Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
22 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
ย้อนกลับไปหาแฮกเลอร์

           
ย้อนกลับไปเมื่อเกือบเก้าปีที่แล้ว หลังจากที่เราและคุณท่านพี่คบกันมาได้ปีกว่าๆเราสองคนก็เริ่มมีแนวคิดอยากหาภาระ่มารับผิดชอบร่วมกัน ประจวบเหมาะกับคุณท่านพี่ได้ไปต่างประเทศแล้วเห็นฝรั่งเดินจูงสุนัขพันธุ์ลาบาดอร์สีช็อกโกแลตซึ่งเค้ามาเล่าให้เราฟังว่าสีสวยมาก น่ารักเหลือเกิน อยากได้แบบนั้นบ้าง




           เลยเริ่มศึกษาหาข้อมูลรวมถึงไปดูลูกสุนัขตามที่เค้าประกาศขาย แต่ในครั้งแรกที่ไปก็ไม่ประทับใจซะแล้ว อาจเป็นเพราะครั้งนั้นไม่ได้เป็นฟาร์มแต่เป็นบ้านที่เค้าผสมขึ้นมาเองแบบบ้านๆธรรมดา รูปร่างลักษณะเลยไม่ตรงสเป็คที่เราอยากได้ อาจจะเป็นเพราะไปเห็นตัวที่สวยเลยทำให้ตั้งมาตราฐานของลูกสุนัขไว้สูง (เกินไป)



           จากนั้นก็ซื้อนิตยสารเกี่ยวกับสารพัดสัตว์เลี้ยงมาอ่านหลายเล่ม แต่มาเจอเล่มนึงที่เปิดมาต้องสะดุดกับประกาศขายลูกสุนัขอายุ 1 เดือน หน้าตาประล๊าดประหลาดแต่น่ารักเป็นที่สุด




           โทรไปสอบถามถึงรู้ว่าอยู่แถวๆบ้านเราเองนี่นา เลยขับรถหวังจะไปดู (เฉยๆ) ตัวจริงก่อนแต่ยังไม่อยากรีบร้อน แต่ก็คงเหมือนหลายๆคนที่พอไปถึงแล้วได้เห็นความน่ารักของเค้าก็อดที่จะพาเค้ามาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเราไม่ได้



ชื่อตามใบเพ็ดของลูกคือ BIG BOY OF FRIEND KENNEL



           ส่วนชื่อ แฮกเลอร์ คุณท่านพี่เป็นคนตั้งให้ตามชื่อของนักมวยผิวสีที่เค้าชื่นชอบ ซึ่งบางคนคงไม่รู้จักเวลาใครถามชื่อแล้วเราบอกไปกลับเรียกผิดเป็นฮีตเลอร์ทุกที



           แฮกเลอร์เริ่มมาอยู่กับเราตอนอายุยังไม่ถึงสองเดือน การเลี้ยงหมาเด็กเป็นอะไรที่...นรกมากๆค่ะ ไม่รู้่พันธุ์อื่นเป็นยังไงแต่สำหรับพันธุ์นี้เค้าจะบ้าพลังมาก แรงเยอะมหาศาล แถมไฮเปอร์สุดๆ และต้องคุมเค้าให้อยู่เนื่องด้วยพันธุ์นี้มีสัญชาตญาณความโหดอยู่ในตัวสูง เรียกได้ว่าแฮกเลอร์โตมาพร้อมๆกับน้ำลายเป็นฝอยของเราและรอยมือที่บรรจงฟาดไปยังร่างของเค้าเวลาที่เค้าทำผิด ส่วนคุณท่านพี่นะเหรอคะคนนั้นเค้าเลี้ยงลูกด้วยลำแข้งค่ะ



           แต่แปลกโดนคุณท่านพี่ซาดิสใส่ซะมากมายแทนที่เค้าจะเกลียดขี้หน้ากลับกลายเป็นว่าคุณท่านพี่เป็นคนที่ลูกรักมากที่สุดเข้่าทำนอง ทั้งรัก ทั้งกลัว ทั้งหวง ทั้งบูชา (55555 ว่าไปนั่น)



