ไปมากับเค้าเหมือนกันกับ เอเซียทีค - ความสุขเหนือกาลเวลา
15 สิงหาคม 2555 : ไปมากับเค้าเหมือนกันกับ เอเซียทีค - ความสุขเหนือกาลเวลา Asiatique Where Happiness Takes Place
ไปมากับเค้าเหมือนกันกับ เอเซียทีค - ความสุขเหนือกาลเวลา Asiatique Where Happiness Takes Place
Asiatique the Riverfront เป็นชื่อที่ได้ยินและได้ชมภาพถ่ายจากเพื่อนๆ รวมถึงตามไปเป็นแฟนเพจของ Asiatique the Riverfront มาแล้วเหมือนกัน
ได้ชมได้เห็นภาพถ่ายสวยๆ ก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่า หากได้ไปกทม. สถานที่แห่งนี้ต้องหาทางไปเยือนสักครั้ง เรียกว่าไปตามรอยกับภาพถ่ายสวยของที่นี่ และของเพื่อนๆ bloggang ที่นำเสนอให้ชมกันไปแล้ว
พอรู้ว่าจะได้มีโอกาสเข้ามากทม. ก็ต้องแอบจองที่พักราคาถูกใจ กับสถานที่เดิมๆ ที่เคยไปพักไว้ล่วงหน้า เพราะรู้ดีว่าจะมาเที่ยวชมสถานที่แหล่งช้อปปิ้ง และร้านอาหารหลากหลายที่อร่อยๆ ของเอเซียทีค จำเป็นต้องอยู่กันจนดึกๆ แน่ๆ
พอวันที่ตั้งใจมาเอเซียทีค เจอช่วงเทศกาลฝนตกที่กทม.หลัง 4 โมงเย็น ที่ตกติดต่อกันมาหลายวัน ดูเหมือนว่าวันที่ไปจะเป็นวันที่ฝนเริ่มตกวันแรกด้วย ช่วงบ่ายวันนั้นที่เดินทางมาถึงกทม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามกำหนดจะไปเดินทางไปแถวปากคลองตลาด ท่าพระจันทร์ ว่าจะเดินเล่นรอเวลาใกล้ๆ 5 โมงเย็นก่อนแล้วค่อยไปเอเซียทีค
พอเจอฝนตกอย่างหนัก และยังเดินทางอยู่บนรถเมล์ มองออกไปนอกหน้าต่าง ผ่านสถานที่ต่างๆ ที่ตัวเองคิดว่าจะลงไปเดินเล่นถ่ายรูป ดูแล้วว่าลงไปเป็นเปียก บวกกับถนนแถวนั้นน้ำฝนเริ่มนองเต็มถนนแล้ว สุดท้ายเลยไปลงหลบฝนแถวท่าพระจันทร์
เจอฝนตกหนักแบบนี้ทำเอาถอดใจไปแล้ว ด้วยความที่จะตั้งใจล่องเรือด่วนรอบเย็น โพล้เพล้เก็บภาพริมน้ำเจ้าพระยาสักหน่อย คิดไปคิดมาเจอฝนตกแบบนี้จะกล้าเสี่ยงไปนั่งเรือด่วนดี หรือจะกลับไปตั้งหลักเดินทางไปเอเซียทีคทางรถเมล์ดี สุดท้ายก็ยอมนั่งเรือไป เพราะดูว่าใช้เวลาสั้นที่สุดแล้ว (ภาพถ่ายที่ตั้งใจจะถ่ายภาพริมน้ำเจ้าพระยา เลยเลิกคิดที่จะถ่ายภาพ ถึงถ่ายภาพมายังไงก็ไม่สวยแน่ๆ)
เอาเป็นว่าการเดินทางมาเอเซียทีคในขาไป ใช้เส้นทางเรือด่วนจากท่าช้างมาลงที่ท่าเรือสาทร เชิงสะพานตากสิน แล้วก็ใช้บริการเรือรับส่งของเอเซียทีคมาถึงสถานที่แห่งใหม่ของคนเมืองกรุง กับสโลแกนของเอเซียทีคที่ว่า "เอเซียทีค ความสุขเหนือกาลเวลา"
พอถึงที่ท่าเรือของเอเซียทีค ซึ่งบริเวณนี้ก็เป็นจุดที่อยากถ่ายภาพตามรอยภาพถ่ายสวยๆ ของเพื่อนๆ แต่ในช่วงเวลาที่ฝนตก ก็ไม่คิดจะถ่ายภาพแล้ว กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหลบฝน แล้วก็เดินไปหาของซื้อของฝากมาให้เพื่อนๆ กันก่อน
(ไว้ค่อยนำภาพส่วนนี้มาให้ชมกันครับ)
เดินๆ หลบฝนไปตามโกดังต่างๆ จนพอรู้เส้นทางและจุดที่จะถ่ายภาพบ้างแล้ว และก็ตั้งใจว่ามาแล้วก็อยากได้ภาพถ่ายของเอเซียทีคกับแสงทไวไลท์
มารอแสงทไวไลท์ตามเวลา หลัง 6 โมงเย็น หรือประมาณ 6 โมงครึ่งเป็นต้นไป แสงทไวไลท์ น่าจะมาในช่วงนี้ล่ะ
ชมกันอีกภาพกับบรรยากาศของเอเซียทีคในช่วงฝนพรำๆ (เปียกเป็นเปียก ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว)
ในช่วงที่แสงทไวไลท์ยังไม่มา ก็เดินถ่ายภาพไปเรื่อยๆ ในบริเวณโซนพื้นที่ด้านนี้ (ด้านหน้า) ในส่วนที่เข้ามาจากทางถนน
