LOVE Me LOVE My Life
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
19 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
6 <<<LAOS>>> I Love U ประเทศไทย เรือช้าวันที่ 2 ห้วยทราย เชียงของ เชียงราย

หลังจากใช้ชีวิต ประนึง นอนอยู่กลางสนามรบ
ในที่สุด เราก็พ้นมาได้ ใกล้ประเทศไทยเข้าไปทุกทีแล้ว
ตั้งใจว่าจะกลับข้ามฝั่งมานอนที่เชียงของ จะทันรึปล่าว
ติดตามได้ ณ บัด Now ค่า

เรือเริ่มเดินทางตอนนี้ล่ะ


เรือเที่ยวนี้ มีเบาะรถตู้หลายแถวให้เลือกนั่งตามใจเฉิบ




อากาศดีแฮะวันนี้


มาต่อด้วยการเดินทางบนเรือ very slow boat วันที่ 2 กัน
บนเรือวันนี้เหลือนักท่องเที่ยวแค่ 5 คน
เพราะเราได้เสียพี่แอ๊บปลอม (นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น)
ไปกับเรือล่องไปหลวงพระบาง

ประชากรที่เหลือก็เป็นพี่ลาวล้วนๆ
เลยได้เห็นว่า พี่ลาวทั้งหนุ่มสาววัยรุ่น
วัยดึกทั้งหลายมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่คือ
ทิ้งทุกอย่างลงแม่น้ำ
ไม่ใช่แค่ทิ้งรักลงแม่น้ำอย่างไทยเรา
แม่หญิงลาวนั่งข้างหน้า ซื้อเลย์มากิน กินเสร็จแกะถุงแคว๊กก ทิ้งลงน้ำ
เราตาเหลือกหันตาดูตามขยะไป โอ๊ยลงน้ำไปแล้ว
ได้แต่ค้อนเจ๊ไปตามเรื่อง เพราะประเทศเค้า จะไปเตือนก็ใช่ที่
หนุ่มสาวชาวลาว นั่งจู๋จี๊ดู๋ดี๋กันอยู่ข้างๆ กินลำไยเสร็จก็พ่นเม็ดปุ๊ดดด
ลงน้ำ ทิ้งเปลือกลำไยลงน้ำ
เห็นแล้วเศร้าเลย มิน่าละทำไมแม่น้ำถึงมีขยะเยอะ



อันนี้เป็นต้นไม้ที่ขึ้นในน้ำเค้า ไม่รู้ต้นไร แปลกดี
เป็นตุ่มๆ หนามๆ




ระหว่างทางก็จะมีหยุดจอด ให้คนลงเป็นระยะ
จนจุดใหญ่ก็เอามอเตอร์ไซด์ก๊อปเกรดเอลงหมด
คราวนี้เรือก็ตกเป็นของเรา
เอาถุงนอนมาปูนอนมองดูฟ้า ดูภูเขา ลมโกรก
เป็นช่วงเวลาที่รู้สีกดีมากกกกกกกกกกจริงๆ



อยากแนะนำให้คนที่มีเวลา ลองไปแบบนี้ดู
(แต่เพราะเป็นเรือขากลับทวนน้ำ คนเลยไม่นิยมขึ้นเพราะนานกว่าเดิม
เลยสบายก็ได้เพราะเรือโล่ง เป็นของเรา อยากนอนตรงไหนก็นอน)
พอได้อยู่นิ่งๆ ก็ได้คิดอะไรหลายๆ อย่าง
เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้ทบทวนอะไรกับตัวเองได้ดีเลยล่ะ
ป.ล. เอาถุงนอนหรือเสื่อไปด้วยนะ จะได้นอนกลิ้งไปกลิ้งมาแบบเราได้



นอนไปนอนมา เงยหน้ามาดูน้าคนนี้
น้าก็ชิล เช่นกัน สังเกตมือไม่เคยห่างขวดเบียร์เร้ยย




