,./*v*,.. Happy Chinese New Year 2009 ..,*v*.,/
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
29 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
'เรื่องนี้มีรัก' โปรเจคพิเศษของขวัญปีใหม่ : บทนำ

เทศกาลแห่งความสุขใกล้เข้ามาทุกทีแล้วนะคะ ^^ หลายๆ คนก็คงมีแผนสำหรับฉลองและส่งความสุขให้กับผู้อื่นด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับปีนี้สี่สาว โน้ต-เปี๊ยก-เอ้ย-จอย ขอส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ด้วยการลงนิยายที่เราทั้งสี่ร่วมกันเขียนขึ้นด้วยความหวังที่จะมอบความสุขกับให้กับทุกๆ คน เพราะเราถือว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านเป็นคนสำคัญของเราค่ะ

วันนี้ พวกเราสี่สาวจึงขอเริ่มต้นด้วยเราลงบทนำของนิยายเรื่องนี้ โดยบทนำนี้เป็นผลงานของเอ้ย-ปัญญ์ปรียาค่ะ




*************************




บทนำ


ภารวีระรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์ ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ สลับกับสนทนาบนโปรแกรมแชทในอินเตอร์เน็ตซึ่งสามารถติดต่อเรื่องงานรวมถึงคุยเล่นกับเพื่อนได้ในตัว

จัดการเซฟงานและทำการตรวจทานอีกรอบเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ ภารวีต้องสะดุ้งเมื่อป๊อบอัพของโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นเด้งขึ้นบริเวณมุมขวาล่าง เป็นชื่อของเพื่อนคนที่เธอรู้จักกันเพราะรสนิยมคล้ายกัน และดูจากการตั้งชื่อแล้ว ท่าทางจะความอยากอาหารจะมีสูงมาก เข้าใกล้กับคำว่าล้นเลยทีเดียว

...อยากกินอาหารญี่ปุ่นที่สุดในโลก ทั้งที่คืนนี้กำลังจะไปญี่ปุ่นแท้ๆ บ้าเนอะ...

ภารวีอ่านชื่อที่เพื่อนตั้ง อดยิ้มออกมาไม่ได้ นั่นสิ รายนี้กำลังจะไปถึงเจ้าของต้นตำรับอาหารที่ตนอยากอยู่แล้ว ยังออกอาการอย่างนี้ได้ สงสัยต้องสนองความต้องการหน่อยแล้ว เพราะเธอเองก็อยากกินเหมือนกัน

ภารวีไม่รอช้า เปิดหน้าต่างโปรแกรม เลือกชื่อคนอยากอาหารญี่ปุ่น จัดการส่งประโยคทักทายที่อีกฝ่ายน่าจะสะดุ้งนิดๆ ขำหน่อยๆ

“บ้าจริงๆ ด้วยจุ๊บจิ๊บ” พิมพ์ไปก็ขำไป จินตนาการหน้าเพื่อนได้เลยว่า เจอตัวอักษรเรียงกันสวยแบบนี้ รับรองตอบกลับแบบวี้ดๆ ตามสไตล์จิรชยาแน่นอน

“กรี๊ดดด...ภารวีเธอว่าฉันบ้าเหรอ” ตามด้วยรูปตุ๊กตาที่ทำท่ากรีดร้องเหมือนประโยคด้านหน้า

“ใช่เลย ไม่บ้าก็คงไม่ขึ้นชื่อว่าตัวเองแบบนี้หรอก”

“เออ นั่นสิ ให้อภัยก็ได้ เห็นแก่ว่าฉันเป็นคนตั้งเองหรอกนะ แต่เกรท เธอว่าฉันบ้าไหม คืนนี้จะบินไปญี่ปุ่นแต่อยากกินอาหารญี่ปุ่นที่เมืองไทยมากกกก...” จิรชยาลากกอไก่ยาวจนแทบสุดบรรทัด

“ก็ทักไปแล้วว่าบ้าไง อยากให้ฉันด่าซ้ำอีกรอบเหรอเนี่ย แต่ไม่แปลกหรอกเพราะอย่างพวกเราเรื่องกินเรื่องใหญ่อยู่แล้วนี่นา”

