บทที่ 4 (ท่อนหลัง) แสงแดดยามเช้าทอลำผ่านร่มไม้ใหญ่ลงกระทบร่างชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนสวมเจ๊คเกตหนังสีดำซึ่งยืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพที่เขาเพิ่งวางช่อดอกลิลลี่สีขาวลง ใบหน้าของเขาดูคล้ายกับรูปสลักบนป้ายหินโดยเฉพาะสีผมและดวงตา ผมมาเยี่ยมครับแม่ดวงตาคมจับจ้องรูปสลักที่มีป้ายชื่อกำกับว่า เปมิกา ธาดาโสภณ ขอโทษที่ช่วงนี้หายไปนานเลย... ไกลออกไปเกือบร้อยเมตรมีบอดี้การ์ดในชุดสูทยืนกระจายตัวอยู่รอบๆ เหมือนเช่นทุกครั้ง ไม่ว่าจะไปที่ไหนข้างกายชายหนุ่มก็จะต้องคนติดตาม ทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อราวสิบกว่าปีก่อนตอนที่เควินยังเป็นเด็กชายวัยสิบขวบที่อาศัยอยู่กับแม่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของเขาเป็นใคร กระทั่งเกิดเรื่องชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล... อดีต... ซาลาเปาไส้หมูแดงได้แล้วค่ะเสียงใสๆ ของพนักงานร้านสะดวกซื้อร่างท้วมดูไม่ดังพอจะให้เปมิกาได้ยินเพราะคุณแม่ยังสาว ด้วยวัยสามสิบต้นๆ มัวแต่ชะเง้อออกไปทางหน้าร้านดูลูกชายวัยสิบขวบซึ่งกำลังไถสเกตบอร์ดอยู่ริมถนนอย่างเพลิดเพลินสนุกสนานคุณเปรมคะ ซาลาเปาได้แล้วค่ะ เมื่อโดนเรียกชื่อจึงเพิ่งรู้สึกตัวรีบส่งธนบัตรจ่ายค่าของในขณะที่สายตาก็ยังเหลือบมองลูกเป็นระยะๆปากก็พึมพำกับตัวเองว่าไม่น่าจะซื้อของอันตรายให้ลูกเลย พนักงานในร้านอมยิ้มเพราะคุ้นเคยกับสองแม่ลูกนี้ดี เพราะหน้าตาดีทั้งคู่ โดยเฉพาะลูกชาย ลักษณะเด่นเหมือนลูกครึ่งลูกเสี้ยวผมและดวงตาสีดำคงได้จากแม่ ซึ่งเป็นคนที่สวยมากเธอจะมารับลูกชายที่โรงเรียนสอนภาษาข้างๆ ร้านนี้ทุกวันก่อนกลับจะต้องแวะมาซื้อซาลาเปาไส้หมูแดงกับน้ำผลไม้ให้ลูกชายเสมอ วันนี้ก็เช่นกัน คุณเปรมยอมซื้อสเกตบอร์ดให้น้องกวินแล้วเหรอคะพนักงานที่คุ้นเคยชวนคุยระหว่างคิดเงิน แสดงว่าสอบได้ที่หนึ่งอีกแล้วยังเก่งเหมือนเดิม น่าชื่นใจแทนคุณแม่นะคะ เปมิกาทำเพียงยิ้มให้เหมือนทุกครั้งประสาคนไม่ชอบพูดโดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า ตรงข้ามกับลูกชาย ที่เป็นคนอัธยาศัยดียิ้มแย้มแจ่มใส การที่พนักงานรู้ชื่อเปมิกาก็เพราะกวินจะเรียก แม่เปรมอย่างนั้น แม่เปรมอย่างนี้เป็นภาพแม่ลูกที่ชวนมอง แต่คนในร้านก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อของกวินแต่ก็พอเดาได้ว่าถ้าพ่อไม่ใช่ต่างชาติ ก็คงเป็นลูกครึ่ง ถึงได้มีลูกชายน่ารักแถมหน้าตาดี คิ้วเข้ม เบ้าหน้าชัด ผิวขาวอมชมพู หน้าตามีเอกลักษณ์ ลักษณะค่อนไปทางลูกครึ่งลูกเสี้ยว เรียบร้อยแล้วค่ะโอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ นั่นไม่แปลกเพราะตั้งแต่จำความได้กวินก็อาศัยอยู่กับแม่ตามลำพัง