Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

งานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง 2552 [มหกรรมการแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค : วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี-ละครพื้นบ้านแก้วหน้าม้า]

25 พฤษภาคม 2553 : งานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง ปี 2552 [2 ธ.ค. 52 มหกรรมการแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค : วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี ละครพื้นบ้าน แก้วหน้าม้า]


การแสดงเทิดพระเกียรติพ่อหลวง จากงานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง ณ เวทีใหญ่กลางแจ้ง หน้าหอคำหลวง ที่มีการแสดงทุกๆ คืน
ภาพถ่ายชุดนี้เป็นภาพถ่ายการแสดงขอวันพุธที่ 2 ธันวาคม 2552 : มหกรรมการแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค เป็นการแสดงของวิทยาลัยนาฏศิลป สุพรรณบุรี
นำการแสดงพื้นบ้าน เรื่อง แก้วหน้าม้า มาให้ชมกัน

ขอเกริ่นนำเนื้อเรื่องโดยย่อให้อ่านกันก่อน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อว่า “ มิถิลา”เมืองนี้ปกครองโดยกษัตริย์ทรงพระนามว่า “ ภูวดลมงคลราช ” พระองค์มีพระมเหสีทรงพระนามว่า “ พระนางนันทา ” ทั้งสองพระองค์ มีพระโอรสทรงพระนามว่า “ ปิ่นทอง” เมืองมิถิลามีความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขเป็นอย่างดี

ในเมืองมิถิลานี้มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่งซึ่งมีลูกสาวหน้าตาคล้ายม้า ก่อนคลอดมารดาของนางฝันว่ามีเทวดานำแก้วมาให้นาง ดังนั้นนางจึงตั้งชื่อลูกสาวของนางว่า “ มณี ” หรือ “ แก้วหน้าม้า” และถึงแม้ว่านางจะมีหน้าหน้าประหลาด นางก็มีความเฉลียวฉลาด มีมนต์วิเศษสามารถทำนายดินฟ้าอากาศได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น นางจึงสามารถบอกให้ชาวนาปลูกพืชผลตรงตามสภาพดินฟ้าอากาศ ความรู้ของนางไม่ได้นำมาซึ่งความมั่นคงแต่เฉพาะครอบครัวของนางเท่านั้น แต่งยังรวมไปถึงชุมชนทั้งหมดอีกด้วย

วันหนึ่ง เจ้าชายปิ่นทองทรงปล่อยว่าวตัวโปรดขึ้นสู่ท้องฟ้า ซึ่งก็เกิดขาดลอยตามลมมาตกลงเบื้องหน้าของแก้วพอดี เมื่อนางเห็นว่าวรูปร่างลักษณะดีก็ตัดสินใจยึดเป็นของตนเองแต่เพียงอึดใจต่อมา ข้าราชบริพาร ของเจ้าชายก็มาถึงและขอว่าวคืน แก้วปฏิเสธที่จะให้พวกเขา และยืนกรานที่จะคืนให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของเท่านั้น เมื่อเจ้าชายเสด็จมาถึงที่นั้นและได้ยินแก้วพูดก็ทรงโกรธมาก และคิดว่าหญิงผู้นี้พูดจาโยกโย้น่ารำคาญ พระองค์ยิ่งเกลียดนางแก้วหน้าม้าหนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นนางมีใบหน้าที่ประหลาด แต่ด้วยความที่อยากได้ว่าวของตนคืนจึงแกล้งทำดีกับนางไปอย่างนั้นเอง เจ้าชายจึงสัญญาจะให้รางวัลแก่นางอย่างงาม เพื่อแลกเปลี่ยนกับว่าวตัวโปรดของพระองค์ แต่แก้วปฏิเสธ ที่จะรับสิ่งใด ๆ นางต้องการให้เจ้าชายอภิเษกสมรสกับนาง แล้วนำนางไปอยู่ในวังด้วย โดยที่ไม่ทรงคิดจริงจังเจ้าชายก็ตกลงตามความต้องการของนาง เพียงเพื่อจะให้ได้ว่าวกลับคืนมาเท่านั้น หลังจากได้ว่าวแล้วเจ้าชายปิ่นทองก็หายเงียบไปโดยไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนาง

แก้วรอเจ้าชายเป็นเวลาหลายวันแต่ก็ไม่เห็นเงาของพระองค์ ดังนั้นนางจึงอ้อนวอนให้บิดามารดาของนางไปเข้าเฝ้าพระราชา และทูลถามพระองค์เกี่ยวกับสัญญาที่พระโอรสของพระองค์ให้ไว้กับนาง
แรกที่เดียว สองสามีภรรยาก็บอกให้ลูกสาวของตนเสงี่ยมเจียมตัว แต่แก้วก็ล้มป่วยลงเพราะไม่ยอมกินอะไร บิดามารดาของนางกลัวลูกสาวจะอดข้าวตาย จึงต้องไปกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ ซึ่งก็ทำให้พระองค์ทรงพิโรธในทันทีที่ได้ทราบเรื่อง อย่างไรก็ตามพระราชินีทรงมีเมตตาต่อพวกเขา และสัญญาว่าจะถามพระโอรสเกี่ยวกับคำสัญญาส่งเดชนี้ให้
หลังจากได้รับการกราบทูลให้ทรงทราบเรื่องราวทั้งหมดจากพระโอรสของนางแล้ว พระราชินีก็รับสั่งให้เจ้าชายรักษาคำพูด และดังนั้นจึงส่งนางกำนัลให้ไปรับแก้วเข้าวัง แต่แก้วปฏิเสธที่จะมาเพราะว่านางต้องการนั่งวอทอง ที่ใช้โดยพระบรมวงศ์ของกษัตริย์ หลังจากได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา แล้วแก้วก็มาอยู่ในวัง ซึ่งก็ไม่ได้ให้ความสุขดังที่ตนคาดหวังไว้ เพราะเจ้าชายไม่เคยขอนางแต่งงาน

วันหนึ่ง พระเจ้าภูวลดรับสั่งให้แก้วเข้าเฝ้าและทรงตั้งเงื่อนไขว่า ถ้าหากนางสามารถนำภูเขาพระสุเมรุมาประพระราชอุทยานได้ และแล้วพระองค์ก็จะจัดพิธีอภิเษกสมรสให้นางกับเจ้าชายปิ่นทอง แต่ว่าถ้าหากไม่สามารถปฏิบัติตามได้ นางก็จะได้รับโทษประหารชีวิต ด้วยความดีใจอย่างยิ่งแก้วตอบตกลงโดยไม่ทันคิดให้รอบคอบ และออกเดินทางไกลเพื่อหาเขาพระสุเมรุถึงแม้ว่านางจะเดินผ่านมาหลายดงพงไพร ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ร้ายมากมาย แก้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เขาที่ว่านั้น ด้วยความอิดโรยจากการเดินทางที่แสนจะลำบากแก้วล้มลงกับพื้นและหมดสติไป หลังจากฟื้นคืนสตินางก็ได้พบพระฤๅษีผู้ซึ่งรู้สึกสงสารนาง เพราะนางไร้เดียงสาเกินไปที่จะล่วงรู้ถึงกลลวงได้พระฤๅษีจึงตัดสินใจช่วยนาง และด้วยอำนาจเวทมนต์วิเศษของตน ตอนนี้แก้วก็สามารถถอดหน้ากากม้าออกได้ และปรากฏเป็นสาวสวยเมื่อไรก็ได้ พระฤๅษียังได้มอบหนังสือซึ่งสามารถกลายเป็นเรือเหาะหรืองูก็ได้และไม้เท้าซึ่งสามารถแปลงเป็นมีดวิเศษได้ และแล้วพระฤๅษีก็บอกให้นางนำมาเพียงก้อนหินเล็ก ๆ ก้อนหนึ่ง จากภูเขาพระสุเมรุแล้วนำไปวางไว้ในพระราชอุทยานเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เพราะราชาไม่ได้เอ่ยถึงภูเขาทั้งลูก หลังจากวางก้อนหินก้อนเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งในพระราชอุทยานแล้ว แก้วก็กราบทูลให้พระราชาทรงทราบ พระราชาก็ได้แต่เงียบขรึม เมื่อทรงทราบความจริงแล้ว พระราชินีก็รับสั่งให้จัดพิธีอภิเษกสมรสตามสัญญาที่ให้ไว้กับแก้ว ซึ่งก็สร้างความไม่พอพระทัยให้กับพระราชาและเจ้าชายอย่างยิ่ง

