|
เปาบุ้นจิ้น ตอน ประหารราชบุตรเขย "เิฉินซื่อเหม่ย"
3 มี.ค. 2553 : เปาบุ้นจิ้น ตอน ประหารราชบุตรเขย "เิฉินซื่อเหม่ย"
ภาพถ่ายชุดนี้ไปถ่ายภาพจากงานฉลองศาลเจ้าปุงเถ่ากง ครบรอบ 134 ปี และครบรอบวันเกิดเจ้าพ่อ ณ บริเวณจัดการแสดงตรงข้ามกับศาลเจ้าปุงเถ่ากง ตลาดวโรรส เชียงใหม่
บัณฑิตเฉินซื่อเหม่ย
บัณฑิตเฉินซื่อเหม่ยเป็นหนุ่มรูปงาม มีความรู้ความสามารถในการร่ำเรียน จนสามารถสอบได้เป็นจอหงวน เมื่อเข้ารับตำแหน่งเป็นจอหงวน การที่มีรูปลักษณ์งามของเฉินซื่อเหม่ยทำให้เป็นที่พอพระทัยของไทเฮา ไทเฮาทรงมีพระประสงค์ให้เฉินซื่อเหม่ยเป็นราชบุตรเขย เหยินจงฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้อ๋องแปดไปทาบทามเฉินซื่อเหม่ย หลังจากนั้นองค์หญิงและราชบุตรเขยได้อภิเษกสมรส
ฉินเซียงเหลียน
ฉินเซียงเหลียนเป็นภรรยาของเฉินซื่อเหม่ย อยู่กินจนมีลูกชายและลูกสาวชื่อ ชุนเกอและตงเม่ย ฉินเซียงเหลียนอยู่ดูแลสามีของตนเองรวมถึงลูกชายและลูกสาว และตลอดจนรับใช้ดูแลพ่อแม่ของเฉินซื่อเหม่ยเป็นอย่างดี ช่วงที่เฉินซื่อเหม่ยมาสอบเป็นจอหงวน และไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลาหลายเดือน ฉินเซียงเหลียนเข้าใจว่า สามีของตนคงมีเรื่องราวให้ทำมากมายจนไม่สามารถกลับมาบ้านได้ ฉินเซียงเหลียนจึงพาลูกเดินทางนับพันลี้มาที่เมืองหลวงเพื่อตามหาสามี นางไม่อยากเชื่อเลยว่าเฉินซื่อเหม่ยจะทอดทิ้ง ลูกเมีย นางคิดว่าเฉินซื่อเหม่ยจะต้องมีความจำเป็นบางอย่างจึงทำเช่นนี้
เปาบุ้นจิ้น
เปาบุ้นจิ้นได้รับคำสั่งให้สอบสวนเหตุร้ายเรื่องหนึ่ง เนื่องจากมีคนร้ายบุกเข้าตำหนักอ๋องแปด เปาบุ้นจิ้นจึงสั่งการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้
ที่ศาลไคฟง เปาบุ้นจิ้นได้ยินเสียงตีกลองร้องทุกข์ พร้อมกับเสียงร้องทุกข์จากผู้หญิงคนหนึ่ง ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก จนทำให้เปาบุ้นจิ้นถึงกับเอ่ยปากว่า นางผู้นี้ต้องมีความทุกข์ใจ เศร้าใจ สะเทือนใจอย่างมากมาย ถึงได้ร้องทุกข์ด้วยเสียงที่เศร้าใจมากมายเพียงนี้
เปาบุ้นจิ้นสั่งการให้หวังเฉา-หม่าฮั่น รับนางที่ตีกลองร้องทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจอยู่นั้นเข้ามาที่ศาล และสั่งเปิดศาลรับฟังคำร้องทุกข์