           กว่าแฮกเลอร์จะเริ่มนิ่งก็ช่วง 3-4 ปีหลังนี่เองค่ะ (เิริ่มแก่) ผลของการฝึกสอนไม่ตามใจ จะมาเห็นเด่นชัดก็ตอนนี้สังเกตได้ว่าเค้าจะเชื่อฟังคำสั่ง ไม่ดื้อ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้เร็ว จดจำพฤติกรรมที่ไม่ควรทำได้ดี



           และเนื่องด้วยแฮกเลอร์เป็นบลูเทอเรียสีขาวซึ่งเป็นสีที่ด้อยที่สุดในบรรดาทุกสีของพันธุ์นี้ จึงทำให้เค้ามีโรคประจำตัว (ของสายพันธุ์) คือภูมิแพ้ที่เด่นชัดมากๆ โดยเฉพาะผิวหนังที่โดนอะไรนิดหน่อยก็จะขึ้นตุ่ม เป็นแผลตกสะเก็ด เรียกได้ว่าตลอดช่วงอายุของลูกจะวนเวียนอยู่กับการรักษาอาการทางผิวหนังตลอดเวลา อิอิ ผิวบอบบางแพ้ง่าย...คุณชายสุดๆ



           แฮกเลอร์ย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่ได้เกือบสองเดือนแล้ว (เริ่ม 30/9/53) จากที่เค้าเคยอยู่แต่ในห้องแคบๆ (อพาร์เม้น) มีพื้นที่จำกัด มาเป็นบ้านเดี่ยวที่มีอาณาบริเวณกว๊างกว้าง ดูเค้าจะตื่นตาตื่นใจ (แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความกลัว) มากค่ะ และผลจากการเดินมากทำให้ขาของเค้าเริ่มบวมจนเดินไม่ไหวต้องพาไปหาคุณหมอบ่อยๆ



           ขาบวม-เดินกระเผก-หาหมอ-ทานยา-หาย-วิ่งเล่น.....ขาบวม-เดินกระเผก-หาหมอ-ทานยา-หาย-วิ่งเล่น (จะวนเวียนแบบนี้ตลอด) และในช่วงที่อากาศเริ่มเย็นลงก็จะมีไข้ตัวร้อนขึ้นมาเสริม เมื่อพาไปหาคุณหมอท่านก็เริ่มสงสัยว่าจะเป็นหัดรึเปล่าจึงทำการเทส ซึ่งผลก็คือไม่เป็นอะไร แต่ลูกไม่ได้ตรวจเลือดเพราะก่อนที่จะมาอยู่บ้านใหม่ประมาณ 1 เดือนลูกได้รับการตรวจไปแล้วซึ่งผลก็ออกมาว่าทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดี




~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


วันสุดท้าย




           ช่วงวันอาทิตย์ที่ 14พย53 แฮกเลอร์ยังคงคึกคัก แถมตื่นเต้นดีใจเพราะคุณแม่ของคุณท่านพี่พาน้องหมาชิสุมาที่บ้านใหม่ด้วย ท่าทางลูกอยากเข้าไปหาไปเล่นด้วย แต่ถูกกีดกันไว้เนื่องจากกลัวว่าประวัติศาตร์ (การกัด) จะซ้ำรอย แต่พอตกดึกลูกเริ่มตัวร้อน (อีกแล้ว) เราให้ทานยาลดไข้แล้วเช็ดตัวให้



           เช้าวันจันทร์ที่15พย53 เราลงมาจากบ้านเห็นแฮกเลอร์นั่งหอบอยู่ในกรงข้างตัวมีกองเศษอาหารที่เค้าอาเจียนทิ้งไว้ เรารีบเปิดกรงดูอาการแฮกเลอร์ยังคงเดินได้อยู่ แต่พอเดินไปฉี่ปุ๊บก็มาลุ้มตัวลงนอนที่ชานหน้าบ้าน (ที่ประจำ) อย่างอ่อนแรง



           เรารีบโทรบอกคุณท่านพี่ให้มาดูอาการพอคุณท่านพี่มาถึงก็รีบพาลูกไปหาคุณหมอตรงโรงพยาบาลสัตว์ที่ใกล้บ้านที่สุด พอไปถึงคุณหมอตรวจดูหัวใจพบว่าลูกหัวใจเต้นช้ามาก มีไข้สูงมาก อาการทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์แย่จนคุณหมอต้องให้น้ำเกลือและอ๊อกซิเจน



           ปัญหาหลักในตอนนี้คือต้องพยายามลดไข้ของลูกให้ได้ คุณหมอบอกต้องรอดูอาการ คุณท่านพี่เลยขับรถมาส่งเราที่บ้านเพื่อเอารถอีกคันนึงออกไป คือเราต้องแบ่งหน้าที่กันในวันนี้ คุณท่านพี่ไปทำงานส่วนเราอยู่เฝ้าลูก


           ระหว่างขับมาบ้านคุณท่านพี่เปรยว่า "สงสัยถึงเวลาของเค้าแล้ว" ตัวเรายังแอบเคืองแล้วบอกเค้าไปว่า "ไม่จริงหรอก" พอขับมาถึงหน้าบ้านคุณหมอก็โทรเข้ามาให้เรารีบกลับไปดูอาการลูกเพราะเค้าเกิดอาการช็อคและหยุดหายใจ พอไปถึงลูกยังอยู่..คุณหมอพาลูกกลับมาหาเราได้สำเร็จ ตอนนี้ไข้ของลูกยังคงสูงอยู่ คุณท่านพี่สอบถามคุณหมอว่า



ถ้าไข้สูงกว่านี้ลูกจะคุมตัวเองไม่อยู่ใช่มั๊ย?

เค้าจะร้องครวญครางและทรมานไม่ได้สติใช่มั๊ย?

อวัยวะภายในจะเริ่มดับใช่มั๊ย?




           ที่ถามแบบนี้เพราะตัวเค้าเองมีประสบการณ์ (ที่เราไม่มี) คล้ายๆกันกับสุนัขสองตัวที่เค้าเคยเลี้ยงมา คำตอบที่ได้รับจากคุณหมอคือ "ใช่" คุณท่านพี่จึงบอกว่าเค้าไม่อยากให้ลูกถึงจุดนั้น เค้าไ่ม่ต้องการให้ลูกทรมาน ...คุณหมอเข้าใจค่ะแต่คุณหมอสู้มากๆและขอเวลา 30 นาทีเพื่อทำให้ไข้ของลูกลดลงให้ได้


           ตอนนี้คุณท่านพี่ไม่อยู่ที่ห้องแล้วเข้าใจค่ะการทำใจรับสภาพของลูกแบบนี้มันทรมานมากๆ เมื่อคุณท่านพี่ไม่อยู่คุณหมอหันมาถามเราว่า "คุณแม่คิดแบบคุณพ่อมั๊ย" เราได้แต่สั่นหัว คุณหมอว่า "ดีค่ะ" แล้วหันไปปลอบใจลูกให้เค้าสู้ๆ



           แล้วคุณหมอก็ทำสำเร็จค่ะ ลูกชายของเราไข้ลดลงมาเรื่อยๆจนน่าพอใจ ความหวังของเราก่อตัวเพิ่มมากขึ้น เราและุคุณท่านพี่จึงขอไปทานข้าวแล้วเลยไปไหว้พระขอพรท่านให้ช่วยลูกชายของเรา แต่พอกลับมาที่โรงพยาบาลก็ได้ทราบข่าวร้ายว่าลูกชายเราเค้าไปอีกแล้วแต่คุณหมอก็ช่วยกลับมาได้ อีกแล้วเหรอ??กำัลังใจที่เริ่มสูงขึ้นกลับลดฮวบลงอีกครั้ง



           เรายังคงเฝ้าดูลูกอย่างใกล้ชิดแต่คุณท่านพี่จะมาๆหายๆ เค้าอยู่ได้ไม่นานค่ะเพราะเค้าร้องไห้หนักมากๆ แฮกเลอร์ยังมีสติรู้ตัว พอเ้ค้ามีแรงขึ้นมาหน่อยก็เ้ริ่มปฏิเสธอ๊อกซิเจนและพยายามจะลุกยืน ลูกเข้มแข็งอดทนมากๆ ส่วนตัวเราเองยังคงมีความหวังตลอดเวลา


