ไม่เห็นจะมีอะไรยากเลย...ง่ายจะตาย
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
23 กุมภาพันธ์ 2551

เมื่อถึงวันฉันรับปริญญา

เมื่อถึงวันผมรับปริญญา


ระยะนี้มีข่าวงานรับพระราชทานปริญญาบัตรกันเยอะมาก
ทำให้นึกถึงตัวเอง เมื่อหลายปีก่อน...

เมื่อตอนผมจบ ม.6ใหม่ๆ ผมคิดว่า ปริญญาตรีไม่มีความสำคัญสำหรับผม
และไม่คิดว่าจะเรียนด้วย
แต่ว่าผมก็ไปสอบเอ็นทรานซ์เพราะอยากรู้ว่ามันสนุกมั๊ยและเป็นไปตามคาดคือ สนุกดี ตื่นเต้นเล็กๆ และสอบไม่ติดอะไรเลย 555

ผมเคยอ่านระบบการศึกษาของประเทศอื่นๆมาก่อนหน้านี้ อย่างเช่น ทางฝั่งยุโรป ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เค้าไม่ได้ส่งเสริมให้คนเรียนจบนู๊นปุ๊บต่อนี้ปั๊บ เหมือนบ้านเรา เค้าปล่อยให้คิดเอาเองว่าตัวเองควรจะเรียนหรือยัง ผมว่าวิธีนี้มัน work นะ เราก็เลยเห็นคนแก่ๆไปลงทะเบียนเรียนเรื่องนู้นเรื่องนี้เพื่อเอาความรู้กัน

ผมเลยเอาบ้าง ไม่รงไม่เรียนมันล่ะ อุดมการณ์แรงกล้า เราต้องเรียนหลักสูตรมหาลัยชีวิตเว้ย..555

ผมใช้ชีวิตช่วงนั้นด้วยการอ่านหนังสือหาความรู้เรื่องต่างๆเองทุกวัน ทำงานหาเงิน และก็เดินทางเก็บประสบการณ์ไปในที่ต่างๆ
ผมมีความสุขครับ

แต่สังคมไทยมันจะไม่เปิดโอกาสให้คนที่คิดแบบนี้ ลืมตาอ้าปากได้เลย ถ้าไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง หรือถูกหวยรวยสิบล้าน ซึ่งผมไม่ใช่ และในที่สุดแล้วผมก็พบว่าผมมาถึงจุดตัน

จุดตันที่ว่าเกิดมาจากการที่ เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งรอบๆตัวเปลี่ยนไป ความที่เราต้องการปรับตัวเองให้อยู่รอด รวมทั้งยังสามารถมีความสุขกับความคิดหรือความเชื่อในแบบเดิมๆของเราได้ด้วย มันช่างยากขึ้นทุกที

เมื่อไปหางานในที่ใหม่ๆ ก็พบว่าสังคมนี้ต้องการกระดาษเพื่อแสดงว่าตัวเองรู้ แม้ที่จริงแล้วเค้ารู้เรื่องนั้นหรือเปล่า ไม่มีใครทราบ แต่ว่าเมื่อเรารู้เรื่องนั้นๆอยู่แล้ว เรากลับไม่มีกระดาษใบนี้ไปแสดง เค้าก็จะไม่ให้โอกาสให้เราได้พูดได้บอกเลย

เอ้อ..เค้าต้องการกระดาษใบนี้กันจริงๆด้วย.. แหะ แหะ

เอ้า เรียนก็เรียน..เนอะ
ผมใช้เวลาเรียนๆบ้าง เล่นๆบ้างกับปริญญาตรีที่ มสธ.ไป 4 ปีครึ่ง
ไอ่ที่ว่าเรียนๆบ้าง เล่นๆบ้างนี่ ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย สนุกดี จนจบ

เมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร
คำถามแรกที่ผมถามตัวเองคือ

ไม่ไปได้มั๊ย...

ก็ไม่รู้มีใครคิดเหมือนผมรึเปล่า..?