เพราะการชอบกินเป็นพิเศษทำให้เธอได้รู้จักกับจิรชยา เริ่มต้นจากการเล่นในเว็บบอร์ดที่ชื่อ ‘โต๊ะอาหารจุกจิก’ ซึ่งเป็นแหล่งรวมข้อมูลเกี่ยวกับการกิน ที่ไหนมีอะไรอร่อย หรือใครอยากจะแนะนำร้านอาหารก็ทำได้ บางกระทู้มีการถ่ายรูปให้ดูกันน้ำลายหกเลยทีเดียว

ด้วยความชอบที่เหมือนกันและมีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกัน รวมไปถึงอายุใกล้กันทำให้ยามพบหน้าในงานมีตติ้งเมื่อหลายปีก่อน เธอจึงได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่จิรชยาเท่านั้น ในงานนั้นเธอยังได้เพื่อนเพิ่มอีกสองคน สมาชิกก๊วนคนชอบกินเลยมีจำนวนสี่คน

“ในเมื่อจุ๊บจิ๊บอยากมากๆ เดี๋ยวฉันจัดให้ กินเย็นนี้เลยนะ ว่าแต่จะทันขึ้นเครื่องหรือเปล่า” ภารวีเกรงเรื่องการเดินทางของเพื่อน

“สบายมากจุ๊บจิ๊บสามารถ เรื่องกินฉันทำได้ทุกอย่าง” จิรชยาพิมพ์กลับแบบไม่ต้องคิด เรื่องกินเรื่องใหญ่ ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ก่อน

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจัดการให้ รอแป็บนึงนะ ติดต่อก๊วนสาวๆ ของเราก่อน ป่านนี้ขวัญกับน้ำหมึกกำลังทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ แต่ถ้าเอาของกินไปล่ออาจจะลอยตามลมมาก็ได้” ภารวีกล่าวติดตลกนิดๆ พลางจินตนาการถึงเพื่อนอีกสองคนว่าถ้าลอยบนฟ้ามาเพราะอาหารคงตลกน่าดู

“รีบติดต่อเลย ฉันจะรออยู่ตรงนี้ แต่ขอแซวหน่อยเถอะ อารมณ์ดีเหลือเกินนะ มีอะไรดียะ”

“ไม่บอก!!!” ไม่ใช่อยากจะปิดบัง ความจริงเธอไม่รู้จะบอกอะไรต่างหาก ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ ‘ใคร’ คนหนึ่งยังคลุมเครือ แต่มันก็ทำให้เธอมีความสุขแบบในทุกวันนี้

“เชอะ ไม่อยากรู้”

ภารวีขำกับตัวกระต่ายหน้าเฉยทว่าทำท่าเชิดใส่แบบไม่ง้อที่จิรชยาส่งมาให้ คิดภาพว่าเป็นตัวจริงทำ คงตลกน่าดู ถึงกระนั้นมือยังทำหน้าที่เป็นผู้สื่อสารที่ดี หยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อติดต่อกับสองสาวที่เหลือ

“ฮัลโหล ขวัญเหรอเย็นนี้กินอาหารญี่ปุ่นด้วยกันดีกว่า พอดีมีคนอยาก” เหยื่อรายแรกคือแรกขวัญ รายนี้ตามตัวง่าย ได้คำตอบไวที่สุด

“ใครเหรอเกรท เกิดอาการอยากกะทันหันเชียว” สาวชื่อเพราะตอบกลับ

“จะมีใคร ก็จุ๊บจิ๊บนะสิ”

“อ้าว เห็นจะไปญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ อารมณ์ไหนกันเนี่ย”

“อารมณ์อยากกินนะสิ ไปไหมขวัญ เย็นนี้ที่ร้านเดิม” ร้านเดิมที่ว่าหมายถึงร้านอาหารญี่ปุ่นบริเวณถนนสีลม อันเป็นที่สะดวกสำหรับสาวออฟฟิศอย่างพวกเธอ

“หกโมงครึ่งเหมือนเดิมใช่ไหม” ถามแบบเป็นคำตอบกลายๆ ว่าตกลง

ภารวีขมวดคิ้ว เพิ่งสังเกตน้ำเสียงอีกฝ่าย ดูหมองๆ เหมือนมีเรื่องกังวล แม้แสร้งให้เป็นปกติแต่มันไม่ใช่แรกขวัญคนเดิม

