About Time (2013) It's a must movie for lovers
About Time (2013) หนังเรื่อง Back To The Future ถือว่าเป็นหนังที่ทำให้ลักษIะหนังที่กลับไปย้อนเวลา กลับมาสู่ความน่าสนใจ ตัวหนังสนุกเพียงพอที่จะมีการสร้างถึงสามภาค และประเด็นที่สำคัญของหนังคืออย่าไปเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอดีตเพราะมันจะเกี่ยวพันถึงปัจจุบัน The Groundhog Day ถือว่าเป็นหนังคอมมิดี้ที่ทำได้สนุกมาก บิลล์ เมอร์เรย์เป็นนักพยากรณ์อากาศนิสัยห่วย เขาเป็นคนเห็นแก่ตัว ดูถูกคนอื่น ปากเสีย แล้งน้ำใจ อยู่มาวันหนึ่งเมื่อไปทำข่าวที่เมืองหนึ่ง เมื่อหมดวันตื่นขึ้นมาเขากลับพบเหตุการณ์เดิมซ้ำไปซ้ำมาทุกวัน เจอคนเดิม พูดเหมือนเดิม เหมือนเขาติดกับอยู่กับที่ เมื่อหมดหนทางขึ้นมา ด้วยความเลวของเขา เขาก็คิดจะนอนกับนางเอกด้วยวิธีการสกปรก เพราะเขารู้หมดว่านางเอกชอบแบบไหน ไม่ชอบแบบไหน ก็จะทำตัวให้นางเอกชอบเพื่อวัตถุประสงค์อันทุเรศของเขา The Sliding Door กวินเน่ห์ พรัทโทว์ เลิกงานเร็วกว่าปกติ เธอเลยต้องการทำsurprise ให้สามีโดยการกลับบ้านไม่ให้เขารู้ตัว เธอเกือบพลาดรถไฟฟ้าขบวนนั้นอย่างฉิวเฉียดพอดีกับประตูกำลังจะปิด แต่ปรากฏว่าเมื่อเธอกลับบ้านกลับพบสามีตัวเองกำลังยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น จนในที่สุดเธอเลยตัดสินใจแยกทางกับสามีตัวเอง คำถามที่หนังตั้งคือ ถ้าเธอไม่ทันรถไฟฟ้าคันนั้น ไม่ทันประตูที่กำลังปิด เธอก็ยังมีชีวิตสมรสเหมือนเดิมใช่ไหม หนังเล่นกับคำถาม If
.Cause โรเจอร์ เคอร์ทิส เป็นผู้กำกับที่แม่นยำมากในหนังเรื่องราวของความรักโรแมนติด จากผลงานที่ผ่านมา (Notting Hill, Love Actually ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะจำฉากคลาสิดของหนังเรื่องนี้ได้ที่มีชายหนุ่มยืนอยู่หน้าประตู แล้วค่อยๆเปิดเผยความรู้สึกกับแฟนคนอื่นโดยการเปิดแผ่นกระดาษทีละแผ่น) เขาเป็นเหมือนผู้กำกับที่รู้ว่าจังหวะนี้ควรจะทำอย่างไร จังหวะไหนควรจะเร่งอารมณ์รักโรแมนติดให้ฮอร์โมนมันหลั่งออกมาอย่างเต็มที่ จังหวะไหนควรใส่สกอร์แบบเอื่อยเฉื่อยหรือเร่งเร้า ฉากไหนที่ควรใส่เข้าไปในอารมณ์แบบที่คนดูต้องบอกว่า ใช่ ฉันอยากจะเป็นแบบนั้นมากๆ ดังนั้นเมื่อผู้กำกับคนนี้เล่าเรื่องโดยผสมผสานองค์ประกอบทั้งสี่หัวข้อข้างบนมารวมกัน เลยกลายเป็นหนังสุดแสนโรแมนติดที่เกี่ยวกันกับการย้อนเวลาซี่งไม่เชยเลย หนังเป็นเรื่องของชายหนุ่มอายุ 21 ปีที่ได้รับการบอกเล่าเรื่องอันพิเศษเฉพาะผู้ชายในตระกูล โดยการสามารถย้อนเวลาไปในจุดที่เขาประสพผ่านมาในชีวิตของเขาโดยการอยู่ในที่มืดเช่นตู้เสื้อผ้า (คล้ายๆซุปเปอร์แมนที่ไปอยู่ในตู้โทรศัพท์ อันนี้ล้อเลียนหรือเปล่า) สิ่งที่พระเอกต้องการคือการควานหาความรักแท้สักครั้งในชีวิต การดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้ ถือว่าลื่นไหลไปได้ดีกับบทตลกที่ทั้งเหตุการณ์เสมือนขอเทดซ้ำ และล้อเลียนกับหญิงสาวพราวเสน่ห์ที่หาความจริงใจไม่ได้ ทำให้การดำเนินเรื่องในครึ่งแรกดำเนินไปสู่จุดพีดและความอิ่มเอิบของผู้ชมจนคิดว่า ณ ระดับนี้ถ้าใครเป็นคู่รักกันก็อาจถึงขั้นตกลงปลงใจว่าอาจจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ไปรู้แล้วรู้รอด ขนาดที่คนโสดทั้งหลายก็อาจถึงจุดที่ว่า ชักอยากจะสละความเป็นโสดที่เกาะกินมานานออกไปสักที (ว่าแต่ว่าจะไปหาคนๆนั้นเจอแถวไหน) แต่ครั้งนี้เคอร์ติส มิได้เน้นเฉพาะความรักของหนุ่มสาว แต่เขายกระดับตัวเองในการเล่าเรื่องไปถึงความรักของครอบครัว ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ความรักของพี่น้อง และความรักของลูกที่มีต่อพ่อแม่ ซึ่งแน่นอนอารมณ์ที่ตอบสนองในส่วนหลังก็จะเป็นคนละอารมณ์กับส่วนแรก เพราะส่วนหลังมันเป็นอารมณ์ถึงความอบอุ่น และ อาจเป็นอารมณ์ของคนที่มีอายุถึงจะเข้าถึงอารมณ์นี้ได้อย่างสนุก ข้อเสียของหนังเรื่องนี้คือ ความที่เคอร์ติสต้องการเก็บอารมณ์ทุกเม็ดไว้ในหนัง ทำให้มันเยิ่นเย้อไป ซึ่งถ้าทำให้หนังกระชับโดยการตัดออกไปสักสิบนาทีซึ่งก็ไม่น่าจะทำให้หนังเสียหายอะไร แต่หนังจะเข้าไปถึงประเด็นในตอนท้ายๆได้เร็วขึ้น โดยภาพรวมแล้วถือว่าเป็นหนังที่ดูสนุก ลื่นไหลไปอย่างรวดเร็วตามเหตุการณ์ผสมผสานกับมุขตลก พร้อมเหตุการณ์ที่ดูลุ้นบวกกับบรรยากาศประเทศอังกฤษที่แสนจะดูดี เลยกลายเป็นหนัง Feel Good ที่คนดูต้องออกจากโรงมาอย่างมีความสุข และสมหวังกับหนังและเชื่อว่าดีวีดีหนังเรื่องนี้น่าจะขายดีอยู่ไม่น้อย (ข้อเตือนใจ ไม่ควรดูหนังเรื่องนี้เพียงคนเดียว) สามดาวครับ หมายเหตุ ติดตามเกาะกระแสออสการ์ได้ที่ facebook : All About Oscars Movie
Create Date : 02 ตุลาคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 2 ตุลาคม 2556 9:03:02 น. |
Counter : 1543 Pageviews. |
|
|
|