           ช่วงนี้ลูกหยุดหายใจเป็นครั้งที่สาม และ สี่ ตอนนี้สมองเราเริ่มไม่สั่งงานคุณหมอเริ่มให้เราเข้าไปใกล้ๆลูกไปพูดคุย เรายังคงดื้อดึงแล้วบอกลูกให้ลูกสู้ๆถ้าหายเราจะได้กลับบ้านด้วยกัน เราขอบคุณลูกที่ทำให้ชีวิตของเรามีความสุขเหลือเกินในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราพูดอะไรไม่ได้มากค่ะมันตื้อไปหมดเลย



           เวลาผ่านไป...ตอนนี้เพื่อนๆในกลุ่มเริ่มมาหาที่โรงพยาบาล แฮกเลอร์คงจะดีใจเพราะเป็นคนที่แฮกเลอร์เคยเจอเคยเล่นด้วยเมื่อตอนเค้าเด็กๆ คุณหมอยังบอกกับลูกเลยว่า "สู้ๆนะมีคนมาให้กำลังใจเยอะเลย"


           ผ่านไปครึ่งวันแฮกเลอร์ได้รับน้ำเกลือในปริมาณที่มากพอที่จะฉี่แต่ลูกไม่มีทีท่าว่าจะฉี่เลย เราพยายามลุ้นมากๆจนสุดท้ายคุณหมอจำเป็นต้องสวน ซึ่งก็พบว่าฉี่ที่ดูดออกมามีปริมาณที่น้อยมากๆ สัญญาณอัีนตรายเิริ่มเกิดขึ้นอีกแล้ว ไตของเค้าเิรี่มไม่ทำงาน!!!


           คุณท่านพี่เดินเข้ามาในห้องเป็นจังหวะที่ลูกเริ่มจะหยุดหายใจ (อีกแล้ว) คุณท่านพี่เรียกเราให้เข้าไปหาเพื่อออกมาจากจุดนั้น พร้อมบอกคุณหมอว่า "ปล่อยให้เค้าไปเถอะครับ".......เราเริ่มสติแตก.......เสียงเพื่อนแว่วมาว่าลูกจากไปแล้ว.......เราเริ่มร้องไห้หนัก



           คุณท่านพี่ถามหมอไปว่าเค้าทรมานมั๊ย คุณหมอบอกว่า "ไม่" ...ตอนนี้เราได้แต่พูดคำเดิมซ้ำๆว่า "ไม่อยากจะเชื่อเลยๆ" คุณท่านพี่พยายามปลอบและบอกว่าเราว่าต้องเดินหน้ากันต่อไป และคำพูดอีกสารพัดซึ่งตอนนั้นเราไม่ฟังอะไรแล้วมันมีแต่ความว่างเปล่า เบลอ สติเลื่อนลอย น้ำตาไหลตลอดเวลา


           ตอนนี้เพื่อนเริ่มถามว่าเราจะเอาลูกไปที่วัดมั๊ย? เรารีบปฏิเสธแล้วบอกว่า "เราจะพาเค้ากลับบ้าน" แต่ซึ้งในน้ำใจเพื่อนเหลือเกินในเวลาที่เราสองคนหัวใจสลายเช่นนี้ยิ่งเห็นได้ชัดเ้จนว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีหลงเหลืออยู่ มีเพื่อนๆคอยอยู่เคียงข้าง



           สุดท้ายลูกก็ไม่ได้ไปไหนค่ะ เค้าจะอยู่ที่บ้านของเราตลอดไปและที่สำคัญเค้าจะอยู่ในใจเราเสมอ เพื่อนๆถามเราสองคนว่าจะเลี้ยงหมาอีกมั๊ย คุณท่านพี่ว่าไม่ แต่เราคิดตรงข้ามค่ะ เราจะเลี้ยงอีกแน่นอนเพราะเค้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์จริงๆ


           ช่วงค่ำคุณหมอโทรศัพท์มาบอกผลเลือดของลูกที่ส่งไปที่ห้องแลป คุณหมอบอกอะไรเกี่ยวกับเม็ดเลือดขาวซึ่งเราจำไม่ได้แม่น แต่ที่เด่นชัดคือลูกมีพยาธิในเม็ดเลือด สาเหตุหลักมาจากการที่โดนเห็บที่มีเชื้อกัด



