...and the OSCAR goes to !!!! +++
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
2 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
"Final Score 365 วัน-ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์" ...หนังชวนย้อนอดีต (อีกครั้ง) จาก GTH

SF Cinema City MBK
รอบ 19.30
วันพฤหัสที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 วันแรกของการเข้าฉายเลยนะเนี่ย...

ตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่หรอ? อืม... คงเป็นการค้นหาความรู้สึกมากกว่าว่าทำไมถึงรู้สึกชอบหนังชีวิตเด็ก ม.ปลายเรื่องนี้จัง คำตอบก็คงเป็นเพราะมันติดตาล่ะมั้ง นั่นน่ะสิ... น่าแปลกดีเหมือนกันที่หนังที่ไม่มีฉากแหวะ ชวนสยองลากไส้อย่างเรื่องนี้สามารถสร้างความรู้สึก "ติดตา" ให้กับคนดูได้ หนังหลายเรื่องดูแล้วก็แล้วไป จบไป แต่เชื่อว่าใครก็ตามที่มีโอกาสได้สัมผัสกับ "Final Score 365 วัน-ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์" คงไม่ใช่แค่ออกจากโรงหนัง แล้วก็จบไปพร้อมๆ กับเครดิตท้ายเรื่องอย่างแน่นอน ผมคนนึงล่ะ...

อย่างที่รู้กัน หนังเรียลลิตี้เรื่องนี้ (เอ..หรือจะเรียกกึ่งสารคดีดีล่ะ) ใช้ระยะเวลา 1 ปีในการถ่ายทำตามเก็บเรื่องราวของชีวิตเด็กนักเรียน ม.6 กลุ่มหนึ่งที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย และอย่างที่ทีมผู้สร้างโฆษณาเอาไว้ หนังเรื่องนี้ไม่มีสคริปต์ ไม่มีบทภาพยนตร์ ของจริงล้วนๆ!!! ...เป็นไปได้หรอ สร้างหนังโดยไม่มีบท นี่คือสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ แน่นอนว่าถ้าไม่มีบทจริงๆ การที่จะได้มาซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายของหนังที่ดูน่าพอใจแบบที่เป็นอยู่ คงไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยแน่ๆ แต่หากเบื้องลึกเบื้องหลัง หนังมีการเตรียมบทภาพยนตร์ไว้แล้ว ส่วนคำโฆษณาที่ว่า ก็มาเพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้ผู้ชมเท่านั้น ก็ต้องเรียกว่า... ทำได้เนียนเหมือนเรื่องจริงทีเดียว อาจมองดูเหมือนกล่าวแบบมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย แต่สำหรับเราแล้ว เชื่อว่าหนังน่าจะมีการแทรกสคริปต์ให้ตามประเด็นปลีกย่อยที่ย่อยมากๆ (ซึ่งอาจจะเป็นแค่หัวข้อเท่านั้นก็ได้) เพื่อให้เป็นไปตามสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อถึงผู้ชมแน่นอน เพียงแต่ว่าการดำเนินเรื่องไปของน้องๆ แต่ละคนก็คือสิ่งที่ต้องปล่อยให้เกิดขึ้นไปเอง

ทำไมถึงบอกว่า Final Score ไม่ได้ทำให้คนดูจบอยู่แค่ในโรงไปพร้อมกับหนัง? คำตอบง่ายๆ ที่ใครก็คิดได้คือ นี่คือเรื่องราวที่หลายๆ คน หรือจะบอกว่าแทบทุกคนเลยก็ว่าได้ เคยสัมผัส เคยรับรู้ และเคยเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นมาแล้ว ...จึงไม่น่าแปลกที่เราจะต่างหวนมาคิดถึงเรื่องราวของตนเองในสมัยนั้นบ้างเมื่อหนังจบ และพบว่า "เออ...นี่แหละ ฉันเคยใช้ชีวิตแบบนี้นะ" หรือ "ตอนนั้นก็คิดแบบนี้เหมือนกัน" ...นี่เอง คือวัตถุประสงค์ที่หนังต้องการทำให้สำเร็จ และหนังก็ทำได้จริงๆ ทันทีที่ "ความคิดถึงชีวิตสมัย ม.ปลาย" เกิดขึ้นกับคนดู แต่เหนือสิ่งอื่นใด ที่เหมือนหนังจะทำได้มากกว่านั้นก็คือความรู้สึก "คิดถึงเพื่อน" ซึ่งยังไงก็ต้องตามมาแน่นอนถ้าหนังบรรลุวัตถุประสงค์แรกไปแล้ว ...เรียกว่าเป็นหัวใจหลักของหนังทำเงิน GTH พักหลังเลยทีเดียว ไม่เชื่อลองกลับไปมองดู "แฟนฉัน" หนึ่งในหนังที่ใช้วิธีที่ว่าไปเรียกคนดูได้อยู่หมัดจนดังพลุแตกไปแล้ว

อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้คนดูรู้สึกผูกพัน และสามารถดำเนินตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้แบบที่เค้าเรียกว่า "ให้ใจ" กับน้องกลุ่มนี้ ก็คงเป็นเพราะตัวของน้องๆ ทั้งหมดนี้นี่เองล่ะ ด้วยความที่เป็นนักแสดงโนเนม จริงๆ จะบอกว่านักแสดงก็ไม่ค่อยจะถูกนัก เอาเป็นว่า ด้วยความที่แต่ละคนเป็นตัวเองจริงๆ และผู้ชมก็ไม่เคยได้รู้จักน้องๆ เหล่านี้มาก่อน เรื่องราวทั้งหมดจึงดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ใครเคยดู United 93 ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหนึ่งในเครื่องบินที่ถูกจี้ในวันที่ 11 กันยาคงนึกออก นั่นล่ะ...แบบเดียวกัน ใช้นักแสดงโนเนม เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เพียงแต่อันนั้นเค้าเป็นหนังที่เป็นหนังจริงๆ แต่ Final Score เป็นหนังกึ่งเรียลลิตี้ที่ยังไงซะก็เข้าถึงคนดูได้ง่ายกว่าอยู่แล้ว การได้เห็นบิ๊กโชว์ เครียดจนไม่ยอมให้กล้องถ่ายทำต่อ เห็นเปอร์ (พระเอกๆ) พูดเข้าข้างตัวเองว่าอาจารย์เค้ากลัวกล้อง หรือแม้แต่เห็นหน้าเหวอๆ ของบางคนที่ถูกลุงถามว่า "ความรู้คืออะไร?" คือ... มันเป็นอะไรที่ตรงไปตรงมากว่าเยอะ อื้มม

อีกอย่างหนึ่งที่ Final Score เลือกถ่ายทอดออกมาได้ดีมากก็คือ การสะท้อนมุมมองของพ่อแม่ในยุคนี้ที่เรายังจะได้เห็นความคิดแบบหัวโบราณ แต่ในขณะเดียวกันก็ให้อิสระทางความคิดกับลูกของตน ค่านิยมในเรื่องการเรียนของวัยรุ่นที่เป็นแบบไหนก็เป็นแบบนั้นมาอย่างยาวนาน ความคิดของเด็กรุ่นใหม่ที่น่าสนใจไม่แพ้เรื่องอื่นอย่างของเป๋อและโบ๊ท บุคลิกเฉพาะตัวของลุงที่ดูๆ ไปแล้ว ก็คือตัวแทนแบบฉบับของวัยรุ่นในปัจจุบันนี้นี่เอง หรือแม้แต่เพลงประกอบ "วัน เดือน ปี (D.M.Y.)" โดยเจี๊ยบ วรรธนา วีรยวรรธน ที่ยังถูกนำไปแปลงเป็นธีมดนตรีประกอบตลอดเรื่องด้วย

สำหรับสัปดาห์นี้ยังมีหนังเข้าฉายอีกหนึ่งเรื่องนั่นคือ Curse of the Golden Flower ศึกโค่นบัลลังก์วัง (ดอก) ทอง ซึ่งบังเอิญที่ว่าทั้ง Final Score และ Golden Flower ต่างก็มีประเด็นที่ว่าด้วยเรื่องของสถาบันครอบครัวด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่ว่าอยู่กันคนละขั้วเท่านั้นเอง เอาเป็นว่าจะมาเล่าวันหลังละกันครับ... แต่ตอนนี้ถ้าใครที่กำลังหาหนังที่ไม่มีพิษมีภัย หรืออยากย้อนความทรงจำเก่าๆ อีกครั้ง "Final Score 365 วัน-ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์" คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วล่ะ... หากไม่ติดใจเรื่องที่เรื่องราวทั้งหมดเป็นของนักเรียนสวนกุหลาบ เหมือนเพื่อนผมคนนึงอะนะ เหอะๆๆ!!!

(ป.ล. ชอบโว้ยยยยยยย เรื่องนี้.... กี๊ดๆๆ!!!)


Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2550 18:44:00 น. 6 comments
Counter : 1641 Pageviews.

 


โดย: nana IP: 202.28.54.172 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:44:48 น.  

 
ประทับใจตั้งแต่รอบสื่อมวลชนแล้ว พอไปดูหนังตอนที่น้องเขากำลังเอ็นท์ พอออกมาจาโรงเจอน้องๆในเรื่องที่เป็นหนุ่มขึ้น แต่งชุดนักศึกษากันแล้วก็ชื่นใจ อ้อ ได้เจอแม่เปอร์ตัวเป็นๆอ่ะ สวยกว่าในหนังเยอะเลย
น้องโบ๊ทน่ารักมากๆ บิ๊กโชว์ก็ ผอมเพรียวกว่าในหนังอีก
ส่วนน้องลุง หน้าตาดีนะคะ หน้าอย่างงี้เล่นหนังแนว GTH ได้อีกหลายเรื่องเลย มีคาแรคเตอร์ดีค่ะ


โดย: anita (antz_anita ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:45:18 น.  

 
คิดว่าไปดูแน่นอนคับเรื่องนี้
อยากรู้ว่าทำไมต้องเครียดกับการสอบเอนท์
ทำไมต้องจริงจังกับการสอบครั้งนี้

ไม่ใช่อะไรหรอกคับ เพราะตอนสอบเอนท์ เราไม่อ่านหนังสือสอบ ไม่เครียดด้วย
ผลก็สอบไม่ติด 555555555


โดย: wanwitcha วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:02:00 น.  

 
เขียนได้ดี ๆ


โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:21:15 น.  

 
ชอบ final score เหมือนกันครับ
ได้ข่าวว่าทีมงานตัดหนังเรื่องนี้ออกมาเป็น 9 แบบ
ก็อยากดูแบบอื่น ๆ เหมือนกัน


โดย: @power วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:27:10 น.  

 
ชอบสาดๆๆๆๆ


โดย: phaley13 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:02:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The Academy Award Winner
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





... B E S T   A C T O R   &   B E S T   A C T R E S S ...


... B E S T   S U P P O R T I N G   A C T O R ...


... B E S T   S U P P O R T I N G   A C T R E S S ...

Friends' blogs
[Add The Academy Award Winner's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.