ฉินเซียงเหลียนพาลูกทั้งสองเข้าร้องทุกข์ต่อหน้าเปาบุ้นจิ้นที่ศาลไคฟง เปาบุ้นจิ้นได้สอบถามนางว่า นางร้องทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจเพียงนี้ มีเรื่องสะเืทือนใจอะไร และต้องการร้องทุกข์ต่อผู้ใด ฉินเซียงเหลียนตอบเปาบุ้นจิ้นว่า ข้าต้องการร้องทุกข์ต่อเฉินซื่อเหม่ย ราชบุตรเขยองค์ปัจจุบัน ด้วยข้อหาที่ว่า "ราชบุตรเขยอกตัญญูต่อพ่อแม่ จนทำให้พ่อแม่ตาย และยังมาทอดทิ้งลูกเมีย หลอกลวงฮ่องเต้ ด้วยการแต่งงานซ้อน"
เปาบุ้นจิ้นได้ฟัง ถึงกับตกใจ ที่นางผู้นี้ต้องการร้องทุกข์ต่อราชบุตรเขย เปาบุ้นจิ้นได้บอกว่า หากผู้ใดร้องทุกข์ต่อเบื้องสูง แล้วไม่เป็นจริง มีโทษถึงประหารชีวิต
ฉินเซียงเหลียนพลันร้องไห้ แล้วตอบท่านเปาไปว่า ท่านเปาผู้ศักดิ์สิทธิ์หาว่านางพูดเท็จ นางไม่ได้โกหก พร้อมนำหลักฐานป้ายดวงวิญญาณของพ่อแม่เิฉินซื่อเหม่ยที่ตายไปแล้วให้เปาปุ้นจิ้นได้ดูเป็นหลักฐาน
จากนั้นเปาบุ้นจิ้นให้ฉินเซียงเหลียนเล่าเรื่องราวอย่างละเอียดให้ฟัง เปาบุ้นจิ้น เกิดความเห็นใจฉินเซียงเหลียนและลูก
เปาบุ้นจิ้นก็ยังครุ่นคิดและตั้งข้อสงสัยว่า เฉินซื่อเหม่ยที่ฉินเซียงเหลียนกล่าวหานั้นจะเเป็นคนเดียวกับราชบุตรเขยได้อย่างไร ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ราชบุตรเขยจะเป็นสามีของนาง
จากนั้นจึงสั่งปิดการไต่สวนไว้ชั่วคราว และสั่งการให้หวังเฉา-หม่าฮั่นออกไปหาความจริง พร้อมกันนี้เปาุบุ้นจิ้นให้ที่พักแ่ก่ฉินเซียงเหลียนและลูกทั้ง 2 คน
ระหว่างที่พำนักอยู่ที่ศาลไคฟง ด้วยความที่ลูกน้อยทั้งสองเอาแต่ฝ้นร้าย คิดถึงแต่ผู้เป็นพ่อ และร้องไห้อยากกลับบ้าน ฉินเซียงเหลียนได้เห็นความทุกข์ความเศร้าของลูกน้อย จึงตัดใจไปพบเฉินซื่อเหม่ยตามลำพัง
ฉินเซียงเหลียนเมื่อได้พบกับเฉินซื่อเหม่ย ฉินเซียงเหลียนได้เล่าถึงความทุกข์ยากที่บ้านเกิดให้เฉินซื่อเหม่ยฟัง เฉินซื่อเหม่ยรู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
เฉินซื่อเหม่ยพยายามอธิบายความจริงให้ฉินเซียงเหลียนฟัง แต่ฉินเซียงเหลียนกลับไม่อยากฟังข้อแก้ตัวของเฉินซื่อเหม่ยอีกต่อไปแล้ว ฉินเซียงเหลียนตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับชายที่ทรยศต่อความรัก และอกตัญญูต่อพ่อแม่ของตนเอง
นางได้กลับไปที่ศาลไคฟง และแจ้งแก่เปาบุ้นจิ้นว่าจะไม่ขอฟ้องร้องใดๆ อีกและจะพาลูกกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด จากนั้นก็พลันออกจากศาลไคฟง
