Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
25 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

นางฟ้า

ผมเจอนางฟ้าคนแรกตรงประตูก่อนจะก้าวเข้าเครื่องบิน เธอมายืนต้อนรับ สีหน้ายิ้มแย้มพร้อมโค้งให้ผู้โดยสารด้วยความเร็วสม่ำเสมอ พูดภาษาญี่ปุ่นที่ผมฟังไม่รู้เรื่องแต่แปลได้ว่า "ยินดีต้อนรับค่ะ"

ที่นั่งของเราอยู่ส่วนกลาง แถวสุดท้ายริมหน้าต่าง ตรงปีกเครื่องบินพอดี สมใจ นี่เป็นตำแหน่งที่ผมอยากนั่งที่สุด ตรงปีกเครื่อง จะได้เห็นปีกเครื่องบินขณะมันบิน เหมือนที่เคยเห็นในภาพถ่ายหลายๆภาพที่ถ่ายปีกเครื่องบินขณะบิน มัน Sukoi มาก หยิบยืมมาจากหนังเรื่องอีติ๋มหน่อยเหอะ

แน่นอนผมขอนั่งข้างในฟ้าซึ่งไม่สนใจปีกเครื่องบินก็นั่งตรงกลาง เก่งแยกไปนั่งที่ไหนไม่รู้ แถวริมมีเก้าอี้สามตัว ตัวนอกสุดเป็นคุณลุงชาวญี่ปุ่นตัวเบ้อเริ่มนั่งปิดทางเข้าออกของผมกับฟ้าไว้ ทำให้รู้ว่าเที่ยวบินนี้มีอุปสรรคซะแล้ว

สภาพภายในเครื่องขณะที่ผู้โดยสารกำลังเข้าประจำที่ วุ่นวายมาก นางฟ้าอีกหลายคนที่อยู่ในชุดฟอร์มสูทนอกสีดำ กำลังวุ่นวายกับการจัดระเบียบผู้โดยสาร ช่วยเอากระเป๋าใส่ที่เก็บด้านบน เดินตรวจดูว่ารัดเข็มขัดหรือยัง ผู้โดยสารที่เรียบร้อยแล้วก็นั่งประจำที่ ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ไม่เห็นพนักงานที่เป็นผู้ชายเลยสักคน งานทุกอย่างเลยเป็นหน้าที่ของนางฟ้าเท่านั้น

เสียงประกาศบนเครื่องบินเป็นภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษทำให้รู้เรื่องบ้าง ฟ้าเล่าว่าก่อนจะขึ้นบินสมัยก่อน พวกนางฟ้าจะต้องมาสาธิตการใช้ชูชีพ หน้ากากออกซิเจน แต่สมัยนี้มันล้ำกว่านั้นแล้ว เค้าใช้อนิเมชั่นฉายให้ดูในจอมอนิเตอร์ประจำที่นั่งของแต่ละคน และก็มีจอใหญ่ตรงกลางด้วย ถ้าจำไม่ได้ที่กระเป๋าด้านหน้าก็มีเอกสารแนะนำการปฏิบัติตัวขณะเกิดเหตุฉุกเฉิน ผมหยิบขึ้นมาดูในขณะที่ผู้โดยสารอื่นๆส่วนมากก็ไม่สนใจ ผมพลิกอ่านขั้นตอนต่างๆที่ในส่วนลึกก็เสียวๆเหมือนกัน ถ้าต้องทำตามคู่มือในเหตุการณ์จริง จากเอกสารผมยกตัวขึ้นมองไปข้างหลัง อ๋อ ประตูฉุกเฉินอยู่ข้างหลังผมนี่เอง

แต่ฟ้าก็บอกว่าถังน้ำมันเครื่องบินก็อยู่ตรงปีกที่แกนั่งด้วยนะ

ทั้งๆที่เค้าประกาศว่าห้ามใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่นมือถือ เกมส์ คอมพิวเตอร์ แต่ผมก็ค่อยๆหยิบกล้องคอมแพคคู่กายของผมออกมาเพื่อหมายจะบันทึกภาพ ฟ้ามองผมดุๆ ผมส่งสายตาอ้อนวอน แล้วค่อยๆยกกล้องขึ้นเก็บบรรยากาศ ในใจนี่รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้วที่ทำอย่างนั้น แต่แค่ครั้งเดียวน่า ขอหน่อยเหอะ ลุงญี่ปุ่นแกก็ไม่ได้สนใจอะไรกับผม คนญี่ปุ่นเค้าจะไม่ยุ่งกับคนอื่นหรอกครับ แต่ละคนถ้าตัวเองรักษากฏเอาไว้ทุกคนก็ไม่มีปัญหาวุ่นวาย แต่ผมไม่ใช่คนญี่ปุ่นนี่นา ขอหน่อยเหอะ ผมยังหน้าด้านต่อไป

"กรุณางดใช้อุปกรณ์ถ่ายภาพด้วยค่ะ" เสียงนางฟ้าคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดทางด้านหลังผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ผมยิ้มจ๋อยๆ ก่อนที่จะเก็บกล้องของผม แล้วรัดเข็มขัดประจำที่