แม่เคยพูดถึงพ่อครั้งเดียว ตอนบอกว่าชื่อของเขาพ่อเป็นคนตั้งให้ซึ่งแปลว่าดีงามชีวิตแม่ลูกไม่ได้สบายแต่ก็ไม่ถึงกับอัตคัด เพราะแม่เปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆหาเงินเลี้ยงดูเขา แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่แม่ก็ดูมีความสุขตามประสา กวินนึกสงสัยว่าทำไมเขาไม่มีญาติคนอื่นให้ไปหาหรือแวะมาเยี่ยมเลย แม่ใช้ชีวิตราวกับว่าโลกทั้งใบมีแค่แม่และเขาทุกครั้งที่ถามถึงพ่อ แม่จะโกรธแล้วตัดพ้อ บางครั้งก็ร้องไห้มันทำให้เขาไม่กล้าถามอีกเลย แม่ฮะ ดูนี่นะเสียงร้องเรียกจากอีกฟากของถนน กวินทำอย่างนี้ได้แล้วนะฮะ กวิน! อันตรายนะลูก ไม่เป็นไรฮะเด็กชายวัยสิบขวบทรงตัวอยู่บนสเกตบอร์ดที่กำลังไถลไปตามถนนเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปมาสลับกับกระโดดเล่นท่าที่ทำเอาคนเป็นแม่หัวใจหล่นไหนจะกลัวลูกล้ม ไหนจะกลัวรถที่อาจวิ่งสวนมา นึกโทษตัวเองอยู่ลึกๆที่เผลอไปรับปากว่าถ้าสอบได้อันดับหนึ่งคะแนนสูงกว่าเทอมก่อนจะซื้อสเกตบอร์ดให้ เป็นไงฮะแม่ผมเก่งมั้ย...โอ๊ย! ร้องเสียงหลงเมื่อข้อแขนถูกปูหนีบรีบอ้อนแม่ให้ปล่อย แต่แม่ก็ยังทำหน้าดุ ไหนสัญญากับแม่แล้วว่าจะไม่เล่นบนถนนนั่งรอแม่เฉยๆ ไม่ได้รึไง ก็กวินดีใจนี่ฮะรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหว เดี๋ยวกลับเข้าบ้านกวินขอไถลสเกตบอร์ดตามหลังรถแม่เปรมนะฮะ สัญญาว่าจะระวังรถ ในหมู่บ้านรถน้อยไม่เป็นไรหรอกฮะ ไม่ได้ ไม่ต้องมาอ้อน เราสัญญากับแม่แล้วนะว่าจะไม่เล่นบนถนนรอพรุ่งนี้ก่อนแม่จะพาไปเล่นที่สนาม ก็ได้ฮะ เมื่อแม่เสียงแข็งกวินรู้ว่าต้องยอมให้ เขาก้มลงหยิบสเกตบอร์ดมาเหน็บที่ใต้รักแร้ พร้อมกับยิ้มหวานรู้ว่าจะทำอย่างไรให้แม่ใจดีด้วย คอแห้งจังฮะ ขอน้ำหน่อย ไม่เอา แม่เปรมถือให้ด้วยกวินมือไม่ว่าง โตแล้วนะเรา... ต่อให้ว่าอย่างนั้นแต่เปมิกาก็ดีใจ เธอชอบให้ลูกชายเป็นเด็กขี้อ้อนอย่างนี้ดีกว่าให้เขาลุกขึ้นมาเล่นอะไรที่อันตรายๆแต่กระนั้นก็พยายามเข้าใจในตัวเด็กผู้ชาย ที่อาจถึงวัยจะเล่นโลดโผนแล้วเมื่อนึกอย่างนั้นก็สงสารลูก ที่ไม่มีผู้ชายในบ้านให้ดูเป็นแบบอย่าง ขอบคุณครับ ซาลาเปาด้วยแม่ป้อนหน่อย มือผมเปื้อน มือไม่ว่างด้วย งั้นไปกินที่รถแม่จอดรถไว้ตรงถนนฟากโน้น งั้นกวินวิ่งไปก่อนนะ หิวว่าพลางหยิบถุงซาลาเปาจากมือแม่ พลางก้าวถอยหลัง ลงจากฟุตบาท ไปที่ผิวถนน เพราะตั้งใจจะข้ามฟากกลับไปรถคันหนึ่งวิ่งผ่านมาค่อนข้างเร็ว เร็วสิฮะแม่ ตามมาๆ กวิน! สัญชาตญาณทำให้ทิ้งทุกอย่างถลาตามลูกออกไปสิ่งแรกที่ทำคือดึงลูกเข้ามากอด ใช้ตัวเองบังรถที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วพร้อมเสียงชนโครม! เด็กชายรับรู้ถึงแรงกระแทกก่อนจะกลิ้งไปบนถนน รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว แต่ยังขยับตัวลุกขึ้นได้ในขณะที่ผู้เป็นแม่นอนคว่ำหน้าแน่นิ่ง มีเลือดไหลออกจากศีรษะ แม่! แม่ฮะ... กวินถลาเข้าไปหา แม่ฮะ แม่เป็นอะไรมั้ย กะ...