Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
7 แห่งความทรงจำ 7 มหัศจรรย์ของโลก [ณ เมืองเชียงใหม่]

26 ธันวาคม 2553 : 7 แห่งความทรงจำ 7 มหัศจรรย์ของโลก [ณ เมืองเชียงใหม่]

ช่วงก่อนหน้านี้ 2-3 วัน ที่เชียงใหม่เริ่มจัดประดับไฟกันยามค่ำคืน ใน concept 7 แห่งความทรงจำ 7 มหัศจรรย์ของโลก
โดยมีการจัดประดับไฟกัน 2 จุด คือ
จุดที่ลานประตูช้างเผือก
(ปิรามิด ทัชมาฮาล สะพานโกลเด้นเกต)

และที่ข่วงประตูท่าแพ
(หอไอเฟล หอเอนปิซ่า คอลอสเซียม ซิดนี่ย์โอเปร่าเฮ้าส์)

ไปเดินถ่ายภาพมาอยู่คืนหนึ่ง นำภาพมาให้ชมกันครับ

ปิรามิด



ปิรามิด (Pyramid) ในประเทศอียิปต์มีปิรามิดมากหมายหลายแห่งด้วยกัน แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดจนอาจนับเป็นตัวแทนของปิรามิดอียิปต์ทั้งมวล ได้แก่ หมู่ปิรามิดแห่งกิซ่า (Giza Pyramid Complex) ซึ่งประกอบไปด้วย ปิรามิดคูฟู (Khufu) หรือมหาปิรามิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) หนึ่งเดียวใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน มีขนาดใหญ่ที่สุด และเก่าแก่ที่สุดในหมู่ปิรามิดแห่งกิซ่า
ปิรามิดคาเฟร (Khafre) ตั้งอยู่ตรงของปิรามิดทั้ง 3 และสร้างอยู่บนพื้นที่สูง ทำให้ดูเหมือนมีขนาดใหญ่ที่สุด และมีบางคนเข้าใจผิดว่าปิรามิดคาเฟรคือมหาปิรามิดแห่งกิซ่า
ทางทิศตะวันออกของปิรามิดคาเฟรมีมหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) หินแกะสลักขนาดมหึมาที่มักปรากฏในภาพถ่ายคู่กับปิรามิดคาเฟร
ปิรามิดเมนคูเร (Menkaure) ขนาดเล็กที่สุด และเก่าแก่น้อยที่สุดในหมู่ปิรามิดแห่งกิซ่า จากตำแหน่งการก่อสร้างทำให้คาดได้ว่า เดิมอาจตั้งใจสร้างให้มีขนาดใกล้เคียงปิรามิดคูฟู และปิรามิดคาเฟร แต่ในที่สุดสร้างในขนาดที่เล็กกว่า ปิรามิดเมนคูเรมักปรากฏในภาพถ่ายพร้อมกับหมู่ปิรามิดราชินีทั้ง 3 (The Three Queen’s Pyramids) ปิรามิดทั้ง 3 แห่งนี้ ถูกสร้างห่างจากกันเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร อยู่ทางทิศตะวันตกของกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศอียิปต์ในปัจจุบัน
ด้วยโครงสร้างที่ใหญ่โต และด้วยรูปทรงเรขาคณิตอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เห็นหมู่ปิรามิดแห่งกิซ่าได้แต่ไกล