เปาบุ้นจิ้นได้ฟังดังนั้นรู้สึกสับสนว่ามีเรื่องใดกันอีกที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่
(เนื้อหาตรงนี้ เข้าใจว่าคณะงิ้วไม่ได้แสดง แต่แอบมาเล่าเรื่องให้ฟัง)
หลังจากที่ฉินเซียงเหลียนจากไปแล้ว เหว่ยหมิงองครักษ์ของเฉินซื่อเหม่ยที่ทราบเรื่องของฉินเซียงเหลียน จึงคิดวางแผน โดยนำพาหานฉีมาพบราชบุตรเขย เหว่ยหมิงเสนอราชบุตรเขยให้หานฉีไปฆ่าฉินเซียงเหลียนแม่ลูก
เฉินซื่อเหม่ยกลับนิ่งเฉยโดยไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด
ทางด้านฉินเซียงเหลียน ขณะที่นางได้เดินทางกลับไปบ้านเกิด ระหว่างทางฉินเซียงเหลียนถูกหานฉีตามล่าเอาชีวิต ขณะที่หานฉีจะลงดาบต่อฉินเซียงเหลียน
ฉินเซียงเหลียนได้กล่าวตัดพ้อชีวิตอันแสนรันทดของตัว ให้หานฉีฟังโดยละเอียด และร้องไห้คร่ำครวญ ด้วยเหตุทั้งหมดที่เล่ามานี้ นางจะแต่งงานอยู่กินกับคนที่คิดฆ่าลูกเมียเช่นเฉินซื่อเหม่ยได้อย่างไร ถ้าอยากฆ่านาง ก็ฆ่าเสียแต่ตอนนี้เถิด
หานฉีได้ยินเช่นนั้นก็เกิดมโนธรรมขึ้นมาในใจ ทำให้หานฉีเกิดความลำบากใจขึ้นมา แต่เพื่อทดแทนบุญคุณของเหว่ยหมิง หานฉีตัดสินใจฆ่าตัวตาย
ฉินเซียงเหลียน เห็นแก่การที่หานฉีไม่คิดฆ่าตน แต่กลับไปฆ่าตัวเองตาย นางจึงทุกข์ใจ ที่มีคนมาตายเพิ่มเพราะเรื่องของนางกับเฉินซื่อเหม่ย นางจึงย้อนกลับไปที่ศาลไคฟง โดยนำดาบที่หานฉีใช้ฆ่าตัวตายไปเป็นหลักฐาน พร้อมเล่าเรื่องทั้หมดให้ฟัง และครั้งนี้ฉินเซียงเหลียนยืนยันที่จะฟ้องร้องเอาผิดต่อเฉินซื่อเหม่ย
เปาบุ้นจิ้นจึงรับเรื่องของฉินเซียงเหลียน และเปิดศาลพิจารณารับคดีนี้ เปาบุ้นจิ้นตรวจดูรอยเลือดที่ติดอยู่บนดาบเล่มนั้น
จากนั้นจึงสั่งการหวังเฉาออกติดตามหาหลักฐานเพิ่มเติม หวังเฉาได้พบหลักฐาน ณ จุดเกิดเหตุ เป็นปลอกของดาบที่หานฉีใช้ฆ่าตัวตาย
เปาบุ้นจิ้นตรวจสอบหลักฐาน และเห็นความพิรุธที่ซ่อนเร้น และหลักฐานบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการตายของหานฉี และเรื่องสามารถเชื่อมโยงไปถึงเฉินซื่อเหม่ย
เปาบุ้นจิ้น ได้เตรียมการสั่งเปิดศาลพิจารณาคดีว่าความ "เฉินซื่อเหม่ย อกตัญญูต่อพ่อแม่ และละทิ้งลูกเมีย หลอกลวงเบื้องสูง แต่งงานซ้ำซ้อน"
แต่เนื่องจากคดีความครั้งนี้เกี่ยวข้องกับราชบุตรเขย ครั้นจะเชิญตัวมาสอบสวนโดยตรง คงยากที่ได้ตัวราชบุตรเขยมาเบิกความ จึงได้สั่งการแผนต่อหวังเฉาไป
