|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
#@%$ ตลาดน้ำ อัมพวา .. จ้า พี่น้อง $#*&
สวัสดีค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าอัพเดทบล๊อกครั้งสุดท้ายตั้งแต่เดือนพฤษภา
โหเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก สี่ห้าเดือนที่ผ่านมาก็ไปมาหลายที่เหมือนกันนะ
แต่ไม่ได้ฤกษ์เอามาเขียนซักที ไปใหนมามั่งหว่า กาญจนบุรี อัมพวา อยุธยา
วนๆ เวียน อยู่แถบๆ รอบๆ กทม.นี่แหละ วันนี้ว่างๆ นั่งรอพายุช้างสาร มาเยี่ยมอยู่
เมื่อเช้ายังแดด สดใส ตอนนี้ (บ่ายสอง) เริ่มท้องฟ้ามืดๆแระ คาดว่าอีกไม่นาน
จนถึงพรุ่งนี้ ฝนจะเทลงมาทั้งวัน ประมาณว่าเหมือนสมัยอยู่ที่ลอนด้อน เหอๆๆๆ
เข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้จะเอาเรื่องอัมพวามาเล่า สู่กันฟังจ้า ไปมาเดือนใหนจำมะได้แล้ว
บอกตามตรงว่าตอนแรกไม่คิดเลยว่าจะอยากไปที่นี่ ดันไปอ่านเจอจากบลูเพลนเน็ตนี่แหละ
เลยเริ่มสนใจ ค้นๆๆๆ หาที่พัก แต่ด้วยความชะล่าใจ อิฉันก้อไม่ได้จองก่อนค่ะ กะว่า
คนคงไปเที่ยวไม่แยะหรอก เหอๆๆ แต่ที่ใหนได้ พอไปถึงนะ ไปที่ใหนๆๆ ก้อเต็มๆๆๆ
ตูจะบ้าตาย แบบว่าเดินทางมาก้อแบบอยากเข้าพักผ่อนอนหลับอะไรประมาณนี้
กะว่า นอนซะให้พอ หาไรทานกลางวัน ตกเย็นจะเที่ยวตลาดน้ำ ประมาณนี้ แต่ด้วยความ
ชะล่าใจตามที่เล่าไว้ เป็นอันว่าวันนั้นกว่าจะได้ที่พัก ก็ขับรถหลงอยู่ในสวนมะพร้าวตั้งน้าน นาน
เห็นแล้วนึกถึงเรื่องโกโบริ ยังไงยังงั้น สุดท้าย หลงไปหลงมา เลยมาได้ที่พักตรงนี้ค่ะ
เรียกว่าครัวครูหอม ทีแรกไม่คิดว่าจะเข้าไปถามแล้วนะ เห็นมีห้องๆ แค่ 4 ห้องเอง
กะว่าสงสัย (แม่ง) คงเต็มอีกตามเคยแหละ แต่ด้วยความที่ว่าร้านเค้าเป็นร้านอาหารด้วย
เลยตกลงว่าทานข้าวเอาแรงก่อนดีกว่ามะเธอ ค่อยลุยต่อ แล้วตอนนั้นสายตาอันแหลมคมของเรามันดัน
เหลือบไปเห็น ป้ายหมึกแดงชวนชิม ติดอยู่ที่ร้านซะด้วย โฮ่ๆๆๆ นักชิมอย่างเรามีรึจะพลาด
เลยแวะซะ ใหนๆก้อใหนๆ เลยถามคุณครูหอม (อันนี้นึกเอาเอง) ตอนหลังคุณลุงแกชื่อครูหอม