ทัชมาฮาล
ทัชมาฮาล เคยได้ไปเที่ยวชมมาแล้วครับ


ทัชมาฮาล Taj Mahal สุสานหินอ่อนที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลก ทัชมาฮาลถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์อินเดียผู้มีรักที่มั่นคงต่อพระมเหสีของพระองค์ เจ้าชายขุร์รัม ซึ่งต่อมาคือจักรพรรดิ์ชาห์ ชหาน พระราชสมภาพในปี พ.ศ. 2135 (ค.ศ. 1592) พระบิดา คือ จักรพรรดิ์ ชาห์ ชหานชีร์ จักรพรรดิ์องค์ที่สี่แห่งราชวงศ์โมกุล แห่งอินเดีย ตามตำนานกล่าวว่า เจ้าชายขุร์รัม ได้พบกับ อรชุมันท์ พานุ เพคุม ธิดาของรัฐมนตรี เมื่อพระองค์มีพระชนม์มายุ 14 พรรษา พระองค์ทรงหลงใหล และรักอรชุมันท์ พานุ เพคุม เจ้าชายขุร์รัมได้ซื้อเพชรด้วยเงิน 10,000 รูปี และบอกแก่พระบิดาของพระองค์ว่า พระองค์มีความประสงค์ที่จะแต่งงานกับบุตรสาวของรัฐมนตรี พิธีอภิเษกถูกจัดขึ้นหลังจากนั้น 5 ปี ในปีพ.ศ. 2155 (ค.ศ. 1612) จากนั้นมาทั้งสองพระองค์มิได้อยู่ห่างจากไกลกันเลย หลังจากที่พระเจ้าชาห์ ชหาน ได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ในปี พ.ศ. 2171 พระองค์ทรงมอบความไว้วางใจแก่ อรชุมันท์ พานุ เพคุม และเรียกนางว่า มุมตัส มาฮาล “อัญมนีแห่งราชวัง” พระมเหสีติดตามพระองค์ ไปทุกที ไม่เว้นแม้แต่ในสนามรบ แนะนำพระองค์ในเรื่องราชการของประเทศ พระองค์ทรงซาบซึ้งน้ำพระทัยของพระมเหสียิ่งนัก
ครั้นในปี พ.ศ. 2174 (ค.ศ. 1631) พระมเหสีมุมตัสได้สิ้นพระชนม์ หลังจากที่ทรงให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 การสิ้นพระชนม์ของพระมเหสี ทำให้พระเจ้าชาห์ ชหาน โศกเศร้าอยู่ถึงสองทศวรรษ ราชสมบัติส่วนใหญ่สูญเสียไป เพื่อการสร้างอนุสรณ์แห่งความรักของทั้งสองพระองค์
ในปีพ.ศ. 2200 (ค.ศ.1657) พระเจ้าชาห์ ชหาน ทรงพระประชวน และในปี พ.ศ. 2201 (ค.ศ.1658) พระโอรส โอรังเซบ ได้จับพระเจ้าชาห์ ชหานไปขังไว้ และขึ้นครองราชบัลลังก์แทน พระเจ้าชาห์ ชหานถูกขังไว้นาน 8 ปี จนสวรรคต ในปีพ.ศ. 2209 (ค.ศ. 1666)
ตามตำนานกล่าวว่า ในวันสุดท้ายของพระเจ้าชาห์ ชหาน พระองค์ได้ใช้เวลาทั้งวันในการจ้องมองเศษกระจกที่สะท้อนภาพของทัชมาฮาล และสิ้นพระชนม์ด้วยเศษกระจกในกำมือ พระเจ้าชาห์ ชหานถูกฝังในทัชมาฮาลเคียงข้างพระมเหสี ซึ่งพระองค์ไม่เคยลืม
มีบางคนกล่าวว่า พระเจ้าชาห์ ชหาน มิได้ประสงค์ที่จะถูกฝังเคียงข้างประมเหสี พระองค์มีแผนที่จะสร้างสุสานอีกแห่งหนึ่งด้วยหินอ่อนสีดำเพื่อเป็นสุสานของพระองค์
แต่ผู้รู้หลายท่านเชื่อว่า พระองค์มีความประสงค์ที่จะถูกฝังเคียงข้างพระนางมุมตัส มาฮาล