อุบายที่เปาบุ้นจิ้นสั่งการผ่านหวังเฉาไป คือ ให้หวังเฉาไปสืบความกับราชบุตรเขยเกี่ยวกับการตายของหานฉี
ราชบุตรเขยได้ฟังความกล่าวโทษมาถึงตน ปฏิเสธไม่รู้จักหานฉี และสั่งจับหวังเฉาไว้ จากการกล่าวเท็จ กล่าวโทษต่อเบื้องสูง
เฉินซื่อเหม่ยพาลโกรธไปถึงเปาบุ้นจิ้นที่ส่งหวังเฉามากล่าวโทษ ไม่คิดยำเกรงต่อเบื้องสูง
ที่พำนักของศาลไคฟง เฉินซื่อเหม่ยเดินทางมากล่าวโทษต่อเปาบุ้นจิ้น พร้อมพาหวังเฉามาด้วย
เปาบุ้นจิ้นเชื้อเชิญเฉินซื่อเหม่ยเพื่อรับทราบเรื่องกล่าวโทษ
เฉินซื่อเหม่ยกล่าวโทษเปาบุ้นจิ้นที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ไมมีหลักฐานใด และยังส่งลูกน้องไปลบหลู่ถึงตำหนักของราชบุตรเขย
เปาบุ้นจิ้นได้ตอบข้อกล่าวหาต่อราชบุตรเขย พร้อมทั้งขอให้ราชบุตรเขย ปล่อยการผูกมัดต่อหวังเฉา
เปาบุ้นจิ้นได้ชี้แจงและตอบข้อข้องใจที่ให้หวังเฉาไปสืบความถึงตำหนักราชบุตรเขย
และด้วยอุบายของเปาบุ้นจิ้นทำให้เฉินเซียงเหลียน ได้เผชิญหน้ากับ เฉินซื่อเหม่ย
เฉินซื่อเหม่ย เมื่อได้เผชิญหน้ากับฉินเซียงเหลียนถึงกับตกใจ
เปาบุ้นจิ้นได้สอบถามความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง เฉินซื่อเหม่ยได้ปฏิเสธไม่รู้จักฉินเซียงเหลียน และไม่เคยมีลูก ไม่เคยแต่งงานกับหญิงสาวคนไหน นอกจากองค์หญิง
เฉินซื่อเหม่ย เมื่อถูกสอบสวนหนักเข้า ก็คิดจะกลับตำหนัก เปาบุ้นจิ้นได้ทักท้วงไว้ และได้กล่าวโทษต่อเฉินซื่อเหม่ย พร้อมกับสั่งเปิดศาลไต่สวนกล่าวโทษคดีความ "เฉินซื่อเหม่ย อกตัญญูต่อพ่อแม่ และละทิ้งลูกเมีย หลอกลวงเบื้องสูง แต่งงานซ้ำซ้อน"
เปาบุ้นจิ้นได้เบิกความจากฉินเซียงเหลียง พร้อมกล่าวโทษตามคดีความที่ เฉินซื่อเหม่ยได้กระทำลงไป
เฉินซื่อเหม่ยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่เปาบุ้นจิ้นกล่าวโทษ ถึงแม้จะมีหลักฐานชิ้นแล้วชิ้นเล่า เฉินซื่อเหม่ยก็ยังปฏิเสธทุกข้อหา
เมื่อเฉินซื่อเหม่ยปฏิเสธข้อกล่าวหา เปาบุ้นจิ้นจึงสั่งการควบคุมตัวเฉินซื่อเหม่ยไว้ที่ศาลไคฟง
เฉินซื่อเหม่ยเอง ก็มิอาจหลบหนี เมื่อตัวเองอยู่ในศาลของเปาบุ้นจิ้น จึงถูกควบคุมตัวไว้ที่ศาลไคฟง
องค์หญิงเมื่อทราบข่าวว่าเฉินซื่อเหม่ย ถูกควบคุมตัวไว้ที่ศาลไคฟง
จึงเสด็จมาที่ศาลไคฟงโดยต้องการพาราชบุตรเขยกลับไป
องค์หญิงแจ้งต่อเปาบุ้นจิ้น ไม่มีเหตุผลใดที่จะควบคุมตัวเฉินซื่อเหม่ยไว้ที่ศาลไคฟง และต้องการนำพากลับตำหนัก