ตัวจริงเสียงจริง ว่าห้องพักว่างป่าวคะ ครูขา (ตอแหลเล็กๆ) โอ้ววว สวรรค์เข้าข้าง ว่างค่ะ ว่าง ไอ้ที่ว่าเพราะไรรู้ป่ะที่นี่เค้าไม่รับจองทางเน็ต หรือทางโทรศัพท์ค่ะ
แล้วแถมถ้าคนมาขอถามพัก ครูแกดูหน้าแล้วไม่ถูกโฉลกแกจะบอกว่าเต็มเจ้าค่ะ
อิอิ แสดงว่าหน้าตาอิฉันนี่ก็ พอถูกชะตากะชาวบ้านอยู่เหมือนกันนะเน๊ยะ
สรุปว่า เราก้อเลยได้ทั้งที่กินที่นอน ที่นี่ล่ะค่ะ ร้านอาหารที่นี่ ก้เหมือนกันร้านส่วนใหญ่
คือจะติดริมแม่น้ำ นั่งกินไปก็ ชมวิวแม่น้ำไปด้วย (แต่ไม่เห็นมันจะมีอะไรให้ดูเล้ย ให้ตายเหอะ)
อาหารที่ร้าน ก็ถือว่าอร่อย สมกับที่พี่หมึกมาเชิญชิมนะคะ ... ทานเสร็จก้อเลยหอบกระเป๋าเข้าห้อง
กะว่านอนตื่นแล้วจะออกไปตลุยเที่ยวกัน เหอๆๆ แต่ที่ใหนได้คะคุณ นอนอุตุเป็นตายกันซะงั้น
ไม่รู้อดหลับอดนอน มาจากใหนนักหา ตื่นมาอีกที สี่โมงเย็น เป็นทริป เปลี่ยนที่นอนซะจริงๆ
(ซึ่งระยะหลังเมื่อเริ่มแก่ตัว ก็จะเป็นงี้ซะทุกทริป) ด้วยแรง และระยะเวลาที่มีจำกัดเหอๆๆๆๆๆ
เอาล่ะใหนๆ ก็เย็นแระ ไปหาตลาดน้ำดูกันดีกว่า แล้วมันอยู่ส่วนใหนของอัมพวาล่ะหว่า
เคยดูทีนึงในรายการ ตี๋อ้วนชวนกิน (รึเปล่าหว่า) ตกลงกันไปๆมาๆ
ก็เลยว่า ขับๆ ไปเหอะเพ่... มะตอนเช้าที่เราหลงทางเราก็ผ่านป้ายบอกทางตลาดน้ำแว๊บๆ นี่นา
ด้วยความสามารถพิเศษส่วนบุคคล มันก้อทำให้เรามาจอดรถเจ๋อ อยู่แถวๆ หน้าอุทธยาน ร.2 จนได้
ว๊า...ปิดซะล่ะ พรุ่งนี้มาเดินชมอุธยานกันเน๊อะ เธอ อิฉันพูดจาชักชวนและหว่านล้อม
เพราะ สมาชิกเดินทางอิฉันเป็นบุคคลที่ไม่ค่อยจะขยันเดินเลยซักเท่าไหร่ ....
วันนี้เราเดินต๊อกแต๊กๆๆ เข้าไปในตลาด โห แม่เจ้าโว้ย .. เหมือนที่รายการทีวีมันถ่าย
มาให้ดูเลยว่ะ (นึกในใจ) เราหมายตาขนมไว้ตั้งแต่เจ้าแรกๆว่าจะซื้อกลับไปฝากพี่ๆ
ที่ขอนแก่น.. เดินๆๆๆ เข้ามาอีกหน่อย เจอร้านขายปสการ์ด "กาญจนวนิช"
สะกดผิดต้องขออภัย เลยเอาวะหน่อย ที่นี่เค้ามีโต๊ไว้สำกรับบริการนั่งเขียน พร้อมกระปุกปากกา
ดินสอ หลายรูปแบบกองๆ ไว้ (ให้ยืมเขียน) มีปั๊มตราชื่อร้าน และหยอดลงตู้ไปรษณีย์
ที่อยู่หน้าร้านนั่นเองค่ะท่านผู้ชมแหม..ช่างอำนวยความสะดวกกันเสียจริงๆ
ระหว่างที่นั่งเขียนโปสการ์ด ส่งหาตัวเองและคนอื่นๆ นั้น ดิฉันลืมคนที่มาด้วยไปสนิทเลยค่ะ
