เบิกโรง ละครดึกดำบรรพ์ ยักษ์สองกร วรวิก
8 กุมภาพันธ์ 2556 : เบิกโรง ละครดึกดำบรรพ์ ยักษ์สองกร วรวิก
ยักษ์อสูร สองกร เชษฐา (สีเขียว) ส่วน วรวิก อนุชา (สีแดง)
สองกร ผู้เป็นเชษฐา
วรวิก ผู้เป็นอนุชา
ไปถ่ายภาพการแสดงชุดนี้มาจากงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูวิสุทธิสังฆการ (บุญรักษ์ บริสุทโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีดอนไชย ที่ได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพไปแล้ว เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา
ช่วงก่อนพิธีพระราชทานเพลิงศพ มีการแสดงเบิกโรงเรื่องยักษ์ สองกร วรวิก ให้ชมกันก่อนด้วย พอรู้ว่ามีการแสดง รีบไปปักหลักนั่งแถวหน้าเลย
แต่งานนี้ก็ชะล่าใจ เพราะคิดว่าจะจดจำเนื้อเรื่องได้ แต่เอาเข้าจริง จำมาได้แต่ชื่อยักษ์สองกร
เข้าไปค้นหาจาก net อย่างไรก็ไม่เจอ
ว่าแล้วก็ต้องหาตัวช่วย
รีบไปขอข้อมูลจากครูเกศ
ครูเกศให้ข้อมูลมาแบบนี้ว่าเป็นการแสดงละครดึกดำบรรพ์
ส่วนยักษ์ สองตัว ชื่อ สองกร กับ วรวิก
ตัวแสดงที่เป็นผู้หญิง ชื่อนางดาว
คราวนี้ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย พอจะแอบเล่าต่อเองได้แล้ว
แต่ด้วยที่ถ่ายภาพมาสัก 300 ภาพได้ มีเรื่องเล่าอยู่นิดเดียว 3 บรรทัด
เลยได้ค้นหาข้อมูลเรื่องยักษ์สองกร วรวิก กันอีกที คราวนี้ได้มาแบบนี้
เรื่องราวของยักษ์สองพี่น้องชื่อว่า สองกร กับ วรวิก เกิดความแค้นที่พวกเทวดาผลักหินทับพ่อตาย เลยร่ายเวทให้วิมานเทพร้อนเป็นไฟ เมื่อพระอินทร์ทราบจึงเสกดาวให้กลายเป็นนางฟ้าลงไปทำลายพิธี สองพี่น้องแย่งกันครองนางเลยเอากระบองตีกันเองตายทั้งคู่ พระอินทร์สงสารช่วยชุบชีวิตให้แล้วสั่งสอนให้เลิกประพฤติตนเป็นอันธพาล
เรื่องเล่าที่ได้มาคราวนี้ค่อยสอดคล้องกับที่ถ่ายภาพมา 300 ภาพแล้ว ถึงแม้จะได้เพิ่มมาอีก 1 บรรทัด
(ค้นจาก net ได้มาอีกหน่อย)
มาจะกล่าวบทไป ถึงสองกรวรวิกยักษา พี่น้องสำแดงแผลงศักดา เหาะมาแต่ริมหิมพานต์ ถึงป่าใหญ่ไม้รังบังร่ม เนินพนมแนวน้ำลำละหาน เห็นสัตว์ลิงวิ่งเผ่นโผนทะยาน ขุนมารยินดีปรีดา เงื้อกระบองลองแรงแกว่งกวัด ไล่สกัดโคกระทิงมหิงสา ฉุดช้างง้างงวงหักงา ฟันฟาดพิฆาตฆ่ามฤคี จับตัววัวควายได้หลายสิบ กินดิบอิ่มท้องสองยักษี มาธารน้ำชำระอินทรีย์ พูดจาพาทีกันไปมา...
