เจ้าพระฝาง(อุตรดิตถ์)
จังหวัดอุตรดิตถ์
พระนาม เจ้าพระฝาง พระราชประวัติ ..............เจ้าพระฝางเดิมชื่อเรือน คาดว่าเป็นชาวเชียงใหม่ บ้านอยู่ที่เวียงป่าเป้า เมืองฝางครอบครัวค่อนข้างมีอันจะกิน ได้บวชเป็นเณรตั้งแต่เล็กที่เวียงป่าเป้า ได้ติดตามอาจารย์พระธุดงค์ไปหลายแห่ง ชอบศึกษาทางไสยศาสตร์เวทมนต์ คาถาอาคมและคงกระพัน กับพระอาจารย์หลายองค์ส่วนใหญ่เป็นพระธุดงค์และได้มา บวชเป็นพระที่เมืองแพร่ นอกจากจะมีความเชี่ยวชาญทางวิทยาคมหาใครเสมอเหมือนมิได้แล้ว พระเรือนยังมีความเชี่ยวชาญทางด้านกรรมฐานและแตกฉานทาง พระไตรปิฏกอย่างมาก ได้ธุดงค์ลงไปเรื่อย ๆ เพื่อศึกษาและแสวงธรรมในสถานที่ต่าง ๆ ตามวาระโอกาสจนถึงอยุธยาก็เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดศรีอโยธยา ได้ ศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมจนได้เป็นที่ พระพากุลเถระ ตำแหน่งพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระ ต่อมาพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงแต่งตั้งให้เป็นตำแหน่งสังฆราชา ขึ้นไปเป็นเจ้าคณะสงฆ์ เมืองสวางคบุรี อยู่ ณ วัดพระฝางสวางคบุรี ผลงาน .................เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า ในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ หัวเมืองทั้งหลายได้พากันตั้งตนขึ้นเป็นเจ้า มีอยู่ถึง ๖ ก๊ก พระสังฆราชาเรือนเป็นผู้ที่ชาวเมือง เชื่อถือว่ามีวิชาอาคมเชี่ยวชาญทุกด้านสาขา ได้ตั้งตัวเป็นเจ้าโดยที่ยังเป็นพระสงฆ์อยู่ โดยเปลี่ยนสีเครื่องนุ่งห่มจากสีเหลืองเป็นสีแดงแสด คนทั้งหลายเรียกเจ้าพระฝาง ครอบ ครองอาณาเขตตั้งแต่เมืองเวียงจันทร์ หลวงพระบาง น่าน แพร่ พิชัย จนถึงพิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท และอุทัยธานี ในปี พ.ศ. ๒๓๑๓ พระเจ้าตากสินได้กรีธาทัพเข้าโจมตีก๊กเจ้าพระฝาง ซึ่งเป็นก๊กสุดท้าย ที่มีกำลังแข็งแกร่งทัดเทียมกัน พระเจ้าตากได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้อ่อนน้อมเข้าเป็นพวกเดียวกัน เจ้าพระฝางก็ไม่ยินยอมได้ส่งทัพออกรบนอกค่ายหลายคราวก็ประสบความปราชัยทุกครั้ง ครั้นจะสู้รบต่อไป คนที่จะล้มตายก็ คือไพร่พลทหาร พระสงฆ์และชาวบ้าน กับคนไทยต้องฆ่าฟันกันเอง จึงคิดว่าถ้าหากหนีหายไปทุกอย่างก็จะ จบลงด้วยดีไม่ต้องฆ่าฟันกัน จึงใช้วิชาคาถาอาคมหลบลี้หนีออกจากค่ายไป เมืองฝาง หรือเมืองสว่างคบุรี ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ คือที่เดียวกันกับวัดพระฝางหรือ วัดพระฝางสว่างคบุรี มุนีนาถในปัจจุบัน เมื่อสิ้นยุคสมัยเจ้าพระฝางแล้ว เมืองฝางก็เสื่อมคลายความสำคัญลงไปตามลำดับ จนอยู่ ในสภาพเสื่อมโทรมข้าวของสูญหายไปจำนวนมาก ของชิ้นสำคัญที่ยังหลงเหลืออยู่ที่วัด และที่นำไปเก็บไว้ในที่อื่น ๆ ได้แก่ ระฆังโบราณคู่บ้านคู่เมือง ยังเก็บรักษาไว้ที่ วัดพระฝาง บานประตูไม้แกะสลักลวดลายสวยงามมาก เก็บรักษาไว้ที่วัดธรรมาธิปไตย อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ พระฝางพระพุทธรูปที่งดงามมากได้ชลอมา ไว้ที่วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพมหานคร สมัยรัชกาลที่ ๕ ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ; My blogs link 👆 https://sites.google.com/site/dhammatharn/ https://abhinop.blogspot.com https://abhinop.bloggang.com ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always beloved.
Create Date : 31 สิงหาคม 2554 |
|
5 comments |
Last Update : 11 มีนาคม 2564 16:31:02 น. |
Counter : 1724 Pageviews. |
|
|
|
"อุตรดิตถ์ทัศนา อัมพวาสัญจร 2554"
วันเสาร์ที่ 29 ต.ค. 2554
เวลา 08.00 น. ล้อหมุน
เวลา 11.00-12.00 น. เดินทางถึงจุดนัดพบ อนุสรณ์สถาน แฝดอิน-จัน ถนนเอกชัย (ระยะห่างจากศาลากลางจังหวัด) ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม
เวลา 12.00-13.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน
เวลา 13.30-15.00 น. ชมบ้านแมวไทย สำหรับคนรักแมวและชมค่ายบางกุ้งสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เวลา 15.00-17.00 น. ชมตลาดน้ำยามเย็นที่อัมพวา
เวลา 17.00-18.00 น. กลับที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
เวลา 18.00-20.00 น. รับประทานอาหารเย็น และ
ชวนเที่ยว "ถนนคนเดิน อนุรักษ์วัฒนธรรม
วัดบางเกาะเทพศักดิ์ ต.แควอ้อม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
เวลา 20.00-24.00 น. รับประทานอาหารเย็นและสังสรรค์
เวลา 24.00 น. พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันอาทิตย์ที่ 30 ต.ค. 2554
เวลา 07.00 น. รับประทานอาหารเช้า
เวลา 09.00-10.30 น. เที่ยวตลาดน้ำท่าคา พายเรือชมตลาดน้ำเก่าสมัยอยุธยา
เวลา 10.30-12.00 น. ไหว้พระ 9 วัด ในสมุทรสงคราม (วัดเพชรสมุทรวรวิหาร วัดบางกะพ้อม วัดศรัทธาธรรม
วัดอัมพวันเจติยาราม วัดบางแคน้อย วัดจุฬามณี วัดเจริญสุขาราม วัดภุมรินทร์กุฎีทอง วัดประดู่)
เวลา 12.00-14.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
เวลา 14.00 น. เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