ทริปท่องเที่ยวเกาหลี ไฮ โซล [Hi Seoul : Day I]
มีโอกาสไปเที่ยวประเทศเกาหลี ในช่วงปลายปี 23-27 ธ.ค 2551 ช่วงเทศกาลคริสต์มาสพอดี ทริปนี้ไปโดยสายการบิน Korean Air บินตรงจากเชียงใหม่ สู่ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน (ฮังกึล: 인천국제공항, ฮันจา: 仁川國際空港) ใช้เวลาการเดินทางไปประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงแล้ว
สนามบินอินชอนตั้งอยู่ที่เกาะยางจอง เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของกรุงโซล โดยรองรับการเป็นท่าอากาศยานหลักของเกาหลีใต้ และสายการบินแห่งชาติอย่างโคเรียนแอร์ รวมทั้งเอเชียน่าแอร์ไลน์ และคาร์โก360 แทนที่ท่าอากาศยานกิมโป (เดิมคือท่าอากาศยานนานาชาติกิมโป) นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2544 เป็นต้นมา
บรรยากาศภายนอกตัวอาคาร อากาศก็หนาวจับใจ ที่ 0 องศาเซลเซียสแล้ว แต่เช็คอุณหภูมิมาตลอดก็ว่าจะอยู่แถวๆ นี้ 1 องศา 0 องศา (หลังจากที่ผ่านตม.เกาหลี ที่ว่าโหดกันพอสมควร เราเห็นช่องที่กำลังต่อแถวอยู่ โดนสัมภาษณ์เอา สัมภาษณ์เอา เลยเดินหนีเปลี่ยนช่องซะเลย ไม่โดนถามอะไร แต่ในกรุ๊ปทัวร์ก็ไม่ผ่านเอาซะ 3 คน โดนส่งกลับเชียงใหม่ แบบว่าแย่สุดๆ ไกด์ก็ช่วยอะไรไม่ได้)
เห็นสัญลักษณ์นี้จากโบรชัวร์แนะนำสนามบินอินชอนแล้ว เป็นรูปที่สวยงดงามดี ภาพในโบรชัวร์เป็นภาพถ่ายตอนกลางคืน สวยทีเดียว แต่โบรชัวร์ที่เลือกหยิบมา กลับไปหยิบโบรชัวร์ภาษาเกาหลีมาเลยไม่รู้จักชื่อ แต่ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะได้เห็นสัญลักษณ์นี้ พอนั่งรถผ่านเลยรีบถ่ายภาพมา
ระหว่างทางผ่านด่านเก็บเงินบนทางด่วน หลายด่านอยู่เหมือนกัน แต่ที่น่าสังเกตเห็นชัดๆ ก็คือเกือบทุกๆ ด่านใช้ผู้หญิงเก็บเงินเกือบทั้งหมด และก็เห็นการโค้งก้มห้ว ขอบคุณ (คัมซาฮัมนิดา) กันทุกๆ ครั้งไป
สำหรับทริปวันแรกนี้ มีโปรแกรมไป 2 สถานที่ คือไปเกาะนามิ ตามรอยซี่รีส์เพลงรักในสายลมหนาว (Winter Love Song) และอีกแห่งหนึ่งคือไปบ้านเทดดี้แบร์ (Teddy Bear Farm) ซึ่งมีโปรแกรมฝากให้อุ้มหมีเทดดี้แบร์กลับเชียงใหม่ ถึง 2 ตัวด้วยกัน 5555 สำหรับทั้ง 2 สถานที่นี้ต้องใช้เวลาเดินทางไกลกันพอสมควร วันแรกนี้ก็เลยได้แค่ 2 โปรแกรมนี้ล่ะ และเนื่องจากช้าที่รอคนไม่ผ่านตม.ด้วย แต่ละสถานที่เลยมีเวลาให้ชมกันนิดๆหน่อยๆ มาลองชมกันไปเลยสำหรับทริปวันแรกนี้