ภายหลังที่ยักษ์สองกร วรวิก ได้กินสัตว์ป่ากันอย่างอิ่มหมีพีมัน
เมื่อนั้น อสูรสองกรเชษฐา ว่าแก่วรวิกอนุชา พี่คิดแค้นเทวาไม่วายวัน กลิ้งศิลาโตถนัดให้พลัดตก ทับอกบิดาเราอาสัญ ป่านี้เป็นที่ชอบกลครัน มาช่วยกันตั้งกิจพิธี ให้อากาศร้อนเริงเป็นเพลิงกรด ทั่วทศทวาราศี ถึงพรหมินทร์อินทราที่กล้าดี ครั้งนี้ให้ฉิบหายวายปราน.
ยักษ์สองกร ได้กล่าวกับวรวิก อนุชา ด้วยความเคียดแค้นเหล่าเทวดาที่ผลักหินมาทับอสูรบิดาได้ตายไปเพราะเหล่าเทวดา จึงเคียดแค้นเหล่าเทวดา คิดบำเพ็ญตบะให้แก่กล้า เพื่อทำพิธีร่ายเวทย์ให้อากาศเป็นเพลิงไปเผาผลาญหมู่เทวดา
(แอบแซว กับฉากด้านหลังที่เป็นรถดับเพลิง มาบังมุมกลายเป็น แบ็คกราวด์ด้านหลังซะงั้น สงสัยจะมาตั้งหลักคอยช่วยเทวดา 555
แต่จริงๆ แล้ว รถดับเพลิงกับงานพิธีพระราชทานเพลิงศพ ที่มีนกหัสดีลิงค์ รถดับเพลิงต้องมาคอยฉีดน้ำเลี้ยง ให้นกหัสดีลิงค์ค่อยๆ มอดไหม้ไปอย่างช้าๆ)
ถ่ายภาพไป แอบบ่นในใจไป เพราะฉากหลังที่เป็นรถดับเพลิงในมุมถ่ายภาพของตัวเอง เริ่มดูจะไม่สวยแล้ว แต่ก็ขยับไปไหนไม่ได้แล้วซะด้วย ...บ่นในใจไปก็แล้วกัน 555
เมื่อนั้น วรวิกวงศากล้าหาญ ดีใจไม่ขัดทัดทาน จะทำการแก้แค้นแทนบิดา แล้วยักษีพี่น้องสองตน เข้าใต้ตนรังใหญ่ใบหนา ต่างขึ้นเหนือแท่นแผ่นศิลา หลับเนตรภาวนามหามนต์ เดชะพระเวทวิเศษขลัง ร้อนดังเปลวไฟไหม้เวหน เทพไทในสวรรค์ชั้นบน ร้อนรนวิ่งออกนอกวิมาน
เรื่องนี้ร้อนถึงพระอินทร์ พระอินทร์จึงให้นางฟ้า แปลงร่างเป็นนางดาว หญิงสาวสวยออกมาร่ายรำ ยั่วให้ยักษ์สองกร วรวิก ทำพิธีต่อไปไม่ได้
นางดาว ที่แปลงร่างมาจากนางฟ้า หญิงสาวนางดาวตั้งใจมาเพื่อทำลายพิธีของยักษ์อสูรสองกร วรวิก
และก็ได้ผล ยักษ์อสูรสองกร กับ วรวิก บำเพ็ญตบะพิธีการต่อไปไม่ได้ เกิดตบะแตกซะก่อน
ยักษ์อสูรสองกร กับ วรวิก เกิดชอบพอนางดาว ขึ้นมาพร้อมๆ กัน
ยักษ์สองกร ผู้เป็นเชษฐา กล่าวกับวรวิก ผู้เป็นอนุชา ว่า พิ่เกิดมาก่อน เมื่อเจอะเจอหญิงงาม อนุชาน้องพี่ ควรหลีกทางให้พี่ก่อน
ฝ่ายวรวิก อนุชา ก็ตอบโต้ยักษ์สองกร ผู้พี่ไปว่า ตนนั้นเห็นนางดาวก่อน และนางดาวก็ดูจะชอบตนเป็นพิเศษ ผิดกับผู้พิ่ อายุมากแล้ว ใหน้องได้สมปองกับหญิงงามผู้นี้จะดีกว่า
ยักษ์สองกร ผู้พี่ โต้ตอบอนุชา วรวิกไปว่า น้องพี่ไยคิดเช่นนั้น เจ้าควรนับถือ เคารพผู้เป็นพี่ เจ้าควรให้พี่ได้ออกเรือน มีคู่ครองก่อนตัวเจ้า
ฝ่ายยักษ์วรวิก ผู้น้องกลับไม่ฟังเสียงบอกกล่าวของผู้พี่แต่อย่างใด
ฝ่ายนางดาวก็คิดยั่วยวนให้สองยักษ์ เชษฐา-อนุชา เกิดการบาดหมางซึ่งกันและกัน