กวิน เจ็บ ตรง ไหน มั้ยลูก... นั่นคือสิ่งแรกที่เปมิกาอยากรู้ เธอพยายามลืมตาขึ้นมองหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของลูกชายซึ่งทำได้เพียงส่ายหน้าบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร ดี แล้ว ที่ ลูก ปลอด... แม่! ช่วยด้วยครับ ใครก็ได้ช่วยแม่ผมที... ภาพที่พลเมืองดีเห็นคือเด็กชายนั่งกอดแม่ร้องไห้ขอความช่วยเหลือในขณะที่รถคู่กรณีไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วพวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งคนเจ็บไปโรงพยาบาล อาการของผู้หญิงเคราะห์ร้ายสาหัสศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก จำเป็นต้องผ่าตัดด่วน ผมไม่รู้จะติดต่อใครฮะ ผมอยู่กับแม่สองคนเด็กชายที่นั่งร้องไห้จนตาบวมบอกกับพยาบาล แม่เคยบอกว่า แม่ทำประกันไว้ฮะคุณหมอรักษาแม่ผมได้เลยนะ เรามีเงินจ่ายค่ารักษา หมอไม่ได้กลัวเรื่องนั้นครับที่หมอห่วงคือตัวน้อง น้องต้องมีคนดูแลระหว่างที่แม่น้องรักษาตัวที่โรงบาล ผมดูแลตัวเองได้เด็กชายบอกอย่างกล้าหาญ ขอแค่แม่หาย แม่จะหายใช่มั้ยฮะ หมอและพยาบาลมองหน้ากันอย่างสะท้อนใจจะบอกความจริงเด็กชายได้อย่างไรว่าแม่ของแกอาการหนักมากต่อให้รอดก็คงไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมที่จะตื่นขึ้นมาคงไม่ใช่แม่ที่จะมาดูแลเด็กชายต่อ เธอจะตื่นมาเพื่อเป็นภาระจำต้องมีคนมาดูแล คนที่ไม่น่าจะใช่แค่เด็กสิบขวบ แล้วพ่อล่ะคะ พยาบาลลองถามเด็กชายเงยหน้าขึ้นมอง มีเบอร์ติดต่อมั้ย ถ้าน้องไม่สะดวกที่จะคุยกับพ่อเดี๋ยวพี่โทร.ให้ก็ได้ค่ะ กวินส่ายหน้า แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อเพราะเด็กชายไม่เคยรู้เรื่องพ่อเลยจริงๆ ไม่รู้แม้แต่ชื่อของพ่อ และอาจไม่มีวันรู้ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของผู้ชายวัยสามสิบกลางๆ ที่เดินเข้ามาในชีวิต พร้อมแนะนำตัวว่าเป็นตัวแทนสามีของคนเจ็บและพ่อของกวินเขาจะเข้ามารับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมดขอให้ทางโรงพยาบาลดูแลกรณีนี้อย่างดีและเต็มที่ ขอเพียงรักษาชีวิตของเปมิกาไว้ให้ได้ นายน้อยโตขึ้นมากเลยนะครับชายแปลกหน้าหันมาพูดกับกวินด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อมผิดกับตอนที่อยู่กับพวกหมอและพยาบาล ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณเปมิกาจะได้รับการรักษาอย่างดี คุณลุงเป็นญาติแม่เหรอครับคนจะตอบส่ายหน้าเนือยๆ แล้วทำไมถึงมาช่วยแม่เมื่อกี้ลุงเรียกผมว่านายน้อย? คุณลุงเป็นใครครับ ผมชื่อเทียนคง เป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดตระกูลรีฟส์ตระกูลของนายน้อยไงครับ คุณเปมิกาไม่เคยบอกนายน้อยหรือครับ ไม่ครับแม่ไม่เคยพูดถึงญาติของแม่เลยสักคน งั้นคุณเปมิกาก็คงไม่เคยบอกเลยสินะครับว่านายน้อยมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่าเควิน ซึ่งเป็นชื่อที่คุณพ่อของนายน้อยเป็นคนตั้งให้มันเป็นชื่อเดียวกับชื่อคุณปู่ของนายน้อยคุณปู่ที่นายท่านรักมากจึงอยากให้ลูกชายคนเดียวใช้ชื้อนี้ด้วย... ลุงจะบอกว่าพ่อรักผม? เทียนคงพยักหน้า แล้วตลอดสิบปีที่ผ่านมาพ่อหายไปไหนมาทำไมถึงเพิ่งมาหาผมครับ พ่อจะรู้มั้ยว่าผมอยากเจอพ่อแค่ไหน งั้นเหรอเสียงพูดดังมาจากผู้ชายตัวใหญ่ที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้แกได้เจอแล้วเควินฉันมารับแกกลับบ้าน และฉันจะไม่มีทางปล่อยให้แกหายไปจากชีวิตฉันอีกเลยตอนนี้ชีวิตแกเป็นของฉันแล้ว คำพูดที่เมื่อตอนเป็นเด็กไม่เคยเข้าใจความหมายแต่เวลานี้กวินเข้าใจทุกอย่าง เข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงพยายามหนีให้ไกลคนอย่างนิคแม่ไม่เคยเล่าเรื่องพ่อ เพราะผู้ชายอย่างนั้นไม่เคยมีความดีให้เอ่ยถึงเขาทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการแม้แต่ต้องทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของตน แม่ครับ ชายหนุ่มนั่งลงตรงพื้นหญ้าอย่างที่เคยทำเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่พบเจอมาให้แม่ฟัง เหมือนเมื่อครั้งที่เขายังเด็กบ้านริมน้ำที่ผมซื้อให้แม่เมื่อหลายปีก่อน มีคนไปอยู่แล้วนะครับแม่จำน้องเบลล์ได้มั้ยครับ... บ่ายแก่ๆ วันเดียวกัน... เสียงร้องเหมียวๆที่ดังออกมาจากพงหญ้าข้างทางไม่ได้ทำให้สายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาสนใจลูกแมวตัวเล็กๆนอนตัวสั่นเพราะความกลัวและอาการป่วยจากพิษแผลติดเชื้อตรงสะโพกที่ถูกกัดเหวอะหวะมีคราบเลือดเกรอะกรัง ขนสีขาวถูกย้อมด้วยโคลนน้ำเน่าเพราะมันหนีตายจากแมวเจ้าถิ่นจนพลัดตกน้ำและไหลมาติดที่กอหญ้าทนแดดเผามาเกือบครึ่งวัน แม้ตอนนี้แสงแดดจะอ่อนลงมากแต่มันก็ไม่มีแรงพอจะพาตัวเองไปจากที่ตรงนั้นทำได้แต่เพียงส่งเสียงร้องครวญครางและแผ่วเบาลงทุกที เหมือนลมหายใจของมันที่จวนเจียนจะหยุดเต้น ค่ะ ป้าพิมพ์ เบลล์ซื้อมาแล้ว...