แต่ก่อนไปถึงเกาะนามิ ก็แวะทานข้าวมื้อเที่ยงกันก่อน เมนูมื้อเที่ยงเป็นเมนูทัคคาลบี (TAKKALBI)
อาหารเลื่องชื่อของเมืองชุนชอนหรือไก่บาร์บีคิวผัดซอสเกาหลี โดยการนำไก่บาร์บีคิว ต็อกหรือข้าวเหนียวปั้น มันหวาน ผักต่าง ๆ ลงผัดร่วมกับซอสบาร์บีคิวเกาหลีในกะทะแบนๆ วิธีการทานแบบเมี่ยงคำไทยโดยห่อกับผัดกาดแก้วเกาหลี
เมื่อทานไประยะหนึ่ง จะนำข้าวสวยและสาหร่ายแห้งมาผัดรวมกับทัคคาลบี เพื่อให้เกิดอาหารชนิดใหม่คือทัคคาลบีโปคึมหรือข้าวผัดทัคคาลบีที่ทั้งหอมและน่าทาน เสริฟพร้อมเครื่องเคียง เช่น โอเด้งปรุงรส กิมจิ และน้ำซุป
มาถึงท่าเรือที่จะข้ามไปเกาะนามิแล้ว ใช้เวลาเดินทางข้ามไปเกาะนามิประมาณ 10 นาทีเท่านั้น
ป้ายกำหนดการแสดงต่างๆ เห็นว่าแปลกตาดีเหมือนกัน
เมื่อนั่งเรือมาจวนจะถึงฝั่งของเกาะนามิ
พอข้ามฝั่งมาถึงก็เจอภาพแปลกตาที่ไม่เคยเห็น ลานน้ำพุที่น้ำพุที่พุ่งขึ้นและตกลงมาก็กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว
เกาะนามิ ตั้งอยู่ใน เมืองชุนชอน จังหวัดคังวอน ห่างจากกรุงโซล เพียง 63 กิโลเมตร เป็นเกาะกลางแม่น้ำ มีรูปร่างเหมือนใบไม้ลอยอยู่กลางน้ำ
เป็นเกาะสำหรับคู่รักที่ต่างต้องมาเยือนที่นี่ ไฮไลต์ของเกาะนามิอยู่ที่เส้นทางเดิน ที่สองฟากข้างทางเป็นต้นสนสูงทอดแนวยาว ให้ความรู้สึกสุดโรแมนติก
หลายคู่หนุ่มสาวเกาหลีที่ตั้งใจมาที่นี่ ต่างก็เตรียมตัวนำขาตั้งกล้องมาเพื่อถ่ายภาพคู่รักของตัวเองกันเกือบทุกคู่รักกันเลย
เรียกว่าตามรอยฉากในละครเกาหลีเพลงรักสายลมหนาว ที่พระเอกนางเอกมาเดินเล่น ขี่จักรยานและก็มีหิมะตกลงมาสร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ทำให้คู่รักอีกหลายๆ คู่ ต่างก็ต้องมาตามรอยในฉากละครเรื่องนี้
เท่าที่เดินทางมาถึงก็เห็นกับตา ก็พบว่าคู่รักหนุ่มสาวเกาหลีต่างก็เดินทางมาแสดงความรักต่อกันในสถานที่นี้กันทุกๆ คู่รักด้วย บ้างก็จดจำท่าทางที่เหมือนกับคู่ของพระเอกนางเอก ที่แสดงความรัก บอกรักกัน ณ สถานที่นี้ และหลายคู่ทีเดียวที่เห็นว่าหญิงสาวชาวเกาหลีจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนซะด้วยซ้ำ เรียกว่ามาถึงที่เกาะนามี ก็หอมอบอวลไปด้วยอุ่นไอรักของคู่หนุ่มสาวทุกๆ คู่ และก็คงรวมคู่รักคู่อื่นๆ ทุกคู่ที่มาเยือนสถานที่นี้ด้วย
นอกจากนี้ยังศูนย์นิทรรศการจัดแสดงรายละเอียดสถานที่ถ่ายทำละครเพลงรักในสายลมหนาว และในจุดสำคัญๆ ก็จะมีรูปภาพของพระเอกนางเอกให้ร่วมถ่ายภาพกันด้วย