สะพาน Golden Gate



สะพานโกลเดนเกต Golden Gate Bridge เป็นสะพานที่ทอดยาวข้ามอ่าวตอนเหนือของเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา สะพานโกลเดนเกตถูกสร้างขึ้นมาในสมัยประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ เมื่อปี ค.ศ. 1933 เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1937 ตอนกลางของสะพานมีความยาว 1,280 เมตร กว้าง 27 เมตร สูงกว่าระดับน้ำทะเล 77 เมตร มีรางรถยนต์ 6 ทาง รถบรรทุก 3 ทาง รถไฟ 2 ทาง ใช้งบประมาณก่อสร้างราว 35 ล้านดอลล่าร์
สะพานโกลเดนเกตกลายเป็นสะพานที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก เมื่อสร้างเสร็จใหม่ๆ สะพานโกลเดนเกตกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาไปโดยปริยาย
ปัจจุบันผู้คนทั่วโลกยังคงรู้จักสะพานโกลเดนเกต และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา และจากผลการสำรวจสถานที่น่าประทับใจของนักสถาปนิกอเมริกัน พบว่าสะพานโกลเดนเกตถูกจัดไว้เป็นอันดับ 5 ของสถานที่ท่องเที่ยวที่ประทับใจ







หอเอนปิซ่า
หอเอนปิซ่า อันนี้กำลังจะได้ไปเยือนช่วงเดือนพฤษภาคม ครับ
ไฟประดับหอเอนที่เค้าทำมาให้ชมตื่นตาตื่นใจกันนี้
ดูเหมือนจะไม่ค่อยเอนเท่าไร เลยถ่ายภาพมาให้เอียงซะงั้น 555


หอเอนเมืองปิซา (อิตาลี: Torre pendente di Pisa หรือ La Torre di Pisa, อังกฤษ: Leaning Tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร

หอเอนเมืองปิซา เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี
หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา







ซิดนี่ย์โอเปร่าเฮ้าส์



โรงอุปรากรซิดนีย์ หรือ ซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์ (อังกฤษ: Sydney Opera House) เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ที่รู้จักกันดีทั่วโลก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเดนมาร์ก ยอร์น อุตซอน (Jørn Utzon) ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวซิดนีย์ นครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย และเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2550 องค์การยูเนสโกได้รับลงทะเบียนให้โรงอุปรากรซิดนีย์เป็นมรดกโลก

โรงอุปรากรเองมีขนาดประมาณ 1.8 เฮกเตอร์ (4.5 เอเคอร์) ภายในประกอบไปด้วยห้องต่างๆดังนี้
โรงแสดงคอนเสิร์ต 2,679 ที่นั่ง และมีไปป์ออร์แกนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โรงอุปรากร 1,547 ที่นั่ง
โรงละคร 544 ที่นั่ง
เพลเฮาส์ 398 ที่นั่ง
โรงภาพยนตร์ 364 ที่นั่ง และอื่น ๆ ประกอบด้วย สตูดิโอสำหรับซ้อม 5 ห้อง ภัตตาคาร 4 ร้าน 6 บาร์ ฯลฯ
ตัวโรงละครมีความสูง 183 เมตร จุดที่กว้างที่สุดมีความยาว 120 เมตร และเสาเข็มฝังเข้าไปในดินมีความลึกถึง 25 เมตร







คอลอสเซียม



โคลอสเซียม (อังกฤษ: Colosseum หรือ Flavian Amphitheatre; อิตาลี: Colosseo - โคลอสโซ) เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน
ในบางครั้งจะมีการเรียกชื่อ โคลิเซียม (Coliseum)
7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ




และจบปิดท้ายกับหอไอเฟล


หอไอเฟล (ฝรั่งเศส: Tour Eiffel, ตูร์แอฟแฟล; อังกฤษ: Eiffel Tower) หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย

หอ ไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลมีความสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) (รวมเสาอากาศสูง 24 เมตร (79 ฟุต)) ซึ่งก็สูงเท่ากับตึก 81 ชั้น



เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ปัจจุบันฟอไอเฟลสูงเป็นอันดับที่ 5 ในประเทศฝรั่งเศสและสูงที่สุดในกรุงปารีส ซึ่งอันดับสองคือหอมงต์ปาร์นาสส์ (Tour Montparnasse - 210 เมตร หรือ 689 ฟุต) ซึ่งในไม่ช้าจะถูกแทนที่โดยหออาอิกซ์อา (Tour AXA - 225.11 เมตร หรือ 738.36 ฟุต)



