,./*v*,.. Happy Chinese New Year 2009 ..,*v*.,/
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
'เรื่องนี้มีรัก' โปรเจคพิเศษของขวัญปีใหม่ : เชื่อมรัก...หวานเย็น (..3..)

สวัสดีค่ะ ^^

มาถึงตอนที่ 3 กันแล้วเนอะ ไวจริงๆ เมื่อตอนที่แล้วเราทิ้งท้ายกันไว้ว่าพี่ดามพ์จะหากลยุทธ์ใหม่ๆ มาขัดขวางความรักของน้องดรีมและนายธีร์คู่ปรับ วันนี้เราจะได้รู้กันแล้วนะคะว่าแผนการที่ว่านั้นคืออะไร และได้ผลมากน้อยแค่ไหน

สัปดาห์นี้เล่นเกมที่บล็อก "หัวใจต้องลม" นะคะ เมื่ออ่านจนครบสี่เรื่อง แล้วอย่าลืมแวะไปส่งคำทายด้วยน้า


ปล. ดังที่ได้แจ้งแล้วว่าสี่สาวไม่สนับสนุนการลอกในทุกกรณี และหวังว่าจะไม่มีการลอกคำตอบเกิดขึ้นอีก การส่งคำทายคราวนี้เราจึงมีมาตรการป้องกันดังที่จะสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่บล็อกหัวใจต้องลม แต่ถ้ายังมีการลอกคำตอบเกิดขึ้น เราจะตัดสิทธิ์ผู้ที่ลอกออกจากการชิงรางวัลทันทีนะคะ ...เราเตือนคุณแล้วน้า

เอาล่ะ ส่งคำเตือนพอหอมปากหอมคอแล้ว พบกับเชื่อมรัก...หวานเย็นตอนที่ 3 ได้เลยค่ะ


########################



3..

กองถ่ายละครเชื่อมหัวใจไว้ด้วยรักยังคงเดินหน้าถ่ายทำอย่างต่อเนื่องแทบทุกวันเพราะคิวฉายเร่งเข้ามาทุกทีเนื่องจากกระแสความดังของพระนางคู่ขวัญ ซึ่งแน่นอนว่าเมคอัพอาร์ติสสาวประจำกองถ่ายก็แทบจะถืองานนี้เป็นงานประจำไปแล้ว มีบ้างที่รับงานแต่งหน้าให้กับงานอีเวนท์และแฟชั่นโชว์ประปรายแต่ก็จะพยายามเลี่ยงคิวงานไม่ให้ชนกับกองถ่ายละคร

ด้วยเหตุนี้ นีราภาจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่โรงแรมห้าดาวที่มีเนื้อหาละครให้ถ่ายอยู่หลายฉากด้วยกัน ในส่วนของวันนี้ ฉากที่ถ่ายจะเป็นฉากงานปาร์ตี้ริมสระน้ำซึ่งเป็นฉากที่ความลับทั้งหมดถูกเปิดเผยว่าตระกูลของทั้งสองไม่ถูกกัน เนื่องจากตัวละครที่เข้าฉากมีมากมายนีราภาจึงยุ่งมากๆ ถึงแม้ทางกองจะจัดหาช่างแต่งหน้ามาหลายคนทุกคนก็ยังวุ่นมือเป็นระวิงอยู่ดีนั่นเอง จนกระทั่งได้เวลาที่ทุกคนพร้อมเข้าฉากนั่นล่ะเธอถึงได้มีโอกาสหยุดพักบ้าง เมคอัพอาร์ติสสาวเหลียวซ้ายแลขวาแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของร่างสูงดังที่เจ้าตัวประกาศไว้

“อ้าว เฮ้ย ตอนนี้เขาเริ่มถ่ายกันแล้วว่ะ”

“เออ สงสัยต้องรอเงกอีกแล้ว”

เสียงจ้อกแจ้กจอแจจากหน้าประตูดึงให้นีราภาหันไปมอง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นกองทัพนักข่าวสายบันเทิงแห่กันมาเพียบไปหมด

“อ๊ายยยยยย ยัยน้ำหมึก หล่อนประจำกองนี้เหรอยะ” หนึ่งในนักข่าวที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยระริกระรี้เข้ามาหาเมื่อเห็นหนทางสืบข่าวได้ “ต๊าย ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ฉันจะได้ไม่ต้องวิ่งรอกไปหาข่าวจากที่อื่น”

“ข่าวอะไรหรือตุ้ม”

เมคอัพอาร์ติสสาวถามกลับ เธอเกือบจะแนใจว่านี่ต้องเป็นแผนการของเดชพนต์แหงๆ ไม่อย่างนั้นนักข่าวจะบุกมาพร้อมๆ กันอย่างนี้ได้ไง มันต้องมีประเด็น…

“อ๊าววววว ก็ข่าวของน้องดรีมกับนายธีร์ไง นี่อย่าบอกนะว่าหล่อนไม่รู้ว่าว่าสองคนนี้กำลังยังไงๆ กันอยู่”

“อะไรตุ้ม เธอไปเอาข่าวมาจากไหน”

“จะจากไหนล่ะยะ…ก็จากแฟกซ์น่ะสิ” นักข่าวสาวเปรี้ยวดึงกระดาษขนาดเอสี่แผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสะพาย “รู้สึกจะส่งไปถึงทุกหัวเลยนะยะ หนังสือพิมพ์ นิตยสารบันเทิงถึงได้วิ่งมากันหมดแบบนี้”

นีราภาคลี่กระดาษออกดู ดวงตาสวยกวาดผ่านตัวอักษรที่มีอยู่ครึ่งหน้า…พาดหัวของแฟกซ์ค่อนข้างหวือหวา เป็นทำนองว่า เกาเหลาจริงหรือแค่ข่าวโคมลอย ส่วนเนื้อหาเป็นการท้าพิสูจน์ว่าที่ธีรุตม์กับดาวิษาเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยคิดจะรักกันเหมือนในละครนั้นเป็นเรื่องจริงหรือแค่การหลอกลวงทุกคนให้หลงเชื่อ ต้องพิสูจน์ด้วยตาของคุณเอง

“เปรี้ยวไม่เบานะยะพีอาร์ละครเรื่องนี้ ทำถึงขนาดนี้รับรองข่าวเพียบ ถึงจะจริงหรือไม่จริงอย่างน้อยทุกคนก็มีสตอรี่ไปเขียนแล้วแหละ”

เห็นท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือที่จะได้ข่าวของเพื่อนและนักข่าวคนอื่นๆ เมคอัพอาร์ติสสาวก็ได้แต่พยักหน้านิ่งๆ ก่อนที่จะส่งกระดาษแฟกซ์คืนให้ พร้อมกันนั้นก็นึกชมเดชพนต์อยู่ในใจ

เข้าใจคิดจริงๆ นะคุณดามพ์ ตัวเองเบื่อที่จะต้องมาจับยามสามตาก็หาทางหาคนอื่นมาทำหน้าที่แทน แถมคนที่หามาก็ยังเป็นกองทัพที่มีหูตาพราวยิ่งกว่าสับปะรดเสียด้วย แบบนี้ดาวิษากับธีรุตม์ต้องระวังตัวแจไม่เข้าใกล้กันเกินจำเป็นแหงๆ ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับสองคนนี้โกหกสื่อมวลชนมาโดยตลอด ยิ่งถ้าข่าวงานหมั้นลับๆ หลุดรอดออกไปล่ะก็ คงไม่แคล้วถูกหาว่าเป็นคู่รักจมูกยาวแห่งปี

เพราะเบื่อความจอแจของบรรยากาศในกองถ่าย ประกอบกับไม่อยากถูกซักด้วยคำถามที่ตอบไม่ได้ หญิงสาวจึงค่อยๆ เลี่ยงออกจากกองเพื่อไปหลบความวุ่นวายห้องน้ำ หากด้วยความตาไว ดวงตาคู่สวยจึงไม่พลาดเงาของร่างสูงวูบไหวไปมาอยู่ที่หน้าต่างของห้องอาหารชั้นบนฝั่งตรงข้ามสระน้ำ

“มาแอบดูว่าสิ่งที่ตัวเองทำสัมฤทธิ์ผลแค่ไหนเหรอคะคุณดามพ์”

นีราภาถามกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นชายหนุ่มมาดดีอย่างเดชพนต์เก๊กท่าอ่านหนังสือพิมพ์สุดฤทธิ์ แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะรู้ว่าสายตาของชายหนุ่มเพ่งออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา หญิงสาวเชิญตัวเองนั่งลงตรงข้ามเขาเสร็จสรรพ

“ไหนว่าเดาไม่ถูกว่าผมคิดจะทำอะไรไง”

เดชพนต์ถาม แม้ไม่นึกแปลกใจสักนิดที่สาวสีน้ำผึ้งเดินมาทักเขาได้ถูกเรื่องแถมยังถูกที่ถูกทาง

“ใครว่าฉันเดาถูก” หญิงสาวแก้ “ฉันก็เพิ่งนึกได้หลังจากเห็นกระดาษแฟกซ์นั่นล่ะค่ะ…เพราะฉันรู้ว่าน้องเล็ก พีอาร์เตรียมเล่นเรื่องนี้หลังจากละครออกฉาย แพลนไปทีละวีคให้คนดูลุ้นไปกับละครต่างหาก ขืนรีบโปรโมทตั้งแต่ตอนนี้เดี๋ยวก็จืดหมดพอดี”