บทสนทนาสะดุดไปเพราะเสียงร้องของแมวน้อยที่แว่วเข้ามา ค่ะ ยังอยู่ค่ะงั้นแค่นี้ก่อนนะคะป้า เด็กสาวในชุดนักเรียนคอนแวนต์วางสายโทรศัพท์แล้วหย่อนใส่กระเป๋านักเรียน มองหาต้นเสียงร้องเหมียวๆ ที่ดังแว่วมาซึ่งต้นเสียงดังมาจากคลองระบายน้ำข้างทางที่เต็มไปด้วยหญ้ารกชัฏมีคนเอาขยะมาเททิ้งตรงนี้ ทำเอาน้ำเน่าเหม็น ส่งกลิ่นคลุ้งไปทั่วไม่แปลกที่ผู้คนจะรีบเดินผ่านจุดนี้ไป จะเว้นก็แค่เด็กสาวที่พยายามจะเดินลุยกอหญ้าตามเสียงร้องของลูกแมวที่แผ่วลงทุกที เหมียวๆ เธอส่งเสียงเมื่อเสียงร้องของแมวเงียบไปเหมียวๆ ไม่มีเสียงตอบกลับมา เธอวางกระเป๋าลงข้างทางเพื่อสะดวกในการแหวกกอหญ้าขณะที่เดินลงไปใจก็กลัวว่าจะเจองู เพราะที่ตรงนี้เชื่อมต่อกับทุ่งและแม่น้ำมีงูตัวใหญ่ๆ ออกมาจ๊ะเอ๋คนอยู่บ่อยๆแต่เมื่อคิดว่าเจ้าเหมียวอาจกำลังตกอยู่ในอันตรายความเป็นคนรักแมวทำให้ลืมความกลัว เหมียวๆ เหมียวๆ คราวนี้มีเสียงตอบกลับมา แล้วก่อหญ้าที่อยู่อีกฟากหนึ่งของร่องน้ำไหวเบาๆ เจ้าเหมียว! ความตกใจกับภาพที่เห็นทำให้เด็กสาวไม่สนใจตัวเองย่ำโคลนลงไปทั้งที่ใส่รองเท้าถุงเท้า เธอรีบช้อนตัวลูกแมวขึ้นโดยไม่สนใจว่ามันทำให้เสื้อเชิ้ตแขนยาวของเธอเปื้อนสิ่งเดียวที่เธอสนใจในเวลานี้ต้องพาลูกแมวไปหาหมอ เด็กสาวกระเสือกกระสนขึ้นจากโคลนที่เปรอะเปื้อนตัวเธอไปหมด แต่เธอก็ไม่ได้สนใจมือหนึ่งอุ้มลูกแมวอีกมือก็หยิบกระเป๋าและถุงของที่เพิ่งแวะซื้อมาตรงไปเรียกรถแท็กซี่ แต่จากสภาพของเธอ ไม่มีแท็กซี่คันไหนจะจอดรับเด็กสาวไม่รู้จะทำยังไงนอกจากอุ้มเจ้าเหมียวแล้วออกวิ่ง พอไปถึงร้านหมอที่ใกล้สุดกลับปิดลูกแมวแน่นิ่งไปแล้ว เธอกลับไปโบกรถแท็กซี่อีกครั้งไม่มีใครอยากรับคนที่ตัวเปื้อนอย่างเธอ แล้วอยู่ๆ ก็มีรถ บิ๊กไบท์สปอร์ต เลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้า คนขับเป็นผู้ชายตัวใหญ่สวมแจ๊คเกตหนัง ใส่หมวกกันน็อกปิดหน้าตา นั่นทำให้ดูไม่น่าไว้ใจเด็กสาวผงะถอยออกห่างอย่างระวังตัว ขึ้นมาเสียงทุ้มต่ำบ่งบอกว่าเป็นชายหนุ่ม เด็กสาวยังคงยืนละล้าละลังจนอีกฝ่ายปัดกระจกหมวกกันน็อกขึ้น เพื่อมองสบตากับคนที่จะพูดด้วย น้องจะพาแมวไปหาหมอไม่ใช่เหรอส่งกระเป๋ามาให้...พี่...เร็วสิ พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก แววตาคมที่มองสบตาอยู่นั้นมีความแน่วแน่เร็วเข้า...ส่งกระเป๋ามา! ขะ...ขอบคุณค่ะ...เด็กสาวตอบรับคำทั้งที่ยังไม่แน่ใจ แต่ความเป็นห่วงทำให้เธอก้าวขึ้นไปซ้อนท้ายรถ มือหนึ่งประคองกอดเจ้าเหมียวไว้แน่นอีกมือเอื้อมไปจับชายเสื้อชายแปลกหน้าที่เธอเห็นเพียงแววตาคมของเขาที่โผล่พ้นหมวกกันน็อกเมื่อรถออกตัวเธอ เธอถึงกับผวากอดคนข้างหน้าไว้ ก่อนจะตกใจทำท่าจะปล่อยมือ ไม่เป็นไร...กอดเอวพี่ไว้ ไม่ต้องกลัวสัญญาว่าจะปลอดภัย... คำพูดที่แสนคุ้นเคยนี้ทำให้เด็กสาวไว้ใจเธอกระชับแขนที่กอดอีกไว้นั้นไว้แน่น...
|
ใช่ค่ะ ผิดบาปที่ฝังใจนี่แหล่ะที่เป็นนรกของแท้
แถมมีคนที่คอยจี้คอยทำให้คิดถึงมัน
เควินเป็นตัวละครที่น่าสงสาร สำหรับคนเขียนอาจน่าสงสารกว่าเบลล์เลย
คุณsakeena:
ตัวปัญหาของเควินจะมีมาเป็นระยะๆ ดูว่าหนึ่งในนั้นเป็นชาคริตมั้ยหนอ
ตอนหน้าพระนางเจอกันแล้วนะคะ มาดูกันๆ