สำหรับไฟประดับแสงสีสวยๆ นอกจากไปเดินชมเล่นแล้ว สามารถถ่ายภาพสวยๆ ร่วมส่งผลงาน ภาพประทับใจ 7 แห่งความทรงจำ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เพื่อแสดงถึงความสวยงาม และน่าอยู่ของเมืองเชียงใหม่ในมุมมองที่หลากหลาย เพื่อร่วมยินดีกับการจัดอันดับเมืองเชียงใหม่ เป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 2 ของโลก
ส่ามารถส่งภาพได้ัตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ธันวาคม 2553 นี้
Email : cmwonder@hotmail.com และที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เทศบาลนครเชียงใหม่ 053-278278

ภาพที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นภาพเมืองเชียงใหม่แห่งปี 2554 จะได้รับรางวัลสุดพิเศษ และใบประกาศเกียรติคุณจากจังหวัดเชียงใหม่


ขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่าย set นี้ด้วยครับ

(ข้อมูลจากวิกิพิเดีย และจากป้ายที่ติดพร้อมแสดงรายละเอียดข้อมูลของทั้ง 7 แห่งความทรงจำ 7 มหัศจรรย์ของโลก

***** ข่าวประชาสัมพันธ์
ช่วงนี้ขอลงข่าวประชาสัมพันธ์
งานจัดประกวดสุดยอดพลุระดับโลกที่เชียงใหม่รับปีใหม่ 2554
(วันที่ 31 ธ.ค. 53 และวันที่ 1 มกราคม 2554)

ชาวเชียงใหม่โชคดี กระทรวงกลาโหมเลือกเป็นสถานที่จัดแสดงพลุใหญ่ที่สุดในโลก
เฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา พร้อมกับต้อนรับศกใหม่
จัดแสดง และประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ มีพลุลูกมหึมาเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 12 นิ้ว พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงถึง 600 เมตร แสดงเป็นไฮไลท์ของงาน และจะจุดให้ยาวนานที่สุดในโลกจนนับไม่ถ้วนว่ามีกี่ลูก รูปแบบพลุก็มีหลายๆ รูปแบบ เช่น แสดงเป็นรูปหัวใจหลาย ๆ ดวงเต็มท้องฟ้า และบางรูปเป็นหน้าคนยิ้ม โดยจะหยุดการแสดงเป็นห้วง ๆ เพื่อให้มีการแสดงคอนเสิร์ตสลับให้ชมจากศิลปิน วี.อาร์.วัน

สำหรับ ภายในสนามฯ คณะกรรมการจะจัดที่นั่งบนอัฒจรรย์ด้านไม่มีหลังคาให้รับชม
ส่วนด้านหลังอัฒจรรย์ที่เป็นลานจะจัดเก้าอี้ 2,000 ตัวให้ได้นั่งชมพลุ และมีจอโปรเจคเตอร์ถ่ายทอดการแสดงภายในสนามฟุตบอล
โดยเปิดให้ชมฟรีตลอดงาน
คาดว่าจะสามารถจุคนดูได้ประมาณ 80,000 ถึง 100,000 คน
สำหรับตำแหน่งวางพลุ ตั้งไว้หลายจุดดังนี้
- ภายในสนามฟุตบอล
- บนอัฒจรรย์มีหลังคา
- ด้านหลังอัฒจรรย์ทิศตะวันตก
และบนสันเขื่อนอีกหนึ่งจุด

ด้านทิศตะวันออกทางเข้างาน มีเต็นท์ศูนย์อาหาร และโอทอปในเชียงใหม่ร่วมแสดง และจำหน่ายด้วย