และบนเกาะนี้ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ เช่น ขี่จักรยาน-เช่าจักรยานเที่ยวรอบเกาะ ดื่มด่ำกับธรรมชาติ แมกไม้ ทิวสน ต้นเกาลัด
ร้านกาแฟก็มีให้ชิมกันและดื่มด่ำกับบรรยากาศตามแต่ละเทศกาล แต่ช่วงนี้ก็เป็นหิมะรายล้อมรอบ
บทกวีของนายพลนามิ ผู้ที่มีชื่อเสียงของชาวเกาหลีใต้ ได้ถูกนำมาจารึกไว้ที่นี่ด้วย
กิจกรรมอื่นๆ บนเกาะนามี ก็มีหลากหลายตามฤดูและสภาพภูมิอากาศก็มีเช่น เล่นสกีน้ำ พายเรือ สนามเด็กเล่น สนามฟุตบอล สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ เล่นเลื่อนหิมะ และชมฟาร์มนกกระจอกเทศ แต่มีเวลาน้อยนิดไปไม่ถึงไหน คนอื่นๆ เค้ากลับกันแล้วก็เลยต้องรีบกลับตามเค้าด้วย และก็ช้าเกินไปจนตกเรือรอบที่เค้ากลับกัน
เลยต้องรอเรือลำต่อไปที่มีวนสลับกันไปมา (น่าจะทุกๆ ครึ่งชั่วโมง)
การที่มาเยือนเกาะนามิในครั้งนี้ ช่วงจุดสำคัญๆ บนเกาะนามินี้ที่เดินเที่ยวชม ถือว่าเป็นโชคดีมากๆ ที่มีหิมะตกลงมาโปรยปรายด้วย ถึงแม้จะไม่ใช่หิมะแรกที่ตกลงมา แต่ก็เป็นหิมะแรกของใครๆ อีกหลายคนเรียกว่าสร้างความสนุกสนานตื่นเต้นและดีใจกันทุกคู่รักหนุ่มสาว เช่นในจุดที่มีรูปปั้นของพระเอกและนางเอก พอเดินมาถึงหิมะก็หล่นโปรยปรายมาต้อนรับทันทีเหมือนกัน ลืมใส่ฮูดที่หน้ากล้อง เลยได้หิมะติดหน้าเลนส์มาด้วย
หรือแม้แต่ที่จุดถ่ายภาพ ณ ตำแหน่งนี้ พอมารอคิวถ่ายภาพที่นี่ first snow หิมะแรกของหลายคู่รักก็โปรยปรายลงมา ทำให้แต่ละคู่รักยินดีปรีดากันเป็นอย่างมาก แต่ภาพนี้เดินย้อนกลับมา ในช่วงที่ไม่มีใครรอถ่ายภาพคู่ หิมะก็ไม่หล่นโปรยปรายมาแล้ว
มีภาพให้ชมอีก 2-3 ภาพ (ถ่ายภาพยังไม่จุใจเท่าไร ได้ภาพมาไม่มากนักด้วย)
ช่วงนั่งเรือข้ามฝั่งกลับมาจากเกาะนามี บนเครนที่เห็นมีการโดดบันจี้จั๊มพ์กันด้วย
จบไว้เพียงเท่านี้สำหรับการมาเยือนเกาะนามิ ตามรอยซีรี่ส์เกาหลี Winter Love Song (มีโอกาสไปเกาหลีอีกครั้ง .....จะตามมาแก้มือใหม่)
จบจากเกาะนามี ก็นั่งรถต่อกันไปอีกช่วงหนึ่ง เพื่อไปเที่ยวชม Teddy Bear Farm นั่งรถมากันจนถึง Teddy Bear Farm ก็ประมาณ 6 โมงเย็น บรรยากาศที่นี่มืดเร็วมากๆ และก็ยังไม่พ้นกับอากาศหนาวมากๆ เรียกว่านั่งอยู่ในรถนั้นแทบไม่รู้สึกความหนาวเหน็บ แต่พอลงรถมาก็หนาวจับใจ