อืม...อยากรู้แต่ยังไม่อยากถาม ไว้เจอหน้ากันดีกว่า

“ใช่ ตกลงนะเดี๋ยวจะตามหาน้ำหมึกก่อน ไม่รู้ทำงานอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย” ภารวีกำลังนึก ไม่รู้นีราภาเคยบอกคิวในการทำงานหรือเปล่า

“ได้จ้าแล้วเจอกัน”

วางสายจากหนึ่งสาวที่น้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก ห่วงก็ห่วง แต่ยังมีภาระอยู่ แถมเป็นภาระอันยิ่งใหญ่เสียด้วย ถ้าตามตัวนีราภาไม่ได้ ไม่รู้จิรชยาจะอาละวาดหรือเชิดใส่อีกหรือเปล่า

แนบหูกับโทรศัพท์เครื่องเล็ก รอเสียงสัญญาณดังสองสามครั้งปลายสายก็กดรับสาย

“ว่าไงยายเกรท” นีราภาตอบกลับเสียงร่าเริง

“ยายเกรทไม่ว่าไง แต่จุ๊บจิ๊บนะสิ...” แล้วเธอก็บอกถึงความต้องการของจิรชยาให้นีราภาได้รับทราบ

“อ๋อ ความอยากมาเยือนนี่เอง”

“แล้ววันนี้ว่างหรือเปล่า อยู่ส่วนไหนของประเทศไทย” ถามสาวผู้มีงานยุ่งตลอดปี กลัวว่าจะอยู่แถวขอบชายแดน กว่าจะกลับมาถึงกรุงเทพฯ คงไม่ทันเวลานัด

“อยู่กรุงเทพฯ ย่ะ เดี๋ยวจะเสร็จงานแล้ว เย็นนี้เจอกันได้เลย มีสามสาวแล้วไม่มีน้ำหมึกได้ยังไง เดี๋ยวจะแช่งให้ท้องเสียกันเลย” นีราภาหัวเราะหึๆ ให้ดูน่ากลัว

“กลัวมาก โอเค รอรวมตัวที่ร้านเดิม เวลาเดิมนะ จะได้ครบสาวทั้งสี่ธาตุ”
จะไม่ให้เรียกว่าสาวสี่ธาตุได้อย่างไร ในเมื่อทั้งสี่คนนั้นเกิดอยู่ในช่วงที่ต่างกัน พอแปลงเป็นธาตุตามหลักโหราศาสตร์ ตัวเธอจะเป็นไฟ นีราภาเป็นน้ำ จิรชยาเป็นลม ส่วนแรกขวัญเป็นดิน

ดิน น้ำ ลม ไฟ...กลายเป็นสี่สาวสี่สไตล์ ภารวีเองยังงงๆ ว่าคนต่างกันเวลามาอยู่รวมกันกลับเข้ากันได้ดีเสียยิ่งกว่าคนนิสัยเหมือนกันอีก

นี่ละมั้ง คนต่างกันสุดๆ พออยู่ด้วย กลับเติมเต็มซึ่งกันและกันได้ดี

“แล้วเจอกันนะน้ำหมึก ถ้ามีเครื่องสำอางมาฝากจะดีมาก”

“งกจริงๆ แต่ถ้าให้แล้วเธอเลี้ยงข้าวฉัน ฉันยอมนะ”

พูดจากันอีกสองสามคำภารวีขอวางจากฝ่ายโน้นเมื่อเห็นจิรชยาส่งข้อความมาถึง

“ว่าไงเกรท นี่ฉันลุ้นอยู่นะ”

“เรื่องกินเรื่องใหญ่จริงๆ...เรียบร้อย ขวัญกับน้ำหมึกตกลงแล้ว เย็นนี้ขนข้าวขนของออกจากบ้านมารอที่ร้านได้เลย”

“จะบ้าเหรอ กระเป๋าฉันไม่ใช่น้อยๆ ขนไปที่ร้านเลย ร้านเขาต้องปิดพอดี เดี๋ยวฉันจัดการเองเธอไม่ต้องแนะนำหรอก หมั่นไส้คนอารมณ์ดี”

“เบื่อคนขี้อิจฉา ฉันไปทำงานต่อดีกว่า แล้วเย็นนี้เจอกันนะ อย่ามาสายล่ะ เดี๋ยวจะต้องรีบกินรีบไป ไม่ทันเครื่องพอดี”