"ถ้าเค้าตบได้เค้าตบแกไปแล้ว" ฟ้ายังย้ำอีก รู้แล้วเฟ้ย

เครื่องบินวิ่งออกมาตามรันเวย์ที่ภาษาการบินเรียกว่า แท๊กซี่ เพื่อไปยังรันเวย์สำหรับเทคออฟ เสียงประกาศบอกว่า

"เรากำลังจะนำท่านออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปลายทางท่าอากาศยานนาริตะ โตเกียว ขณะนี้อากาศที่โตเกียวมีเมฆมาก อุณหภูมิประมาณ 18 องศาเซลเซียส ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง 30นาที จะถึงท่าอากาศยานนาริตะในเวลาประมาณ 6 นาฬิกา 10 นาที ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเวลาจะเร็วกว่ากรุงเทพ 2 ชั่วโมงค่ะ"

ท่าทางหนาวนะผมคิดในใจ เพราะกรุงเทพถึงฝนจะตกแต่ก็ราวๆ 30 องศาได้ เหล่านางฟ้าหายไปหมดแล้ว เห็นไกลๆว่านั่งประจำที่เหมือนกัน

เครื่องจอดนิ่งอยู่บนรันเวย์ ภาพจากจอมอนิเตอร์ใหญ่ ฉายให้ดูภาพทางด้านหน้าเครื่องบิน เสมือนว่าเรากำลังมองออกจากหน้าต่างนักบินด้วย เสียงบนเครื่องบินดังพอสมควรมันเป็นเสียงเครื่องยนต์ที่ผมเห็นห้อยอยู่ที่ปีก2เครื่อง ผสมกับเสียงแอร์แล้วก็เสียงอะไรอีกหลายอย่าง แต่ก็ไม่ถึงกับหนวกหูมาก ฉับพลันเครื่องบินก็ทะยานด้วยความเร็วออกไปข้างหน้า
ถ้าเป็นภาษาของรถซิ่งเค้าเรียกหลังติดเบาะ จากหยุดนิ่งเครื่องบินเร่งความเร็วในช่วงสั้นๆเพื่อให้มีความเร็วพอที่จะยกน้ำหนักหลายร้อยตันขึ้นสู่ท้องฟ้าให้ได้ แล้วตัวเครื่องก็ลอยพ้นพื้นดิน

ผมมองผ่านกระจกลงไปดูแสงไฟจากพื้นดินที่ค่อยๆอยู่ห่างไปทุกทีๆ รู้ว่าเราบินในทิศทางผ่านถนนอ่อนนุช มอเตอร์เวย์ แล้วเครื่องบินก็ไต่ระดับขึ้นสูงเรื่อยๆ ดวงไฟข้างล่างค่อยๆเล็กลง จนมีควันมาบังวิวด้านล่างของผม มันไม่ใช่ควัน มันคือเมฆ เราขึ้นมาสูงถึงชั้นเมฆแล้ว แล้วข้างนอกก็มืดสนิทเห็นเพียงปีกเครื่องบินที่มันทำหน้าที่ของมันอยู่ด้านนอก

นางฟ้าที่มาเตือนผมคนเมื่อกี้ ตอนนี้อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนสีเหลืองสดใส กำลังเข็นรถเข็นเพื่อบริการเครื่องดื่มให้แก่ผู้โดยสาร ถึงแม้จะค่อนข้างงานหนักเพราะจำนวนผู้โดยสารที่มากมาย และพวกเธอก็ต้องบริการให้ครบทุกคน แต่พวกเธอก็สีหน้ายิ้มแย้มอยู่เสมอ ผมซึ้งกับพวกเธอมากๆ ผมพยายามที่จะไม่เป็นภาระพวกเธอ สั่งแต่ของที่จัดหาได้ง่าย

มีอะไรให้กินก็กิน เธอยิ้มมาผมก็ยิ้มตอบ เธอให้ของผม ผมขอบคุณเธอ ผมสังเกตว่านางฟ้าจะมีทั้งคนไทย และคนญี่ปุ่น และผมก็ดันกระแดะไปตอบขอบคุณนางฟ้าคนญี่ปุ่นที่เสริฟผ้าร้อนให้ว่า

ありがとうございます。 อะริกาโต โงะซาอิมัส. พร้อมโค้งให้ด้วย เธอก็ยิ้มตอบ

สักพักเธอกลับมาอีกรอบ ทีนี้มาพร้อมกับ 日本語新聞 แปลว่าหนังสือพิมพ์ภาษาญี่ปุ่น เอามาให้ผม

ทีนี้ผมเลยตอบเธอเป็นภาษาไทยชัดๆกับเธอเลยว่า

"ผมอ่านไม่ออกครับ"




 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2551
1 comments
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2551 0:03:52 น.
Counter : 1274 Pageviews.

 

นั่ง JAL ชัวร์ๆ ดีใจที่ประทับใจค่ะ

 

โดย: นางฟ้าหน้าหมวย (บินปร๋อ ) 25 พฤศจิกายน 2551 18:47:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Prune
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Friends' blogs
[Add Prune's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.