ทางเข้าร้าน กับเจ้าหมีสามตัว ภายในร้าน แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 โซน ด้วยกัน โซนหนึ่งเป็นโซนที่วางโชว์ตุ๊กตาหมี Teddy Bear ให้เลือกซื้อหากันในหลายรูปแบบ แล้วแต่ลักษณะการแต่งตัวที่เป็นรูปแบบต่างๆ โซนนี้เจ้าหน้าที่แจ้งไว้ว่าห้ามถ่ายภาพ
ส่วนอีกโซนหนึ่งจัดวางตุ๊กตาหมีทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ในรูปแบบการจัดกิจกรรมต่างๆ เทศกาลต่างๆ กัน ให้ชมกันอย่างเพลิดเพลินและจุใจทีเดียว ในโซนนี้ให้ถ่ายภาพได้ ก็ขอนำภาพมาให้ชมกันอย่างจุใจไปเลย
หลังจากเลือกซื้อเจ้าหมี Teddy Bear ได้มา 2 ตัวใหญ่ๆ ตาม order ที่สั่งมาจากเชียงใหม่ ว่าต้องอุ้มเจ้าหมี Teddy Bear กลับมาเชียงใหม่ให้ได้นะ ก็ได้มาเรียบร้อย พอออกมาจากหน้าร้าน ก็เจอกระต่ายป่ากระโดดไปมา ชวนให้รีบไปถ่ายภาพเจ้ากระต่ายป่าตัวอ้วนกลม
และยังมีเพื่อนของเจ้ากระต่ายป่ามาเพิ่มอีก 1 ตัว
เป็นอันจบสำหรับการเที่ยวชม Teddy Bear Farm ไว้เพียงเท่านี้
อาหารมื้อเย็นเป็นโอซัม แฮมุนทัง คล้ายโป๊ะแตกบ้านเรา แต่ที่ดูแตกต่างก็เป็นเจ้าปลาหมึกสด ที่มีหนวดของมันใหญ่มาก (คล้ายปลาหมึกยักษ์ octopus) นอกจากนี้ก็มีหอย มีกุ้ง มีปู พร้อมกับผักสดนานาชนิดบนกะทะร้อนๆ และที่ขาดไม่ได้ทุกมื้อก็คือ กิมจิ เครื่องเคียงต่างๆ และ ข้าวสวย
ไกด์ของคณะทัวร์นี้ก็พอรู้ว่าคนไทยอาจไม่คุ้นกับรสชาดของเมนูอาหารเกาหลีที่นี่ ก็เตรียมน้ำจิ้มสุกี้ไปให้ด้วย เรียกว่าทานกันได้เอร็ดอร่อยและก็ได้รสชาดแบบที่คุ้นเคยไปด้วย
อิ่มแล้วก็เดินทางไปสู่ที่พัก ซึ่งไม่ไกลกันมากนัก คืนแรกนี้ได้พักที่ Seolag Youth Hostel ชมภาพเตียงนอนภายในห้องของโรงแรมไปก่อน ไว้วันที่ 2 มีภาพบริเวณโรงแรมตอนเช้าให้ชมกันต่อ
เอาเป็นว่าจบไว้แค่นี้ก่อนสำหรับทริปวันแรก Hi Seoul : day I ไว้เพียงเท่านี้ และก็ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่ายชุดนี้ไว้ด้วย และให้เข้ากับการมาท่องเที่ยวเกาหลี ขอขอบคุณเป็นภาษาเกาหลีไว้ด้วยนะ "คัมซาฮัมนิดา"
ตามไปชมจาก Link ของวันอื่นๆ ได้ตาม Link ข้างล่างนี้
ทริปท่องเที่ยวเกาหลี ไฮ โซล [Hi Seoul : Day II]
ทริปท่องเที่ยวเกาหลี ไฮ โซล [Hi Seoul : Day III]
ทริปท่องเที่ยวเกาหลี ไฮ โซล [Hi Seoul : Day IV]
Create Date : 07 มกราคม 2552 |
Last Update : 13 มกราคม 2552 12:40:38 น. |
|
12 comments
|
Counter : 5225 Pageviews. |
|
|
ขอบคุณที่แบ่งปัน ภาพสวยๆ นะคะ