ยักษ์สองกร และยักษ์วรวิก ต่างก็คิดต่อสู้เพื่อหมายปองแย่งนางดาว
ยักษ์สองกร ผู้พี่ พอได้ทีรุกใส่จนยักษ์วรวิก ผู้น้องเสียที ยักษ์สองกร ตรงเข้ามาเกี้ยวนางดาว เพื่อหมายมั่นให้นางดาวเลือกตัวเองเป็นคู่ครอง
ยักษ์วรวิก ผู้น้องที่เสียทีแก่ยักษ์สองกร ผู้พี่ พอตั้งหลักได้ก็วิ่งมาแยกยักษ์ผู้พี่ออกมาจากนางดาว
แล้วทั้งสองยักษ์ก็สู้กันต่อ
ยักษ์วรวิก รุกจนได้เปรียบกับการต่อสู้ครั้งที่สองนี้
ยักษ์วรวิกผู้น้องได้ที เลยเข้าไปเกี้ยวนางดาวบ้าง
ยักษ์สองกร ผู้พี่ ก็ไม่ยอม ตรงเข้าไปดึงยักษ์ผู้น้องออกมา
แล้วทั้งสองยักษ์ก็ต่อสู้กันอีกครั้ง
การต่อสู้ของทั้งสองยักษ์ ในคราวนี้ต่างหมายมั่นฟาดฟันให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องตาย เพื่อที่ตัวเองจะเป็นผู้ชนะ และจะได้นางดาวเป็นคู่ครอง
แต่กลายเป็นว่าการสู้กันเองครั้งนี้ ทั้งสองยักษ์ต่างก็ถูกอีกฝ่าย ฟาดฟันด้วยกันทั้งคู่ จนสองยักษ์ต้องตายไปด้วยกัน ด้วยน้ำมือของอีกฝ่าย
ฝ่ายนางดาวหญิงสาวรูปงาม ก็ได้แปลงร่างกับมาเป็นนางฟ้า
นางฟ้าที่พระอินทร์ได้ส่งลงมาปรามยักษ์สองกร วรวิก ให้กลับตัว กลับนิสัยเป็นยักษ์ที่ดี ไม่อาฆาตมาดร้ายเหล่าเทวดา จากการที่พ่อของยักษ์สองกร วรวิกได้ตายจากไปเพราะโดนก้อนหินหล่นมาทับ
นางฟ้าได้ใช้พรวิเศษ ให้ทั้งยักษ์สองกร และยักษ์วรวิก ฟื้นคืนชีพกลับมาดังเดิม
นางฟ้าจึงได้ว่ากล่าวตักเตือนทั้งสองยักษ์ ให้ประพฤติดี ไม่มัวเมาในรูปของสตรี ไม่คิดท้าทายสร้างบารมีต่อเหล่าเทวดา ไม่คิดลุ่มหลงไปในทางที่ผิด ไม่เช่นนั้นแล้ว ยักษ์สองกร ผู้พี่ และยักษ์วรวิก ผู้น้องก็จะต้องตายเพราะด้วยความลุ่มหลง มัวเมา แก่งแย่งชิงดี ชิงเด่นซึ่งกันและกัน
จากนั้นนางฟ้าก็กลับขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ดังเดิม
ยักษ์สองกร วรวิก ต่างก็ดีใจ ที่ตัวเองไม่ได้ตายไปพร้อมกัน ทั้งสองยักษ์พี่น้องต่างก็กลับมารักใคร่กันดีดังเดิม
ยักษ์สองกร วรวิก ต่างก็กลับไปอยู่ยังถิ่นอาศัยของตน
ขอบคุณครูเกศ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของยักษ์สองกร วรวิก ไว้ด้วยครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก internet ที่มีให้รวบรวมปะติดปะต่อมาทีละนิด ทีละหน่อย ไว้ด้วยครับ
ขอบคุณนักแสดงจากวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ และทีมงานที่อยู่เบื้องหลังทุกๆ ท่านครับ
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่แวะมาชมภาพถ่ายที่ blog และเพื่อนๆ ที่ได้แวะทักทายพูดคุยกันที่ blog ด้วยครับ