กำหนดการ การจัดแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ
วันที่ 31 ธันวาคม 2553 - 1 มกราคม 2554
ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่
วันที่ 31 ธันวาคม 2553
14.00 น. เริ่มเปิดให้ผู้ชมทั่วไปเข้าบริเวณงาน (พื้นที่ด้านหลังสนามกีฬา)
เริ่มกิจกรรมสนับสนุน การออกร้านค้า
17.00 น. เริ่มเปิดให้แขกรับเชิญเข้าบริเวณงาน (พื้นที่ด้านหลังสนามกีฬา)
18.00 น. การแสดงก่อนเริ่มแสดงพลุ จากจังหวัดเชียงใหม่
19.00 น. ประธานเดินทางถึงบริเวณพิธี
พิธีเปิดและถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ
19.30 น. เริ่มการแสดงพลุปฐมฤกษ์จาก 5 ประเทศ ที่เข้าร่วมการแสดงพลุ
19.45 น. การแสดงคอนเสิร์ต “WE ARE ONE” ช่วงที่ 1
20.30 น. การแสดงประกวดพลุ จากประเทศออสเตรเลีย
20.50 น. การแสดงคอนเสิร์ต “WE ARE ONE” ช่วงที่ 2
21.00 น. การแสดงประกวดพลุ จากประเทศเดนมาร์ก
21.55 น. การแสดงคอนเสิร์ต “WE ARE ONE” ช่วงที่ 3
23.45 น. กิจกรรมช่วง COUNTFORWARD เพื่อก้าวสู้ปีใหม่ พ.ศ.2554
การแสดงพลุชุดพิเศษเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ 2554
จบพิธีการ
00.15 น. NEW YEAR PARTY
01.00 น. จบงาน
วันที่ 1 มกราคม 2554
14.00 น. เริ่มเปิดให้ผู้ชมทั่วไปเข้าบริเวณงาน (พื้นที่ด้านหลังสนามกีฬา)
เริ่มกิจกรรมสนับสนุน การออกร้านค้า
17.00 น. เริ่มเปิดให้แขกรับเชิญเข้าบริเวณงาน (พื้นที่ด้านหลังสนามกีฬา)
17.30 น. การแสดงคอนเสิร์ต “WE ARE ONE” ช่วงที่ 1
18.00 น. เริ่มพิธีการ
19.00 น. การแสดงประกวดพลุ จากประเทศไทย
19.20 น. การแสดงคอนเสิร์ต “WE ARE ONE” ช่วงที่ 2
20.05 น. การแสดงประกวดพลุ จากประเทศสหรัฐอเมริกา
20.25 น. การแสดงคอนเสิร์ต “WE ARE ONE” ช่วงที่ 3
21.10 น. การแสดงประกวดพลุ จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
21.30 น. พิธีกรกล่าวขอบคุณ และสวัสดีปีใหม่ 2554
01.00 น. จบงาน


การแสดงพลุแต่ละองค์มีรายละเอียด ดังนี้

องค์ที่ 1 “สกาวพร่างจรัสเลิศเปิดนภา ทั่วล้านนาร่วมเทิดไท้องค์บดินทร์” โดยประเทศไทย
ด้วยความพร้อมในฐานะประเทศเจ้าภาพการจัดงานแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้
ชมรมพลุแห่งประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นประเทศแรกในการจัดแสดงเปิดงาน
พบความตระการตาของพลุสีสันสวยงามกว่าหลายพันนัดที่พร้อมสร้างรอยยิ้มแห่งความสุข
และความประทับใจให้แผ่ขยายไปทั่วผืนดินและแผ่นฟ้าอีกครั้ง

องค์ที่ 2 “ทศทิศถวายชัยในอัมพร มหานครออสซี่ไมตรีเจริญ” โดยประเทศออสเตรเลีย
จากการสั่งสมประสบการณ์การแสดงพลุระดับโลกมากว่าหลายสิบปี
จนมีเอกลักษณ์ และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศทั่วโลก
ครั้งนี้ความยิ่งใหญ่อลังการของพลุจากออสเตรเลียอันสวยงาม
จะร่วมแสดงพร้อมกับดนตรีในสไตล์ร็อกแอนด์โรล
เพื่อจุดประกายให้ทุกอณูบนผืนฟ้า มีสีสันสวยงามตระการตาเกินคาดเดา

