กินและเที่ยวในโอซาก้า Osaka, Japan
- ฝาท่อรูปปราสาทโอซาก้า
ทริปนี้ เราลงเครื่องที่โอซาก้าจริง แต่ตะลอนทัวร์ไปตามเมืองต่างๆ แห่งละคืน 2 คืน กระทั่ง 3 คืนสุดท้ายในญี่ปุ่น ถึงกลับมาโอซาก้าอีกครั้ง อารมณ์แรกที่กลับเข้ามาโอซาก้า...เหมือนบ้านนอกเข้ากรุง รู้สึกว่าทำไมคนแยะจัง อากาศร้อนจัง (ต้องถอดสเวตเตอร์ออก เหงื่อซึมหลัง) พลุกพล่านจัง ความรุ้สึกของการไปบ้านนอกมาหลายวัน ทำให้คุ้นกับความที่คนน้อย อากาศเย็นสบาย พวกเราเอากระเป๋าไปฝากโรงแรม Hotel new Hankyu Osaka อยู่ใกล้สถานีแค่ 5 นาที แต่สถานีมันใหญ่มาก พวกเราหาทางออกที่เหมาะสมไม่เจอ (ยังสลัดอารมณ์บ้านนอกเข้ากรุงไม่หลุด) โดยรวมห้องถือว่าโอเค มาตรฐานทั่วไป โลเคชั่นนี่ให้สิบดาวเลย ทั้งติดสถานีรถไฟ และป้ายรถบัสที่จะขึ้นไปสนามบินก็อยู่ตรงประตูโรงแรมนี่เอง เราแบ่งบล็อก Osaka เป็น 2 ส่วนคือ ที่เที่ยวที่กินในโอซาก้า (บล็อกนี้) กับ Universal Osaka (ทำไมต้องแบ่งแบบนี้ก็ไม่รู้ ถามตัวเองก็ไม่ได้รับคำตอบที่มีเหตุผล) อ่ะ มาเริ่มกันเลย Osaka Castle พวกเราเดินกันพักใหญ่กว่าจะถึงประตูทางเข้าปราสาท (เหงื่อซึมหลังอีกรอบ) มันช่างยิ่งใหญ่เสียจริง แต่ในอดีตกำแพงสูงใหญ่ และคูเมืองอลังการขนาดสระว่ายน้ำ 25 เมตรเหล่านี้ อาจจะไม่มากพอจะปกป้องตัวปราสาทก็ได้นะ ตัวปราสาทตอนนี้อายุ 500 กว่าปี สร้างในปี 1583 แต่ถูกฟ้าผ่าจนดินปืนในคลังแสงระเบิด ลุกโหมเผาปราสาทหลักวอดวายในปี 1660 (นี่สินะ มนุษย์เราถึงต้องมีสายล่อฟ้า) ก่อนที่จะรวบรวมเงินทองมาบูรณะขึ้นใหม่ ถูกพังลงมาใหม่ ถูกทิ้งร้างไว้ และบูรณะใหม่อีกครั้งจนเป็นอย่างปัจจุบัน ที่นี่นักท่องเที่ยวแยะเชอ มีการออกร้านขายอาหาร มีแผงให้เช่าชุดซามูไร กิโมโน บรรยากาศคึกคักดี พวกเราไม่ได้เข้าไปด้านในปราสาท เพราะมองด้านนอกก็ส๊วยสวยและ รวมกับการไปมาหลายปราสาท ทำให้เกิดอาการเอือมนิดๆ นะ - ปราสาทโอซาก้า Osaka Castle
- บรรยากาศด้านหน้าปราสาท
Sumiyoshi Taisha Shrine (ศาลเจ้าอายุหลายพันปี) พวกเรานั่งแทรมออกไปชานเมืองนิดๆ คนใช้บริการแทรมกันแยะเต็มคันตลอด ผ่านบ้านเรือนเลาะหลังบ้านคน ตัวศาลเจ้าเองมีทั้งส่วนที่สร้างขึ้นมาใหม่ ส่วนเก่ามากซึ่งสร้างจากไม้ท่อนมหึมาไม่มีการทาสีใดๆ เนื่องจากเป็นการสร้างก่อนที่ศิลปะแบบจีนจะแพร่เข้ามาสู่ ญป. ที่ประทับในคือในวัดมีต้นไม้ใหญ่มหาศาลอยู่หลายต้น บ่งบอกให้รู้ถึงความเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ของที่นี่ได้เป็นอย่างดี เดินไปเดินมาเห็นคนมาถ่ายรูปแต่งงานกันด้วย เราว่าเหมาะ เพราะเป็นฉากหลังที่เพอร์เฟ็กต์และคนไม่แยะ เกะกะสายตา (ค่าเข้าคนละ 400 เยน) Shitennoji วัดพุทธแห่งแรกใน ญป. เราไปตอนวัดปิดพอดี แต่ก็ยังเปิดให้จุดธูปไหว้ได้ ธูปที่นี่ขนาดสั้นกว่าของไทยครึ่งนึง ส่วนเทียนตรงก้นมีรูไว้สำหรับเสียบลงในเหล็กที่แท่น มันทั้งสะดวกและประหยัดเนื้อเทียนมาก แถมสีชมพูน่ารักเชอ ฟังตอนพระสวด ก็พบว่าบทสวดต่างกันออกไปจากบ้านเรา แต่จะอะไรเล่าในเมื่อพระสวดทางภาคเหนือ กลาง อีสาน ยังไม่เหมือนกันเลยนี่เนาะ