เปาบุ้นจิ้นต้องชี้แจงหลักฐานต่างๆ ที่ได้มา พร้อมกับเล่าความรายละเอียดทั้งในส่วนของความทุกข์ใจของฉินเซียงเหลียนที่ยากเกินเยียวยา และความผิดที่เฉินซื่อเหม่ยหลอกลวงต่อเบื้องสูง มีโทษถึงประหารชีวิต ไม่สามารถยอมความหรือลดหย่อนโทษให้ได้ จึงพิพากษาประหารชีวิตเฉินซื่อเหม่ยด้วยเครื่องประหารหัวมังกร
องค์หญิงได้ทัดทานโทษประหารไว้ได้ชั่วขณะหนึ่ง และเพื่อเห็นแก่ลูกในท้องของตัวเองที่อาจจะต้องกำพร้าพ่อ องค์หญิงจำต้องทูลขอความช่วยเหลือจากไทเฮา
ไทเฮาได้รับฟังเรื่องราวจากองค์หญิง ทรงกริ้วเปาบุ้นจิ้นมาก และหาทางคิดช่วยองค์หญิงและราชบุตรเขย
ไทเฮาเสด็จมายังศาลไคฟง จากนั้นไทเฮาก็ทรงมีรับสั่งให้เปาบุ้นจิ้น ปล่อยเฉินซื่อเหม่ย
แท้จริงแล้วก่อนที่ไทเฮาจะเสด็จมายังศาลไคฟง ไทเฮาได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เหยินจงฮ่องเต้ เหยินจงฮ่องเต้ทรงเห็นไทเฮามาด้วยเรื่องของราชบุตรเขย และองค์หญิง พระองค์ทรงไม่มีทางเลือกจึงมีรับสั่งให้คนถือราชโองการละเว้นโทษตายเฉินซื่อเหม่ย
ไทเฮารับสั่งให้หยุดการประหารชีวิตต่อเฉินซื่อเหม่ยไว้ชั่วคราว และแจ้งต่อเปาบุ้นจิ้นว่า อีกไม่นานนักราชโองการอภัยโทษก็จะมาถึง ให้รอรับราชโองการก่อน
เปาบุ้นจิ้นรู้ดีว่าถ้ายืดเยื้อต่อไป เฉินซื่อเหม่ยจะต้องลอยนวลออกไปแน่ๆ เปาบุ้นจิ้นสั่งให้คนขัดขวางขบวนราชโองการไว้ จากนั้นเปาบุ้นจิ้นก็สั่งให้ประหารเฉินซื่อเหม่ย ด้วยเครื่องประหารหัวมังกร
(ท้ายเรื่องที่ไม่ได้มีการแสดง) เหยินจงฮ่องเต้ทรงกริ้วเปาบุ้นจิ้นมาก ที่เปาบุ้นจิ้นไม่รับราชโองการ และยังประหารราชบุตรเขยโดยพลการ เปาบุ้นจิ้นกราบทูลความจริงต่อเหยินจงฮ่องเต้ แม้ว่าเหยินจงฮ่องเต้ทรงเห็นว่าเปาบุ้นจิ้นมีเหตุผล แต่ก็ติดที่ไทเฮา ทำให้พระองค์ไม่รู้ว่าจะอภัยโทษให้เปาบุ้นจิ้นได้อย่างไร อ๋องแปดจำเป็นต้องทูลเตือนสติเหยินจงฮ่องเต้ไว้
ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้ฉินเซียงเหลียนเข้าเฝ้า แต่ครั้งนี้กลับเป็นองค์หญิงที่ต้องการพบฉินเซียงเหลียน หญิงสาวสองคนที่ต้องเศร้าโศกเสียใจเพราะสูญเสียชายคนรักไป ทั้งสองต่างปลอบใจกันและกันว่าจะต้องยืนหยัดต่อไปให้ได้ ฉินเซียงเหลียงได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "ชาตินี้นางจะไม่มีวันร้องทุกข์เพื่อขอความเป็นธรรมอีกต่อไปแล้ว ..."