ต่อมาภายหลัง พระราชาก็ทรงดำริถึงแผนการอื่นที่จะกำจัดแก้ว พระองค์จึงส่งพระราชสาสน์ไปยัง พระเจ้าพรหมทัตกษัตริย์ผู้ครองเมืองโรมวิถี เพื่อขอพระธิดาของพระองค์ ซึ่งพระนามว่า ทัสมาลี ให้เจ้าชายปิ่นทอง พระเจ้าพรหมทัตตอบตกลง และกำหนดวันสำหรับโอกาสอันเป็นมงคล เมื่อเจ้าชายปิ่นทองเตรียมเดินทางออกจากเมืองโดยเรือ แก้วก็มาแสดงความไม่พอใจต่อพระองค์ และตำหนิพระองค์ว่าไม่มีความซื่อสัตว์ต่อนาง เจ้าชายโกรธมากและสั่งให้แก้วมีโอรสให้ตนให้ได้พระองค์ต้องการเห็นโอรสของพระองค์เมื่อเสด็จกลับมา และถ้าหากแก้วมีโอรสให้พระองค์ไม่ได้นางก็จะถูกประหารชีวิต แก้วเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนจะมีโอรสให้เจ้าชาย โดยไม่มีการหลับนอนกันเลยได้อย่างไร ถึงแม้ว่าจะรู้สึกสิ้นหวังแต่ก็มีจิตใจแน่แน่วที่จะแก้เผ็ดเจ้าชายให้จงได้ เพื่อรับคำท้าของเจ้านาย นางออกจากเมืองและไปยังเมืองโรมวิถีโดยอาศัยเรือเหาะของตน หลังจากถอดหน้ากากหน้าม้าออกแล้ว แก้วก็ไปอาศัยอยู่กับตายายใกล้แม่น้ำนอกเมือง วันหนึ่งในขณะอาบน้ำอยู่ในแม่น้ำ เจ้าชายปิ่นทองก็ได้มาพบนางเข้าและหลงใหลในความงามของนางในขณะที่ชายาใหม่ของพระองค์กำลังบรรทมอยู่นั้น เจ้าชายก็แอบออกมาจากวังและแต่งกายเป็นชาวบ้านมาเกี๊ยวพาราสีแก้ว ผู้ซึ่งก็พร้อมจะเป็นชายาของพระองค์อยู่แล้วเพราะต้องการมีลูกกับพระองค์ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันจนกระทั่งแก้วตั้งครรภ์ ก่อนที่จะจากไปเจ้าชาย ได้มอบแหวนให้นางไว้แล้วเสด็จกลับเมืองมิถิลาโดยไม่ได้นำเจ้าหญิงทัสมาลีไปด้วย

หลังจากคลอดบุตรชายแล้ว แก้วก็ผูกแหวนไว้กับแขนของลูกน้อยแล้วส่งไปอยู่กับพระฤๅษีซึ่งเคยช่วยเหลือตน พระฤๅษีเข้าฌานดูก็รู้ว่าเจ้าชายปิ่นทองกำลังอยู่ในอันตราย เพราะว่าถูกล้อมโดยกองทัพยักษ์นำ โดยพญายักษ์ชื่อว่า พาละราช แล้วพระฤๅษีก็แปลงแก้วให้เป็นชาย และสั่งให้นางไปช่วยเจ้าชายในทันที แก้วสามารถฆ่ายักษ์ได้สำเร็จแล้วยึดเมืองไว้ได้ พระมเหสีของพญายักษ์จึงยกธิดาผู้เลอโฉมทั้งสองพระองค์ นามว่า สร้อยสุวรรณและจันทร์สุดาตามลำดับให้กับเจ้าชายปิ่นทอง แต่เจ้าชายปฏิเสธที่จะรับเพราะตนไม่ใช่ผู้ที่ชนะศึก ดังนั้นองค์หญิงทั้งสองพระองค์จึงควรตกเป็นชายาของแก้วผู้ซึ่งรับไว้โดยไม่รีรอ

แล้วแก้วก็บอกให้เจ้าชายปิ่นทองอยู่ในเมืองยักษ์ไปสักระยะหนึ่งก่อน ในขณะที่นางนำธิดาของยักษ์ ไปยังกระท่อมของพระฤๅษี และบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ทั้งสองฟัง หลังจากบอกเจ้าหญิงทั้งสองว่าตนเป็นใครแล้ว แก้วก็นำเจ้าหญิงทั้งสองไปพบเจ้าชายปิ่นทองและมอบให้เป็นชายาของเจ้าชายและแล้วแก้วก็กลับมาหาลูกที่ศาลาพระฤๅษี