“โอเคๆ ผมยอมรับว่าคุณพูดถูก ผมไปให้เพื่อนที่เป็นนักข่าวสายบันเทิงเก่าช่วยทำให้ แต่มันก็ได้ผลดีไม่ใช่หรือ เท่าที่ผมเห็นนะ ดรีมกับไอ้ธีร์ระวังตัวแจยิ่งกว่าเมื่อวานอีก ขนาดในฉากยังไม่ค่อยกล้าใกล้ชิดกันเลย”

“ก็ถ้าอยู่ใกล้กันแล้วจะเป็นข่าวใครจะกล้าล่ะคะ ขนาดฉันที่เป็นแค่ช่างแต่งหน้าธรรมด๊าธรรมดายังต้องรีบหลบฉากออกมาเลย บอกตรงๆ นะคะ ฉันกลัวว่าถ้านักข่าวซักไซ้อะไรแล้วฉันจะโกหกไม่เนียน”

“ข้อนั้นผมไม่เห็นด้วยหรอกนะ”

คนที่นั่งตรงข้ามสั่นหน้า เพิ่งรู้จักกันมาไม่กี่วันเขายังรู้เลยว่าเธอตีหน้าซื่อเก่งจะตาย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสถานการณ์ตรงหน้าได้เนียนเป็นที่หนึ่ง

ดูอย่างตอนนี้สิ ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งจะคิดอยู่แหม็บๆ เธอก็คว้าเมนูไปเปิด ก้มหน้าก้มตาเลือกรายการอาหารอย่างสบายใจเฉิบแล้ว

“น้องคะ” หญิงสาวหันไปสั่งอาหารกับพนักงานเสิร์ฟที่ยืนรอพร้อมอยู่แล้ว “พี่ขอน้ำมะนาวคั้นสดๆ ซุปหัวหอม ชิกเก้น ซีซาร์ สลัด สปาเก็ตตี้ คาโบนาร่าเพิ่มเห็ดพิเศษ แล้วก็เบอร์เกอร์ปูค่ะ”

เดชพนต์ตาโตเมื่อได้ยินรายการอาหารของเธอ

“นี่คุณคิดจะสั่งไปเลี้ยงคนทั้งกองถ่ายเลยเหรอน้ำหมึก”

แทนที่จะเขินหรือออกตัวว่าอะไรสักอย่าง หญิงสาวถามกลับตาใส

“คุณคิดว่าของแค่นี้ฉันทานคนเดียวไม่ไหวหรือคะ”

“แล้วผมจะคอยดู”

แล้วคนคอยดูก็ต้องตกใจเมื่อเมคอัพอาร์ติสสาวตัวบางสามารถจัดการกับอาหารตรงหน้าหมดในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ใช่แค่อาหารที่สั่งไปแล้วเท่านั้น หญิงสาวยังสั่งเค้กมาล้างปากตบท้ายอีกด้วย

“ค่อยยังชั่ว ค่อยมีอะไรตกถึงท้องหน่อย”

“ผมว่าไม่หน่อยแล้วล่ะ” ชายหนุ่มสั่นหน้าเมื่อเห็นจานชามเปล่าๆ ตรงหน้า “ที่คุณกินไปทั้งหมดมื้อนี้เท่ากับที่ยัยดรีมกินทั้งสัปดาห์เลยมั้ง”

“น้องดรีมเขาเป็นนางแบบ เขาก็ต้องควบคุมเรื่องน้ำหนักเป็นธรรมดา” นีราภาแย้ง

“คุณเองก็ผอมนะน้ำหมึก ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าที่กินๆ เข้าไปคุณเอาไปเก็บไว้ที่ไหนหมด”

ชายหนุ่มวิจารณ์พลางกวาดสายตาไปทั่วร่างบางสีน้ำผึ้งทำให้คนถูกมองรู้สึกร้อนวูบ…

บ้าจริง ใครอนุญาตให้เขาสำรวจเธอแบบนี้...

หวังว่าเธอคงไม่ได้ดูอ้วนหรือดูไม่ดีตรงไหนหรอกนะ ยิ่งเพิ่งกินเข้าไปเต็มคราบ พุงจะยื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้

ด้วยความเขิน หญิงสาวจึงเสมองออกไปนอกหน้าต่างลงไปยังบริเวณกองถ่าย และนั่นทำให้เธอสังเกตเห็นความผิดปกติ

“เอ๊ะ”

หญิงสาวอุทาน ขมวดคิ้วฉับเมื่อเห็นว่าที่ริมสระน้ำดาวิษากับธีรุตม์กำลังยืนให้สัมภาษณ์อยู่เคียงข้างกันด้วยสีหน้าชื่นมื่น มีไมโครโฟนและเครื่องอัดเทปจ่ออยู่เต็มไปหมด ทีมงานต่างมายืนล้อมรอบทั้งคู่และปรบมือด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแสดงความยินดี

เดชพนต์มองตามสายตาของเธอก่อนจะคำราม

“ไอ้ธีร์ มันต้องทำอะไรแน่ๆ!”

“เอ่อ คุณดามพ์คะ...
”
นีราภาสะกิดเรียกชายหนุ่มให้ลดเสียงลงเพราะบริกรสาวประจำโต๊ะกำลังเมียงมองมาด้วยแววตาสนใจ เธอตัดสินใจเรียกเก็บเงินเสียเลย

เมื่อเห็นลูกค้าสาววาดนิ้วมือเป็นวงกลม พนักงานสาวจึงรีบวิ่งไปเอาบิลมาทันที หากเมื่อเมคอัพอาร์ติสสาวเปิดสมุดปกหนังสีดำออกดูและกำลังจะวางเครดิต การ์ดลงไป มือใหญ่ก็คว้ามันไปใส่บัตรของเขาลงไปแทน

“ไม่ดีมั้งคะ”

นีราภาแย้งเนื่องจากรายการเกือบทั้งหมดในบิลนั้นเป็นของเธอ ของชายหนุ่มมีแค่คาปูชิโนร้อนกับของกินเล่นเพียงจานเดียว แถมนี่ก็เป็นการร่วมโต๊ะกันที่เขาไม่ได้เชื้อเชิญเสียด้วย จะให้เขามาออกเงินให้อีกก็กระไรอยู่

หากเดชพนต์ไม่สนใจคำทักท้วง เขาเซ็นบิลที่พนักงานคนเดิมเอามาให้แล้วส่งคืนอย่างรวดเร็ว

“แค่ผู้หญิงกินจุคนเดียวผมเลี้ยงได้ ถ้าคุณไม่สบายใจ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ช่วยมานั่งเป็นเพื่อนผมก็แล้วกัน”

สีหน้าของเขาทำให้นีราภารู้ว่าเธอไม่มีทางโต้แย้งอะไรได้อีก จึงได้แต่กล่าวขอบคุณ

“ขอบคุณนะคะคุณดามพ์ ครั้งหน้าหวังว่าฉันจะมีโอกาสได้เลี้ยงคุณคืนบ้าง”

ชายหนุ่มพยักหน้าส่งๆ ขณะเก็บการ์ดลงกระเป๋าสตางค์แล้วรีบรุดออกไปจากร้าน ไม่ต้องถามนีราภาก็รู้ว่าตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญกับเดชพนต์มากไปกว่าเหตุการณ์ที่ริมสระน้ำอีกแล้ว



“อ๊าววววว หนูน้ำหมึก ตายแล้วไปไหนมา เจ๊ก็ตามหาเสียควั่ก”

เจ๊นกน้อยปราดเข้ามาหาทันทีเมื่อเห็นร่างบางสีน้ำผึ้งปรากฏตัวขึ้น ท่าทีตื่นเต้นของช่างผมทำให้นีราภารีบถามอย่างใคร่รู้

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะเจ๊ ทำไมนักข่าวทำท่าแตกตื่นกันซะขนาดนั้น”

“อู๊ยยยยย หนูน่ะพลาดฉากสำคัญไปแล้วรู้ไหม นี่จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ ตายๆๆๆ ฉันล่ะไม่นึกเลยว่าตาธีร์กับหนูดรีมจะตัดสินใจทำแบบนี้”

“ตกลงมีอะไรหรือครับ”

เดชพนต์อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความร้อนใจอยากรู้เร็วๆ เขาขี้เกียจฟังสาวประเภทสองอารัมภบท ซึ่งคนเล่าก็สงสัยอยู่หรอกว่าผู้ชายหน้าตาหล่อมาดเข้มคนนี้เป็นใคร หากเรื่องที่กำลังจะเม้าท์น่าสนใจกว่าจึงยอมตัดใจไม่ซักไซ้เมคอัพอาร์ติสสาวตอนนี้

“ก็ตาธีร์กับหนูดรีมน่ะสิ แหม้…ให้เจ๊ปิดข่าวเรื่องวันหมั้นแทบตาย เจ๊งี้คันปากยิบๆๆๆๆ สุดท้ายไม่กี่วันดันเปิดตัวกับนักข่าวอย่างเป็นทางการซะแล้ว พูดซะเก๋เลยนะว่าเป็นโรมิโอ แอนด์ จูเลียตในชีวิตจริง”

“ว่าไงนะคะ”

เห็นเมคอัพอาร์ติสสาวร้องออกมาอย่างตกใจ คนเล่าจึงยิ่งใส่อารมณ์ลงไปในน้ำเสียง เม้าท์สนุกปาก

“ก็พอนักข่าวแซวว่าตาธีร์อินกับละครเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่ามีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่า พ่อเลยตอบว่า อ๋อ เพราะเรื่องนี้ใกล้เคียงกับชีวิตจริงครับ แล้วก็เล่าเรื่องตัวเองกับพี่ชายของยัยดรีมเป็นฉากๆ เลย แต่ไม่ได้พูดถึงงานหมั้นนะ แค่ตบท้ายด้วยการเชิญนักข่าวไปงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้าเท่านั้นเอ๊ง”

“หา!”

“ไง ตกใจล่ะสิน้ำหมึก เจ๊ถึงบอกไงว่าหนูน่ะพลาดช็อตเด็ดไปเรียบร้อยแล้ว ยังไงพรุ่งนี้ก็รออ่านในหน้าหนังสือพิมพ์ก็แล้วกันนะ ข่าวช็อกวงการขนาดนี้สงสัยไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้ แค่วันนี้กรอบบ่ายก็อาจจะลงแล้วด้วยซ้ำ”

“ไอ้ธีร์!”

เสียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำให้เมคอัพอาร์ติสสาวรู้สึกใจคอไม่ดี กลัวว่าเขาจะโกรธจนระเบิดออกมาจึงรีบขอตัวออกมาจากแฮร์สไตลิสท์ขาเม้าท์ ยิ่งเห็นชายหนุ่มกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนก็ยิ่งเสียวๆ รีบพาเขาออกห่างจากสาธารณชนน่าจะดีที่สุด

“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะคุณดามพ์”

นีราภาปลอบเมื่อทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกันตามลำพังที่บริเวณสวนดอกไม้ของโรงแรม ที่เธอลากเขาออกมาตรงนี้ก็เพราะหวังว่าสีเขียวอันร่มรื่นของต้นไม้ใบหญ้าจะปลอบประโลมให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง แต่ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยได้ผลเท่าไร

“คุณจะให้ผมใจเย็นได้หรือน้ำหมึก ไอ้ธีร์มันแก้เกมผมได้แสบจริงๆ”

“คุณดามพ์คะ” นีราภาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม เธอเอื้อมมือไปจับมืออันร้อนระอุทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ตามองช้อนขึ้นสบนัยน์ตาที่วาวโรจน์ดุจดวงไฟของเขา

“ผมอุตส่าห์วางแผนให้นักข่าวมาช่วยเป็นหูเป็นตาแทนผม แต่ไอ้ธีร์มันฉลาดพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส แทนจะต้องทำท่าปิดๆ บังๆ มันกลับถือโอกาสนี้ประกาศเรื่องมันกับดรีมเสียอีก ทีนี้เลยกลายเป็นว่าผมอุตส่าห์เชิญนักข่าวมาให้มัน แบบนี้ไม่น่าเจ็บใจหรือ”

“คุณดามพ์คะ ลองคิดดูดีๆ นะคะ” เมคอัพอาร์ติสสาวพูดเสียงนุ่มๆ ช้า ชัด “การเปิดตัวกับสื่อมวลชนไม่ได้เป็นผลดีอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ อย่าลืมว่ายิ่งเปิดตัวก็ยิ่งถูกจับตามองและยิ่งเป็นข่าวได้ง่ายนะคะ”

“คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ”

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องเข้ามาในดวงตาสีน้ำทะเลตอนกลางคืนอย่างค้นคว้า คนถูกจ้องตาจึงยืนยันเพิ่มความมั่นใจ

“ฉันจะโกหกคุณไปทำไมล่ะคะ เชื่อฉันสิว่าต่อจากวันนี้ก็คงจะมีนักข่าวแวะเวียนมาที่กองถ่ายมากขึ้น และอาจจะมีบางส่วนที่ติดตามทั้งสองคนไปไหนต่อไหน เรียกได้ว่าตามติดกันทุกฝีก้าว…ฉันว่าคุณธีร์กับน้องดรีมก็คงจะคิดถึงเรื่องนี้เอาไว้แล้วเหมือนกันและคงจะต้องระวังตัวยิ่งกว่าเดิมซะอีก”

เหตุผลและสีหน้าจริงจังของคนตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนที่จะยอมรับ

“ไม่แน่ คุณอาจพูดถูกก็ได้ ผมจะคอยดูนะน้ำหมึก”

คำตอบของเขาทำให้คนฟังยิ้มหวาน

“ต้องอย่างนี้สิคะ”



หายจากกองถ่ายไปนานพอสมควร เมื่อกลับมาอีกครั้งนีราภาจึงได้พบว่าการถ่ายทำฉากที่สระน้ำกำลังจะเสร็จแล้วและทีมงานกำลังเตรียมตัวย้ายสถานที่ไปยังห้องประชุมของโรงแรม โชคดีที่มีการให้สัมภาษณ์อันแสนวุ่นวายเกิดขึ้นจึงไม่มีใครสังเกตว่าสาวผิวเข้มหายตัวไประยะหนึ่ง เมื่อมาถึงหญิงสาวก็เริ่มลงมือเก็บอุปกรณ์ประทินโฉมต่างๆ ลงกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวย้ายสถานที่

ฉากที่กำลังจะถ่ายทำเป็นฉากของฝ่ายญาติพระเอกของเรื่องที่กำลังประชุมกันหน้าเคร่งซึ่งธีรุตม์ก็มีบทในฉากนี้ด้วย เขาจึงไปเปลี่ยนชุดเป็นสูทสีเข้ม ส่วนดาวิษานั้นไม่มีคิวสำหรับวันนี้แล้ว แต่เนื่องจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น นางเอกสาวจึงรีบมาหานีราภาทันทีที่มีโอกาส

“พี่น้ำหมึก” เสียงหวานกระซิบกระซาบเพราะคนในกองเดินขวักไขว่ไปมาอยู่รอบๆ “ค่อยยังชั่วหน่อย ดรีมคิดว่าพี่น้ำหมึกกลับไปแล้วซะอีกเพราะมองหาไม่เจอเลย”

คนถูกตามหายิ้มแห้งๆ

“พี่ก็วนเวียนอยู่แถวนี้แหละค่ะน้องดรีม”

“พี่น้ำหมึกรู้เรื่องวันนี้แล้วใช่ไหมคะ”

เมคอัพอาร์ติสสาวพยักหน้า...แม้จะไม่ได้ยินเองกับหูก็เถอะ

“บอกตรงๆ นะคะ ดรีมแน่ใจมากว่าที่นักข่าวแห่กันมาวันนี้เป็นฝีมือของพี่ดามพ์แหงๆ ตัวเองไม่มาก็หาทางส่งคนอื่นมาเป็นหูเป็นตาแทนได้แบบนี้ไม่มีใครหรอกค่ะนอกจากพี่ชายของดรีม”

คำพูดนั้นทำให้คนฟังลอบอมยิ้ม…รู้จักนิสัยกันดีจริงๆ พี่น้องคู่นี้

“แต่พี่เห็นน้องดรีมกับคุณธีร์ก็จัดการกับปัญหาได้ดีนี่คะ เพราะยังไงงานแต่งงานก็อีกแค่เดือนกว่าๆ เท่านั้นเอง พี่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเราจะปิดกล้องและแถลงข่าวทันด้วยซ้ำ”

“ก็จริงนะคะ” ดาวิษาเห็นด้วย แต่ยังไม่คลายความหนักใจ “เฮ้อ จะว่าไปดรีมไม่ค่อยมั่นใจเลยค่ะว่าจะรับมือพี่ดามพ์ได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า พี่ดามพ์น่ะเจ้าแผนการจะตาย บางทีดรีมยังคิดเลยว่าเห็นพี่ดามพ์ในมาดโวยวายๆ ยังจะดีซะกว่าอีกเพราะอย่างน้อยดรีมยังพอจะคาดเดาได้บ้างว่าพี่ดามพ์คิดอะไรอยู่”

“น้องดรีมต้องมั่นใจในตัวคุณธีร์สิคะ” คนฟังให้กำลังใจเมื่อเห็นใบหน้าสวยมีแววหม่นหมอง “พี่ว่าคุณธีร์ต้องรับมือกับปัญหาทั้งหมดได้แน่ๆ”

รอยยิ้มของสาวรุ่นพี่ทำให้ดาวิษายิ้มออกมาได้

“จริงด้วยสิคะ ดรีมควรจะต้องเชื่อใจพี่ธีร์ให้มากกว่านี้ ขอบคุณพี่น้ำหมึกมากนะคะที่ให้กำลังใจ ดรีมรู้สึกดีขึ้นมากเลยค่ะ”

นีราภาโบกมือให้รุ่นน้องสาวทำนองว่าไม่เป็นไร หากในใจของเธอเองต่างหากที่มีความสงสัยเกิดขึ้นจากสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะให้ความมั่นใจคนอื่นไปเมื่อครู่

…ต่อไปเขาจะมาไม้ไหนอีกนะ



ตกกลางคืน เมคอัพอาร์ติสสาวนอนไม่หลับโดยไม่มีสาเหตุ แม้จะลุกขึ้นจากเตียงมาทำอะไรหลายต่อหลายอย่าง ทั้งเปิดดีวีดีดูให้สบายใจ ดื่มนมพร่องมันเนยอุ่นๆ ให้ท้องอุ่นสบายก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ สุดท้ายจึงลงมือจุดอโรมากลิ่นโรสแมรี่ผสมลาเวนเดอร์เพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย

“ไม่เห็นได้ผลเล้ย”

หญิงสาวบ่นกับตัวเองขณะกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอนนุ่มๆ พลางคิดหากิจกรรมที่จะทำให้ตัวเองนอนหลับได้ และตอนนั้นเองที่โทรศัพท์บนหัวเตียงส่องสว่างวาบขึ้นมา ตามด้วยเสียงดนตรีที่คุ้นเคย

“สวัสดีค่ะ”

เจ้าของมือถือกรอกเสียงสุภาพลงไปเนื่องจากเบอร์ที่โทรเข้ามาไม่คุ้นตา แต่ถ้าโทรมาตอนดึกๆ อย่างนี้ย่อมแปลว่าอีกฝ่ายต้องมีเรื่องด่วนจริงๆ อาจเป็นการเลื่อนกำหนดการถ่ายทำในวันพรุ่งนี้หรืออะไรแบบนั้น

“ฮัลโหลน้ำหมึก”

เมคอัพอาร์ติสสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ร่างบางรีบผุดลุกขึ้นนั่งทันที

“คุณดามพ์!”

“ผมโทรมาดึกเกินไปหรือเปล่า”

คนฟังมองไปที่นาฬิกาหัวเตียง เมื่อเห็นว่ามันเลยวันใหม่ไปได้ระยะหนึ่งแล้วจึงย้อนถาม

“แล้วคุณคิดว่าเกือบตีสองนี่ดึกไหมล่ะคะ”

“โทษที” เสียงห้าวเจื่อนลงเล็กน้อยแต่ไม่ยอมวางสาย และยังดักคอเธอดื้อๆ “แต่ผมรู้ คุณยังไม่นอนหรอก”

“รู้ได้ยังไงคะ” นกฮูกสาวถาม แล้วก็รู้ว่าตัวเองตกลงไปในกับดักเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “อ้าว นี่คุณบลัฟฉันเหรอคุณดามพ์!”

“เปล่า ผมรู้อยู่แล้วต่างหากว่าคุณนอนดึก ดรีมบอกผมว่าบางทีคุณก็เข้านอนตอนเกือบเช้า”

“ก็แค่บางทีเท่านั้นล่ะค่ะ” นีราภาเถียง “แต่ช่วงที่มีงานตั้งแต่ตอนสายๆ แทบทุกวันอย่างนี้ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ไม่งั้นฉันคงกลายเป็นผีแพนด้าประจำกองถ่ายกันพอดี”

“คงยากหน่อยนะน้ำหมึก กว่าคุณจะอ้วนและขาวเท่าแพนด้าผมว่าคงต้องใช้เวลาอีกนาน”

คำพูดของเขาทำให้ปลายสายจ้องโทรศัพท์ราวกับมันเป็นของแปลกประหลาดที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน หญิงสาวกรอกเสียงลงในโทรศัพท์อย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

“เอ่อ คุณดามพ์คะ ตกลงที่คุณโทรมาหาฉันตอนตีหนึ่งกว่าๆ เนี่ย แค่อยากโทรมาเช็กว่าฉันกลายพันธุ์เป็นหมีแพนด้าไปแล้วหรือยังเหรอคะ”

“เปล่า…” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบาเหมือนไม่แน่ใจในตัวเอง และนั่นทำให้ปลายสายขมวดคิ้ว

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ทำไมหรือน้ำหมึก”

“ไม่ทราบสิคะ คือ…ฉันรู้สึกว่าคุณกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ ใช่ไหมคะ”

ดูเหมือนว่าคำถามของหญิงสาวจะแทงใจดำพอดี น้ำเสียงที่ตอบกลับมาจึงเข้มขึ้น

“ทำไมคุณรู้!”

“ฉัน…ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” นีราภาเองก็ตอบไม่ถูกว่าทำไมเธอถึงพูดออกไปเช่นนั้น เหมือนมันเป็นเซนส์ส่วนบุคคล เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ไม่ผ่องใสของเขา “แต่ฉันยินดีรับฟังนะคะถ้าคุณคิดว่าฉันน่าไว้วางใจพอที่จะเล่าให้ฟังได้”

ไว้ใจงั้นหรือ… ไว้ใจสิ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เข้าไปพูดคุยกับเธอตั้งแต่แรกหรอก

เขาเองก็คงจะเหมือนดาวิษาและมารดาล่ะมั้งที่ไว้ใจสาวร่างบอบบางผิวเข้มดวงตาสุกใสคนนี้ถึงขนาดยอมให้รับรู้เรื่องภายในครอบครัว…

“คุณคิดยังไงกับไอ้ธีร์”

เดชพนต์ถามตรงๆ แต่เป็นคำถามที่ทำให้คนถูกถามคิดหาคำตอบได้ยากมาก นีราภารู้สึกได้ว่ายามนี้คนฟังไม่ได้ต้องการ ‘ความจริง’ แต่ต้องการ ‘คำตอบที่ถูกใจ’ ต่างหาก

“อืม…” หญิงสาวพยายามลากเสียงเพื่อคิดหาคำตอบที่ดีที่สุด “คุณหมายถึงในแง่ไหนล่ะคะ”

“ทุกแง่ ผมรู้ว่าคุณสนิทกับยัยดรีมมากและค่อนข้างเห็นดีเห็นงามกับความสัมพันธ์ของสองคนนั้น แต่ผมเชื่อว่าที่คุณรู้สึกแบบนั้นเพราะคุณชอบดรีม แต่ผมอยากจะรู้ว่าถ้ามองแต่ตัวมันคุณคิดว่ามันเป็นคนยังไง”

จะถามให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะนี่…เมคอัพอาร์ติสสาวลอบถอนหายใจ หากก็ยังพยายามหาคำตอบที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดเท่าที่สมองใกล้ๆ ตีสองจะคิดได้

“คุณธีรุตม์ถือเป็นพระเอกขวัญใจประชาชนคนหนึ่งเลยนะคะ” ไม่รู้จะตอบอะไรก็ยกมหาชนขึ้นมาอ้างไว้ก่อนนี่แหละปลอดภัยที่สุด “แฟนๆ ของเขาถือได้ว่าเยอะมาก แม้จะไม่ถึงกับเป็นที่รักของคนทุกเพศทุกวัย แต่ถ้าเขาไม่ดีพอฉันเชื่อว่าคงไม่มีคนชื่นชอบเขามากขนาดนี้หรอกค่ะ”

“ไม่เอาคำตอบแบบนี้สิน้ำหมึก ผมอยากรู้ว่าในสายตาคุณที่รู้จักกับมัน ไอ้ธีร์เป็นคนยังไง”

“ฉันไม่ได้สนิทกับคุณธีร์มากนัก อย่างที่คุณว่า ฉันรู้จักคุณธีร์ผ่านน้องดรีมมากกว่าที่จะรู้จักตัวเขา…แต่ที่ฉันแน่ใจอย่างหนึ่ง คุณธีร์ไม่เคยมีข่าวเสียหายเรื่องชู้สาวให้ได้ยินเลยแม้แต่ครั้งเดียวนะคะ ฉันจึงค่อนข้างจะเชื่อว่าเขารักเดียวใจเดียวกับน้องดรีมจริงๆ”

“ไม่รู้ว่ามันดีจริงหรือปิดข่าวเก่งกันแน่!”

“อันนั้นคือมุมมองของฉันนะคะ แต่ฉันแน่ใจว่าในมุมมองของคุณป้ากับน้องดรีม คุณธีร์อาจจะเป็นลูกเขยหรือคนรัก แต่ไม่มีวันสำคัญไปกว่าคุณ”

คำตอบของเธอทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเงียบไปจนนีราภาชักจะไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดผิดไปหรือเปล่า พอกำลังจะเอ่ยฮัลโหล เสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นพอดี

“ขอบคุณมากน้ำหมึก…ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่โทรหาคุณ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

เสียงหวานตอบกลับก่อนจะระบายลมหายใจยืดยาว…เธอตอบถูก เขากำลังต้องการความสบายใจและเธอได้ให้สิ่งนั้นแก่เขาไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้น้ำเสียงของคนที่โทรมาจึงสดชื่นขึ้น เขาชวนคุยต่ออีกสักพักก่อนจะยอมปล่อยหญิงสาวไปนอนแต่โดยดี

“ตีสามกว่าแล้ว ง่วงหรือยัง”

เมคอัพอาร์ติสสาวไม่ตอบเป็นคำพูด แต่แกล้งทำเป็นหาวหวอดๆ ใส่โทรศัพท์ให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่สะทกสะท้าน กลับหัวเราะเบาๆ

“ไม่ต้องแสดงออกถึงขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่คิดจะรั้งคุณไว้แล้วล่ะ คืนนี้ได้ยินเสียงคุณจนพอใจแล้ว”

อะไรนะ!!!

ริมฝีปากที่เปิดกว้างหุบฉับลงทันทีที่ได้ยินประโยคสุดท้าย พร้อมๆ กับหัวใจที่เปลี่ยนจังหวะการเต้น ...ไม่นึกว่าคนอย่างเดชพนต์จะพูดคำนี้ออกมา หากมันก็เป็นไปแล้ว เขาทำให้มันชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเอ่ยประโยคต่อไป

“จริงๆ นะน้ำหมึก ถ้าคุณไม่รู้ผมจะบอกให้ คุณเป็นผู้หญิงที่พิเศษมาก คุณทำให้ใครๆ ที่ได้คุยกับคุณรู้สึกสบายใจและผ่อนคลาย…รวมทั้งผมด้วย”

“ขอบคุณค่ะ” นีราภาเอ่ยเสียงเบาเมื่อหาคำพูดเจอ หญิงสาวรู้สึกเหมือนหัวใจถูกเป่าลมที่ชื่อว่า ‘ความสุข’ เข้าไปจนพองฟู “ถ้าสามารถช่วยอะไรได้ฉันก็ยินดีค่ะ ถ้าคุณไม่รู้จะคุยกับใคร ฉันพร้อมที่จะรับฟังเสมอนะคะ”

“ดี งั้นถ้าผมไปก่อกวนถึงกองถ่าย ดึกๆ ก็โทรไปหาคุณห้ามบ่นนะเพราะผมถือว่าคุณอนุญาตแล้ว”

“เอ๊ะ อะไรกันคะ”

นีราภาร้องอุทธรณ์เมื่อเขาฉวยโอกาสตีขลุมตอนที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว หากไม่ทันเสียแล้วเมื่อเดชพนต์ตัดบทไปอย่างรวดเร็วไม่รอให้เธอประท้วง

“เอาล่ะ กู๊ดไนท์นอนหลับฝันดีนะน้ำหมึก…อย่าลืมฝันถึงผมด้วยล่ะ”

เท่านั้นแล้วสัญญาณก็ขาดหายไป ปล่อยให้ปลายสายถึงกับอึ้ง อึ้ง และอึ้ง มือเรียวบางแทบจะปล่อยโทรศัพท์ร่วงแปะลงบนเตียง ความร้อนแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงข้อความส่วนท้ายๆ ไม่นับหัวใจที่เต้นโครมครามและไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงง่ายๆ

“บ้าๆๆๆ ที่สุดเลยคุณดามพ์ แล้วคืนนี้ฉันจะนอนหลับลงได้ยังไงล่ะเนี่ย!!!”



เพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบรุ่งสางทำให้นีราภาไปปรากฏตัวในกองถ่ายด้วยสภาพ ‘ผีแพนด้า’ ผิวเข้มตัวผอมอย่างที่เธอพูดกับเดชพนต์ทางโทรศัพท์ ซึ่งเมื่อเธอหอบร่างอันสะโหลสะเหลไปจนถึงโรงแรมห้าดาวแห่งเดิมก็ต้องเจ็บใจเพราะตัวการที่ทำให้เธอนอนไม่หลับ (ยิ่งกว่าเดิม) นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ด้วยใบหน้าสดใส

“ตกลงเมื่อคืนคุณได้นอนกี่โมงล่ะน้ำหมึก”

ยังจะมาถามอีก คิดว่าที่เธอต้องกลายร่างเป็นซอมบี้กู้ซากตัวเองมาทำงานแบบนี้เป็นเพราะใครกันเล่า!

“ไม่ต้องมาถามเลย ที่ฉันนอนไม่พอเป็นเพราะคุณคนเดียว”

ความจริงก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเสียทีเดียวหรอก เธอนอนไม่หลับอยู่แล้วด้วยต่างหาก แต่ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็จะโทษเขาไว้ก่อนเพราะเขาน่าจะเป็นสาเหตุเดียวทีทำให้เธอนอนไม่หลับในระยะนี้ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นแน่ๆ

“กล่าวหา” เดชพนต์ว่า “เมื่อคืนนี้ผมออกจะนอนหลับสบาย”

“ฮึ”

“โกรธหรือ” ชายหนุ่มเอ่ยยิ้มๆ เขาทอดเสียงอ่อนลงเพื่อเอาใจ มือใหญ่เอื้อมไปคว้ากระเป๋าแต่งหน้าของเธอมาถือไว้เสียเอง “มานี่มา เดี๋ยวผมจูงให้”

ท่าทีของเดชพนต์เวลาไม่โกรธ ไม่วางมาด และไม่ก่อกวนค่อนข้างน่าดูจนนีราภาคิดจะแกล้งทำเฉยชาให้เขาง้ออยู่เหมือนกัน แต่เพราะความง่วงเป็นอุปสรรค (และความกลัวว่าเขาอาจจะไม่ง้อ) ทำให้เธอไม่เกี่ยงงอนและยอมปล่อยให้ชายหนุ่มเป็นเงาตามตัวมาจนถึงห้องแกรนด์ บอลรูมซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำ

“จากที่คุยกันเมื่อคืนฉันคิดว่าคุณจะไม่มาแล้วเสียอีก”

เมคอัพอาร์ติสสาวว่าขณะเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางหยิบของออกมาจัดเรียงโดยมีชายหนุ่มหน้าเข้มเป็นลูกมือ ซึ่งลูกมือกิตติมศักดิ์ตอบหน้าตาย

“ง่วงจนเบลอหรือเปล่าน้ำหมึก ผมไม่ได้บอกคุณสักคำว่าจะไม่มา กลับกันนะ ผมว่าผมบอกคุณชัดเจนแล้วต่างหากว่าจะมาที่นี่”

”แต่เมื่อคืนคุณถามฉันเกี่ยวกับคุณธีร์นี่คะ ฉันก็เลยคิดว่าคุณเริ่มเห็นใจน้องดรีม ยอมรับคุณธีร์แล้วเสียอีก”

“ต้องรอให้นรกเป็นน้ำแข็งก่อนล่ะมั้งผมถึงจะยอมยกดรีมให้คนอย่างมัน! ยังไงผมก็ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนว่ามันดีพอจะยกยัยดรีมให้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ ก็อย่าหวัง!” ชายหนุ่มกระแทกเสียงพร้อมกระแทกของในมือลงบนโต๊ะ ทำให้เครื่องสำอางบางส่วนกระเด้งกระดอนกุกกัก โชคดีที่ไม่มีอะไรหล่นลงพื้น

“โทษที ผมอาจจะใส่อารมณ์มากไปหน่อย” ชายหนุ่มพูดพลางพิจารณาอายไลเนอร์แบบเปียกที่ถืออยู่ในมืออย่างสนใจ “ถามจริงเถอะ ไอ้นี่คืออะไรน่ะ”

นีราภาเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในมือใหญ่ก่อนตอบ “อันนี้เขาเรียกว่าอายไลเนอร์ค่ะ”

ดูท่าทางคำตอบของเธอคงไม่ให้ความกระจ่างแก่เขาเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งทำให้งงหนักเสียด้วยซ้ำ เธอจึงขยายความต่อนิดหน่อยว่า “มันมีไว้สำหรับเขียนขอบตาค่ะ อันนี้เป็นแบบเปียกเราเอาไว้เขียนขอบตาบน แต่ถ้าจะเขียนขอบตาล่างฉันจะใช้แบบแห้งอย่างนี้ค่ะ”

มือเรียวบางยื่นสิ่งที่หน้าตาเหมือนดินสอแท่งผอมแต่ทำด้วยพลาสติกให้คนตรงหน้าดู เขามองดูมันเหมือนสิ่งมีชีวิตที่มาจากดาวดวงอื่น ยิ่งหันไปมองที่โต๊ะที่นีราภากางเครื่องสำอางเอาไว้เต็มก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกองทัพเอเลี่ยนกำลังบุกโลก

“ผมไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงทาของแปลกๆ พวกนี้ลงไปบนหน้าได้ยังไงกันนะ”

“ผู้ชายบางคนก็ทานะคะ คุณอยากลองดูไหม” เมคอัพอาร์ติสสาวถามยิ้มๆ ทั้งๆ ที่รู้ปฏิกิริยาอยู่แล้วว่าชายหนุ่มหน้าเข้มต้องรีบปฏิเสธเป็นพัลวันตั้งแต่ยังถามไม่ทันขาดคำเสียด้วยซ้ำ

“ไม่เด็ดขาดนะน้ำหมึก ให้ตายผมก็ไม่ยอมให้…พวกที่วางๆ อยู่นี่เฉียดเข้ามาใกล้หน้าผมเด็ดขาด!”

นั่นอย่างไรล่ะ รีบปฏิเสธเสียงแข็งจริงๆ ด้วย…

ดวงตาคมสวย (ที่โหลลึกไปเล็กน้อยเพราะอดนอน) มองถาดซูเปอร์ พาเล็ท อายแชโดว์ที่ถืออยู่ในมือด้วยแววตาซุกซน แวบหนึ่งที่เธออยากเล่นเป็นเด็กๆ ควักสีมาป้ายใบหน้าชายหนุ่มที่ทำท่าแหยงๆ มันดีนัก

แต่คิดอีกทีไม่เอาดีกว่าเพราะผลที่ตามมาจากการเล่นสนุกอาจไม่คุ้มกัน...

นีราภาและเดชพนต์ยังคงพูดคุยกันไปพลาง ยั่วแหย่กันไปพลางอย่างนี้เสมอจนเป็นภาพที่ทุกคนเห็นจนชินตา เมื่อเวลาผ่านไปทีมงานของกองถ่ายละครเชื่อมหัวใจไว้ด้วยรักจึงพากันเลิกสงสัยว่าชายหนุ่มหน้าตาดีที่มักจะอยู่เคียงข้างเมคอัพอาร์ติสสาวผิวสีน้ำผึ้งเป็นใคร ท่าทีของคนทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมกันมากจนแทบทุกคนที่พบเห็นไม่อาจเข้าใจเป็นอื่นไปได้

…ที่ว่า ‘แทบ’ ทุกคนเพราะยังมีธีรุตม์กับดาวิษาที่ยังไม่ค่อยวางใจว่าเดชพนต์แอบมีแผนการอะไรอยู่เบื้องหลังอีกหรือเปล่า

“ดรีมว่าอาจจะไม่นะคะพี่ธีร์…ดูสิคะ พี่ดามพ์ไม่เห็นมองมาทางเราเลย สักนิดก็ไม่มี มีแต่นั่งสบตากับพี่น้ำหมึก ฟังพี่น้ำหมึกคุยจ๋อยๆ จนใครๆ ก็เข้าใจว่าพี่ดามพ์เป็นแฟนพี่น้ำหมึกทั้งนั้น แต่เรื่องที่พี่ดามพ์เป็นพี่ชายแท้ๆ ของดรีมยังไม่มีใครระแคะระคายสักคน ทั้งๆ ที่พี่ธีร์เคยให้ข่าวเรื่องโรมิโอ แอนด์ จูเลียตในชีวิตจริงไปแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังไม่มีใครเชื่อมโยงดรีมกับพี่ดามพ์เข้าด้วยกันเลย แสดงว่าพี่ดามพ์ไม่มีท่าทีสนใจดรีมจนเป็นที่ผิดสังเกตของใครๆ”

“แต่พี่กลับไม่คิดอย่างนั้นนะ” พระเอกหนุ่มไม่เห็นด้วย “พี่สังเกตเห็นว่าไอ้ดามพ์ทำท่าเหมือนตามน้ำหมึกมาก็จริง แต่สายตามันจ้องมาที่เราเป็นระยะๆ ยิ่งเวลาที่เราเข้าฉากด้วยกันพี่รู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาเลยนะ แต่น้ำหมึกต่างหากที่คอยช่วยเราอยู่ พอไอ้ดามพ์เริ่มจะฉุนๆ น้ำหมึกจะหันไปชวนคุยหรือไม่ก็ส่งขนมให้กินตลอด”

คำตอบของคู่หมั้นทำให้ดาวิษานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วย

“อาจจะจริงของพี่ธีร์ค่ะ ดรีมอาจจะไม่ทันได้สังเกตเอง…แต่จะว่าไปสองคนนั้นก็เหมาะสมกันดีนะคะ”

นางเอกสาวพูดพลางส่งสายตาให้ชายหนุ่มมองตาม แล้วก็ได้เห็นนีราภาส่งถ้วยน้ำแข็งใสให้คู่ปรับตั้งแต่สมัยมัธยม ซึ่งฝ่ายหลังก็รับไปนั่งกินอย่างว่าง่ายและตั้งใจฟังเมคอัพอาร์ติสสาวชวนเขาคุยด้วยรอยยิ้มหวานเย็นไม่แพ้ของกินที่กำลังถืออยู่

“น้ำแข็งใสฝีมือป้านิ่มนี่อร่อยสุดๆ เลยนะคะคุณดามพ์…ฮ้า กินแล้วสดชื่นชะมัด”

นีราภาทำท่าชื่นอกชื่นใจหลังจากส่งช้อนบรรจุน้ำแข็งใสราดน้ำหวานสีสวยเข้าปาก ทำเอาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หัวเราะพรืด ตวัดสายตาที่กำลังจ้องมองน้องสาวกับไอ้คู่หมั้นที่เขายังไม่ยอมรับกลับมามองท่าทางที่ดูราวกับเด็กๆ ของผู้หญิงผิวเข้มอย่างเอ็นดู

“เวลาได้กินดูคุณอารมณ์ดีจังนะน้ำหมึก”

ท่าทีเอร็ดอร่อยราวกับถ่ายโฆษณาขนมของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ชวนให้ลิ้มลองเหลือเกินว่าอร่อยจริงสมท่าทีที่แสดงออกหรือเปล่า แต่พอความความเย็นแตะริมฝีปาก เขาก็หมดข้อกังขาใดๆ

“อื้อ”

“อร่อยใช่ไหมคะ”

เมคอัพอาร์ติสสาวถามยิ้มๆ ก่อนจะลงมือจ้วงน้ำแข็งใสของตัวเองที่พร่องไปกว่าครึ่งถ้วยแล้วต่อ วันนี้กองถ่ายออกมาในเอาท์ดอร์ โลเคชั่น ที่ร้อนอบอ้าว การได้กินอะไรหวานๆ เย็นๆ จึงถือเป็นความสุขแบบสุดยอด

“นอกจากพวกผลไม้ที่กินแล้วสดชื่น สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือน้ำแข็งไสนี่ล่ะค่ะ…กินแล้วสบายใจดี ยิ่งเวลาที่รู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ หรือโกรธๆ แค่ได้กินน้ำแข็งไสคำเดียวอาการทั้งหมดก็จะหายไปเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ”

“แน่ใจนะว่าคำเดียวหาย?” ชายหนุ่มแซวด้วยรู้จักนิสัยการกินของคนพูดดี ”ถ้วยเดียวผมยังไม่แน่ใจว่าจะเอาอยู่หรือเปล่าเลยสำหรับคุณ”

“เอ๊ะ อะไรคะ นี่คุณหาว่าฉันกินจุเหรอ”

“หรือคุณจะเถียงล่ะ”

คนกินจุเถียงไม่ออกจึงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ ทำเอาคนแซวอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปยีหัวที่มีเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ม้วนตัวเป็นเกลียวดุจฟองคลื่นอยู่บนนั้น ซึ่งให้ความนุ่มนวลยามได้สัมผัสไม่ผิดไปจากที่คิด

สัมผัสของเขาทำให้เจ้าของเส้นผมยาวสลวยหัวใจเต้นตึกตัก รีบบอกให้เขาเอามือออกด้วยความเขิน

“คุณกำลังทำผมฉันยุ่งนะคะคุณดามพ์”

“อ้าว โทษที”

ชายหนุ่มพูดพลางดึงมือออกอย่างเสียดาย… ให้ตายเหอะ เขาเผลอตัวไปหน่อย เห็นเกลียวผมที่ดูหนานุ่มของเธอแล้วไม่รู้เป็นไง อยากลองเอามือไปพิสูจน์ดูทุกทีว่านุ่มลื่นอย่างที่คิดเอาไว้หรือเปล่า

“รู้หรือเปล่าน้ำหมึก คุณเหมือนน้ำแข็งไสถ้วยนี้เลย”

“คะ??”

“อย่างที่ผมเคยบอก คุณเป็นคนพิเศษที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ สบายใจได้ทุกครั้งที่ได้อยู่กับคุณ คุณอ่อนหวาน สงบเยือกเย็น จนบางคนอาจจะคิดว่าคุณเป็นคนนิ่งๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร แต่ความจริงคุณรู้จักวิธีรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้เป็นอย่างดีและพยายามประสานให้ทุกอย่างดีขึ้น…ถ้าเมื่อกี้คุณบอกว่าทุกครั้งที่คุณกินของที่หวานๆ เย็นๆ แล้วคุณรู้สึกสบายใจ ผมอยากจะบอกคุณว่า…” ชายหนุ่มเอียงหน้ามากระซิบที่ริมหูของคนข้างตัวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน...

“คุณคือหวานเย็นสำหรับผม”

ลำน้ำยามค่ำคืนในดวงตาของคนที่ได้ฟังระยิบระยับราวกับอาบไปด้วยแสงจันทร์และหมู่ดาวพร่างพราย หญิงสาวช้อนดวงตาขึ้นสบตาสีน้ำตาลเข้มด้วยความตื้นตันใจ หัวใจดวงน้อยรู้สึกถึงรสชาติหวานละมุนสดชื่นและเปี่ยมไปด้วยความสุขอันแสนชุ่มฉ่ำ...เหมือนกับว่ากำลังได้ลิ้มรสหวานเย็นที่ถืออยู่ในมืออย่างไรอย่างนั้น

“ขอบคุณค่ะ” นีราภาเอ่ยเสียงเบาและหวานนุ่มนวลที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินเสียงตัวเองมาในชีวิต “นี่เป็นคำชมที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้รับ”

ดวงตาที่เคยเป็นสีจัดและมีแววคุโชนของเปลวเพลิงอยู่ตลอดเวลายามนี้อ่อนแสงลงมาก เขาทอดมอง ‘หวานเย็น’ ของเขาด้วยแววตาอ่อนโยน เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งจากภายใน

“เฮ้ย ฝนตกๆๆๆ เก็บของเร็ว”

เสียงร้องตะโกนของผู้กำกับทำให้คนที่ตกอยู่โลกส่วนตัวทั้งสองหลุดออกจากภวังค์ เมคอัพอาร์ติสสาวเพิ่งสังเกตว่าอยู่ดีๆ ท้องฟ้าที่เพิ่งจะเป็นสีฟ้าก็มีเมฆหมอกสีเทาปกคลุมอยู่ทั่วไปหมด สายฝนที่ตอนแรกหยดลงมาเพียงแปะ แปะ ก็เทกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว

“อุ๊ย ตายแล้ว”

มือเรียวบางรีบกวาดเครื่องสำอางทั้งหมดลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็วเพราะโต๊ะที่เธอกางเมคอัพทั้งหมดเอาไว้อยู่ชิดริมขอบเต็นท์มาก ไม่รู้ว่าละอองฝนทำความเสียหายไปมากน้อยขนาดไหนแล้ว…ใครๆ ก็รู้ว่าเครื่องสำอางกับความชื้นน่ะถูกกันเสียที่ไหน ถ้าเกิดบรรดาลูกรักของเธอขึ้นราไปจะทำยังไงล่ะเนี่ย

“วันนี้เลิกกองแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้เจอกันเก้าโมงเช้า”

ผู้กำกับของกองประกาศให้ทุกคนแยกย้ายกันไปได้ นีราภาที่เก็บสัมภาระหมดแล้วจึงเตรียมตัวขนของไปขึ้นรถของตัวเองบ้าง หากหญิงสาวก็ตระหนักได้วินาทีนั้นเองว่า…เธอลืมร่มไว้ในรถอีกแล้ว!

บ้าจริงๆ เลย แล้วจะกลับไปที่รถได้ยังไงล่ะเนี่ย!

พายุฝนที่โหมกระหน่ำทำให้เมคอัพอาร์ติสสาวระย่อเมื่อคิดว่าทั้งคนทั้งของคงต้องเปียกปอนไปไม่น้อยกว่าที่จะบุกบ่าฝ่าฟันไปถึงรถ ลำพังตัวเธอน่ะไม่เท่าไรหรอก ถ้าเปียกกลับถึงคอนโดอาบน้ำก็เรียบร้อยแล้ว แต่บรรดาเจ้าโฉมงามลูกรักเนี่ยสิจะทำยังไงดี

“เอ้านี่ น้ำหมึก”

เดชพนต์นั่นเอง เขาจัดแจงเอาผ้าใบผืนใหญ่มาห่อกระเป๋าสัมภาระของหญิงสาวไม่ให้เปียกฝน พร้อมกันนั้นก็ยัดร่มคันใหญ่ใส่มือนุ่ม

“คุณดามพ์” นีราภาร้องด้วยความดีใจ

ถึงว่าช่วงที่ทีมงานกำลังเก็บของกันอย่างโกลาหลเธอจึงไม่เห็นเขา ที่แท้เขาก็ไปเอาร่มมาให้เธอนั่นเอง

หากรอยชื้นที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งตัวราวกับอาบน้ำฝักบัวทั้งเสื้อผ้าของเขาทำให้นีราภารู้สึกผิดไม่น้อย

“ขอบคุณ...และขอโทษค่ะที่ทำให้คุณเปียก”

“บ้าน่ะ คุณจะมาขอโทษทำไม เปียกฝนแค่นี้อาบน้ำก็หายแล้ว”

“แต่ถ้าคุณเป็นหวัด…” หญิงสาวท้วงเสียงอ่อนหากเดชพนต์ไม่ฟัง

“ผมดูเหมือนคนที่อ่อนแอเป็นหวัดง่ายหรือไง”

นีราภาสั่นหน้า ไม่พูดอะไรต่อเพราะรู้ว่ายังไงชายหนุ่มก็คงไม่สนใจหรอก เขาจัดการกับกระเป๋าของเธออย่างระมัดระวังไม่ให้มีการกระแทกและถูกละอองฝนเลยแม้แต่น้อย ท่าทีใส่ใจของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก วินาทีนี้เธอแน่ใจแล้วว่าการมีชายหนุ่มร่างสูงมาดเข้มคนนี้มาอยู่ใกล้ๆ ทุกวันเป็นความสุขของชีวิต…

เดชพนต์…ผู้ชายที่มีพลังแกร่งกล้าร้อนแรงราวกับเปลวไฟ ครั้งแรกเธอเคยคิดว่าเขาเป็นพระเพลิงที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกสรรพสิ่งจนวอดวายหากเขาต้องการ หาก…ดวงไฟดวงนี้กลับกลายเป็นแสงสว่าง เป็นความอบอุ่นให้หัวใจของเธอได้แอบอิง

หากยังไม่ทันข้ามวันดี เธอก็ได้รับข้อความที่ชายหนุ่มฝากวอยซ์ เมล์ ไว้ในโทรศัพท์ ที่ทำให้ความไออุ่นในหัวใจลดอุณหภูมิต่ำลง




นีราภาเพิ่งจะเห็นมิส คอล นับสิบครั้งโชว์อยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์เมื่อเธออาบน้ำสระผมเสร็จ ซึ่งชื่อของบุคคลที่โทรเข้ามาไม่ผิดไปจากบุคคลที่เธอกำลังคิดถึงอยู่ มือเรียวบางจึงกดปุ่มเพื่อโทรกลับ หากก็ได้ยินแต่เสียงแจ้งให้ทราบว่าหมายเลขที่ติดต่อไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้

นี่มันเกิดอะไรขึ้น!

เมคอัพอาร์ติสสาวร้อนใจขณะกดหมายเลขเข้าสู่บริการวอยซ์ เมล์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่เกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับเขาหรอกนะ

“น้ำหมึก ผมดามพ์นะ…ตอนนี้ผมอยู่ที่แอร์พอร์ต มีปัญหานิดหน่อยที่ทำให้ผมต้องรีบกลับนิวยอร์กกะทันหัน…ผมโทรมาบอกคุณเพราะไม่อยากให้คุณสงสัยว่าผมหายไปไหน…ผมอาจจะอยู่ที่นั่นแค่วันสองวันหรือนานกว่านั้นก็ยังตอบไม่ได้

ดูแลตัวเองดีๆ ลงจากรถอย่าลืมเอาร่มติดมือไปด้วย พักนี้ฝนตกบ่อย ผมไม่อยากให้คุณตากฝนจนเป็นหวัด แล้วผมจะรีบกลับมา ฝากดูแลยัยดรีมด้วย อย่าให้ไอ้ธีร์เข้ามาเกาะแกะมากจนเกินเหตุ บอกมันว่าผมไม่ยอมยกยัยดรีมให้คนอย่างมันง่ายๆ หรอก ตราบใดที่ยังไม่แต่งงานกันผมถือว่าดรีมยังเป็นกรรมสิทธิ์ของครอบครัวผม ไม่ใช่ของมัน

แล้วผมจะกลับมาหาคุณพร้อมของกินนะน้ำหมึก อย่าเพิ่งกินจนอิ่มล่ะ เผื่อท้องไว้รอของฝากจากผมด้วย”

ฟังจบแล้วเมคอัพอาร์ติสสาวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกๆ ทั้งที่ตอนแรกเขาเริ่มคำพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก หากเมื่อพูดไปเรื่อยๆ เดชพนต์ก็กลับมาเป็นพี่ชายหวงน้องสาวและเขม่นธีรุตม์คนเดิมที่เธอรู้จัก แถมตอนสุดท้ายเขายังไม่วายกัดความช่างกินของเธออีกแน่ะ

ชิ…ดูถูกน้ำหมึกเกินไปหน่อยแล้วค่ะคุณดามพ์ ต่อให้กินเยอะแค่ไหน กระเพาะสี่มิติก็สามารถบรรจุของฝากของคุณจนได้ล่ะน่า



ฉากแรกของวันเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ แม้จะเป็นตอนเช้าแต่เมฆหมอกก็ทำให้บรรยากาศมึดทะมึนไปหมด ทีมงานจึงสลับคิวฉากทะเลาะดุเดือดระหว่างญาติของนางเอกสาวกับพระเอกมาเป็นซีนที่นางเอกหนีจากการกักขังของญาติพี่น้องออกไปพบกับพระเอกท่ามกลางสายฝนเพราะบรรยากาศกำลังสมจริง เสียงฟ้าร้องครืนๆ ดังขึ้นเป็นแบ็คกราวน์เป็นระยะๆ

“ฮัดชิ้ว”

สาวสีน้ำผึ้งจามเสียงดังสนั่น หญิงสาวมักมากับฝนแต่ไม่เคยถูกกับฝนเลยสักที

“เป็นหวัดแล้วเหรอคะคุณน้ำหมึก” แม่บ้านถามเมื่อหญิงสาวดึงทิชชู่มาเช็ดจมูกเสียจนแดงไปหมด “เอ๊...หรือว่ามีใครบางคนคิดถึง”

“โอ๊ย ไม่มีหรอกค่ะป้านิ่มขา ใครจะมาคิดถึงน้ำหมึก”

คนถูกแซวแก้ตัวเป็นพัลวัน หากหญิงสูงวัยหัวเราะ

“แหม มาหลอกคนแก่ ทำไมจะไม่มี ก็ผู้ชายหล่อๆ หน้าตาเข้มๆ ที่มาหาคุณทุกวันไงคะ เอ...จะว่าไปวันนี้ป้ายังไม่เห็นเขาเลยนะคะ สงสัยเพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง คุณน้ำหมึกของป้าถึงหน้าตาเหงาๆ ไม่เห็นมาขอของกินป้าเหมือนเคย”

เมคอัพอาร์ติสสาวยิ้มแห้งๆ ให้แม่บ้านประจำกองถ่าย พร้อมกันนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหายถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งบินไปจากเมืองไทยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง ป่านนี้ยังน่าจะนั่งอุดอู้อยู่บนเครื่องบินเสียด้วยซ้ำ

ไม่ใช่แค่แม่บ้านประจำกองถ่ายที่สังเกตเห็น แม้แต่พระเอกนางเอกของละครก็ยังรู้สึกถึงท่าทีที่แปลกไปของเมคอัพอาร์ติสสาวสีน้ำผึ้ง

“แค่รู้ว่าไอ้ดามพ์ไม่อยู่ น้ำหมึกซึมไปเยอะเลยนะนี่”

ธีรุตม์ออกความเห็น ซึ่งคู่หมั้นแสนสวยของเขาก็เห็นด้วย

“นั่นสินะ เฮ้อ…ตอนแรกดรีมก็ดีใจหรอกนะที่พี่ดามพ์กลับนิวยอร์กไปได้ จะได้ไม่มีสายตาจ้องจับผิดมาให้รู้สึกวูบๆ อีก แต่พอเห็นหน้าพี่น้ำหมึกแล้วดรีมรู้สึกเศร้ายังไงก็ไม่รู้ค่ะ”

“ดูนั่นสิ ดรีม นั่งใจลอยอีกแล้ว สงสัยใจลอยไปถึงนิวยอร์กก่อนเจ้าตัวอีกมั้งนี่”

“ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว”

คนถูกนินทาว่าใจลอยจามติดกันอีกสองครั้ง ซึ่งครั้งนี้หญิงสาวชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองกำลังถูกใครคิดถึง นินทา หรือว่าเป็นหวัดกันแน่ รู้แต่ว่าเธอกำลังคิดถึงใครบางคน…คนที่มีรูปร่างสูงสง่า ใบหน้าคมเข้ม คิ้วพาดเฉียงเป็นแนวยาวรับกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มดุดันที่มักจ้องมองมาทางเธอตรงๆ เสมอ คิดถึงรอยยิ้มน่าดูที่ค่อนข้างจะหาได้ยากจากคนอย่างเขา คิดถึงน้ำเสียงห้าวหากกังวานมีพลังที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

น่าแปลกที่เธอเคยคิดว่าสักวันถ้าเขาไม่อยู่เธอคงจะโล่งใจไม่น้อยที่ไม่ต้องทำงานควบสองตำแหน่ง คือเมคอัพอาร์ติสและพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยภายในกองถ่าย (อาจจะพ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดของพระเอกนางเอกไปด้วยกลายๆ) หากในวันนี้ที่ไม่มีเขาจริงๆ เธอกลับใจหายอย่างแรง ในโพรงอกที่เคยอบอุ่นเหมือนมีความเยือกเย็นว่างเปล่าเข้ามาแทนที่

หญิงสาวไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่คนละฝั่งฟ้ากำลังใจตรงกัน

เดชพนต์นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศท่ามกลางความมืดมิดยามราตรีของมหานครนิวยอร์ก ทีมงานของเขาทุกคนกำลังเร่งทำงานแข่งกับเวลาจนแทบจะไม่มีใครได้พักผ่อนเสียด้วยซ้ำ ตัวเขาเองพอลงจากเครื่องบินก็รีบตรงดิ่งมายังสำนักงานจนไม่มีเวลาได้กินอะไรสักคำด้วยซ้ำ

เขาคิดถึงนีราภาจับใจ...

ถ้าเป็นตอนที่เขาอยู่เมืองไทย ยังไม่ทันจะรู้สึกหิว เมคอัพอาร์ติสสาวผิวเข้มจะต้องหาอะไรกินและส่งมาให้เขาได้มีส่วนร่วมในลาภปากด้วยอยู่เรื่อยไป

แต่ไม่ใช่อาหารเท่านั้นหรอกที่เขาได้รับจากเธอ...

นีราภา…สายน้ำที่เลื่อมพราย เธอจะรู้ไหมนะว่าดวงตาของเธอมีอิทธิพลต่อผู้ที่พบเห็นมากแค่ไหน เพียงแค่ครั้งแรกที่ได้มองลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีดำของเธอ เขาก็รู้สึกเหมือนถูกเกลียวคลื่นในท้องสมุทรดึงดูดเข้าสู่ความเย็นชื่นฉ่ำ…เป็นความรู้สึกร่มรื่นที่เขาไม่เคยสัมผัสและยังตราตรึงอยู่ในใจไม่รู้คลาย

ห่างกันเพียงแค่วันเดียวความร้อนรุ่มก็กลับมาอยู่ในใจของเขาอีกแล้ว เดชพนต์ยอมรับ เขาไม่เคยคิดถึงใครมากขนาดนี้ ข้างในอกมันร้อนรุ่มกระวนกระวายไปหมด เป็นความร้อนที่แตกต่างจากตอนที่รู้เรื่องของดาวิษากับธีรุตม์ ตอนนั้นเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนถูกแผดเผา หากครั้งนี้…เขารู้สึกว่าข้างในหัวใจมันโหวงๆ ชีวิตเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่าจนร้อนใจอยากจะหาอะไรมาเติมเต็ม

…น้ำหมึก ผมอยากเห็นหน้าคุณ



((โปรดติดตามตอนต่อไป))


########################



ท้ายนี้ ขอย้ำกติกาของเราอีกครั้งนะคะ

1. ผู้เข้าร่วมเล่นเกมทุกคนกรุณาอ่านกติกาข้างล่างนี้อย่างละเอียด มิเช่นนั้นหมดสิทธินะเออ สี่สาวขอเตือน

2. การเล่นเกมจะเล่นกันทั้งหมด 4 สัปดาห์ โดยเรียงลำดับดังนี้

- 05.12.08 เล่นที่บ้านจอย (กระแตดอก 'รัก')
- 12.12.08 เล่นที่บ้านโน้ต (เชื่อมรัก...หวานเย็น)
- 19.12.08 เล่นที่บ้านเปี๊ยก (หัวใจต้องลม)
- 26.12.08 เล่นที่บ้านเอ้ย (หวาน (ซ่อน) ใจ)

3. ผู้เล่นทั้งหมดจะต้องร่วมเล่นเกมส์เก็บคะแนนทั้งหมด 4 ฐานที่กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยแต่ละฐานจะประกอบไปด้วยคำถามจากแต่ละเรื่องที่ได้อ่านกัน สัปดาห์ละ 4 ข้อ

4. ผู้เข้าเล่นเกมในแต่ละฐานมีสิทธิตอบได้แค่ฐานละ 1 ครั้งเท่านั้น โดยคำตอบแรกเราถือเป็นที่สุด (ดังนั้นคิดดีๆ ก่อนตอบนะคะ)

5. ผู้เล่นมีเวลาเล่นเกมทั้งหมด 6 วันในแต่ละฐาน นั่นก็คือ เจ้าบ้านจะลงเรื่องในแต่ละตอนทุกๆ วันศุกร์ ผู้เข้าร่วมเล่นมีเวลาในการตอบคำถามจนกระทั่งเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีถัดไปในการตอบ แล้วเจ้าบ้านจะปิดรับคำตอบสำหรับแต่ละฐาน อาทิเช่น บ้านจอยน้อยลงคำถามวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม ทุกคนสามารถตอบได้จนกระทั่งเที่ยงคืนของคืนวันพฤหัสบดีที่ 11 แล้วรอเล่นเกมในฐานที่ 2 ถัดไป เป็นเช่นนี้ทุกๆ สัปดาห์ ดังนั้นหมายความว่าฐานสุดท้ายฐานที่ 4 จะปิดรับคำตอบในวันที่ 1 มกราคม 2552 นั่นเอง

6. ผู้เข้าตอบคำถาม เวลาตอบคำถามให้ระบุหัวข้อชอยด์มาด้วย เช่น ข้อ 1 พระเอกเรื่องกระแตดอกรักชื่ออะไร
1. ดวิษ
2. ดามพ์
3. พสิษฐ์
4. นักตะ
ถ้าจะตอบว่า ดวิษ ให้เพื่อนๆ ตอบว่า ข้อ 1 ตอบ 1 ดวิษ
ทั้งนี้และทั้งนั้นเพื่อเป็นการรักษาสิทธิของเพื่อนๆ เอง เผื่อว่าเขียนข้อผิดแต่ตอบถูกนะจ๊ะ

7. เนื่องจากเจ้าบ้านมี 4 คนมีหนังสือให้เพื่อนๆ คนละ 1 เล่มเท่านั้น หากมีผู้ได้คะแนนสูงสุด 4 อันดับมากกว่า 4 คน เจ้าบ้านจะนำชื่อของคนที่เกินมานำไปจับฉลาก โดยจะเรียงจากคนที่ได้รับคะแนนสูงสุดลงมานะคะ เช่น ถ้ามีคนได้คะแนนที่ 1 จำนวน 2 คน นั่นหมายความว่าจะไม่มีที่ 2 อันดับต่อไปก็จะเป็นอันดับที่ 3 เลย และ อันดับที่ 4 ตามลำดับ ถ้าหากมีที่ 4 มากกว่า 1 คน เราก็จะเอาคนที่ได้คะแนนในลำดับที่ 4 ทั้งหมดมาจับฉลากเพื่อให้ได้คนที่ได้รับหนังสือไป 4 คนค่ะ

8. การตัดสินของเจ้าบ้านถือเป็นที่สุดนะคะ

9. กรณีพิเศษ... เนื่องจากจอยน้อยและพี่เอ้ย มีทั้งเวปไซด์และบล็อก และโตมีสองบล็อก ดังนั้นเราจะเปิดให้เล่นเกมทั้ง 2 ที่นะคะ แต่ว่าคนที่เล่นให้เลือกเล่นที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น ห้ามเล่นทั้งสองที่ ไม่งั้นถือว่าผิดกติกา (เจ้าบ้านปรับตกจริงๆ นะเออ) และถ้าหากใครมี log in ที่เวปไซด์ไม่ตรงกับ bloggang เจ้าบ้านอนุญาตให้ระบุชื่อ log in ใน bloggang มาด้วยได้ถ้าหากอยากเล่นเกมในเวปค่ะ เพราะเราต้องเก็บคะแนน 4 ฐานเนอะ จะได้สะดวกๆ นะจ๊ะ

10. ขอให้มีความสุขกับการอ่านและสนุกกับการเล่นเกมค่ะ




Create Date : 19 ธันวาคม 2551
Last Update : 20 ธันวาคม 2551 0:12:29 น. 3 comments
Counter : 521 Pageviews.

 
ตอบคอมเมนต์นะคะ

คุณ vts คุณคนผ่านมา คุณpumpam -- ได้รับคำทายแล้วนะคะ

คุณ yoja คุณเจนนี่ -- ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ


โดย: บทเพลงแห่งความฝัน วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:21:39:57 น.  

 


วันนี้วันเสาร์ที่..20 ธันวาคม พศ 2551
วันนี้วันพระค่ะ..แรม..8..ค่ำ..เดือน 1.
***สวัสดีค่ะวันนี้ขอมีความสุขมากๆนะคะ
ขอให้อย่าเจ็บอย่าจน...ขอให้คุณพระคุ้มครองนะคะ
วันนี้ไปจังหันต์มาค่ะเลยเอาบุญมาฝากก่อนใครเลยละ
wa@yoja



โดย: ตั้งใจเอาบุญมาฝาก (yoja ) วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:10:17:45 น.  

 


สวัสดีค่ะเอาบุญมาฝากแต่เช้าค่ะ


โดย: yoja วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:9:11:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บทเพลงแห่งความฝัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ผู้หญิงทำงานโลภมากที่อยากสวย เก่ง ประสบความสำเร็จ มีความสามารถรอบด้าน และมีความสุขมากที่สุดในโลก (ไม่ว่าจะโสดหรือไม่ก็ตาม อิอิ) ^^









Friends' blogs
[Add บทเพลงแห่งความฝัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.