ฉินเซียงเหลียนได้กลับมาที่ศาลไคฟง และกล่าวร่ำลาเปาบุ้นจิ้น เล่าความต่อเปาบุ้นจิ้นว่า ตนเองจะพาลูกเดินทางกลับบ้านเกิด และเลี้ยงดูลูกทั้งสองให้เป็นคนดี
ขอจบไว้เพียงเท่านี้กับการถ่ายภาพการแสดงงิ้ว ตอน ประหารราชบุตรเขย เฉินซื่อเหม่ย
ขอบคุณนักแสดงงิ้วทุกๆ ท่าน (คณะงิ้ว เหล่าบ้วนนี้เฮง) ที่ได้แสดงให้ชมกันอย่างสนุกสนาน และได้เป็นแบบถ่ายภาพที่นำมาลงไว้ที่ blog นี้ด้วยครับ
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่ายใน blog นี้ด้วยนะครับ
********ทิ้งท้ายไว้ท้าย blog การถ่ายภาพการแสดงงิ้วครั้งนี้ ใช้เลนส์ Sigma 70-200 F2.8 ยืนถ่ายภาพด้านหลังเวที - สภาพแสงบนเวทีถือว่าสว่างดีมากๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ที่ F2.8 เลย สามารถปรับได้สูงๆ ถึง F4.0 ถึง F5.6 เพียงแต่ว่าอาจต้องเลือกคุม speed ไม่ให้ต่ำจนมากนัก ครั้งใช้ speed อยู่ที่ช่วงประมาณ 1/250 เป็นหลัก
การถ่ายภาพครั้งนี้้ ครั้งแรกเลยไม่ได้ตั้งใจถ่ายภาพจนจบตอนการแสดง แต่มาคิดได้ว่า ยังไม่เคยถ่ายจบสักตอนการแสดงเลย ที่ผ่านมาถึงแม้จะเคยถ่ายภาพการแสดงโขน ที่แสดงนานกว่านี้ และยังต้องนั่งถ่ายภาพกับพื้น ยังสามารถถ่ายภาพจนจบการแสดงได้เลย จึงตั้งใจอยู่ถ่ายภาพจนจบการแสดง
แต่การถ่ายภาพครั้งนี้ก็มีอุปสรรคมากมาย ที่ชวนให้อยากเลิกถ่ายภาพก่อนจบการแสดง คงไม่กล่าวโทษสิ่งใด ถือว่าเป็นการฝึกฝนความอดทนของตัวเองก็แล้วกัน ดีที่อยู่ถ่ายภาพจนจบการแสดงมาได้ และจากอุปสรรคดังกล่าว ทำให้เสียงที่อัดด้วย Iphone ไม่ปะติดปะต่อ จนเชื่อว่าการเล่าเรื่องคงขาดตกบกพร่องไป หรือผิดๆถูกๆ จากการแสดงไปด้วย ทั้งนี้ก็ขออภัยไว้ด้วยหากมีข้อผิดพลาดจากการเล่าเรื่องประกอบภาพถ่ายในครั้งนี้ด้วยครับ
Create Date : 03 มีนาคม 2553 |
Last Update : 6 มีนาคม 2553 10:17:43 น. |
|
14 comments
|
Counter : 14167 Pageviews. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:18:55:52 น. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:19:06:12 น. |
|
|
|
โดย: ถปรร วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:19:06:47 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:21:26:35 น. |
|
|
|
โดย: หมูหยอง_w วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:22:02:03 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:6:50:46 น. |
|
|
|
โดย: ถปรร วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:8:04:23 น. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:8:33:53 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:11:25:50 น. |
|
|
|
โดย: ถปรร วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:11:31:16 น. |
|
|
|
โดย: kobnon วันที่: 6 มีนาคม 2553 เวลา:7:25:52 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ขอดูภาพรวมรวดเดียวก่อนค่ะ
แล้วอ่านต่อ