ไม่รู้พี่แกเดินไปที่ใหนโผล่กลับมาอีกทีหร้อมขนมที่ใส่มาในกระทงใบตองเต็มสองมือ
โห เพ่เก็บท้องไว้กินอย่างอื่นมั่งเด่ะ นี่เราเพิ่งสตาร์ทกันนะนี่ กินไอ้นี่อิ่มแล้วจะมีท้อง
ไปใส่อะไรต่อละเนี๊ยะว่าแล้ว ฉันก็กินไปแค่คำสองคำ ที่เหลือใครซื้อมาก็จัดการไปแล้วกัน
โทษฐานไม่รู้จักปรึกษาก่อน เขียนโปสการ์ดเสร็จก้เดินต่อๆๆๆ ระหว่างนั้น
ได้ยินเสียงเพลง ลูกกรุงสมัยคุณแม่ยังสาว ดังลั่น ทั่วตลาด ประมาณว่า "โปรดเถิดดวงจายยย
โปรดได้ฟังเพลงนี้ก๊อนนนนนนนนน" .."พรมลิขิตบันดาลชักพา.. ดลให้มาพบกันทันใด"
(เอ่อ เด็กๆรุ่นใหม่อาจไม่เคยได้ยิน) ตอนแรกเราก็เออ.. เข้าบรรยากาส วุ้ย ชอบๆๆๆๆ
แต่เดินๆ ไปอีกหน่อย เอ๊ะไมมันคนละเพลงอีกละ ทีแรกนึกว่าเป็นประชาสัมพันธ์
เค้าเปิด แต่ท่าคะ ดิฉันเพิ่งได้ถึงบางอ้อ ก็ตอนเห็นต้นเสียงของเพลงนี่ล่ะค่ะ
เค้าจะเป็นประมาณว่า บูธใครก้อเพลงใคค่ะ มีตรงนึงเป็นคาราโอเกะ คนที่จะร้อง
ต้องจ่ายเพลงละ 10 บาทแต่แหมคุณขา กิจการดีมากมายค่ะ เพลงไม่เคยขาดตอน
คุณลุงๆ ป้าๆ น้า อา ที่แกเดินผ่านแถวนั้นแกแวะเวียนกันขึ้นไปร้องได้เรื่อยๆ เลยค่ะ ..
ทีแรกนึกว่าหน้าม้า แต่ตอนหลังรู้ว่ามะช่าย แล้วเดี๋ยวเล่าให้ฟังว่ารู้ได้ไง...
ตอนนั้น เราเดินเบียดคน เอาบรรยากาศไปเรื่อยๆ เห็นเค้านั่งสั่งอาหารกินริมแม่น้ำกัน
ก้อ เอามั่งๆนั่งชี้ๆๆ คุณแม่ค้าที่พายเรือมาขายก็จะ ยื่นใส่ไม้มาส่งให้เรา เลยลองนั่งกิน
กุ้งเผา ซักจาน ใหนๆก้อมาละเอาซะหน่อย ... ระหว่างที่กินก็จะได้ยินเสียงเชิญชวน
นั่งเรือดูหิ่งห้อยเป็นระยะๆ ระหว่างเคี้ยงกุ้งตัวอ้วนเลยหันไปเปรยๆ กะคนแกะกุ้งว่า เนี๊ยะ มันเป็นหนึ่งในทริปเวลามาที่นี่เรยนะเธอ ...เงียบ!! ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์
เออว่ะ กินกุ้งต่อก็ได้ฟะ... กินเสร็จ ก็เลยเดินข้ามสะพาน ไปอีกฝั่ง ฝั่งนี้ก้อมีร้านขายของกิน
เพียบๆๆๆอีกแล้วคับท่านก็ยังมีแก๊งค์เพลงเก่า บรรเลงอีกแหละ ... ไมมีไร เราก้อกิน
แทบทุกสามก้าวที่เดินผ่าน ท้องจะแตกตายเสียงเชิญดูหิ่งห้อยก็ยังดังมาเป็นระยะๆ ...