“ได้ๆ ไม่สายหรอก แล้วเจอกันนะ” จิรชยาทิ้งท้ายอีกสองสามคำก่อนออกจากระบบ ภารวีเดาว่าคงไปจัดการเคลียร์ธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น

ภารวีอมยิ้มกับคอมพิวเตอร์ กดปิดหน้าต่างสนทนา กำลังคิดว่าจะสะสางงานตัวไหนต่อ วันนี้ไม่น่าจะมีอะไรทำมากไปกว่าการเช็คความเรียบร้อยอีกนิดหน่อย

แล้วเธอก็นึกออกว่าลืมทำหน้าที่อันเป็นกิจวัตร หยิบโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้ง กำลังจะโทรศัพท์ออก แต่นึกขึ้นได้ว่าเป้าหมายนั้นได้แจ้งไว้ว่าวันนี้มีคุยงานกับลูกค้า หญิงสาวไม่แน่ใจว่าเป็นช่วงไหน จึงเปลี่ยนเป็นการส่งข้อความแทน บอกให้ทราบวันนี้มีนัดกับเพื่อนกลับบ้านค่ำกว่าทุกวัน กดส่งไป รอเพียงไม่นาน ภารวีก็ได้รับข้อความตอบกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า



“ทำไมยังไม่มาอีกนะ หิวแล้วนะเนี่ย” จิรชยาดูนาฬิกาพลางเอี้ยวตัวไปด้านหลัง หันไปทางผนังกระจกของร้านอาหารญี่ปุ่น เพื่อดูว่าเมื่อไรสมาชิกจะมากันครบ ขาดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

“หิวก็กินก่อนเลยสิจุ๊บจิ๊บ รอไปเดี๋ยวหิวแย่ แล้วดูสั่งมาเยอะแยะกินสามคนกินไม่หมดหรอก ต้องสี่เท่านั้น” แรกขวัญที่นั่งตรงข้ามกับจิรชยาบอกยิ้มๆ พลางคีบเกี๊ยวซ่าที่ได้ฟรีจากการสะสมแต้มในบัตรเข้าปากคำโต เป็นการเริ่มต้นการกิน

“นั่นสิ นี่ขวัญเขาก็เปิดก่อนแล้ว กินเลยจุ๊บจิ๊บฉันกลัวว่าเธอจะหิวจนตาลายไปซะก่อน” ภารวีซึ่งนั่งฝั่งเดียวกับแรกขวัญเสริม

“ก็ดูสิน้ำหมึกยังไม่มาสักที นี่ฉันรอเมาท์ด้วยนะ ไม่ใช่รอกินอย่างเดียว” การกระทำบ่งบอกว่าไม่ได้รอกิน ด้วยการเริ่มจัดการอาหารชุดของตัวเองทันที

“เชื่อแล้วว่าไม่ได้รอ แต่จะว่าไปน้ำหมึกทำอะไรอยู่นะไม่มาสักที เมื่อกี้ขวัญโทรไปบอกว่ากำลังเดินมาจากที่จอดรถ พอเห็นฝนจะตกเลยกลับไปหยิบร่มที่รถอีกรอบ”

เป็นจริงอย่างเเรกขวัญว่า เมื่อครู่มีฟ้าแลบกับลมที่พัดแรง คาดว่าอีกไม่นานฝนก็จะตก

“รู้สึกจะโทรไปเมื่อสามสิบนาทีที่แล้วนะขวัญ ตั้งแต่เราสั่งอาหารให้น้ำหมึกแล้วด้วยซ้ำ อาหารถึงได้ตั้งยั่วยวนเต็มโต๊ะไปหมด” ภารวีมองไปทางหน้าร้าน เผื่อจะเห็นนีราภาเดินตามฟุตบาท

“ที่จอดรถก็อยู่ไม่ไกลเลย ทำไมนานจัง” จิรชยาสงสัย

แล้วคำตอบก็มาพร้อมกับสาวสีน้ำผึ้งที่เดินเข้ามาในร้านพอดี

“สวัสดีสาวๆ มานานหรือยัง ขอโทษทีนะพอดีมีคนโทรศัพท์มาเรื่องงานก็เลยนั่งคุยกันนานไปนิด” นีราภาพาตัวเองนั่งข้างจิรชยาทันที