           แปลกใจเหมือนกันลูกเราช่วงหลังไม่มีเห็บที่ตัวเลย แต่จะไปสงสัยก็ใช่เรื่องในเมื่อผลตรวจออกมาแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องคิดสงสัย ลูกจากไปแล้วคือจบ คุณหมอก็เต็มที่กับลูกเรามากๆ ขอขอบคุณคุณหมอมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ





~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



           แต่สุดท้ายที่ลืมไม่ได้คือขอบคุณเพื่อนๆในกลุ่มรวมถึงเพื่อนๆชาว bloggang สำหรับกำลังใจที่มอบให้ในยามทุกข์เช่นนี้ คุณค่าของความห่วงใยมีความหมายเหลือเกินค่ะ คอมเม้นและคำปลอบโยนทุกๆข้อความมีส่วนช่วยเราได้มาก


           และสุดท้ายจริงๆขอขอบคุณคุณท่านพี่ที่อยู่เคียงข้างเราเสมอ รักและเข้าใจเราทุกอย่าง ที่สำคัญเราต้องต้องขอโทษที่ทำตัีวให้พี่เป็นห่วง อาการของเราคงแย่มากจนพี่ไม่สบายใจ นู๋แอนขอโทษนะคะ ณ ตอนนี้พยายามไม่นึกถึงลูกมากนักซึ่งช่วยได้มากและเวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่านี้ค่ะ นู๋แอนสัญญาว่าจะกลับเป็นคนเดิมในเร็ววันค่ะ








Create Date : 22 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 19 สิงหาคม 2554 13:58:37 น. 28 comments
Counter : 1994 Pageviews.

 
หาตัวแทนของเจ้าแฮคเลอร์มาดูแลได้แล้วละครับ
จะได้หายเศร้าไง..อืมม.....เมื่อคืนไปลอยกระทงมั้ยนั่น
..............................................
Photobucket
แม้แสงจันทร์ส่องสว่างราวทิวา
แต่ใจข้ามืดมอดมิปลอดโปร่ง
หรือความทุกข์เหงาเศร้าเข้าอยู่โยง
ลอยกระทงหลงคอยอย่างน้อยใจ

กลุ่มใกล้ใกล้เขาสุขสนุกนัก
เหมือนคนรักร่วมคู่ดูยังใหม่
เขาหยอกหญิงวิ่งไล่ไม่อายใคร
จนแกนในส้นรองเท้าเจ้าหักลง
………………
สวัสดียามค่ำครับหนูแอน


โดย: panwat วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:31:22 น.  

 
สวัสดีตอนเย็นค่ะ..คุณแอน

อ่านแล้วน้ำตาจะไหล รู้ถึงความรู้สึกเลยค่ะ แต่แฮกเกอร์ก็ยังอยู่ในใจคนในบ้านเสมอนะคะ เหมือนบ้านติกเลย น้องกุ้งกิ้งก็ยังอยู่ในใจทุกคนในบ้านเสมอ (น้องกุ้งกิ้งเสียเพราะเป็นมะเร็งค่ะ ติกยื้อชีวิตเค้ามาได้อีก 1 ปี หลังจากที่รู้)


โดย: nootikky วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:40:49 น.  

 
สวัสดีจ้ะแอน
แฮกเลอร์เข้มแข็งนะ
เค้าจะอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป

ถ้ามีสมาชิกใหม่อย่าลืมรีบเอารูปมาอวดเลยนะจ๊ะ

เมื่อคืนได้เห็นพระจันทร์มั้ย สวยมากๆเลย
คืนนี้น่าจะยังมีอยู่ ดวงใหญ่กว่าหน้าเก๋อีก ฮิๆ


โดย: sea_story วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:57:42 น.  

 
อิอิ ขอบคุณครับ ที่แวะไปทักทายยยกัน


โดย: boyalonejang วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:37:35 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับกับ แฮกเลอร์.......เข้าใจความรู้สึกเลยนะเพราะก็เคยเป็นเหมือนกันครับความเสียใจแบบนี้


โดย: Thandagra วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:50:23 น.  