ตอนแรกก็กลัวๆ อยู่ที่บางคนบอกว่า
อยู่บนเรือช้าเหมือนติดคุกอยู่ 2 วันไปไหนไม่ได้
แต่พอไปอยู่จริงๆ เอ๊ะ ก็ไม่แย่นี่น่า
หรือว่าอาจจะเป็นเพราะธรรมชาติเราเป็นคนช้าๆ ก็เป็นได้
ลองดูค่ะ





นี้ธรรมชาติสุดๆ เรือจอดเทียบท่าอยู่ มีตั๊กแตนตัวเบิ้มเกาะอยู่เลย
แต่แปลกพอจับแล้วมันกลัวหรือไงไม่รู้
เหมือนฉี่ราดเลย มีน้ำแปลกๆ ด้วย
(ก็บอกแล้วไง ความรู้ต่ำความมั่นใจสูง)
แต่ไม่ได้ทำร้ายมันนะ ปล่อยไปมันก็โดดเด้งๆๆไปเลย



พอใกล้ๆ จะถึงห้วยทรายก็มีท่าเรือใหญ่ ที่เหมือนจอดเช็กชื่อกัน
เพราะเห็นทุกลำก็ต้องจอดแล้วลงเอาสมุดไป
เจอเจ้าเด็กกระเปี๊ยกนี้ ตลกดี
เดินลงมาวิดๆๆๆน้ำที่เรือ เราก็นึกว่าจะเอาเรือออก
แต่สรุป วิดเสร็จแล้วก็เดินขึ้นเรือไป
อ้าว แล้วจะวิดทำไมล่ะพ่อคุณ
ต้องดูหน้าตาท่าทางตอนวิด จริงจัง ซีเรียสเหมือนผู้ใหญ่เลย


แถมอีก 1 เด็ก
ลูกหลานเจ้าของเรือ
หน้าตาน่ารักดี 10 เดือน
แต่ชื่อว่าอะไรรู้มะ

"น้องผี"

ถามว่าแปลว่าอะไร เค้าก็บอกแปลว่า ผี นั้นแหลค่ะ
ตั้งเอาเคล็ด



ใกล้จะถึงล่ะ แต่ว่าก็คงไม่ทันด่านข้ามไปฝั่งไทย
เพราะปิด 6 โมง
นี้ยังไม่ทันถึงแต่ก็โผล่เผล่เต็มที



พอใกล้ๆ จะถึง เราจะเห็นอีกฝั่งเป็นฝั่งไทยล่ะ
ตอนแรกตื่นเต้นมากกกก
ที่เห็นธงชาติไทยปลิวไสวอยู่
ดีใจสุดๆ เรียกพี่ที่ไปด้วยกันเสียงดังลั่นเรือ
จนแม่หญิงประจำเรือตกใจ
รีบวิ่งมาดูนึกว่าเราเป็นอะไร
แหะๆๆๆ
เจื่อนๆ บอกว่าป่าวค่ะ ดีใจ เห็นธงชาติไทย
เขาก็ยิ้มๆ ไม่ว่าไร
ก็แหม พอมีประสบการณ์หฤโหดที่ปากแบงมา
มันก็คิดถึงบ้านตะงิดๆ น่ะสิ


18.10 น. ในที่สุดเรือก็แล่นช้าลง

ช้าลง

ช้าลง

ในที่สุดเราก็มาถึงห้วยทรายแล้ว
เห็นฝั่งไทยอยู่ตรงข้าม แต่ก็กลับไปไม่ได้
เพราะหมดเวลา ด่านปิดซะแง้ว
ตอนจะลงเรือ มีอาลัย อาวรณ์เล็กน้อย
โถถถถ นี้เราต้องจากกันแล้วรึ
ต้องกลับสู่โลกความจริงแล้วเหรออ เนี่ย
ภาพออกจะเศร้าเล็กน้อย