6 โมง 25 นาที แล้ว แสงทไวไลท์ ยังไม่มาเลย
เดินถ่ายภาพอยู่บริเวณโซนด้านหน้า ก็ห่วงมุมถ่ายภาพโนโซนด้านหลังที่ติดริมน้ำอยู่เหมือนกัน เรียกว่าห่วงหน้าพะวงหลังไปเลย ช่วงที่เดินเช็คระยะทางจากด้านหน้าในโซนที่ติดถนน และเดินมายังด้านหลังในโซนที่ติดริมน้ำเจ้าพระยา น่าจะมากกว่าร้อยเมตร (โดยประมาณ)
พอเห็นว่าด้านหน้ายังไม่ได้แสงทไวไลท์ ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังด้านหลังริมน้ำ เรียกว่างานนี้วิ่งไปวิ่งมาจากด้านหน้ามาด้านหลัง และจากด้านหลังไปด้านหน้าแบบนี้อยู่ สองสามรอบเลย เพื่อรอถ่ายภาพแสงทไวไลท์ที่จะมาเยือนเพียงไม่กี่นาที
เดินมายังด้านหลังที่ในโซนที่ติดริมน้ำเจ้าพระยาแล้ว แต่ท้องฟ้าในมุมถ่ายภาพไปยังริมน้ำเจ้าพระยาไม่สวย ยังเห็นกลุ่มเมฆสีดำทะมึนอยู่
รอเวลาอีกสักสอง สามนาที ดูว่าคราวนี้แสงทไวไลท์เริ่มมาแล้ว
คราวนี้มีเวลาช่วงสั้นๆ กับการเลือกถ่ายภาพในช่วงแสงทไวไลท์แล้วครับ ภาพ set นี้ยังฝืนกับการถ่ายภาพแสงทไวไลท์ที่ใช้ถ่ายภาพในช่วงถ่ายภาพที่ใช้เวลานานๆ และใช้ค่า F สูงๆ ในการถ่ายภาพ แต่พอไม่แบกขาตั้งกล้องมา เลยเลือกชดเชยด้วยการตั้ง ISO สูงๆ และปรับค่า speed ประมาณ 1/30 - 1/60 ส่วนค่า F ไปได้ไม่สูงมากนัก เลยใช้แค่ 5.6 แต่ก็มีปรับเปลี่ยนค่าไปมานิดหน่อย แล้วแต่ในมุมภาพถ่ายกับฉากและแสงสี ไม่ได้ใช้ค่านี้ตลอดครับ วิธีถ่ายภาพแบบนี้ก็ได้ภาพที่ไม่ใสปิ๊งเท่าไร เอาพอแก้ขัดมากับการไม่ยอมแบกขาตั้งกล้อง
ภาพบนถือกล้องวางไว้กับพื้น พอถ่ายภาพมาแล้วมุมไม่ได้เลยได้ถือกล้องยกจากพื้นขึ้นมาอีกหน่อย.....ถ่ายภาพในมุมนี้บ่อยๆ ชักอยากได้กล้อง 60D ที่สามารถปรับมุมมองจากจอ LCD ได้.... แต่พอใช้กล้องที่ไม่มีจอหมุนได้ ได้แต่ถ่ายภาพเดาๆ เอาทุกที .... สงสัยจะได้ถอยกล้องใหม่ หรือกล้องมือสองมาใช้อีกสักตัว
มุมนี้ก็วางภาพมุมต่ำไปหน่อย
พักไปหลบให้คนที่มาถ่ายภาพได้ถ่ายภาพกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปแก้มือใหม่ เพราะยังอยากได้แสงสะท้อนของชื่อป้ายเอเซียทีคอยู่
ที่จริงจุดไฮไลท์ในโซนด้านริมน้ำดูยังจะมีอีกหลายจุดที่น่าถ่ายภาพอยู่เหมือนกัน แต่คนที่มาเที่ยวต่างก็ยืนประจำจุดถ่ายภาพนั้นๆ กันอย่างหนาแน่นแล้ว
เลยตัดใจวิ่งกลับไปด้านหน้าในโซนที่ติดถนนกันอีกรอบ ก่อนที่แสงทไวไลท์จะหมดลงไป
15 สิงหาคม 2555 :
วิ่งกลับมาโซนด้านหน้าในรอบนี้ ผู้คนมาเที่ยวที่เอเซียทีคกันอย่างหนาตาแล้ว รอให้คนถ่ายภาพกันบ้าง วิ่งไปหลบฝนกันบ้าง แล้วก็ได้ภาพแสงทไวไลท์กับภาพของเอเซียทีค ความสุขเหนือกาลเวลาในภาพนี้เป็นภาพสุดท้าย ภาพที่เหลือท้องฟ้ามืดๆ ดำๆ สนิทกันไปแล้ว
จบกันไว้กับภาพนี้ล่ะครับ ท้องฟ้ามืดมัวดำสนิทกันแล้ว
งานนี้ได้ชิมได้ช้อปเสื้อผ้ามาฝากเพื่อนๆ แล้ว จบภารกิจแล้ว รีบกลับมาโดยใช้เส้นทางท่าเรือสาทร แล้วนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส กลับมา พร้อมกับได้ไปใช้บริการรถเมล์ฟรี (งานนี้ขอถือโอกาสไปใช้สิทธิ์สักหน่อย)
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่แวะมาชมภาพถ่ายที่ blog และร่วมพูดคุยทักทายกันด้วยครับ
Create Date : 19 สิงหาคม 2555 |
|
16 comments |
Last Update : 19 สิงหาคม 2555 20:48:04 น. |
Counter : 5964 Pageviews. |
|
|
|