|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
การประกันชีวิตกับคนไทย
ว่างๆ ไม่มีไรทำ เลยเขียน blog ดูมั่งดีก่า แต่พอมานั่งเขียนจริงๆ กลับนึกไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี ..... งั้นเอางี้ละกัน ไหนๆก็ทั้งเรียนทั้งทำงาน ด้านนี้แล้ว ลองเขียนเรื่องเกี่ยวกับงานที่ทำดีก่า เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอ่านบ้างไม่มากก็น้อย
การประกันชีวิตกับคนไทย ที่เขียนเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากลองเขียนดู เพราะเรื่องนี้ผู้เขียนน่าจะมีข้อมูลมากที่สุดแล้ว แม้จะไม่ถูกต้อง 100% แต่ก็อยู่ในระดับที่เชื่อถือได้ละกัน ปัจจุบันการประกันชีวิตของคนไทยยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างน้อยมากคือ มีคนไทยเพียง 20 30 %เท่านั้นที่ทำประกันชีวิตแล้ว แล้วจะเท่าประกันชีวิตไปทำไม? มีบ้างคนถามคำถามนี้ ผมเลยต้องตั้งคำถามกลับไปว่า งั้นคุณมีภาระครอบครัวหรือไม่ เสียภาษีมั้ย มีการลทุนเพื่ออนาคตไว้บ้างหรือปล่าว มีสวัสดิการักษาพยาบาลหรือยัง แล้วตอนแก่จะเอาเงินที่ไหนใช้ ..... ซึ่งเป็นคำถามที่มกจะได้ยินเสมอๆ แต่ไม่รู้ว่ามีสักกี่คนที่ได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องแบบนี้ งั้นถ้าสนใจแล้วจะเลือกทำประกันชีวิตแบบไหนดีละ? เป็นคำถามที่ต้องย้อนไปถามตัวเองก่อนว่า ตัวเองต้องการอะไร มีภาระบ้างมั้ย ซึ่งผมจะยกตัวอย่างสำหรับคนที่ควรทำประกันชีวิตไว้คร่าวๆละกัน ประเภทแรก หัวหน้าครอบครัว คนนี้เป็นคนที่ควรทำประกันชีวิตที่สุด เพราะเป็นผู้นำครอบครัว หากเป็นอะไรไป แล้วคนข้างหลัง ลูก เมีย จะอยู่กันอย่างไร (ผมไม่ได้แช่งนะ) แบบประกันชีวิตที่แนะนำคือ แบบตลอดชีพ เป็นแบบที่รับความคุ้มครองชีวิตของผู้ซื้อไปตลอดชีวิต ชำระเบี้ยประกันภัยรายปี มีให้เลือกหลากหลายบริษัท เลือกเอาว่าอยากชำระสั้น ไม่เกิน 10 หรือ 20 ปี จะมีเยอะ หรือจะเลือกแบบ ชำระเบี้ยยาวจนตลอดชีพก็ได้ (แต่ไม่แนะนำแม้เบี้ยจะถูกกว่า แต่ต้องจ่ายยาวเกินไป) แบบประกันแบบนี้ เน้นที่ความคุ้มครองชีวิตเป็นสำคัญ ดังนั้นเบี้ยปรธกันชีวิตจะค่อนข้างถูก โดยจะยกตัวอย่างบริษัทผม ชำระเบี้ย 20 ปี จะอยุ่ที่ประมาณ 1.9 8.4 % ของทุนประกันภัยที่ซื้อต่อปี ขึ้นอยู่กับอายุ และเพของผู้ซื้อ ยิ่งซื้ออายุยังน้อยก็ยิ่งถูก แถมเบี้ยประกันภัยที่จ่ายไปแต่ละปียังสามารถเอาไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย โดยแบประกันแบบนี้ส่วนมากผู้ซื้อทำไว้เพื่อคนอื่นตัวเองคงไม่ได้ใช้เงินจากแบบประกันนี้แน่ๆ ประเภทที่สอง สำหรับบุคคลทั่วไป ต้องดูว่าความต้องการของคุณ คืออะไร อย่างเช่น ต้องการออมเงินเอาไว้ใช้สักก้อนยามเกษียณ หรือ ต้องการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ หรือ ต้องการหักลดหย่อนภาษี แต่ละบริษัทก็จะมีแบบประกันที่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นประกันแบบสะสมทรัพย์ ซึ่งจะมีทั้งแบบระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวให้เลือก โดยมีห้เลือกทั้งแบบ มีเงินคืนระหว่างปี หรือไม่มีเงินคืนระหว่างปีแต่ไปรับเงินเมื่อครบสัญญาก้อนเดียวก็มี ซึ่งแบบสะสมทรัพยนี้ จะเป็นแบบที่การรันตีปลตอบแทนหากอยู่ครบสัญญา ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับ จะอยู่ในช่วง 0.5 4% ต่อปี (แต่ต้องอยู่ครบสัญญานะ) ซึ่งบางแบบก็ลดหย่อนภาษีได้ด้วย บางแบบก็ลดหย่อนภาษีไม่ได้ตามกฎใหม่ของกรมสรรพากร ถ้าอยากทราบก็ลองถามคนขายดู และจะมีบางแบบที่ออกมาเพื่อลดหย่อนภาษีด้วย ซึ่งแบบนี้จะไม่เน้นความคุ้มครองชีวิตมากนักแต่จะไปเน้นที่การออมมากกว่า ยิ่งถ้านำมาหักลดหย่อนภาษีด้วยแล้วยิ่งทำให้มีผลตอบแทนที่สูงขึ้นมาอีก แต่มีข้อแม้ว่า แบบที่ลดหย่อนภาษีนี้จะให้ประโยชน์สูงสุดที่เบี้ยประกันภัยไม่เกิน 100,000 บาทเนื่องจากเบี้ยประกันชีวิตที่ลดหย่อนภาษีได้นั้นสูงสุดที่ 100,000 บาท อย่างของบริษัทผมนี่ ถ้าทำไม่เกิน 100,000 แล้วฐานภาษี 37%นี่คิดเป็นผลตอบแทนต่อปีสูงถึง 8 9% เลยทีเดียว
Create Date : 13 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 13 กรกฎาคม 2552 11:16:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 406 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|