หลังจากอยู่ในเมืองยักษ์มาระยะหนึ่ง เจ้าชายก็พาชายาทั้งสองกลับไปยังเมืองของพระองค์ และต้องประหลาดพระทัยที่ต้องเผชิญหน้ากับแก้ว ผู้ซึ่งนำพระโอรสของพระองค์มาถวาย แรกทีเดียวก็ไม่ทรงเชื่อ แต่แหวนที่ข้อมือของกุมารทำให้พระองค์ต้องเชื่อและรับกุมารเป็นโอรสของพระองค์ แล้วเจ้าชายก็ตั้งชื่อพระโอรสว่า “ ปิ่นแก้ว”














บทการแสดงที่มีการแสดงในวันนั้น น่าจะเป็นการแสดงช่วงที่แก้วนำโอรสมาถวายให้เจ้าชายปิ่นทอง






นางแก้วหน้าม้า



ภายในวัง เมือง “ มิถิลา”
กษัตริย์ภูวดลมงคลราช และพระมเหสี พระนางนันทา ได้รับแจ้งจากสนมว่า นางแก้วหน้าม้า นำโอรสมาถวายเจ้าชายปิ่นทอง



พร้อมแจ้งว่า นางแก้วหน้าม้า มาถวายพระโอรส ให้กับเจ้าชายปิ่นทอง
ตามข้อสัญญาที่เคยให้ไว้


เจ้าชายปิ่นทอง - พระชายา สร้อยสุวรรณและจันทร์สุดา


เจ้าชายปิ่นทอง



พระชายาสร้อยสุวรรณ




เจ้าชายปิ่นทองพร้อมพระชายา เข้าเฝ้าพระบิดา
เื่พื่อพิสูจน์ว่าโอรสที่แก้วหน้าม้านำมาถวายนั้นเป็นพระโอรสจริงหรือไม่



เจ้าชายทรงทูลพระบิดาและพระมารดาว่า
ไม่มีทางที่พระโอรสที่นางแก้วหน้าม้านำมาถวายจะเป็นโอรสของตน
เพราะไม่มีวันที่ตนเองจะไปมีอะไรกับผู้หญิงอัปลักษณ์เยี่ยงนางแก้วหน้าม้าได้


พระมเหสีซึ่งเคยมีความปราณีต่อแก้วหน้าม้า เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ทรงให้นางแก้วหน้าม้ามาพิสูจน์ความจริง



แก้วหน้าม้านำพระโอรสมาถวาย เพื่อเป็นการพิสูจน์



บทบาทการแสดงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
และบางบทบาทการแสดงดูเหมือนนอกบทบาทการแสดงไปเยอะ


และมัวแต่สนุกสนานตามบทบาทการแสดงไปด้วย ทำให้ลืมถ่ายภาพในบางจังหวะมาเหมือนกัน


พอคนดูสนุกสนานตามบทบาทการแสดง นักแสดงก็ยิ่งแสดงมันส์ไปอีกหลายเท่า










เจ้าชายปิ่นทองยอมรับว่าเป็นแหวนของตน
และเล่าความจริงที่ว่าเคยได้มอบแหวนให้หญิงสาวชาวบ้านนางหนึ่ง ซึ่งเจ้าชายได้แอบไปมีอะไรกับนาง และได้มอบแหวนให้ไว้ขณะที่หญิงสาวชาวบ้านนางนั้นกำลังตั้งครรภ์



พระมเหสีเมื่อเห็นแหวนที่อยู่กับพระโอรส และเจ้าชายก็ยืนยันว่าเป็นของตนจริง
พระมเหสีทรงดีใจที่ได้พระโอรสที่เกิดจากเจ้าชายปิ่นทอง และยอมรับพระโอรสที่แก้วหน้าม้านำมาถวาย และทรงตั้งชื่อให้ว่า ปิ่นแก้ว


อย่างที่บอกไว้ตอนต้น ชมซะเพลิน ลืมถ่ายภาพบางช่วงมา
ก็มาสรุปจบตอนรำใน 2 ภาพนี้



ขอบคุณนักแสดงจากวิทยาลัยนาฏศิลป สุพรรณบุรี ที่นำการแสดงละครพื้นบ้าน แก้วหน้าม้า มาให้ชมกันอย่างสนุกสนานไว้ด้วยครับ

ขอบคุณทีมงานที่จัดการแสดงและอยู่เบื้องหลังทุกๆ ท่าน

และขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่าย set นี้ด้วยครับ




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2553
13 comments
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 7:54:09 น.
Counter : 5395 Pageviews.