Spa World ค่าบริการคนละ 1,200 เยน ไม่แน่ใจว่าจะมีคนสนใจมาที่นี่กันมากไหม ในเมื่อมันเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะ ไม่ใช่บ่อออนเซ็น สิ่งที่แตกต่างกันคือ ที่ Spa World เขาใช้น้ำประปา ไม่ใช่น้ำแร่ ดังนั้นเดินเข้าไป กลิ่นคลอรีนงิหึ่งเลย T^T แต่เราสองคนชอบวัฒนธรรมการแช่น้ำแบบญี่ปุ่น และเริ่มชินชากับการแก้ผ้าอาบรวม เลยตั้งเป้าว่าจะมาอาบน้ำกันที่นี่แหละ มีกลิ่นคลอรีนนิดหน่อยก็เบลอๆ ไป เอาประสบการณ์หนุกๆ ดีกว่า สังเกตแล้วพบว่านักท่องเที่ยวกับคนโลคัลมีปนๆ กันนะ พอจ่ายตังเสร็จ เขาจะให้ Tag คล้องข้อมือ (หายปรับ 5,000 เยน!) จากนั้นเอาเฉพาะรองเท้าไปใส่ในล็อกเกอร์รองเท้าชั้นเดียวกับทางเข้า แล้วค่อยขึ้นลิฟต์ไปชั้นใครชั้นมัน (ตอนเราไปผู้หญิงได้อาบชั้น 6 Asia Zone) ซึ่งชั้น 6 ก็จะมีล็อกเกอร์ให้ เราแค่เดินไปหยิบเสื้อคลุมมาเปลี่ยน เอาของทุกอย่างเก็บใสล็อกเกอร์ให้หมด จากนั้นเดินเข้าไปแล้วลงแช่ในบ่อได้เลย เรียบง่ายเช่นนี้แล โซนผู้ชายและผู้หญิงจะอยู่คนละชั้นและสลับสับเปลี่ยนชั้นกันทุกเดือน เนื่องจากแต่ละชั้น ก็มีธีมของบ่ออาบน้ำที่แตกต่างกันออกไป Asia Zone ชั้น 6 เค้าทำบ่อแบบตุรกีบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง บาหลีบ้าง เล็กใหญ่แตกต่างกันไป อุณหภูมิอยู่ที่ 39 ถึง 44 ซึ่งมีป้ายบอกอยู่ข้างบ่อนั่นเอง อย่างไรเสียก็เอาเท้าจุ่มทดสอบอุณหภูมิดูก่อน ถ้าไม่อยากกลายเป็นชาบู สิ่งหนึ่งที่เรายังไม่คุ้นเคย คือภาพหญิงสาวนั่งกินอะไรกันไป คุยมุ้งมิ้งกันไป...ในสภาพเปลือย เพราะตรงกลางของบ่อทั้งหลายเป็นร้านอาหารไง (ดีนะพนักงานเสิร์ฟยังใส่เสื้อผ้า) แช่ๆ อยู่แล้วเกิดหิว ก็ไปสั่งขนมของเล่น เครื่องดื่มมาทานกันได้ คือไม่คุ้นตาอะ และคงอีกนานกว่าจะคุ้นอ่ะ ... นี่ไม่ใช่ nude beach นะ!!! เราก็เดินวน แช่บ่อละ 5-10 นาทีสลับไปเรื่อยๆ บางบ่อก็ใหญ่มากแช่รวมกันหลายคน บางบ่อก็เล็กพอจะแช่แค่ สองสามคน บางอันเหมือนแช่น้ำในป่าคองก้า เพราะเขามีต้นไม้ปลอมมาห้อมล้อมไว้ครึ้มเชอ ส่วนตอนแช่บ่อตุรกี (คิดเองนะ) ว่าสมัยก่อนโรงอาบน้ำคงให้อารมณ์แบบนี้ คือใหญ่ แต่มิดชิด โอ่โถง ด้านนึงมีหัวสิงโตพ่นน้ำ อีกด้านเป็นกระเบื้องลายสด ตรงกลางบ่อมีรูปปั้นตั้งตระหง่าน อะไรแบบนี้ สิริรวมแล้วเราแช่ได้ไม่นานหรอก แช่ไม่ทน แต่สนุกดี ทุกคนเปลี่ยนบ่อกันเป็นเรื่องสนุก บ่อผู้ชายวันนี้เป็นบ่อโซนยุโรป ก็มีความหวือหวาอลังการงานสร้างกันไป มีโอกาสคงได้มาแช่บ่อโซนยุโรปบ้าง ปล.รูปไม่มีเลย ทำไมก็ไม่รู้ - แถวๆ spa world
- ถ่ายจากบน Spa World