 
เศร้าจัง เลี้ยงดูมาตั้งเกือบ 9 ปี ก็คงรักเหมือนลูกแหละ
แต่หนูแอนมาเล่าได้แบบนี้แสดงว่าจิตใจดีขึ้นแล้วเนอะ
สบายใจแล้วก็หามาเลี้ยงใหม่นะจ๊ะ จะได้ไม่เหงา

ที่บ้านเลี้ยงไม่ได้เพราะไม่มีคนดูแล
ถ้าไม่มีเวลาให้เค้าก็อย่าเลี้ยงซะดีกว่า สงสารน้องหมาเนอะ


โดย: รุ่นป้าหน้าใส วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:15:31 น.  

 
เข้มแข็งนะคะ


โดย: Aniruch_j วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:42:48 น.  

 
เข้ามาร่วมส่งแฮกเลอร์ไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่าครับน้องแอน

อย่างน้อยที่สุดมันคงรับรู้ได้เสมอว่าน้องแอนได้ดูแลอย่างดีที่สุดแล้ว
จนถึงวินาทีที่แฮกเลอร์จากไป




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:6:27:55 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยค่ะคุณแอน..

เก็บความทรงจำที่ดี ๆ ที่มีแฮกเลอร์ไว้นะคะ เชื่อว่าแฮกเลอร์จะยังอยู่ในหัวใจคุณแอนและคุณแฟนตลอดไปค่ะ


โดย: i'm not superman วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:7:02:59 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะพี่แอน

แฮกเลอร์ไปสบายแล้วนะค่ะ ไม่ทรมานอีกแล้วค่ะพี่แอน

เป็นกำลังใจให้เสมอนะค่ะ

แฮกเลอร์อยู่ในใจพี่แอนและคุณท่านพี่เสมอค่ะ


โดย: reception hall วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:27:15 น.  

 
ภาพตอนฝังน้องหมา ดูเศร้าใจจังเลยค่ะพี่แอน

ความทรงจำอยู่ในภาพเหล่านั้น จริงๆ

เข้มแข็งนะคะพี่แอน เข้มแข็งไว้

เขาจะยังอยู่ในใจของพวกเรา ตลอดไป


โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:26:07 น.  

 
อย่าคิดมากนะคะ เขาไปสบายแล้ว อย่างที่พี่บอก เขาไปเกิดใหม่ที่ภพชาติที่ดีกว่าเดิมนะ อย่างที่เขาว่า การตายคือการหมดกรรม เราหมดกรรมแล้ว เราซะอีกยังมีกรรม สู้ๆๆ


โดย: เอื้องผึ้งจันทร์ผา วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:39:45 น.  

 
พยามยามกลั้นน้ำตาไว้แต่มันก็ไหลออกมา


โดย: ชมชล วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:04:35 น.  

 
นู๋แอนพี่เล็กแวะมาทักทายยามสายค่ะ วันนี้เป็นบทสรุปบันทึกเหตุการณ์การจากไปของแฮกเลอร์ ทำให้พี่เข้าใจความรู้สึกของนู๋เพิ่มขึ้น หวังว่าตอนนี้นู๋แอนคงดีขึ้นบ้างแล้วนะคะ


โดย: หญิงแก่น วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:39:04 น.  

 
แฮกเลอร์ เป็นนักสู้สมกับชื่อจริงๆ ค่ะ


โดย: กระติ๊บริมทาง วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:03:11 น.  

 
มาสวัสดีตอนบ่ายๆจ้า
แอนคงทานข้าวกลางวันแล้วนะ
แฮกเลอร์เป็นเด็กดีก็จะได้ไปอยู่ในที่ดีๆแน่นอนค่ะ

แปลกดีเนอะทำไมม๋าน้อยชอบกินตับย่างกันทุกตัวเลย
สงสัยมันอร่อยโดนใจ

มายิ้มๆให้นะจ๊า


โดย: sea_story วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:52:16 น.  

 
หวัดดีจ้าเอาเรื่องเศร้ามาฝากเลยนะ.. ไม่เป็นไรสู้ๆๆ


โดย: NucH (sa-bye-sa-bye TEAM ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:39:46 น.  

 
สวัสดีครับคุณแอน..

แวะมาอ่านแล้วเห็นความผูกพันธุ์ของเจ้าแฮกเลอร์ กับ ครอบครัวคุณแอนเลย
น่าใจหายจริงๆ ที่สมาชิกขาดหายไป...

แต่ผมเชื่อว่ามันช่วงเวลาดีๆที่ผ่านเข้ามา
ขอให้จดจำช่วงเวลานี้ใว้แล้วก้าวเดินต่อไปนะครับ..

ผมเชื่อว่าส่ิงดีๆยังคงรอเข้ามาสู่ครอบครัวนี้อีกแน่นอนครับ..




โดย: Little Knight วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:59:40 น.  

 
แอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

พี่เอกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เก็บความทรงจำดีดีไว้นะคะ


โดย: APPLEAIR วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:26:49 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยนู๋แอน
แต่สู้ๆนะจ๊ะ ถ้าแฮกเลอร์รู้ว่าการจากไปของเค้า
ทำให้นู๋แอนร้องไห้ เค้าคงจะเสียใจนะ
นู๋แอนต้องยิ้มไว้จ๊ะ เค้าจะได้จากไปแบบสบายใจ


โดย: Noon_rinz วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:22:53 น.  

 


เศร้า
บรรยายไม่ถูก

เสียใจ
ไม่รู้ว่ามากแค่ไหน
แต่ต้องผ่านมันไปให้ได้นะแอน
แค่เห็นในภาพ
อ่านในเรื่อง
ยังร้องไห้ตามเลย


โดย: ปันฝัน วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:58:42 น.  

 

..................
ร้อนจริงๆครับวันนี้
สวัสดียามดึกครับคุณนู๋แอน


โดย: panwat วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:20:20 น.  

 
หวัดดีครับคุณแอน

อ่านแล้วก็พูดไม่ออก ได้แต่ลุ้นว่าเค้าจะกลับมาได้

เข้าใจความรู้สึกครับ เพราะถ้าเป็นคนที่รักสุนัขแล้ว คงจะเคยพบเจอกับความรู้สึกแบบนี้ ไม่รู้จะพูดหอรืปลอบใจอย่างไรจริงๆ

ขอเป็นกำลังใจให้คุณแอนและแฟนนะครับ เชื่อว่าอย่างไรแล้ว แฮกเลอร์ ก็จะอยู่ในความทรงจำของคุณทั้งคู่ตลอดไปครับ

ฝันดีนะแฮกเลอร์


โดย: Tonno วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:26:45 น.  

 
น้องแอนคะโรงพยาบาลสัตว์ก.ม. 8 จะเปิด 24 ช.ม ค่ะ เป็นเจ้าของเดียวกับโรงพยาบาลสัตว์คู้บอนค่ะ เวลาพี่พาพรรคพวกไปหาหมอก็จะไปที่ กม.8 ค่ะ เพราะโดยมากจะไปกลางคืน และมีหมอเยอะกว่าที่คู้บอน แต่เสียตรงที่จอดรถไม่มีต้องไปจอดหน้าแบงค์กรุงศรีแล้วอุ้มเค้าไป ที่คู้บอนจะสะดวกเรื่องที่จอดรถ แต่โดยรวมพี่ชอบที่กม.8


โดย: ชมชล วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:48:42 น.  

 


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:54:26 น.  

 
เข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียเลยจ้ะนู๋แอน

บีเอง....ตอนแรกเลี้ยงแมว รักมากกก สุดๆ อ่ะ

นอนด้วยกันทุกวัน ติดกันเป็นตังเม วันนึงเค้าหายไป

พี่ชายบอกว่า เค้าถูกกัดตาย .... โห แบบใจสลาย

ทำใจไม่ได้เลย ร้องไห้เสียสติ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ไม่เลี้ยงแมวอีกเลย

..... ต่อมา คุณแฟนซื้อหนูแฮมสเตอร์มาให้บีเลี้ยงอีก 2 ตัว

(ไม่ยอมเลี้ยงแมว เลยให้เลี้ยงหนูแทน ดูคุงแฟนบีจิ ประชดเก่งนัก)