 

หวัดดีครับพี่เบริด์
มาชมภาพสวยๆครับ
ผมดูละครจักรๆวงค์หลายครั้ง
ผมยังไม่รู้เลยว่า แก้วหน้าม้า เป็นละครพื้นบ้านของจังหวัดอะไร
แต่น้องที่ใส่ชุดม้ารำน่ารักทุกคน อิ อิ

 

โดย: เศษเสี้ยว 25 พฤษภาคม 2553 8:15:08 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ค่ะ... ม้าน้อยน่ารักทุกคนเลย
แก้วหน้าม้าน่ารักเนอะ

 

โดย: namfaseefoon 25 พฤษภาคม 2553 8:36:21 น.  

 

สวัสดียามเช้าค่ะวันนี้อากาศดีมากเมื่อคืนนี้ฝนตก แวะมาชมแก้วหน้าม้าน่ารักดีนะค่ะ

 

โดย: kobnon 25 พฤษภาคม 2553 8:54:06 น.  

 

สวัสดีคุ่ะ คุณเบิร์ด

คิดถึงละครพื้นบ้านเรื่องนี้ จำได้ว่าเคยดูในทีวีน่าจะเป็นเวอร์ชั่นแรกแน่ๆ แต่จำตัวแสดงไม่ได้เลยไม่รู้จะอ้างอิงยังไง..

นางแก้วหน้าม้านี่คงฮาๆ ขำๆ นะคะ

เจ้าชายปิ่นทองไม่หล่อเหมือนที่คิดแฮะ

น้องๆ ที่ใส่หัวม้า ชุดฟ้า ขาว และ ดำสวยน่่ารักทุกคนเลยค่ะ ดูเพลิน...

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 25 พฤษภาคม 2553 13:20:30 น.  

 


เราเป็นคน 1 ที่ชื่นชอบนิทานปรัมปรา
นิทานตำนาน
เข้าห้องสมุดอยู่ได้เป็นวันๆ
แถมมีภาพถ่ายๆ ประกอบด้วย
จนห้องสมุดปิดเลยล่ะ
ขอบคุณที่ถ่ายภาพสวยๆ มาฝากเสมอจ้า

 

โดย: อุ้มสี 25 พฤษภาคม 2553 14:27:44 น.  

 


มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

เนื้อเรื่องยังไม่ได้อ่านเลยครัย เปิดมาก็ชมภาพถ่ายก่อนเลยครับ ชมก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยตามไปอ่านเนื้อเรื่องอีกรอบครับ

อิอิ

 

โดย: อาคุงกล่อง 25 พฤษภาคม 2553 16:22:21 น.  

 

สวัสดีตอนค่ำๆ..น๊ะครับคุณถปรร...ครับ

วันนี้ตาติ๊กนำดอกไม้หลากสี..ช่อสวยๆ
มามอบให้นักแสดงทุกคนด้วยครับ...

เรื่อง แก้วหน้าม้า นี่น่ะ
ได้ดูเมื่อไรก็สนุกเมื่อนั้น...
จำได้ไม่เคยลืมครับ...ละครแบบไทยๆของเรา
ขอบคุณมากครับ ที่พาไปชม...




( ฟังเพลง/จิ้มตรงนี้...เด้อ )......

 

โดย: สกุลเพชร 25 พฤษภาคม 2553 17:50:56 น.  

 



ต่าง ต่างน่ารักเลยนะคะ



 

โดย: d__d (มัชชาร ) 25 พฤษภาคม 2553 19:23:50 น.  

 

วันนี้เกริ่นยาวมากกกกกเลยค่ะ

แต่ภาพก็ยังสวยเหมือนเดิมเลย

 

โดย: จีนี่ในกระจกแก้ว 25 พฤษภาคม 2553 19:29:22 น.  

 

ตัวแก้วหน้าม้านี่ จริงจังสุดยอดค่ะ

ตอนเป็นละครทีวี ติดหนึบเลยค่ะ แผนกเชียร์

 

โดย: tuk-tuk@korat 25 พฤษภาคม 2553 20:03:29 น.  

 

สาวในชุดสีขาวในภาพแรกๆ น่ารักเชียว

คุ้นแต่ชื่อแก้วหน้าม้า
แต่เนื้อเรื่องนี่ จำไม่ได้
พอมาอ่านแล้ว..
เจ้าชายนี่ช่างใจร้ายนัก..
สงสารแก้วหน้าม้า

 

โดย: VELEZ 25 พฤษภาคม 2553 20:19:40 น.  

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 25 พฤษภาคม 2553 22:53:06 น.  

 

ภาพ4 กับ 5 คนเดียวกันปะ

ชอปมัก

 

โดย: wan.124@hotmail.com IP: 223.205.75.227 7 กุมภาพันธ์ 2554 2:48:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ถปรร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ถปรร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.