ลาก่อนเรือ very slow boat
ถึงจะช้า แต่ก็เป็น 2 วันที่มีความสุขนะ



เอาล่ะ มาต่อที่ห้วยทราย
เดินหาที่พักก่อนดีฝ่า กระเป๋ามันหนักจิงๆ
เดินมาเจอที่นี่ล่ะ
ชื่อ arimid guesthouse เป็นหลังคืนล่ะ 200 บาท
พัดลม ห้องน้ำในตัว อ่ะให้เบอร์ป้าไว้หน่อย เผื่อใครจะไป
เบอร์บ้าน 084 211 040 มือถือนะ 020 5611930
เราว่าโอเชเลย


ถ้าออกจากท่าเรือช้า
เลี้ยวขวามาตรงข้ามกะปั้มน้ำมันอันนี้
หรือถ้าใครมาจากฝั่งไทยแล้ว
ไม่ทันเรือช้าไปหลวงพระบาง
ก็เลี้ยวซ้ายมา เดินมาสัก 1 กิโลน่ะ
สังเกตปั้มน้ำมันนะ ที่นี่จะอยู่ตรงข้ามปั้มเลย



พักที่ห้วยทรายคืนนึงก็โอเชนะ เราชอบมากกว่า ปากแบงเยอะเลย
ดูเป็นเมืองสงบๆ เสงี่ยม เรียบร้อยดี
เก็บกระเป๋าเสร็จก็เดินเล่นชมเมือง
อ๊ะ เอารูปบ้านพักชัดๆ อีกที




บรรยากาศในเมืองห้วยทราย มีตุ๊กตุ๊ก หรือสกายแล๊ปให้เรียกตลอดทาง
ที่นี่ก็จะมีรถบัสให้เลือกไปตามจังหวัดต่างๆ ของลาวด้วย




แมวขี้ง่วง ที่ห้วยทราย
ไปเล่นด้วยก็ง่วงโชว์
นั่งหลับซะงั้น




1 คืนที่ห้วยทรายผ่านไปด้วยความเย็นฉ่ำปอดเพราะฝนตก
ตื่นมา เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้านเราแล้ว
เดินมา แฮ่กๆๆ เพิ่งรู้ว่า ไกลเหมือนกันแฮะ
จากบ้านพักเดินมาประมาณ 1 โล จะถึงด่าน
เมื่อคืนก็มา แต่ไม่มีกระเป๋าและไม่มีแดดเผาแบบนี้
เลยไม่รู้ว่ามันเหนื่อยเอาเรื่อง รีบข้ามด่านไป
เพราะกลัวติดปิดพักเที่ยงเลยไม่ได้ทานอะไรเลย
(ที่ห้วยทรายก็มีร้านดิวตี้ฟรี ขายเหล้า ขายเบียร์แปลกๆ เต็มเลย)
อ้อ มีร้านเน็ต ร้านอาหารอินตระเดียด้วย แต่ไม่ได้ลอง
นี้ไงท่าเรือข้ามฝาก ไทย-ลาว



ทำเรื่องออกประเทศ ง่าย และ เร็ว
อยู่ที่เดียวกันเด๊ะ กับที่แลกเงิน
แล้วก็แลกเงินกีบคืน ตอนขามาแลกได้ 285 กีบ / 1 บาท
แลกคืนได้ 280 กีบ / 1 บาท




ค่าเรือข้ามฝาก คนล่ะ 20 บาท
ขึ้นปุ๊บออกปั๊บไม่ต้องรอใคร



เย้ ในที่สุดก็ถึงเมืองไทยแล้ว
โชว์โง่อีก 1 สเต็ป
มีที่ตุ๊ก ตุ๊ก มาบอกว่าจะไปส่งท่ารถ
เราบอกไม่ต้องค่า
ทำท่ามั่นใจมาก (นึกในใจว่ากะฟันฉันละสิ ท่ารถมันใกล้ๆ แค่นี้เอง)
เดี๋ยวจะนั่งรถบขส. เชียงของ-เชียงราย
พี่เค้าบอกว่า
"เดินไปไหวเหรอไกลตั้ง 5 กิโลนะ แดดตอนเที่ยงร้อนตายเลย"

ตึ้งงงงงง

นึกว่าท่ารถเชียงของ จะอยู่ติดกะท่าเรือซะอีก
พี่คนขับเค้าก็เลิกตื้อนะ นึกว่าเราติสต์อยากเดินไปเอง
เรานี้แทบจะทิ้งกระเป๋าวิ่งกลับไปง้อ
พี่ค่าไปส่งหนูหน่อยค่า
ตกลงกันที่ คนล่ะ 20 บาทเช่นกัน
แหมม
เกือบต้องเดินไป 5 กิโลแล้วมั้ยล่ะฉานนน




เชียงของก็ดูสงบดีนะ แต่ดูเจริ๊ญ เจริญ
ไม่เหมือนอยู่ฝั่งห้วยทรายมันดูสง๊บ สงบ
พี่คนขับตุ๊กตุ๊กแนะนำให้นั่งรถสายในเมือง
เพราะจะวิ่งแค่ 2 ชั่วโมงถึงเชียงราย
ถ้ารถบัสใหญ่ วิ่งอ้อมเมืองจะวิ่งถึงเชียงรายก็ 3 ชั่วโมง
เอ๊ะ เชียงรายนี้มันใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
เพิ่งรู้ วิ่งในจังหวัดทำไมมันนานจังฟร่ะ
รถออกทุก ครึ่งชั่วโมง ค่ารถคนล่ะ 57 บาทจ๊ะ
มาถึงท่ารถ เห็นรถจอดรออยู่แล้ว เหลือเวลาอีก 20 นาทีกว่าจะออก
พี่คนขับบอกให้ไปทานข้าวใกล้ๆ ก่อนก็ได้
เมนูแรกของไทย สิ้นคิดพอกัน
ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว กะ ข้าวคะน้าหมูกรอบ



รีบกินและวิ่งไปซื้อน้ำ และขนมตุนระหว่างทางไปเชียงรายดีฝ่า
อ่าเจอแล้ว อันนี้ดีก่า
จะได้ ได้ฟิลเหมือนขึ้น 1-2-go
ที่ชอบแจกโก๋แก่ถุงเล็กแต่พองหลอกตา

นั่งหลังสุดตามเคย
เพราะเป็นเหมือนรถมินิบัสเบาะแคบเล็กน้อย
(รึตัวใหญ่หว่า)
ขาจะได้ไม่ติด
ตอนแรกนึกว่าคนจะแน่น ที่ไหนได้มีทั้งหมด 5 คน
รวมคนขับและกระเป๋าด้วยแล้วนะเนี่ย
พอขับออกไป เอ ทำไมลุงเขาขับอย่างช้าฟร่ะ
แต่ป้ากระเป๋าก็เรียกคนขึ้นเรื่อยๆ คงเพราะ
ครึ่งชั่วโมงออกที กลัวคนพลาดแล้วรอยาวมั้งเลยต้องขับช้าๆ รอคนไปด้วย

ไปจอดตรงป้ายโรงพยาบาล เห็นแล้วสะท้อนใจเลยล่ะ
เพราะมีแต่ลุงๆ ป้าๆ แก่ๆ นั่งรอรถอยู่เต็มไม่เจอหนุ่มสาวเลย
แล้วลุงกะป้าคู่นึงก็ขึ้นมา มานั่งเบาะยาวด้านหลังกะเรา




แล้วเราก็ได้เห็นภาพบางภาพ ที่ทำให้เราตื้นตันที่สุดในทริปนี้
คือ ลุงกะป้าที่เพิ่งขึ้นมาจากป้ายหน้าโรงพยาบาล
ลุงแกดมยาดม ปื้ด ปื้ด ดมเสร็จก็ส่งมาให้ป้า
ป้าแกก็ดมยาดม ปื้ด ปื้ด แล้วก็ส่งคืนลุง
ตอนแรกคิดว่า
อุ๊ยลุงป้า น่าสงสารจัง
มียาดมแค่อันเดียวเอง
เอายาดมของเราให้ป้าดีมั้ยน้า
เพราะเราซื้อมานึกว่าจะเมารถไปหลวงพระบาง
แต่สรุปว่ายังไม่ได้ใช้เลย
(เพราะดันใส่กระเป๋าใบใหญ่ขึ้นไปไว้หลังคารถฉลาดจิงฉัน)

แต่พอเราหันไปเห็นสีหน้าของลุงกะป้าที่ดมยาดมด้วยกันน่ะ
เราคิดเลยว่า
เฮ้ย เค้าไม่ได้รู้สึกว่านี้คือเรื่องลำบากซะหน่อย
แต่นี้คือสิ่งที่เค้าแบ่งปันกัน ห่วงใยกัน
จริงๆ ป้าก็อาจจะไม่ได้อยากดมด้วยซ้ำ
แต่เพราะลุงยื่นให้เลยดม
นี้คือสิ่งที่คู่ชีวิตคู่นี้ เค้าทำกันจนเป็นนิสัยรึปล่าว
คือการแชร์ การใช้ชีวิตร่วมกัน คือการดูแลกัน
เห็นแล้วซึ้ง น้ำตาจะไหล
(อารมณ์เหมือนตอนดูโฆษณาไทยประกันชีวิตอันแรกๆ)

แถมลุงนะแมนมาก พอมีน้าผู้หญิงคนนึง ลงกลางทาง
น้าแกเอาเคสคอมมาซ่อม 2 ตัว ป้ากระเป๋าก็ช่วยยกลงรถให้
ลุงแกรีบลุกมาช่วยยก ทั้งๆ ที่ลุงแกก็แก่กว่าป้ากระเป๋าอีก
ทำเอาพวกเราหน้าชาเล็กน้อย รีบไปช่วยลุงยกบ้าง
โห้ เจ๋งอ่ะ เป็นภาพประทับใจจริงๆ
คนต่างจังหวัดเค้าเคยยินกับการหยิบยื่นน้ำใจให้คนทั่วไปจริงๆ
เด็กเต๊บอย่างเรานี้แบบอ้ายย อาย
ตอนลุงกะป้าลง เรารีบส่งป้าลงเลย
รู้สึกดีกับการนั่งรถเมล์ครั้งนี้จัง

เยี่ยมมมม
เป็นการปิดท้ายทริปที่ประทับใจเราจัง



มาถึงเชียงรายในที่สุด
ใช้เวลาไป 2.30 ชั่วโมง
แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่รีบอยู่แล้ว
แค่เง็ง ว่าเชียงรายนี้ใหญ่จังนะ
แค่รถวิ่งระหว่างอำเภอยังใช้เวลาตั้ง เกือบ 3 ชั่วโมง

จองแอร์เอเชียเที่ยว 21.45 ไว้
เอ๊ะ ทำไมหิวอีกแล้วหว่า
อ๋อ เพราะนั่งรถ กระเด้ง กระดอน ทำให้ข้าวย่อยเร็วนี้เอง
(แหม คิดเอง ตอบเอง เออเองสุดฤทธิ์)
สรุปเลยข้ามถนนไปทานข้าวหมูแดง
แล้วก็สอบถามข้อมูลป้าคนขาย ว่าจะไปสนามบินยังไง
ป้าบอกว่ามันไกล 10 กว่าโล ต้องจ้างรถไปส่ง
ไปไม่เกิน 150 บาท
โอเช
แต่เวลายังเหลืออีกเยอะเลย แต่ก็ไม่รุ้จะไปไหน ฝนก็ตก
กระเป๋าหนักเหลือเกิน สรุปไปสนามบินก่อนล่ะกัน
นี้ไง ถึงล่ะ