เพราะเมื่ออ่านรายละเอียดดูแล้ว
ถ้าใครไม่ไป เค้าจะส่งมาให้ทางไปรษณีย์เอง
สรุปว่าผมจะไม่ไป...

ผมนอนใจมาก คิดว่าไม่ไปน่ะดีแล้ว
ไม่ต้องเสียเงินเช่าครุย ไม่ต้องตื่นดึกๆดื่นๆ ไม่ต้องวุ่นวาย ไม่ต้องเบียดกับคนเป็นพัน ฯลฯ สารพัด

จนกระทั่งเกือบๆวันสุดท้ายที่มหาลัยให้ confirm แม่ผมถามว่า

"มึงจะไปรับปริญญาวันไหน ไม่เห็นบอกกูเลย..."

ผมบอกแม่ว่า "เค้าคิดว่าจะไม่ไปล่ะแม่.. ไม่เห็นจะสำคัญอะไรกับเค้าเลย"

แม่ต่อว่าผม แม่บอกว่า "กูเห็นมึงไม่เอาอะไรกับใครมาตลอด นึกว่ามึงจะไม่มีปริญญามาให้กูดูแล้ว คราวนี้กูขอมึงเรื่อง กูอยากเห็นมึงใส่ครุยรับปริญญา..."

.
.
.

ผมนั่งมาทบทวนดูว่า วันนั้นที่ผมยอมไปใส่ครุยรับปริญญา ไปยืนเข้าแถวเบียดๆกับคนเป็นพัน ทั้งๆที่ไม่อยากไปเลย เป็นเพราะผมทำตามที่แม่ขอ มันก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนนี่นา

มีเพื่อนสนิทสมัยมัธยมหลายคน (ซึ่งมันจบปริญญาตรีกันไปตั้งนานแล้ว) มาหาและมาแสดงความยินดีกับผม พวกมันอุตส่าห์ตื่นกันมาแต่เช้ามืด (ถ้าพวกมึงมาอ่านบล็อคกู ให้มึงรู้ไว้นะว่า กูรักพวกมึงนาเว้ย...)

ที่เล่าให้ฟังวันนี้ ก็เพื่อจะบอกว่า ไอ่สิ่งที่เราไม่คิดว่ามันจะเป็นวันที่สลักสำคัญอะไรในชีวิต บางทีมันก็เป็นวันแห่งความทรงจำของเราได้เหมือนกัน

ถึงวันนี้ถ้ามีใครถามว่าผมยังอยากไปรับปริญญาอยู่มั๊ย
ผมจะตอบโดยไม่ลังเลเลย ว่า

.
.
อือ...




 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2551
8 comments
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2551 17:15:53 น.
Counter : 861 Pageviews.

 

เห็นด้วยครับ วันรับปริญญา น่าจะเป็นอีกวันนึง ที่พ่อแม่ของเรามีคววามสุขมากที่สุด ถึงจะต้องไปทนร้อน ทนเบียด แต่ก็เชื่อว่าท่านมีความสุขครับ

 

โดย: ภูสูง 23 กุมภาพันธ์ 2551 18:01:04 น.  

 

ดีใจด้วยนะค่ะ เราเนี้ยคงได้แค่ปริญญาชีวิต มีความสุขมากๆนะค่ะ

 

โดย: Irish girl 23 กุมภาพันธ์ 2551 18:51:11 น.  

 

ถูกค่ะรุ่นพี่... บางทีสิ่งที่เราคิดว่าไม่สำคัญสำหรับคนอื่น(หมายถึงพ่อแม่)เพราะพ่อแม่มักจะรอวันแห่งความสำเร็จของเรา และมันยังเป็นวันแห่งความทรงจำดีๆอีกด้วย

 

โดย: enjoy... (sunries ) 23 กุมภาพันธ์ 2551 19:26:21 น.  