เราเดินน ข้ามสะพานกลับมา มายืนกลางสะพาน ดูคนเออคนเริ่มแยะแระ เบียดกันเชียว คนลงเรือจะไปดูหิ่งห้อยแยะเลยแหละ (ตอนนั้นมันเพิ่งจะห้าโมงก่าๆเอง) หิ่งห้อยที่ใหน
มันจะออกฟะ สว่างโร่ออกอย่างเงี๊ยะ (คิดในใจ) มารู้ตอนหลังว่าเค้าไม่ได้ไปดูหิ่งห้องกันหรอก พวกที่ขึ้นเรือตอนบ่ายๆ น่ะ เค้านั่งเรือชมบรรกาศริมสองฝั่งแม่น้ำกัน ..เฮ้อ ท้องก้อิ่มแระ
จะกลับห้องไปนอนตั้งแต่ห้าโมงเย็นก็ใช่ที่ เอาไงดีหว่า ... ไอ้คนที่มาด้วย ก็มาด้วยจิงๆ ไม่ออกความเห็นอารายซักอย่าง ..ไอ้เราก้อเอาไงดีหว่า มันจะชอบดูหิ่งห้อยมั้ยเน๊ยะ
คิดๆอยู่เพราะตอนที่ขับรถมาก็เล่าให้ฟังแล้วว่ามีไรให้เที่ยวมั่งพี่แกดันบอกว่า ไปดูทำไมหิ่งห้อย
มะเคยเห็นเร๋อ... เดินลงสะพานมา เจอคนขายทัวร์หิ่งห้อยอีกแระคับท่าน
เลยพูดออกมาว่า มาแล้วไม่ดู น่าเสียดายน๊าพี่... พี่แกคงเบื่อแหละ อีนี่ พูดไรนักหนา ..
อ่ะ ไปซื้อตั๋วสิ เสียงสวรรค์ดังขึ้นโอ้ววว เยส เสร็จตรู ว่าแล้วอิฉันก็รี่ๆๆๆๆๆ แหวกผู้คน
ไปซื้อตัวมาสองใบ ที่นี่ซื้อเสร็จไม่ได้ลงเรือเลยนะคะ พี่น้องเค้าจะขอเบอร์โทรเราไว้ด้วย ทีแรกไม่เข้าใจว่าขอไว้ทำไม "ลงเรือตรงใหนคะพี่" ฉันเสนอหน้าถามคนขายตั๋ว
"ตรงท่าเรือ ที่เค้าร้องเพลงกันนั่นแหละน้อง" เจ้ แกตอบ "รอบกี่โมงคะพี่" ฉันถามอีก
"ในตั๋วอะน้อง" เจ้แกคงนึกว่าอีนี่ไม่เบิ่งตาดูแล้วยังแหลมาถาม "แหะๆ ค่ะๆ พี่ แล้วถ้า
หิ่งห้อยมันไม่ออกมาให้ดูจะทำไงคะพี่" ฉันไม่วานกวนบาทาเค้าต่อ
"ออกสิคะน้อง มืดๆ มันก็ออกแล้วค่ะ " พี่แกเริ่มมองฉันตาขวางๆ "ค่ะๆๆ ขอบคุณค่ะ "
ฉันรีบชิ่ง ก่อนที่จะโดนบาทาพี่แกลอยมาหา เหอๆๆ
" ทำไมไปซื้อนานจัง" คนรอถาม " เอ่อ คนมันแยะอ่ะค่ะ ไปรอคิวซื้ออยู่" ดิฉันแหลไปตามเรื่อง
ไม่ยอมบอกความจริงว่า จริงๆ แล้วไปกวนโอ้ย เอ๊ย ไปถาม อินฟอเมชั่น เค้ามา
โอ เรือตั้ง หกโมงครึ่ง อีกตั้งครึ่งชม. อ่ะ ทำไรดี กินก้อกินหมดแระ เดินก้เดินทั่วแล้ว
แรงก็หมดแล้วของฝากรึก็ยังไม่อยากซื้อ เพราะเดี๋ยวต้องลงเรือ จะหอบพะรุงพะรังก็ใช่ที่
(จริงๆ ตรงที่ขายตั๋วเค้ามีบริการฝากของ)เอางี้ละกัน ฉันตัดสินใจ พี่นั่งรอนี่
(มันเป็นบันใด ลงท่าน้ำ อยู่ข้างๆ วงคาราโอะเกะ ที่พูดถึงตอนแรก)เดี๋ยวมาฉันก้เลยเดิน ต๊อกๆๆ
ไปซื้อไฮเนเก้นมา 2 ป๋อง กินรอเวลา สรุปว่าเลยได้มานั่งจิบเบียร์ ริมท่าน้ำ ดูบรรยากาศประชาชี
นินทาคนนั้นคนนี้ และมารู้ว่าเค้าต้องจ่ายตังค์คนละ 10 บาทเพื่อร้องเพลงกันก็ตอนนั่งสังเกตการนี่ล่ะ เพลินดีเหมือนกัน ส่วนไอ้เบอร์โทรตอนที่เค้าขอตอนซื้อตั๋วนั้น เค้าเอาไว้ โทรเรียกลูกค้า
เผื่อว่าซื้อตั๋วแล้วอยากเดิน เอ้อระเหย ไปไกลๆ จะได้ตามมาลงเรือได้ เออ เวิร์คแฮะ...