- แถวๆ Spa World
ร้านโดรุมะ (ร้านลุงหนวด เพราะมีรูปลุงหนวดยืนกอดอกอยู่หน้าร้าน เมืองไทยมีมาเปิดแล้วนะ อยู่ซอยเดียวกับรพ.สัตว์ทองหล่อ แต่..เคยไป เจอแมงสาปตัวบึ้มไต่ผนังอยู่ T^T) เป็นร้านของทอดประเภท คุชิคัตสุ (คุชิยากิ) ที่มีออริจิอยู่โอซาก้า หากินที่อื่นยาก มีสาขาแยะเลย กินร้านไหนก็น่าจะเหมือนกันหมด เรากินใกลๆ้ spa world (ซึ่งมี 2 สาขาเข้าไปละ) อร่อย! แนะนำ! เห็นคิวยาวนะ แต่รอแค่ 5 นาทีก็ได้นั่งเคาน์เตอร์ สั่งเซ็ตใหญ่มา 1 ก่อน จากนั้นชอบอะไรค่อยสั่งเพิ่ม วัตถุดิบอาจจะไม่ดีอะไรมาก แต่พอทอดเสร็จแล้วมาจุ่มน้ำซอสรสเปรี้ยวนิดหวานหน่อยแล้วอร่อยเหาะ (เหมือนซอสคัตสึด้งแต่เหลวกว่า) กฎเค้าคือ 1 ไม้ จุ่มซอสได้ 1 ครั้ง ... "ห้ามจุ่มซ้ำเด็ดขาด!" เพราะเค้าใช้ซอสชามเดียวตั้งแต่ร้านเปิดยันปิด (คิดดูแล้วกัน ถ้าเรากัดแล้วเอาลงไปจุ่มอีก คนอื่นก็คงได้กินน้ำลายเรา เขาคงกลายเป็นกระสือไม่รู้ตัว สงสารเขานะ) ทานแกล้มกับกะหล่ำปลีแล้วมันใช่! คือกินเพลินไป 24 ไม้โดยไม่รู้ตัว และพอจะสั่งเพิ่ม บูบอกว่า "เก็บท้องไว้อย่างอื่นบ้างค่าาาแม่คุลล" อ้าวเหรอ ก็ได้ สิ่งที่กินคือ ชีส 3 อย่าง ไก่ มะเขือเทศ แอสพาร่า โมจิ(กรอบนอกนุ่มใน) กุ้ง หนวดปลาหมึก แต่ที่ไม่อร่อยคือเนื้อวัวนะ - อันนี้เซ็ตแรกที่สั่ง จะมีหลายอย่างรวมกัน ตอนเสิร์ฟพนักงานก็บอกนะว่าแต่ละไม้คืออะไรบ้าง แต่จำไม่ค่อยได้หรอก อาศัยกัดๆ กินๆ กันไปเลย ลุ้นดี
ร้านโอโคโนมิยากิ Chibo เป็นร้านที่เพื่อนบูแนะนำมา ตอนหลังถึงรู้ว่าเป็นร้านที่ป๊อบปะล้ำปะเหลือ เนื่องจากเรายังอิ่มจากร้านของทอดลุงหนวด เลยสั่งมาแชร์แค่ 1 แผ่น ชื่อเมนู ultimate salt ทีเด็ดคือเขาไม่ใส่แป้งเลยแต่ใส่มันสำปะหลังหนืดๆ เพื่อให้ผักทั้งหลายเกาะตัวเป็นแผ่น ทอดเสร็จนะ มันหอมฉุยมาก ด้านบนโรยด้วยกุ้งแห้งรสเค็มปะแล่ม เนื้อกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมกาน้ำซุปที่เอามาตั้งบนกะทะบนโต๊ะ ร้อนเมื่อไหร่เราเทใส่ชามซุปที่ในนั้นมีกุ้งแห้ง ต้นหอมซอยได้เลย ความพิเศษของเมนูนี้คือจะไม่ราดหน้าด้วยซอสและเมโย ใส่แค่ปลาโอที่มีในกระปุกให้ทุกโต๊ะแล้วเท่านั้น อร่อยแบบแอบสุขภาพดี และไม่ค่อยเห็นที่ไหนทำ ส่วนตัวแล้วชอบโอโคโนฯ ที่นี่มากกว่าของฮิโรชิม่านะ คืออันนั้นมันแยะไปอ่ะ มีอะไรก็โปะๆๆ ลงไป เน้นปริมาณมาก อันนี้แผ่่นบางๆ แต่กรอบนอกนุ่มใน รสกำลังดี - Chibo Okonomiyaki
- Chibo Okonomiyaki
- ที่นัมบะก็มีสาขา chibo คนต่อคิวยาวกันงูหลามเลยทีเดียว (เรากินสาขาในห้างฯ คนน้อยกว่าแยะมากกก)
Osaka Aquarium อ่านตอนต่อจนจบได้ที่นี่ค่ะ -> //wp.me/p48pnX-yM หรือ www.adaytripdiary.com
Create Date : 23 มีนาคม 2558 |
Last Update : 23 มีนาคม 2558 21:11:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2205 Pageviews. |
|
|