IN MEMORIAM
<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 ตุลาคม 2552
 
 
"เร่ขายฝัน...รีบ ๆ มาเอาฝันไป ไป ไปทำให้เห็นจริง ฝันไม่เสร็จอย่าทิ้ง ไว้ตามริมทาง"

อารัมภบท

อีก 3 รอบการแสดง "เดอะเลเจนด์ ออฟ เร่ขายฝัน เฉลียงเดอะมิวสิคัล” ก็จะหมดเวลาเร่ขายฝันบนเวที M Theatre แล้ว
เชื่อว่า 10 กว่ารอบของการแสดง ก็คงได้เร่ขายฝัน ไปสู่ผู้ชมได้ไม่น้อย
ส่วนตัวเป็นแฟนเก่าของเฉลียงมาตั้งแต่เที่ยวละไม “…เอาตูดแช่น้ำแล้วเดินต่อไป..."
แต่ตอนนั้นเฉลียงมาอยู่ผิดที่ไปหน่อย (อย่างที่พันหนึ่งบอก ^^)
เพราะยุคนั้นเป็นยุคของเพลงรักหวานแหว๋วครองใจวัยรุ่น
จากชุดแรกได้ฟังตอนเรียนมหาวิทยาลัย มาฟังชุดสองอีกทีก็จบไปทำงานอยู่ไกลในชนบทแล้ว
“อื่นๆอีกมากมาย” เป็นเทปที่เปิดฟังไป เล่นกีตาร์ตะโกนร้อง “รู้สึกสบายดี” ไป ท่ามกลางความเงียบของบ้านพักในโรงพยาบาล
วันไหนไม่มีอะไรกิน เพราะขี้เกียจเข้าตลาด ก็ได้กล้วยที่ชาวบ้านเอามาฝาก ประทังหิว “เพราะ...มันไม่มีกระดูก”
และ “เอกเขนก” ตามมาติดๆ ร้องไป เล่นกีตาร์ไป “เร่ขายฝัน” ทุกเย็น มื้อไหนมีไข่เจียว (บ่อยครั้ง) “ฉันเติมอะไรในไข่...”
คืนไหนนอนดูดาวบนแคร่หน้าบ้านพัก “เอกเขนก” จนรู้สึกว่าผมเริ่มจะเปียกแล้วถึงเข้านอน
คืนไหนหิ่งห้อยบินโชว์แสงวิบวับวิบวับ ลองจับมาดูเล่นแล้ว..ก็ปล่อยไป...เผื่อ “..นอนคืนนั้นจะฝันดี…”
ช่วงเย็นหน้าหนาว “ลมพาเกสรปลิวว่อนอีกไม่ช้ารอก่อน เกิดดอกไม้ชื่นชม...” ยังเป็นเพลงปลุกปลอบให้มีพลังใจทำงานในที่เหนื่อยยากได้เสมอ
คงต้องขอบใจน้องๆที่แวะมาเรียนรู้และฝึกงาน และทิ้งหนังสือเพลง “สลึง” ไว้เป็นที่ระลึก
มีแต่คอร์ดเพลงที่ชอบๆทั้งนั้น โดยเฉพาะรวมเพลงของ “เฉลียง” ไว้ด้วย

จะว่าไปแล้ว “เฉลียง” เป็นวงดนตรีวงแรกในชีวิตที่ยอมควักสตางค์ซื้อตั๋วคอนเสิร์ตดู เมื่อครั้งเฉลียงออกทัวร์ต่างจังหวัด
เล่นดนตรีกันในโรงภาพยนตร์เก่าโทรมๆแบบ ยุงก็เยอะ แมลงสาปก็แยะ แต่สนุกกับเพลงและ talk show มากมาย
และนับจากนั้นกว่า 30 ปี ถึงได้มาเสียเงินดูคอนเสิร์ตอีกครั้ง ก็เพราะเด็ก AF นี่แหละ (เสียคนแก่ 555+)
ส่วนละครเวทีนี่ชอบดูมาตั้งแต่ละครถาปัด ละครของพระจันทร์เสี้ยว ดูกันแบบไม่เสียดายเงินกันเลยทีเดียว
แล้วก็ห่างหายจากละครเวทีไปนาน จนกลับเข้าทำงานในเมืองกรุง มีโอกาสเป็นเมื่อไหร่ไปทุกที่
แต่...คราวนี้ต้องคิดหนักเพราะ บัตรละครเวที ไม่มีฟรี และไม่ใช่ 80, 100 หรือ 150 อย่างเดิมแล้ว หนาวขนลุกกันเลยที่เดียว