 

ก่อนหน้านี้รี่ก็เฉยๆกับการรับปริญญานะ

จนมันเกิดเหตุที่ทำให้รี่ไม่สามารถเข้ารับปริญญาได้

นั่นแหละ ที่ทำให้รี่เปลี่ยนความคิด และทำเรื่องขอเลื่อนรับปริญญาไป

จริงๆแล้ว สิ่งที่อยากได้ก็คือ อยากใส่ชุดครุยถ่ายรูปกับเพื่อนๆ เท่านั้นเองแหละ

แต่สุดท้ายก็ได้แต่ใส่ชุดธรรมดาไปถ่ายรูปกับเพื่อนที่ใส่ชุดครุย

ปล. ไม่ได้เรียนจบหลังเพื่อนนะคะ แต่พอดีเกิดอุบัติเหตุแล้วหายไม่ทัน เซ็งเลย

 

โดย: สวยเปล่งปลั่ง(จนแทบปริ) (chunny ) 23 กุมภาพันธ์ 2551 20:30:23 น.  

 

แต่ผมไม่อยากไปเลยครับ...
แต่ว่าพ่อขอร้องว่า
"ทำเพื่อแม่หน่อย"
ก็เลยต้องไปรับ

รับแล้วก็โยนปริญญาทิ้งไว้ไหนไม่รู้
จนแม่ต้องไปตามเก็บมาให้

สถาบันที่ผมไปเรียน
ไม่ควรมอบกระดาษแผ่นนี้ให้ผม
เพราะผมไม่เคยศรัทธาในสิ่งที่พวกเขาสอนเลย

อิอิอิ

เอาเรื่องหนักๆ มาเล่าให้ฟังแต่เช้าเลย
ขออภัยด้วยนะครับ 5555

 

โดย: ก. วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) 24 กุมภาพันธ์ 2551 7:20:09 น.  

 

สวัสดีค่ะ หายไปนานนนนเลย อิอิ
ก็ใกล้จะได้รู้สึกแบบเดียวกะพี่แล้วอีก 5 เดือน นานนจัง
ปล. แฮรี่ไม่ตายนะค่ะ


 

โดย: นู๋เดียร์ตอบปัญหาคาใจ(^_^) (nadear_ku ) 25 กุมภาพันธ์ 2551 19:34:55 น.  

 


ภาพ


ขอบคุณมากมายจากใจสาวต้นอ้อ
ภาพ


สาวอ้อขอขอบคุณ abhirakk
มากมาย
ที่เข้ามาอวยพรวันเกิดให้กับอ้อค่ะ
อบอุ่น และ ประทับใจมากอย่างบอกไม่ถูก
ว่าจะได้รับพรจากมิตรภาพไร้พรมแดน
จากเพื่อนชาว blonggang มากมายขนาดนี้
พรไดอันประเสริฐในสากลโลก......
สาวอ้อก็ขอให้คุณabhirakk
ได้รับความสุขนั้นยิ่ง ๆ ขึ้นไปเป็นหลาย ๆ เท่าเช่นกันค่ะ


 

โดย: sao-aor 1 มีนาคม 2551 4:45:46 น.  

 

สวัสดีค่ะ..

สบายดีหรือเปล่าค่ะ..

แอบหนัเที่ยวที่ไหนมาบ้าง..

เล่าให้ฟังหน่อยซิ..

zwani.com myspace graphic comments
Orkut Icons
ขอให้มีความสุขมากๆนะค่ะ

 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 3 มีนาคม 2551 10:36:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


abhirakk
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่ใช่เกิดมาเพื่อแพ้
แน่จงลุยต่อไป
อย่ามัวรอดวงชะตา
ความสำเร็จมาเองหรือไง
มันต้องสูญ ต้องเสีย
ต้องแลกเปลี่ยนไป จึงได้มา
นี่แหล่ะคือคุณค่า เป็นตำรานอกมหา'ลัย

เพลงประจำตัว
สู้-หิน เหล็ก ไฟ
ส่งข้อความหลังไมค์ คลิ๊กที่นี่ครับพี่น้อง
[Add abhirakk's blog to your web]