และแล้วก้ได้เวลาลงเรือของเราได้เรือเปิดประทุนค่ะท่านผู้ชม แหะๆ อิฉันก้
เรียกซะหรูไปอย่างงั้นแหละ จิงๆ มันเป็นเรือที่มะมีหลังคาซะมากกว่า
เกิดฝนตกมาก็ซวย ... พอเรือเริ่มออก ฉันเริ่มนึกในใจว่า หิ่งห้อยมันจะอยู่ตรงใหนหว่าาาาา
เรือพี่แกอืดๆๆ ยิ่งกว่าเรือเกลือแล้วมาวิ่งซะอยู่กลางแม่น้ำ แต่หิ่งห้อยมันจะอยู่ริมๆ แม่น้ำไงคะ
(ที่เคยดูในทีวี) หกโมงครึ่งมันยังไม่มืดเลยอ่ะดูชีวิตริมคลองเสียมากกว่า
เค้ากะลังมาอาบน้ำกันพอดีเลย ชีวิตน่าอิจฉามาก โดดเล่นน้ำ ตูมๆๆๆ
เฮ้อ...แอบฝันเล้กๆ ว่าอยากมาอยู่แบบนี้มั่ง.... นั่งไปซักพัก เริ่มหงอยแล้วค่ะ ไม่มีวี่แวว
หิ่งห้อยเลยซักกะตัววันนั้นสงสัยจะเป็นข้างขึ้น พระจันทร์ก้ดันดวงเท่า กระด้ง สว่างโร่ไปหมด ...
ฉันหันไปมองคนนั่งข้างๆ เฮ้อ พี่ขา นู๋ว่า เราคงได้มานั่งเรือชมจันทร์ซะแล้วมั้ง งานนี้....
ตอนนั้นอิฉันว่าพี่แกคงคิดในใจแหละว่า ตูบอกแล้ว ว่าจะมาทามมาย ... อิอิ พอดิฉันพูดจบ
มันมีหิ้งห้อยตัวนงค่ะท่าน มันบินออกมารับแขกเอ๊ยรับลาว อย่างเราถึงกลางน้ำ
เหมือนมันจะบินมาเยาะเย้ย เล็กๆ แล้วมันก็บินข้ามหัวอิฉันไป ตอนนั้นเมฆบนฟ้ามัน
มาบังพระจันทร์ไปแล้ว (อีกใจนึงก็กลัวฝนจะเทลงมา) ซวยยิ่งกว่าไม่ได้เห็นหิ่งห้อยอีก
มืดแล้วเว้ยๆๆๆๆๆ อิฉันแอบดีใจที่เมฆมันไปบังพระจันทร์กระด้งซะได้.. สองตาฉันเริ่ม
สอดส่ายมองหาหิ่งห้อย... โอ้ว เจอแว้วววๆๆๆๆ ช่วงที่เริ่มจะเห็น มันเป็นพุ่มไม้เล็กๆ
มีแสงระยิบระยับ ประมาณสิบกว่าดวงฉันรีบกระชากแขนคนข้างๆ แล้วชี้ให้ดู เจอแล้วพี่ๆๆๆ เจอแล้วว ... เออ เห็นแล้วโว้ย (แกไม่พูดอ่ะ แต่คงคิด)หลังจากนั้น ก็เริ่มมีหิ่งห้อยๆๆ
และหิ่งห้อย สวยมากๆๆๆค่ะ มีต้นนึง เป็นต้นลำพูต้นใหญ่ ในความมืด ก็จะมีแสงระยิบระยับ
ประดับเต็มต้นไปหมดเหมือนใครเอาไฟกระพริบไปติดไว้ซะงั้น ... แต่อิชันไม่เข้าใจ
อยู่นิดเดียวว่าทำไมมันมีหิ่งห้อยอยู่ฝั่งเดียวอ่ะ อีกฝั่งนึงทำไมมันไม่มี นั่นเป็นสาเหตุ
ที่ทำให้คอดิฉันเอียงไปทางขวาหลังจากดูเสร็จ เมื่อยคอชะมัดพอเริ่มเบื่อหิ่งห้อย
ฉันก้อเริ่มคิดว่าไมมันนานจังหว่า แล้วเมื่อไหร่จะพาวกกลับเน๊ยะ ... เบื่อแระพี่
ฉันหันไปบ่นกะคนข้างๆเมื่อยด้วยแหละ ตอนนั้นเริ่มเมื่อยคอ เมื่อยขา เพราะต้องนั่งพับๆ ขาไป ...