17.00 น. มาถึงสนามบินเชียงรายอย่างโล่ง
เดินเล่นโต๋เต๋ไปมา เอ๋ เขียนโปสการ์ดส่งถึงเพื่อนดีฝ่า
(ก็โปสการ์ดทำไปขายเหลือมาตึ้มมนี้ ต้องขยันส่งกันหน่อย)
เดินไปสุดๆ ก็เจอที่ทำการไปรษณีย์เลยซื้อสแตมป์มา
แล้วก็นั่งเขียนๆๆๆ ฆ่าเวลา ก่อนจะฝากลุงส่งให้

เออ สังเกตอยู่อย่างเชียงรายไม่ค่อยมีคนหนุ่มสาวเลย
เจอแต่คนอายุเยอะๆ คิดแล้วก็เศร้า
คนหนุ่มสาวต้องไปทำงานกรุงเต๊บแน่ๆ เลย
เลยกลายเป็นเมืองของคนสูง(อายุ)

รอเวลาเช็กอิน รอแล้วรออีก พอใกล้จะถึงเวลา
ดันมี sms จากแอร์เอเชียว่าดีเลย์ นั้นงายยย โดนเข้าแล้ว
จาก 21.45
เป็น 24.05 (เอ เขียนแบบนี้ได้ป่าว เอาเป็นว่าเที่ยงคืน 5 นาทีล่ะกัน)

โอ๊วววว โน้
ทำไมดีเลย์นานจัง ไปสืบได้ความว่า
เครื่องเสียไป 2 เครื่องทำให้ต้องหาเครื่องอื่นมาสำรอง
วิ่งแทนเครื่องที่ซ่อมอยู่
เอิ่ม ดีแล้วค่ะ ดีกว่าเอาเครื่องเสียมาบิน
นั่งเรือช้ามาจนตูดด้านเริ่มชำนาญแล้ว
ไม่เป็นไร มีภูมิต้านทานเก้าอี้ทุกประเภท
(นี้ไง นั่งรอแถวนี้อยู่แค่ 7 ชั่วโมงเท่าน้านนน)


ไปเช็กอินเป็นคนแรกเลย
เพราะอยากเอากระเป๋าโหลดๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องคอยหิ้ว
ได้บัตรมาแลกซื้ออาหารที่ แดรี่ควีนในสนามบิน 80 บาท
19.45 น.
เลยแลกฮอตดอกมาหม่ำซะ
น่าสงสาร ตัวเองจริงๆ
ติดแหง่กอยู่ 7 ชั่วโมง แต่ก็พยายามคิดซะว่า
เป็นการดี ที่เราจะเข้าถึงจิตใจของ ทอม แฮงค์เรื่อง terminal
อันนั้นเค้าติดอยู่ตั้งหลายเดือน แย่กว่าเราอีก

ในที่สุด ที่เค้าก็มารับเรากลับบ้านซะที
(เลทไปกันใหญ่กว่าจะออกก็ เที่ยงคืนครึ่งล่ะ)




มากะฝนจริงๆ เรา เครื่องก็ขึ้นพร้อมฝน
ตกหลุมอากาศตลอดเวลา
กระเด้ง กระดอน หัวสั่นหัวคล่อน
ให้ความรู้สึกเหมือนขึ้นเรือไวกิ้ง
ที่สวนสยามตลอดทาง(คนกรี๊ดๆ เป็นระยะ ได้ฟิลมาก)
แม้แต่แอร์ บนเครื่อง ยังงดขายของชั่วคราว
คงกลัวทำมาม่าลวกแขก เดี๋ยวเป็นเรื่อง



01.30 น.
ในที่สุดก็มาถึงสุวรรณภูมิด้วยสภาพง่วงสุดๆ
เพราะบนเครื่องไม่ได้หลับเลยสักงีบ



มาถึง นึกว่าจะได้กลับเลย
ต้องเอากระเป๋าอีกนี้หว่า
พรุ่งนี้จะตื่นมาทำงานไหวมั้ยล่ะฉ้านน
สุวรรณภูมิตอนเกือบตี 2 อย่างโล่ง
อากาศเย็น น่านอนจัง
คร๊อกก



ดูเวลาสิ ดีเลย์ขนาดไหนเนี่ย


กระเป๋าจ๋า
มาเร็วๆ นะจ๊ะ
ง่วงแล้ว
ตี 2 ครึ่ง ได้กระเป๋า ไปเรียกรถแท็กซี่
เจอรถเก่าๆ ลุงแก่ๆ โชกเจ๊ง
ขับกระเด้ง ไปตลอดทาง
ในที่สุดก็ถึงบ้านซะที
ตอนตี 3 ครึ่ง



จบทริป 11 วันบันลือโลกไว้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ




ขอขอบพระคุณทุกๆๆๆๆๆท่าน
ที่ติดตามอ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ
เพราะเพิ่งเคยเขียนเป็นครั้งแรก
เลยตื่นเต้นว่าจะมีคนอ่านรึปล่าวขอบคุณมากค่า



ขอบคุณพี่กิ๊บ พี่วุด พี่เครา ผู้ได้ไปต่อกับเรา
ขอบคุณมากนะคะ
ที่ไปช่วยนั่งลุ้นให้นุ่นขายของที่หลวงพระบางกันตั้งนาน



ขอบคุณภาพงามๆ จากกล้องดิจิตอล
ฝีมือพี่เคราผู้ขยัน "ถ่าย" เป็นที่ซู้ดด



ขอบคุณห้อง blueplanet และ เว็บ trekkingthai
ที่เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี ทำให้เราได้มีทริปนี้เกิดขึ้น



ขอบคุณหมอยุ่งชะมัด ที่เข้ามาไขความกระจ่างเรื่องเรือช้าขากลับ



ขอบคุณลุงกะป้า ที่ทำให้เราได้รู้สึกอุ่นๆ บนรถเมล์คันนั้น



ขอบคุณป๋ากะแม่ ที่เข้าใจลูก "แอ๊บบ๊อง" คนนี้เสมอ



ขอบคุณ และขอบคุณค่า




Create Date : 19 สิงหาคม 2550
Last Update : 10 กันยายน 2550 2:23:44 น. 10 comments
Counter : 2578 Pageviews.

 
กว่าจะถึงบ้าน เป็นการเดินทางที่ยาวนานมากค่ะ
เห็นข้าวผัดกระเพราแล้วหิวจังเลย น่ากิ๊น น่ากิน


โดย: Complicatedgirl วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:3:40:12 น.  

 
เขียนสนุกมากครับ



โดย: ฟ้าดิน วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:3:55:38 น.  

 
ขอบคุณมากค่า Complicatedgirl น้านสิ มิน่าทำไมหิวๆ

ขอบคุณ ฟ้าดิน ค่า ขอบคุณที่ชอบค่ะ


โดย: VHS วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:4:01:05 น.  

 
แวะมาดูคนชอบเที่ยวเหมือนกันครับ

รอที่สนามบินเจ็ดชั่วโมง นี่นั่งรถมาเที่ยวเชียงใหม่ได้เลยนะเนี้ยะ

ล้อเล่น





โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:4:12:13 น.  

 
เพิ่งอ่านตอนแรกค่ะ เล่าได้สนุกดี แต่ก็ทรหดดีจัง

เดี๋ยวจะตามไปอ่านตอนก่อนหน้านี้นะคะ


โดย: ParaZite IP: 125.25.167.158 วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:10:27:18 น.  

 
เที่ยวแบบสมบุกสมบันจริงๆนะเนี่ย
เก่งมากเลยค่ะ ถ่ายทอดก็เก่ง อ่านเพลินเลยอ่ะ


โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:12:16:52 น.  

 
5555
ขากลับมักจะทรมานกว่าขาไปเสมอ....
แต่พี่นุ่นนั้งเรือได้ไงนานขนาดนั้นอ่ะ นานม๊ากกก.....เป็นถิงนะอาจจะยอมโดดน้ำว่ายข้ามฝั่งเองดีกว่า
อือ แต่พี่เคราท่าทางจะมีฝามสุข กินเบียร์ได้ไปเป็นโหลแล้วมั้ง


โดย: ting IP: 58.8.38.181 วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:19:36:21 น.  

 
555 นั้นสิ มิสเตอร์ฮอง ไอ้ที่รอ 7 ชั่วโมงแล้วนั่งรถทัวร์กลับก็ถึงกรุงเทพแล้วนะ คือสิ่งที่เราคิดอยู่ตลอดเวลาที่รอเล้ยย จริงๆ นะ

ขอบคุณค่า ParaZite ดีใจค่าที่ตามมาอ่านและบอกว่าจะตามอ่านตอนอื่นด้วย ดีใจๆๆ

ขอบคุณจ้า เราสองคน สมบุกสมบันจริงๆ แต่ก็หนุกดี กลับมาเก็บตังค์ไปใหม่ดีฝ่า

ถิง ถิง แต้งสะกิ้วนะ ที่มาติดตาม ตามติดๆ
แม่นล่ะก้า ขากลับเศร้าซำเหมอ พี่เครา กินตลอด
แต่ก็บ่นตลอดว่า ไม่เมาเลย เพราะดีกรี
แรงสู้สิงห์บ้านเราไม่ได้ เอิ๊กกก มาววว


โดย: VHS วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:1:20:34 น.  

 
ชอบที่ เล่าเรื่อง ทำให้อยากไปมาก


โดย: เมโน IP: 203.130.133.121 วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:13:16:47 น.  

 
ขอบคุณค้า
ดีใจมากๆ เวลาที่มีคนบอกว่า
อยากไปลาวเพราะอ่านเรื่องเรา
เป็นปลื้มมมม


โดย: vhs IP: 124.120.26.203 วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:18:41:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

VHS
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบเที่ยว ชอบกิน ชอบถ่ายรูป ชอบดูหนัง
ชอบทำนู้นนี้นั้นประดิษฐ์ประดอย ทำเสร็จ
ก็เลยอยากขาย ก็กลายเป็นคนชอบขายของ
(ประสบการณ์เปิดร้าน 2 สวน จตุจักร สวนลุมไนท์
แต่เจ๊งทั้ง 2 ร้านภายใน 2 ไตรมาส คงบ่งบอกถึงดัชนีความสำเร็จได้ดี แถมมีฉายาที่เพื่อนๆ ตั้งให้คือ
เข้าแก๊งไหน หัวหน้าตายหมด)

มีความฝันสูงสุดในชีวิต คือ อยากไปเที่ยวๆ ถ่ายๆ
แล้วกลับมาเขียนหนังสือ เก็บตังไป เที่ยวๆ ถ่ายๆ
แต่ปัญหาคือเจอฝรั่งแล้วขาสั่น กัว ไม่กล้าพูด

ล่าสุดยังไม่เข็ด กะเอาดีทางด้านถ่ายรูป และ ขายของ
จุดเริ่มต้น เริ่มจากการชอบถ่าย ทั้งถ่ายหนัก ถ่ายเบา (แต่ไม่เคยถ่ายเรี่ยราดนะยะ) เคยโดนผู้ชายด่ามาแล้วว่า "เธอมันจอมถ่าย"
หลังๆ กลับตัว หันมาถ่ายรูปแทน เห็นได้ว่าสุขภาพจิตคนรอบข้างดีขึ้นเยอะ เลยรวมกลุ่มกะเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ 9 คน
ในนาม โลโมติ้ว ทำโลโมโปสการ์ด ทำมือ วางขายร้านแรกที่สวนจตุจักร กำลังจะทำขายที่ร้านที่ข้าวสาร หนังสือเดินทาง ฯลฯ
Free Counter
Friends' blogs
[Add VHS's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.