“ไม่นิดเลยน้ำหมึก เรียกว่านานมาก แค่กลับไปเอาร่มที่รถ ไปนานเชียว” ภารวีแซว

“ก็นั่นแหละ พอไปถึงที่รถ โทรศัพท์มาพอดีเลยนั่งคุยกันยาว”

“โทรศัพท์มือถือมันไร้สายเดินไปคุยไปก็ได้” จิรชยาไม่ยอม หยุดมือจากการกินชั่วขณะ

“รู้ย่ะ แต่บังเอิญมือถือฉันมันแบตฯ หมดพอดีนี่นา เลยต้องเสียบชาร์จในรถไปคุยไปจนกว่าจะจบเรื่อง...เอาน่าไหนๆ ก็มาแล้วสั่งของครบแล้วใช่ไหม งั้นลงมือกินเลยดีกว่า เห็นจ้องอาหารกันจนน้ำลายยืดแล้วยืดอีก”

นีราภาดึงตะเกียบออกจากซองกระดาษ ดึงมันออกจากกัน แล้วก็ต้องหยุดการกระทำทั้งหมด เมื่อเห็นส่วนหัวนั้นแบ่งตามรอยขีด มันแยกออกมาแบบเยอะข้างส่วนอีกข้างแทบจะไม่เหลือส่วนบนเลย

“ท่าทางช่วงนี้ดวงฉันอาจจะไม่ค่อยดีแล้วล่ะ สาวๆ ดูนี่ดิ...พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามไปทำงานด้วย ถ้าไม่เจออะไรน่าปวดหัวก็ดีหรอก เฮ้อ...เห็นตะเกียบหน้าตาแบบนี้แล้ว สังหรณ์ใจแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้”

“มันน่าเกลียดจริงๆ ด้วย” ภารวีชะโงกหน้าไปดู เห็นด้วยกับนีราภา “แต่ไม่น่าจะมีอะไรมั้งก็แค่ตะเกียบ”

คราวนี้สามสาวที่เหลือก้มดูของตัวเองบ้าง คนที่แย่ใกล้เคียงกับสาวผิวน้ำผึ้งมีเพียงแรกขวัญเท่านั้น

“ของขวัญก็ไม่ต่างกันเลย” แรกขวัญบอก

“นี่เราสองคนจะโชคร้ายหรือนี่ แย่จัง” นีราภาทำหน้าเหมือนคนสิ้นหวัง

“ของขวัญอาจจะไม่ใช่แค่ ‘จะ’ มันโชคร้ายไปแล้วมั้ง” พูดไปสีหน้าก็ขรึมลงทันตา ทำให้ภารวีนึกเรื่องที่คาใจขึ้นได้

“โชคร้ายไปแล้วเหรอ ขวัญมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เกรทสังเกตตั้งแต่ตอนคุยโทรศัพท์กันแล้ว” ภารวีเข้าประเด็น

“ไม่มีอะไรหรอกเกรท เรื่องจุกจิกกวนใจเฉยๆ” แรกขวัญปฏิเสธ พยายามทำสีหน้าให้ดีขึ้น ทว่าคนมองทั้งสามกลับไม่คิดเช่นนั้น

“แน่ใจนะว่าเรื่องจุกจิก” จิรชยาถามย้ำ แรกขวัญพยักหน้าตอบย้ำชัดให้ทุกคนไม่ต้องห่วง

“เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง ไม่ต้องห่วงนะ”

“อืม...งั้นถ้ามันเป็นเรื่องใหญ่แล้วค่อยเล่าแล้วกัน ตอนนี้กินก่อนดีกว่าเนอะ” นีราภาทำเป็นไม่สนใจ แต่จริงๆ แล้วก็อดห่วงไม่ได้ แต่รายนี้ถ้าอยากบอกคงบอกเอง ไม่อยากไปบังคับอะไรมาก

“ตามใจ กินกันดีกว่าเนอะ” ภารวีคีบปลาแซลมอนย่างซีอิ้วใส่ปากที่เคลือบลิปสติกเพียงบางเบา