มารู้ตอนที่ใกล้จะมาถึงตลาดว่า เค้าจะพานั่งเรือเป็นวงกลม วกกลับมาที่เดิมโดยไม่ต้องย้อนกลับ
บรรกาศตอนนั้นค่ำแล้ว ร้านเหล้าริมน้ำเริ่มเปิดทำการ โหอยากนั่งว่ะ อยากนั่งๆๆๆ
(คิดในใจอีกละ) กลัวโดนด่า เลยต้องเก็บอาการระริกระรี้เอาไว้ขึ้นจากเรือ
เลยเดินซื้อของฝากแล้วก็หาทางกลับที่พัก โห ... ไอ้ขากลับนี่ล่ะค่ะ ที่อิฉันได้รู้ซึ้งว่าทำไม
ไม่ค่อยมีใครมาพักที่นี่ มันวกไปวนมา เข้าซอยเล็ก ซอยน้อย กว่าจะเข้ามาถึง..
เหอๆๆ เชื่อมั้ยค่ะ ยังกลับมาทานข้าวกันอีกรอบอ่ะงานนี้มันทัวร์ลงพุง จิงๆเลย....
วันนี้ก็จบไป 1 วัน ..... ตื่นมาตอนเช้า ขี้เกียจพิมพ์แล้วอ่ะพี่น้อง เช้าวันนี้ตกลงว่า
จะเดินอุธยาน ร.2 กันก่อนกลับ ก้อมาซื้อบัตรเข้าชม เดินดูโน่นดูนี่ จริงๆแล้ดิฉันเคยมา
แล้วทีนึง นานมาแล้วมาคราวนี้เห็นเค้ามีอาคารหลังใหม่เพิ่มขึ้นด้วยล่ะ ...
ช่วงวันหยุดเค้าจะมีการสาธิตทำขนมไทยวันนั้นไปเจอ คุณน้าแกทำขนมรังไร เข้าพอดีค่ะ
เลยไปยืนด้อมๆมองๆ ว่าทำไง เค้าจะใช้แป้งข้าวจ้าวไปนวดๆ ใส่กะที แล้วใส่สีจากธรรมชาติ
เช่น ม่วงก็อัญชัน เขียวก็ใบเตย ชมพูก็กุหลาบ เหลือก็ดอกโสนประมาณนี้
พอได้แป้งแล้วก็จะเอาไปใส่พิมพ์แล้วกดๆๆๆๆ มันก็จะเป็นเส้นๆ ออกมา ตรงนี้ต้องมี
เทคนิคการกดเล็กน้อยกดไปก็ต้องใช้พายไม้ไผ่อันเล็กๆ ตล่อมๆไปเพื่อให้มันเป็นก้อนกลมๆ
ไม่งั้นมันจะไม่เป็นรูปทรงตามเราต้องการเสร็จแล้วก็นำไปนึ่งค่ะ แล้วเวลาทาน
ก็โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดและน้ำตาลผสมงา เหมือนที่โรยขนมถั่วแปบแล้วราดน้ำกะทิเล็กน้อย
อร่อยดีค่ะ ดิฉันอุดหนุนมากล่องนึง 20 บาท .. เดินไปเดินมาดูโน่นดูนี่เสร็จ
ก้อเลยได้เวลาเดินทางกลับค่ะ ... ทริปนี้ก้เลยจบลงเพียงเท่านี้... อ้อ ถ่ายรูปมาฝาก
พอจินตนาการเรื่องตามออกนะคะจะบอกว่ารูปมันไม่ชัดหรอกเพราะเอามือถ่ายน่ะ ..
