|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
วันวานไม่หวนกลับ 9
หายไปเสียนาน กว่าจะต่อให้ติดได้ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก นั่งทำอารมณ์จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีอารมณ์จะเขียนต่อ จริง ๆ ช่วงที่ผ่านมา ยุ่ง ๆ กับการหางาน และแก้ไขปัญหาส่วนตัว ซึ่งก็ดีนะคะ ตอนนี้มีเรื่องให้ถ่ายทอดเยอะเลย หลังจากจิตใจสงบแล้ว ก็รู้สึกนิ่งแล้วล่ะค่ะ ที่ผ่านมาไม่อยากจะเขียนอะไร เพราะคิดว่ากำลังสับสน เขียนอะไรก็ดูจะเหวี่ยง ๆ อคติไปหมดเลย ก็เลยลบแล้วลบอีก ขอต่ออีกนิดนะคะจากตอนที่แล้ว ขอจบเรื่องความรักเลยละกัน
ดิฉันอยู่เป็นโสดมาจนอายุสามสิบ ก็มีบ้างนะคะ หวั่นไหวเวลาเห็นเพื่อนแต่งงาน หรือมีลูกคนที่สองคนที่สาม บางทีก็คิดอะไรไม่ออกเวลาเพื่อนถามว่าทำไมยังไม่แต่งงาน แฟนไปไหน ไม่มาด้วยเหรอ พ่อหวงล่ะสิ (ไปกันใหญ่) เมื่อก่อนไปงานแต่งงานก็รู้สึกว่าอยากแต่งกับเค้ามั่ง อยากสวมชุดเจ้าสาว ตัดเค้ก ถ่ายรูปเยอะ ๆ นัดรวมรุ่นเพื่อน ๆ ให้มาเจองานแต่งของเรา แต่พอเห็นโลกมาก ๆ เข้า ก็รู้ว่าคนที่แต่งงานกันไป มีทั้งชีวิตสมบูรณ์แบบ และยังที่ต้องปรับตัวมาก หรือที่ต้องหย่าร้างกันก็เยอะ อะไรก็ตามที่เห็นแค่เพียงภายนอก มันตัดสินอะไรไม่ได้เลย คิดได้อย่างนั้นก็เลยรู้ ว่าถ้ายังคาดหวังกับการมีคู่ เราก็เหนื่อยเปล่า ถ้าใช่เมื่อไหร่ เนื้อคู่เราคงมาเอง คุณพ่อเคยบอกเหมือนกัน ว่าตอนเรียนอยากให้ตั้งใจเรียนอย่าเพิ่งรีบคิดมีแฟนเป็นอันดับหนึ่ง เรียนให้จบ หางานดี ๆ ทำได้ พึ่งตัวเองได้เมื่อไหร่ค่อยมี เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจล่ะค่ะ คิดว่าอ้าว หาแฟนรวยๆก็ได้นี่ จะได้ไม่ต้องทำงาน แต่งแล้วก็มีลูกเลย มาตอนนี้ก็ดีใจมาก ๆ ที่คุณพ่อหวงลูกสาวได้ขนาดนั้น ขนาดที่ว่าไม่ให้คุยโทรศัพท์นาน อย่างมากก็รับไหว้ ไม่ชอบให้ใครมาเกาะแกะ แต่ท่านก็ส่งให้เรียนโรงเรียนสห นะคะ โรงเรียนเคยเป็นชายล้วนมาก่อน ก็เลยทำให้อัตรานักเรียนชายในห้องเยอะกว่านักเรียนหญิง คบ ๆ ไปก็เริ่มพูดแบบผู้ชาย จากที่เคยแอบชอบ พออยู่ไปนาน ๆ ก็รู้สึกว่า เฮ้ย กูเอามึงไม่ลงละ ต่อให้เหลือผู้ชายเป็นมึงคนเดียวกูก็ไม่เอา เนี่ย ถ้ากูชอบมึงนะ กูแต่งกับมึงไปนานละ อย่างมากก็เป็นได้แค่เพื่อน ซึ่งก็ดี จนบัดนี้ดิฉันก็ยังมีเพื่อนสนิทที่ดีมาก ๆ เป็นผู้ชายเสียหลายคน คบกันไปนาน ๆ ก็เริ่มเห็นความเป็นผู้ชายที่แตกต่าง เห็นหลาย ๆ มุม บางทีเพื่อนก็คุยกับเรา เหมือนเราเป็นผู้ชาย เราก็รับรู้มาบ้าง ว่าเออ จุกจิกมากผู้ชายไม่ชอบ หึงมากก็ไม่ชอบ ถ้าทำงานบ้าน ทำอาหารเก่งละก็ แจ๋วเลย พอคบ ๆ แฟนของตัวเองก็เรียนรู้มากขึ้นอีก ว่าขนาดยังไม่แต่ง รายละเอียดที่เราต้องรู้ยังเยอะขนาดนี้ นี่ยังไม่นับว่าต้องปรับตัวหลังจากแต่งงานอีกนะคะ เป็นร้อย ๆ อย่างเลย ทุกอย่างดีหมดล่ะค่ะ การใช้ชีวิตคู่ก็เหมือนกับการเติมเต็มอะไรบางอย่างให้กับชีวิต ยิ่งถ้ามีน้องให้คุณตาคุณยาย ท่านก็คงสดชื่น กะปรี้กะเปร่า ช่วยดูแลหลาน สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือความพร้อมนั่นเอง ชีวิตคู่ก็เหมือนกับการเสียสละ เคารพ ซื่อสัตย์ ความหวังดี รักด้วยใจบริสุทธิ์ และการให้อิสระ สำคัญว่าเราพร้อมจริงๆ หรือเปล่า อย่ารีบแต่งเพราะกระแสรอบข้างเลยนะคะ เอาใจเราว่าดีกว่า
ดิฉันเห็นความรักที่พ่อมีต่อแม่ และความจงรักภักดีที่แม่มีต่อพ่อ ก็เลยอยากจะมีความรักแบบนั้นบ้าง เป็นความรักที่เกิดจากการให้ และการเสียสละ ซึ่งดิฉันที่เป็นคนรุ่นค่อนข้างใหม่ ยังไม่มีความอดทนขนาดนั้น เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าเป็นเรา คงใส่เกียร์ถอยหลัง ไม่ทนมันแล้ว อยู่คนเดียวดีกว่า
คิดได้หลาย ๆ อย่าง ตอนนี้ใครเสนอคานทองให้ดิฉันก็ไม่ว่าล่ะค่ะ ถ้าอยู่คนเดียวแล้วเราสบายใจ พ่อแม่ไม่เดือดร้อนก็อยู่ไป หลัก ๆ ก็คงต้องพยายามอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ แบบสาวโสดทั่วไปน่ะค่ะ มีรายได้พอเลี้ยงตัว สุขภาพแข็งแรง เคยคิดไว้แล้วเหมือนกัน ว่าถ้าแต่งงานไปเราก็ยังต้องพึ่งตัวเองให้มาก เพราะเราก็ไม่รู้ว่าวันนึงเราจะอยู่กับคู่ของเราอีกนานเท่าไหร่ เนื่องจากอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน ไม่ตายจากกัน ก็มีเหตุให้เลิกกัน มองด้านเดียวไม่ได้น่ะค่ะ ต้องมองด้านมืดที่ถูกเก็บงำไว้ด้วย ความจริงด้านมืดเป็นสิ่งที่ดีนะคะ บางทีเหมือนเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย แต่ชีวิตคนเราก็มีทั้งขึ้น และลง สูงและต่ำ ทุกข์และสุข เพราะฉะนั้น การเตรียมพร้อมรับความผิดหวัง หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเอาไว้ก็ดีเหมือนกันนะคะ เผื่อว่ามีอะไรขึ้นมา เราก็ไม่เจ็บมาก ใช้เวลาพักฟื้นระยะสั้นก็ลุกขึ้นเดินได้ต่อ
ส่วนข้อดีอีกอย่าง ของการรักคานทองที่ดิฉันเรียนรู้มาก็คือว่า ดิฉันมีเวลาดูแลคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น เป็นช่วงเปลี่ยนน่ะค่ะ พอดิฉันอายุสามสิบมีงานทำ พ่อแม่ก็เริ่มจะอายุมากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานอาจจะลดลง เราต้องช่วยเหลือมากขึ้น เคยคิดเหมือนกันว่าพ่อแม่เราเรียนมาก็ไม่ได้สูงเท่าที่เราเรียน แต่มีความสามารถดูแลเราตั้งแต่เกิดจนอายุสามสิบ ไม่เคยแม้แต่จะปริปากบ่น หรือปฏิเสธให้ความช่วยเหลือ ถ้าถามว่าให้ช่วยต่อไปจนแก่ ท่านก็ไม่ปฏิเสธน่ะค่ะ ส่วนตัวก็เพิ่งเรียนจบมาได้แค่ปีสองปี ยังไม่ได้ดูแลท่านจริงๆ จังๆ เหมือนที่ท่านดูแลเรา ก็คิดว่าช่วงนี้เป็นโอกาสดี ที่ต้องเร่งตอบแทนท่าน พ่อแม่ดิฉันไม่ได้หวังจะให้ช่วยค่าใช้จ่าย เงินทองหรอกค่ะ หวังแค่อยากให้เราเป็นคนดี คนรอบข้างเคารพนับถือ จะประสบความสำเร็จ หรือพลาดพลั้งอะไร ก็ขอให้เป็นตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เพื่อที่ว่าดิฉันจะได้ไม่เคว้ง บางทีก็คิดเหมือนกัน เรียนจบตั้งเมืองนอกเมืองนา ยังไม่มีความสามารถเท่ากับคนสมัยก่อนเลยจริง ๆ ไม่ว่าจะความอดทน วิสัยทัศน์ ประสบการณ์ ถ้าดิฉันมีลูก ยังไม่แน่ใจเลย ว่าจะให้ลูกได้อย่างที่พ่อแม่ให้ดิฉันหรือเปล่า
สรุปเลยนะคะ ว่าดิฉันมีวันนี้ได้ก็เพราะพ่อแม่ให้ดิฉันเกิดมา เพราะฉะนั้นถ้าต้องมีความรักหรือต้องแต่งงาน ดิฉันก็เลือกที่จะอยู่เคียงข้างพ่อแม่ดิฉัน คงจะไม่มีการดูแลครอบครัวสามีมากกว่าครอบครัวตัวเอง พ่อแม่สามี สามีก็ต้องดูแลจริงไหมคะ ก็ต้องช่วย ๆ กันไป เคยเจอเหมือนกัน พอแต่งงานไปก็ทิ้งให้พ่อแม่อยู่เดียวดาย มีอะไรก็ให้ที่รักเป็นเบอร์หนึ่ง ดิฉันก็เคยเป็นนะคะ โทรหาแฟนบ่อยยิ่งกว่าโทรหาพ่อแม่ แต่ตอนนี้เลิกแล้วค่ะ เพราะรู้แล้วว่าคนที่รักเราอย่างแท้จริง อยู่กับเราได้ในสภาพที่เราตกต่ำสุด ๆ ก็คือเพื่อนแท้ ซึ่งก็คือพ่อแม่เราเองนั่นแหละค่ะ
ก็เคยมีเพื่อนรุ่นน้อง ซึ่งคงมีปัญหาครอบครัวไม่ค่อยอยากจะให้พ่อแม่มีบทบาทในชีวิต ไม่อยากแม้กระทั่งยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ไม่รู้ว่าดิฉันคิดถูกหรือเปล่า แต่ก็บอกไปว่าพ่อแม่ก็เป็นคนธรรมดา มีรักโลภโกรธหลงเหมือนเรา ทำผิดได้เหมือนคนทั่วไป มีความจำเป็นหลาย ๆ อย่าง หลาย ๆ อย่างมาก ๆ ที่เรานึกไม่ถึง อาจจะเป็นเรื่องเงิน สังคม เศรษฐกิจ หรือจะเป็นบาปกรรมที่มันติดตัวเรามา เลยทำให้เรามีพ่อแม่ที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะรักเรา ลองสมมติเอาตัวเองไปแทนที่พ่อแม่ ว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนั้นเราจะทำได้ดีกว่าท่านหรือเปล่า แต่อย่างน้อยนะคะ อย่างน้อย ท่านก็ให้กำเนิดเรามา ตัดสินใจให้เด็กคนนี้เกิดขึ้นมีชีวิตบนโลก ให้หายใจ ถึงจะเลี้ยงได้ซักระยะสั้น ๆ แต่ก็เลี้ยง แต่ก็ให้เกิด ส่วนที่เหลือเราก็ต้องใช้สมอง และสองมือเราเนี่ยแหละค่ะ พยายามทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกค่ะ แม้กระทั่งพ่อแม่เราเอง คนเราไม่ช้าก็เร็ว ต้องพึ่งตัวเองอยู่ด้วยตัวเอง บางคนเริ่มไว ห้าหกขวบก็ต้องรู้จักเอาตัวรอด ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ วันหนึ่งก็ต้องอยู่คนเดียว คิดคนเดียว ทำคนเดียว จงดีใจนะคะ ที่ได้เกิดมา ได้มีตัวตนครบสามสิบสอง ไม่เลี้ยงไม่เป็นไร ดิฉันเชื่อว่าตัวเราทำชีวิตเราให้ดีขึ้น และตกต่ำลงได้ค่ะ ถึงแม้พ่อแม่จะเลี้ยงดีขนาดไหน ถ้าเรารักชั่วเสีย ก็คงจะแย่ยิ่งกว่าคนที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจดี และความพยายามที่ดี