จุดเริ่ม “"เดอะเลเจนด์ ออฟ เร่ขายฝัน เฉลียงเดอะมิวสิคัล”

พอได้ข่าวว่า โต๊ะกลม ซึ่งทีมงานส่วนใหญ่มีประสบการณ์ทำละครถาปัด ขอเพลงเฉลียงจากคุณประภาสมาทำละครเวทีแบบ Jukebox Musical
โดยใช้นักแสดงนำจากน้องๆกลุ่ม AF แค่ได้ข่าว ความฝัน พลันบรรเจิด
รู้ชะตาชีวิตตัวเองว่า...กระเป๋าฉีกอีกแล้วแน่ๆ เพราะเพิ่งปิดงบไปกับ แม่นาค ของ Dreambox ไปไม่กี่เดือน
และแล้วถึงตอนนี้ นับไปนับมาดูได้ 50-50 รอบการแสดงไปแล้ว
ดูแต่ละรอบ ได้ซื้อประเด็นคิดไปฝันต่ออีกมากมาย เลยอยากมาเร่ขายฝัน ต่อกับเค้าบ้าง...



เมื่อมาได้ชม ก็สมใจ

เริ่มที่บทละคร theme ที่ขายฝัน นำเสนอเมือง 2 เมืองที่มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง คือ
“ตรรกะนคร” เมืองแห่งหลักการและเหตุผล และ “เมืองเอกเขนก” เมืองแห่งความรู้สึก ความเชื่อ และอารมณ์
องค์ประกอบของ “ตรรกะนคร” ที่นำเสนอ ดูเหมือนจะมีมุมของสังคมใหม่ ซึ่งมีวิถีชีวิต และวิธีคิดตามแนวทางโลกตะวันตก
จาก ฉากที่ 2 “ปรากฏการณ์ ณ ตรรกะนคร” การประชุมสรุปหาสาเหตุของไฟดับในคืนหนึ่ง
ยิ่งชัดเจนในวิธีคิดแบบเส้นตรง (Linear Thinking) ที่มองความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นแบบวิเคราะห์และแยกส่วน
ในขณะที่ “เมืองเอกเขนก” น่าจะเป็นตัวแทนของสังคมดั่งเดิม ที่มีมุมมองชีวิต และวิถีแบบแนวทางโลกตะวันออก
มีความเข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปอย่างสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ
และที่ไม่แน่ใจว่าผู้เขียนบทละคร ต้องการตอกย้ำบทบาททางเพศในสังคมด้วยหรือไม่
เพราะ ตรรกะนคร เมืองแห่งเหตุผล มีแต่ผู้ชายที่เป็นผู้นำชั้นสูง ที่ถูกประเมินสมรรถนะทุกด้านแล้วว่าเกรดสูงจริงๆ
และผู้นำชั้นสูงก็ทรงไว้ด้วยอำนาจการตัดสินใจ แม้แต่ทางเลือกของการดำเนินชีวิตของผู้คนในเมือง
ในขณะที่ เมืองเอกเขนก เมืองแห่งอารมณ์ ความรู้สึก กลับมีผู้หญิงเป็นผู้นำ คนของเมืองนี้เลือกที่จะทำ เลือกที่จะดำเนินชีวิตได้ตามความชอบ มากกว่าการกำหนดแบบมีแบบแผน
แต่ เมื่อต้องตัดสินใจ เมืองเอกเขนก นี่ดูแล้วเหมือนเวลาไปทำประชาคมชุมชน ทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจดี ^^