เอาไว้ให้ท่านผู้อ่านพอนึกภาพออกแหละ ใครอยากไปเห็นเองกะตา
ต้องไปเยือนถึงถิ่นเองค่ะ ถ้าชอบบรรยากาศ เก่าๆ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
ข้อแนะนำ 1. ควรจองที่พักไว้ก่อนค่ะ เพื่อความชัวร์ 2. ถ้าจะไปดูหิ่งห้อย ขอให้ดูฤกษ์ดูยามก่อนไป ควรจะไปข้างแรม คืนเดือนมืดเป็นดีที่สุด จะได้เห็นแยะๆ 3. ตลาดน้ำที่นี่มีเฉพาะ เย็นวันเสาร์-อาทิตย์ เท่านั้นนะคะ พี่น้อง
ค่าใช้จ่าย 1. ค่าที่พัก 800 บาท (ไม่แน่ใจ แต่ไม่เกิน 1000) 2. ค่าเรือชมหิ่งห้อย คนละ 60 บาท 3. นึกมะออกแระค่ะ อยากรู้ไรโพสต์ถามไว้แล้วกัน หน้าตาบ้านพัก
ในห้อง
บรรยากาศ ตลาดน้ำ ตรงนี้แหละ ใครไปใครมาก็ต้องมานั่งสั่งอาหารทานซะหน่อย
กุ้งจานละ 100 บาท
ร้านขายโปสการ์ด
ยามเย็น และร้านเหล้า หรือร้านกาแฟหว่า ที่ยังไม่มีโอกาสได้นั่งกิน
อุทธยานร. 2
เนี๊ยะค่ะ ขนมรังไร ที่ว่า
หน้าตาพิมพ์กดขนม เอาแป้งใส่เข้าไปด้านในกดลงมามันจะเป็นเส้นๆ หงิกๆ ออกมาช่องทางด้านบน
Create Date : 01 ตุลาคม 2549 |
Last Update : 1 ตุลาคม 2549 19:05:14 น. |
|
17 comments
|
Counter : 1945 Pageviews. |
|
|
|
โดย: 30ยังแจ๋ว วันที่: 1 ตุลาคม 2549 เวลา:18:57:54 น. |
|
|
|
โดย: ห้ามจอด (ห้ามจอด ) วันที่: 1 ตุลาคม 2549 เวลา:20:23:36 น. |
|
|
|
โดย: DAN_KRAB (DAN_KRAB ) วันที่: 1 ตุลาคม 2549 เวลา:21:40:38 น. |
|
|
|
โดย: YOK (little jade ) วันที่: 1 ตุลาคม 2549 เวลา:22:53:48 น. |
|
|
|
โดย: grippini วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:0:23:37 น. |
|
|
|
โดย: 30ยังแจ๋ว วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:10:40:34 น. |
|
|
|
โดย: namit (namit ) วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:0:16:35 น. |
|
|
|
โดย: mouse4006 วันที่: 4 ตุลาคม 2549 เวลา:1:41:26 น. |
|
|
|
โดย: 30ยังแจ๋ว วันที่: 4 ตุลาคม 2549 เวลา:9:42:29 น. |
|
|
|
โดย: L-twin วันที่: 29 ตุลาคม 2549 เวลา:17:07:46 น. |
|
|
|
โดย: grippini วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:00:54 น. |
|
|
|
โดย: boybangplee มะได้ล็อกอิ๊น..น..น. (boybangplee ) วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:24:00 น. |
|
|
|
โดย: mouse4006 วันที่: 24 ธันวาคม 2549 เวลา:14:57:21 น. |
|
|
|
โดย: mouse4006 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:11:14:10 น. |
|
|
|
|
|
|
|