ก็ขอให้ท่านผู้อ่านรักพ่อแม่ ระลึกถึงพระคุณท่านให้มาก ๆ นะคะว่าที่เรามีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะท่านให้กำเนิดเรามา ไม่งั้นก็คงเป็นหมู หมา พูดไม่ได้ กำหนดชีวิตตัวเองไม่ได้ นั่นก็คงจะแย่เสียกว่า
ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับคำอวยพรวันเกิด ประทับใจมากมายค่ะ ก็ขอให้พรอันประเสริฐกลับไปยังผู้ให้ทุกคนนะคะ
Create Date : 29 มกราคม 2552 |
Last Update : 31 มกราคม 2552 21:48:28 น. |
|
30 comments
|
Counter : 397 Pageviews. |
|
|
|
โดย: doctorbird วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:0:05:35 น. |
|
|
|
โดย: veerar วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:0:15:39 น. |
|
|
|
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:0:37:07 น. |
|
|
|
โดย: UStogetheR วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:3:46:43 น. |
|
|
|
|
โดย: I_sabai วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:8:09:07 น. |
|
|
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:8:15:02 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:8:37:32 น. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:8:38:28 น. |
|
|
|
โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:8:39:42 น. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:8:55:33 น. |
|
|
|
โดย: a_music วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:8:59:08 น. |
|
|
|
โดย: LooKPat วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:9:47:44 น. |
|
|
|
โดย: มาขอลงชื่อด้วยคนเจ้าค่ะ (yoja ) วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:9:53:12 น. |
|
|
|
โดย: ลูกสมอเรือ วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:12:56:39 น. |
|
|
|
|
โดย: watase วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:13:18:41 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:16:30:55 น. |
|
|
|
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:17:55:06 น. |
|
|
|
โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:21:59:02 น. |
|
|
|
โดย: joblovenuk วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:22:28:22 น. |
|
|
|
โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:23:43:28 น. |
|
|
|
โดย: a.miyazaki IP: 114.182.163.73 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:46:53 น. |
|
|
|
โดย: bite25 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:04:10 น. |
|
|
|
|
...ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับ...