เพราะเค้าไม่ธรรมดานะ...จะเล่าให้ฟัง
* ชาวอูรอสเป็นเผ่าพันธุ์โบราณที่อาศัยอยู่บริณนี้มายาวนานตั้งแต่ก่อนยุคอินคา
* เดิมทีชาวอูรอสก็อยู่บนพื้นดินนี่แหละ แต่ถูกรุกรานจากชาวอินคาทำให้บรรพบุรุษโบกมือบ๊ายบายแผ่นดินมาอยู่บนเกาะที่สร้างจากฟางอ้อที่มีประโยชน์ในเรื่องความสะดวกในการโยกย้ายหากถูกโจมตี
* ชาวอูรอสมีความเชื่อว่าชนเผ่าของตัวเองอยู่มานานมากตั้งแต่ก่อนที่จะมีพระอาทิตย์ ในยุคที่ทั้งโลกยังมืดมิด และเชื่อว่า อูรอสเลือดแท้จะมีเลือดสีดำและทนต่อกาศหนาวเย็นในยามที่โลกไม่มีแสงอาทิตย์ ไม่จมน้ำและไม่โดนฟ้าผ่า แต่ชาวอูรอสได้สูญเสียความพิเศษนี้เพราะขัดคำสั่งของจักรวาลโดยไปแต่งงานกับมนุษย์ ทำให้ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์ต้องเร่ร่อน ไม่มีภาษาพูดของตัวเองและต้องไปอยู่กับเเผ่าพันธุ์อื่น
* ในอดีต ชาวอินคาคิดว่าชาวอูรอสยากจนมาก จึงเก็บภาษีน้อยมากกด้วยอ้อย 1 ควั่นและข้าวสารเพียงเล็กน้อย
* เลือดแท้ของอูรอสได้เสียชีวิตตั้งแต่ปี 1959 ปัจจุบันชาวอูรอสเป็นเลือดผสมกับชนเผ่าอื่นๆในละแวกนั้น
* ปัจจุบันชาวอูรอสยังใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมคล้ายกับบรรพบุรุษแม้จะเป็นเลือดผสม และดำรงชีวิตด้วยการหาปลา ล่าสัตว์แถวนั้นเพื่อไปขายที่แผ่นดิน และแน่นอนที่สุดรายได้หลักคือ การท่องเที่ยวและการขายของที่ระลึก
| รายได้หลักของเค้า ผ้าถักทอที่ทำมือร้อยเปอร์เซนต์ เค้าก็พยายามนำเสนอผลงานเค้าสุดฤทธิ์ ไม่อยากบอกว่าหนึ่งก็สอยมาผืนนึง แบบว่าแพ้งานทำมือ เห็นเป็นไม่ได้ ราคาไม่เบาเลยนะคะ และรับเป็น USD เสียด้วย
คุณพี่สาวนั่งยิ้มนับเงินเข้ากระเป๋า
ต่อไปนี้เป็นชาวอูรอสภาคพิสดาร ขอเตือนว่าจิตไม่แข็งอาจเกิดอันตรายได้ อิอิ
เหตุเพราะหนึ่งอยากลองใส่ชุดเค้าเพราะว่าสีสันมันโดนมากเลยขอเค้าใส่ดื้อๆเลย เดิมก็ใส่คนเดียว ตอนหลังเพื่อนร่วมทริปบ้าจี้ใส่ตาม เป็นอะไรที่สนุกสนานมากๆ เสื้อผ้าเค้าเห็นแบบนี้หนักและอุ่นมากเพราะทำจากหนังสัตว์/ขนสัตว์ การแต่งตัวของผู้หญิงคือใส่กระโปรงยาวแต่ไม่กรอมเท้าเพื่อสะดวกในการเดิน เสื้อคล้ายแจ๊กเก็ตและสวมหมวก หมวกของหญิงโสดและแต่งงานแล้วจะต่างกันด้วยนะคะ
ยินดีต้อนรับสู่ Uros Island!