ตอนแรกบีไม่อยากเลี้ยงเลย เพราะกลัวรัก กลัวผูกพัน

ยิ่งหาข้อมูลแล้วรู้ว่า หนูแฮมมีอายุสั้นประมาณ 2 ปีเท่าน้นเอง

ไม่อยากเลี้ยงเด๋วใจสลายอีก แต่เห็นหน้าตาเค้าแล้วอดใจไม่ได้ง่ะ เลี้ยงจนได้ เค้าติดบีอีกตะหาก

แล้วซนมากๆ จนวันนึงบีตื่นมาดูลูกแต่เช้า ลูกของบีกลายเป็นค้างคาว

เพราะขาเค้าติดกับกรง นอนห้อยหัวทั้งคืน

รีบพาไปหาหมอ หมอบอกว่า กระดูกแตกต้องตัดขา

โหย ใจบีหล่นไปอยู่ตาตุ่มเลยอ่ะ ไม่ตัดไม่ได้เพราะเค้าจะติดเชื้อ

และหมอก้อไม่การันตีด้วยนะ ว่าเค้าจะปลอดภัยมั๊ยตอนที่ผ่าตัด

เพราะนู๋แฮมตัวเล็กมาก ต้องใช้วิธีรมยาสลบ แล้วไม่แน่ใจว่าเค้าจะฟื้นอีกหรอป่าว

แต่ยังงัยก้อต้องส่งเค้าเข้าห้องผ่าตัดอยูดี

ดีกว่าปล่อยให้เค้าขาติดเชื้อแล้วจากเราไปเลย

ช่วงที่เค้าเข้าห้องผ่าตัด บีนั่งร้องไห้ตลอดสองชั่วโมงอ่ะนู๋แอน

จนคุณแฟนสงสารแต่ไม่รู้จะทำงัย แล้วในที่สุดเค้าก้อปลอดภัย

เป็นอ้ายสามขา ซ่าส์ได้เหมือนเดิม

เค้าเพิ่งจากบีไปไม่นานนี้เอง อายุเกือบ 4 ปีแน่ะ

ตอนที่เค้าจะจากบีไป บีไปเที่ยวต่างจังหวัด ฝากที่บ้านแม่ดูแลลูกให้

พอกลับมาถึงบ้าน วางกระเป๋าปุ๊บ วิ่งไปอุ้มลูกก่อนเลย

เค้ายังทักทายบีอยู่เลยนะ แต่เท้าเค้ากอดบีแน่น (เท้า 3 ขาของเค้าอ่ะแหล่ะ)

บีก้อเลยอุ้มเค้าติดมือ เดินในบ้านไม่ถึงสิบนาที

เค้ากระตุกแล้วนอนนิ่งไปเลย บีสติแตกเลยตอนนั้น

ที่บ้านบอกว่า เค้าคงรอบีกลับมาน่ะ ถึงได้ลาไป

และตั้งแต่นั้นมา บีไม่ยอมเลี้ยงอะไรเป็นของตัวเองอีกเลย

บีกลัวการพลัดพรากน่ะนู๋แอน เข้าใจคุณพี่ของนู๋แอนเลยว่ารู้สึกอย่างไร

สู้ สู้ นะคุณเพื่อน กำลังใจมาไวไวเน้อ


โดย: chicken demon วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:2:02:50 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาไหล
รู้สึกเช่นเดียวกับนู๋แอนเลยเข้าใจนะเข้าใจ..ขนาดเราไม่ได้เลี้ยงเป็นของตัวเองจริงจัง แต่พอเค้ามาจากไปนอนไม่หลับหลายวัน...คิดวนเวียนถึงแต่เค้า
เวลาช่วยได้นะแอน สู้ๆนะจ๊ะ


โดย: กาแฟ..เหมียวอ้วน วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:55:34 น.  

 
ยังไงก็ไม่มีใครมาแทนเค้าได้ ใจหายไปเลย
เข้มแข็งนะค่ะ
ไม่ได้เล่นพักใหญ่ เคยส่งขอความมาส่งนอนด้วยจำได้ไหม หลับให้สบายนะลูกชาย


โดย: meetkun วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:11:28:18 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หัวใจแก้ว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add หัวใจแก้ว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.