องค์ที่ 3 “สานสัมพันธ์ไทยจีนจรุงมั่น เกษมสันต์ทั่วสองแคว้นแดนไศล” โดยประเทศจีน
จากประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนในการผลิตคิดค้นการจุดพลุ
และการจัดแสดงพลุของประเทศจีนได้พัฒนาจนเป็นพลุอันสวยสดงดงาม หลากสีสัน หลายรูปแบบ ในขนาดต่างๆ กัน
พบกับพลุรูปรอยยิ้ม พลุรูปหัวใจ และพลุขนาดใหญ่กว่า 12 นิ้วสุดอลังการ
ที่จะถูกจัดแสดงขึ้นทั่วผืนฟ้าเมืองเชียงใหม่ และสร้างความตื่นตาตื่นใจจนทุกคนต้องตกตะลึง

องค์ที่ 4 “ทั่วหล้าประจักษ์พระภารกิจ ปิยมิตรสหรัฐอเมริกาประชาสรรค์” โดยประเทศสหรัฐอเมริกา
ประเทศสหรัฐอเมริกาผู้นำด้านนวัตกรรมและการสร้างสรรค์เทคโนโลยีล้ำสมัยในการแสดงพลุระดับโลก
มีรูปแบบการยิงพลุที่น่าตื่นตาตื่นใจและแปลกใหม่อยู่เสมอ
ครั้งนี้สหรัฐอเมริกามาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์อันเปี่ยมล้นและเทคโนโลยีสุดล้ำ
เพื่อการแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติที่ยิ่งใหญ่อลังการ ในแบบที่คุณจะประทับใจไม่มีวันลืม

องค์ที่ 5 “สุกสว่างพร่างหล้าฟ้าอำไพ แซ่ซ้องไกลแดนเดนมาร์กมากภัคดี” โดยประเทศเดนมาร์ค
ประเทศเดนมาร์ก เมื่อความคิดสร้างสรรค์อันล้ำเลิศ โคจรมาพบความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว
ก่อให้เกิดเป็นผลงานศิลปะอันงดงามบนผืนฟ้า การแสดงพลุของประเทศเดนมาร์กในครั้งนี้
จะสะท้อนเอกลักษณ์พลุสไตล์ยุโรปเหนือให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้ชมทุกท่าน
พร้อมสร้างสรรค์ความสุขและความสนุกสนาน ในบรรยากาศของดิสโก้ มิวสิก

องค์ที่ 6 “รับขวัญบันเทิงเถลิงศก มวลพสกรวมใจรักสมัครสมาน” โดยกลอเรียส ไฟร์เวิร์ค
(อันนี้ไม่มีข้อมูลครับ สงสัยต้องไปลองหาจาก อากู๋ ดูซะแล้ว)

องค์ที่ 7 “เฉลิมพระเกียรติองค์กวินปิ่นฉมา ทุกทิศสาเทิศเทิดบารมีศรีประชาไทย” โดยการแสดงพลุฯ ชุุดพิเศษถวายพระพรจาก 5 ประเทศ
ชุดรวมของทั้ง 5 ประเทศ

และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้ คือ
การนับถอยหลังต้อนรับศักราชใหม่พร้อมการแสดงพลุรูปหัวใจแห่งความจงรักภักดีของชาวไทย
ให้สว่างไสวตระการตาไปทั่วท้องฟ้า เพื่อเป็นการถวายพระพรแด่ทั้ง ๒ พระองค์และร่วมฉลองรับศักราชใหม่ปี ๒๕๕๔


เลือกภาพพลุ จากวันปีใหม่ ปี 2008 ที่เชียงใหม่
และภาพพลุที่นำามรวมๆ ให้ชมกันนี้เป็นการถ่ายภาพพลุในปีแรกๆ ที่หัดถ่ายภาพพลุ และเริ่มใช้กล้อง DSLR

นำภาพมาให้ชมรวมๆ กัน 1 ภาพครับ




Create Date : 26 ธันวาคม 2553
Last Update : 26 ธันวาคม 2553 17:03:26 น. 16 comments
Counter : 5459 Pageviews.