เดี๊ยนรักทุกโคนนน แต่รักเด็กเป็นพิเศษฮ้าาาขอแนะนำรูมเมทของทริปนี้ พี่แกน่ารักมากกก ฮามากกก ให้ทำอะไรก็ทำ สนุกกันมาก หัวเราะกันกระจาย ในรูปทำอะไรไม่รู้แต่มีคนมายืนถ่ายรูปเต็มเลย คงไม่เคยเห็นของแปลก มีหมุนตัวด้วยนะเออ แต่อายไม่กล้าเอาลง อิอิขอกระแซะหนุ่มอูรอสนิดนึง หนุ่ม dark and handsome ของก็นะ แดดขนาดนี้ uv มาแบบ 100% เลยไม่แปลกที่สีผิวเค้าจะคล้ำออกไปทางเกรียม เดาว่าครีมกันแดดคงยังไม่ไปเปิดตลาดแถวนี้ กับสมาชิกของทริปนี้ ไปที่ไหนฮาที่นั่น แต่มาเกาะนี้ฮาเป็นพิเศษ จนเจ้าบ้านออกปากชมที่นอกจากจะมาเที่ยวแล้ว ยังมาสร้างความบันเทิงให้เค้าด้วย แล้วกลับมาเที่ยวใหม่นะค้าาาา บ๊ายบายอุย ลืมตัวไปชั่วขณะ นึกว่าเป็นชาวอูรอสไปแล้ว อิอิ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งเรือต้นอ้อระยะทางใกล้ๆ เพื่อไปขึ้นเรือจริงๆโดยมีเจ้าบ้านมาร้องเพลงบ๊ายบายเรือของที่ระลึกที่เพื่อนในทริปซื้อกันมา แต่หนึ่งได้ผ้าทอมือไปแล้ว
ลาเกาะอูรอสมาด้วยความประทับใจ บล็อกหน้าของเปรูจะพาไปนั่งทานอาหารริมทะเลที่ Taquile Islands ค่า
Create Date : 20 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 17 พฤษภาคม 2558 1:50:40 น. |
|
43 comments
|
Counter : 8545 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กาบริเอล วันที่: 20 ธันวาคม 2557 เวลา:12:01:54 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 20 ธันวาคม 2557 เวลา:14:12:56 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 ธันวาคม 2557 เวลา:15:44:35 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 21 ธันวาคม 2557 เวลา:3:11:07 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 ธันวาคม 2557 เวลา:6:42:10 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 21 ธันวาคม 2557 เวลา:11:06:18 น. |
|
|
|
โดย: secreate วันที่: 21 ธันวาคม 2557 เวลา:22:32:59 น. |
|
|
|
โดย: Tristy วันที่: 22 ธันวาคม 2557 เวลา:5:46:50 น. |
|
|
|
โดย: fufy วันที่: 22 ธันวาคม 2557 เวลา:13:03:09 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 23 ธันวาคม 2557 เวลา:7:07:04 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ธันวาคม 2557 เวลา:6:16:40 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 24 ธันวาคม 2557 เวลา:10:39:41 น. |
|
|
|
โดย: วนารักษ์ วันที่: 24 ธันวาคม 2557 เวลา:15:52:20 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 24 ธันวาคม 2557 เวลา:16:23:57 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:0:46:34 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:15:32:25 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:22:23:57 น. |
|
|
|
โดย: AppleWi วันที่: 26 ธันวาคม 2557 เวลา:0:24:04 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ธันวาคม 2557 เวลา:6:35:18 น. |
|
|
|
โดย: Tristy วันที่: 26 ธันวาคม 2557 เวลา:9:58:59 น. |
|
|
|
โดย: Tristy วันที่: 26 ธันวาคม 2557 เวลา:10:00:48 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 26 ธันวาคม 2557 เวลา:23:39:57 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 27 ธันวาคม 2557 เวลา:5:43:22 น. |
|
|
|
โดย: กาบริเอล วันที่: 28 ธันวาคม 2557 เวลา:14:29:54 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 28 ธันวาคม 2557 เวลา:15:15:44 น. |
|
|
|
โดย: phunsud วันที่: 29 ธันวาคม 2557 เวลา:13:26:38 น. |
|
|
|
โดย: anigia วันที่: 29 ธันวาคม 2557 เวลา:21:36:00 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 30 ธันวาคม 2557 เวลา:9:59:12 น. |
|
|
|
โดย: ทองกาญจนา วันที่: 30 ธันวาคม 2557 เวลา:11:03:42 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เป็นทะเลสาบที่ไฮโซ มาก ติติกากา นี่เหมือนเคยได้ยินมาตอนไหนไม่รู้ อาจจะเคยเพ้อถึงเมื่อนานมาแล้วก็เป็นได้
(นานไปก็คงลืมหมด อิอิ)
"โทโทรา" นี่คงทับถมกันจนเป็นฟอสซิลแล้วมั้ง
หนาแน่น รองรับน้ำหนักได้ขนาดนี้ไม่ธรรมดาเลย
ความเชื่อของเผ่านี้เก๋ดีจัง เลือดสีดำ ทนร้อนทนหนาว ตกน้ำไม่จม ฟ้าผ่าไม่ตาย ..... ทีแรกว่าจะมีพิสูจน์มั้ย แต่ที่เห็นทุกวันนี้เป็นเลือดผสมไปซะแล้ว
ทริปนี้ท่าทางเร้าใจไม่เบา อยากไปอเมริกาใต้มั่ง
ชอบไปดูวิถีชีวิตแบบนี้ สีสีนปรื้ดปร้าดดีจริงๆ
ว่าแต่ทำไมท้องฟ้าบ้านอื่นเมืองไกลสีถึงเข้มจัดได้ขนาดนี้น้อออ....