*****ท้าย Blog ขอคัดลอกข้อความที่อ่านกันมาก่อน ตอนที่ได้ข้อมูลจากครูเกศ ว่าเรื่องยักษ์สองกร วรวิก เป็นละครดึกดำบรรพ์ เลยไปค้นหากันมาก่อน แต่อย่างที่บอกว่าไม่ได้ใจความเนื้อเรื่องอะไรมากนัก ต้องค้นกันอยู่นานทีเดียว ถึงจะได้ 4 บรรทัดของเนื้อเรื่องยักษ์สองกร วรวิก จนในที่สุดถึงนั่งทำ blog นี้ได้จนเสร็จ
ละครดึกดำบรรพ์
เป็นละครที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ กำเนิดขึ้น ณ บ้านเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว. หลาน กุญชร) โดยแสดง ณ โรงละครของท่านที่ตั้งชื่อว่า "โรงละครดึกดำบรรพ์" เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ได้เดินทางไปยุโรปเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๔ และมีโอกาสได้ชมละครโอเปร่า ซึ่งท่านชื่นชมการแสดงมาก เมื่อกลับมาจึงคิดทำละครโอเปร่าให้เป็นแบบไทย
ละครดึกดำบรรพ์ได้ออกแสดงครั้งแรกปี พ.ศ. ๒๔๔๒ เนื่องในโอกาสต้อนรับเจ้าชายเฮนรี่ พระอนุชาสมเด็จพระเจ้ากรุงปรัสเซีย ซึ่งเป็นพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ละครดึกดำบรรพ์ได้รับความนิยมตลอดมา จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๕๒ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ เกิดอาการเจ็บป่วยถวายบังคมลาออกจากราชการ ทำให้ต้องเลิกการแสดงละครดึกดำบรรพ์ไป นับแต่เริ่มแสดงละครดึกดำบรรพ์จนเลิกการแสดงรวมระยะเวลา ๑๐ ปี
การแสดงละครดึกดำบรรพ์จะผิดแปลกจากละครแบบดั้งเดิม เพราะผู้แสดงต้องร้องเองรำเอง ไม่มีบรรยายกิริยาของตัวละคร ได้มีการปรับปรุงการแสดงความเป็นไปในเนื้อเรื่องของละครดึกดำบรรพ์ พยายามแสดงให้สมจริงสมจังมากที่สุด มีการตกแต่งฉาก และสถานที่ ใช้แสง สี เสียง ประกอบฉาก
เรื่องที่แสดง ได้แก่ สังข์ทอง, เรื่องคาวี ตอนสามหึง, เรื่องอิเหนา ตอนไหว้พระ, เรื่องสังข์ศิลป์ชัยภาคต้น, เรื่องกรุงพานชมทวีป, เรื่องรามเกียรติ์, เรื่องอุณรุฑ, เรื่องมณีพิชัย, เรื่องศกุนตลา, เรื่องท้าวแสนปม, เรื่องพระเกียรติรถ, เรื่องสองกรวรวิก, เรื่องจันทกินรี, เรื่องพระยศเกตุ เป็นต้น
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2556 |
|
20 comments |
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2556 22:48:08 น. |
Counter : 11093 Pageviews. |
|
|
|
บล๊อกนี้นู๋ไม่เม้นต์นะคะ เพราะไม่มีความรู้
ทางด้านนี้จริง ๆ เกรงเม้นต์แล้วจะผิดหน่ะค่ะ
ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ค่ะ พี่เบิร์ท