 
ช่วงปีใหม่คาดว่าผมจะปักหลักอยู่บ้านครับพี่เบิร์ท 555

ปกติไม่ชอบออกไปไหนช่วงเทศกาลอยู่แล้วล่ะครับ

แล้วก็ต้องเคลียงานของปีนี้ทั้งปี

ก็เลยไม่ไ่ด้ออกไปงานเคาท์ดาวน์เลยครับ

สงสัยผมต้องรอชมบรรยากาศงานจากพี่เบิร์ทนี่ล่ะครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:13:24:15 น.  

 




สวยดีจังครับ


โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:14:19:57 น.  

 


ภาพถ่ายกลางวัน-กลางคืน
ใน-นอกสถานที่ ..
ดี.ชอบบล็อกพี่ที่สุดแล้ว





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:14:58:12 น.  

 
หวัดดียามบ่ายครับ พี่เบิร์ท
สนุกรื่นเริงในกรอบที่ดีงามด้วยเช่นกันครับ


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:15:11:57 น.  

 
จัดสวยมากกกกกเลยค่ะ น่าไปเดินชมจัง

โรงแรมที่บอกเลื่อนการเปิดค่ะ ยังไม่เรียบร้อยเลย พิมคงจะไม่ได้ไปล่ะ


โดย: pim(พิม) วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:15:32:35 น.  

 
บรรยากาศน่าเที่ยวมากค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:16:12:35 น.  

 
สวัสดียามเย็นครับ
หวังว่าคืนนี้คงไม่หนาวนะครับ


โดย: nordcapp (nordcapp ) วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:19:15:11 น.  

 
เข้ามาดูไฟประดับ
ช่อง3 เคยเอามาออกเป็นข่าวเมื่อวันสองวันนี้เองครับ


โดย: yyswim วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:19:33:30 น.  

 
ภาพสวยเจ๋งสวยแจ๋วมากๆ ค่ะคุณเบิร์ท




โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:19:57:34 น.  

 
ถึงจะไม่อลังการนัก.. แต่ก็น่าสนใจดีนะคะ
อิจฉาคนเชียงใหม่ มีกิจกรรมน่าสนใจตลอดเลย..

ชอบภาพพลุ ภาพสุดท้ายจังค่ะ..
ดูแล้วมีความสุขมากๆ

ปีใหม่นี้คุณเบิร์ดไปเที่ยวไหนรึเปล่าคะ ?


โดย: VELEZ วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:21:15:59 น.  

 
ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:22:02:26 น.  

 
เห็นแสงสีแล้วอยากจะไปงานโคมไฟนานาชาติกับโคมไฟน้ำแข็งตะหงิดๆ


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:22:13:54 น.  

 
สพานโกเด้นเกดนั้นจะมีพักนึงที่สงสัยเหลือเกินว่าทำไมนักท่องเที่ยวน้อย
มีตำรวจเดินให้ความปลอดภัยตลอดเวลา

ปรากฎว่ามีข่าวว่าผู้ก่อการร้ายขู่ว่ามีระเบิดในน้ำใต้สพาน
ปัจจุปันนักท่องเทียวยังเดินข้ามไปข้ามมาบนสะพาน มีสั่นสเทือนเล็กน้อยจากการวิ่งของรถยนต์

ขอบคุณสำหรับภาพเเละประวัติของเเต่ละเเห่งที่มีประโยชน์ค่ะ
สุขสันต์วันคริสมาสที่ผ่านมาค่ะคุณเบิร์ท


โดย: YUCCA วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:3:48:14 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่เบิร์ท







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:6:33:03 น.  

 
พาไปโต่ยยยยย


โดย: gutswallow วันที่: 31 ธันวาคม 2553 เวลา:4:12:33 น.  

 


โดย: ถปรร วันที่: 24 พฤษภาคม 2555 เวลา:18:10:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ถปรร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ถปรร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.