ต้องปรบมือให้กับทีมเขียนบทละครที่พยายามตอบโจทย์ว่า “สองเมือง ที่ต่างกันราวดินกับฟ้า” ได้ชัดเจนมากๆ

ส่วนตัวชอบการออกแบบฉากนะคะ ถึงแม้ว่าด้วยข้อจำกัดของ M Theatre ที่อาจทำอะไรที่อลังการไม่ได้เหมือนโรงละครใหญ่
ฉาก แสง สี แยกความรู้สึกของสองเมืองนี้ได้ดีค่ะ พอเปิดตัว “เมืองเอกเขนก” ก็ดูสดใส ใจเบิกบาน แบบสบายๆจริงๆ
อย่างแนวคิดของการทำฉากหลังของการประชุมสภา “ตรรกะนคร” ที่มองเห็นเรือเหาะบินผ่านไปมา
ทำให้รู้สึกเลยคะว่า ที่ประชุมสภาคงแบบประเภทหอคอยสูงๆแน่นอน โดยเฉพาะคำปฏิญาณตน ฟังแล้วเหมือนคำปฏิญาณตนป่าวๆทั่วบ้านทั่วเมือง
แต่ชอบคำปฏิญาณตนของ “เมืองเอกเขนก” เข้าใจเลือกเพลงกล้วยไข่ของเฉลียงมาใช้ ส่วนตัวรู้ว่าใช่เลย...
“กล้วยน้ำว้า เวลาสุกงอม อีกกล้วยหอมกินแล้วชื่นใจ ฉันชอบกล้วยไข่ เพราะมันไม่มีกระดูก”
เป็นคำบอกกล่าวเมืองที่เรียบง่าย เต็มไปด้วยความสุข เอื้อเฟื้อเหมือน กล้วย ที่เป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์กับคนได้จนหมดตัวตนของ ต้นกล้วย จริงๆ

ในความเป็นแฟนเก่า(แก่) ของเฉลียง ชอบทุกเพลงที่นำมาใช้ในละคร เลือกใช้ได้ลงตัวมาก
(แต่ก็เสียดายที่ไม่มีเพลงโปรดบางเพลง)
จังหวะการวางเพลงไว้ในแต่ละช่วงของการดำเนินเรื่อง คิดว่าเป็นเหตุเป็นผลดีและสนุกดีค่ะ
โดยเฉพาะการนำเพลงมาแยกให้ร้องโต้ตอบกัน 2 คน หรือร้องเป็นกลุ่ม ทำได้กลมกลืนในอารมณ์ที่บทส่งให้ตั้งแต่ต้นจนจบ
เป็น Jukebox Musical ของละครเวทีแบบไทยๆ ที่คนดูละครอย่างตัวเองคิดว่าทำได้ดีเกินคาด
เพราะก่อนดูรอบแรกหวั่นๆเหมือนกันว่า เพลงเฉลียง จะไปอยู่ผิดที่อีก ^^



"เดอะเลเจนด์ ออฟ เร่ขายฝัน เฉลียงเดอะมิวสิคัล” ไม่มีบทเพลง “เร่ขายฝัน” ในบทละคร
เพราะทั้งหมดของทุกฉากที่เราเห็น ทุกบทเพลง ทุกวาจาที่เราได้ยิน
เขาได้ “เร่ขายฝัน” ให้เราแล้ว ค่ะ

“ใครอยากมีฝัน ล้อมวงตรงเข้ามา
มีฝันที่ว่าแบบหรู เลือกดูกัน....
…..
รีบ ๆ มาเอาฝันไป ไป ไปทำให้เห็นจริง
ฝันไม่เสร็จอย่าทิ้ง ไว้ตามริมทาง”


ไปฝันกันต่อค่ะ

คลิ๊กอ่าน "เดอะเลเจนด์ ออฟ เร่ขายฝัน เฉลียงเดอะมิวสิคัล” ที่ไม่มีบทเพลง “เร่ขายฝัน




Create Date : 22 ตุลาคม 2552
Last Update : 24 ตุลาคม 2552 10:36:47 น. 0 comments
Counter : 680 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน บันดาลสุข ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน
[Add อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com