“ว่าแต่คนไปญี่ปุ่นจ๊ะ อย่าลืมของฝากพวกเราด้วยนะ” นีราภาเปิดประเด็นใหม่

“เอาเป็นอะไรดีละ” จิรชยาถาม

“ไม่รู้ อยากซื้ออะไรก็ซื้อมาเถอะ โดยเฉพาะเครื่องสำอางหน้าตาเก๋ๆ...เออ ถ้านึกไม่ออกขอเป็นผู้ชายสักคนก็ได้นะ ฉันจะได้ไม่ต้องถ่อไปหาเองถึงญี่ปุ่น”

“นี่น้ำหมึกหวังขนาดนี้เลยเหรอ ท่าทางจะกลัวเป็นโสดขนาดหนัก” จิรชยาค้อนอย่างหมั่นไส้ ของฝากแบบนี้หายาก ใครจะไปหาได้ “ถ้าฉันเจอนะคงคว้าเอาไว้ก่อนเลย

“โธ่...ก็กลัวเหมือนกันนั่นแหละ” สองสาวเริ่มเถียงกันพอหอมปากหอมคอ แรกขวัญกับภารวียิ้มบางๆ สองคนนี้เจอกันทีไรมีเรื่องสนุกๆ ดูทุกที

“เอาเป็นว่าหาใครไม่ได้เราก็อยู่เป็นโสดก็แล้วกันนะ ไม่เหงาดี” ภารวีประนีประนอม

“ใครเขาจะเหมือนเธอละเกรท มีใครก็ไม่รู้อยู่ข้างกายตลอดเวลา” จิรชยาแอบแซว

“ก็เพื่อนกัน” ตอบอุบอิบด้วยน้ำเสียงที่เบาลง เสทำเป็นสนใจซูชิหน้ากุ้งแทน

“เพื่อนกัน เชื่อมากๆ กลับมาจากญี่ปุ่นจะดูว่าเธอจะเสียเพื่อนหรือเปล่า” เสียเพื่อนแต่ได้อย่างอื่นมาแทน

“กลับมาถึงเมืองไทย ขวัญจะรอดูจุ๊บจิ๊บเหมือนกันว่าจะมีใครติดตัวกลับมาหรือเปล่า อ้อ ไม่สิ เรียกว่าติดหัวใจกลับมาดีกว่าเนอะ” แรกขวัญที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น เล่นเอาจิรชยาแทบสำลัก

“นั่นสิ” นีราภาหัวเราะในลำคอ ตวัดตามองคนข้างกายอย่างมีเลศนัย

“ไม่ต้องรีบไล่ฉันก็ได้ ขออยู่เป็นโสดกันสี่คนดีกว่าเนอะๆ แต่ละคนกินกันเก่งๆ ใครจะมาสอยลงจากคานได้ก็ไม่รู้”

“ของอย่างนี้มันอยู่ที่โชคชะตา” แรกขวัญพูดอย่างเป็นกลาง

“นั่นสิ” ภารวีเห็นด้วย

“บางทีโชคชะตาอาจจะเล่นตลกกับพวกเราก็ได้นะ” นีราภาเอ่ยไม่จริงจังนัก ตอนนี้สนใจกับการกินของตัวเองมากกว่า ชีวิตเธอคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปมากกว่าเรื่องงานอีกแล้ว

“ไว้เดี๋ยวถ้ามันเล่นตลกจริงๆ จะอีเมล์มาเล่าให้รับรู้แล้วกัน แต่ตอนนี้กินก่อนดีกว่า” จิรชยาก้มดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง ยังไม่ทันได้คีบอะไรเข้าปาก ก็ต้องร้องขึ้น พลอยทำให้สาวทั้งสามหันไปมองเป็นตาเดียว

“ตายแล้ว รีบกินกันเลยนะ ทำไมเวลามันเดินเร็วอย่างนี้ จะไปขึ้นเครื่องทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดูสิน้ำหมึกเพราะเธอที่มาช้า ทำให้เริ่มกินช้าไปด้วย” เริ่มโยนความผิดให้คนข้างตัว

“แล้วใครใช้ให้นัดวันนี้ล่ะ แหม รีบกินเลย ต้องกลับไปเอากระเป๋าที่บ้านอีกใช่ไหม” นีราภาสวนกลับ

“ใช่ๆ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเร่งหน่อยแล้ว พวกฉันไม่เป็นไรหรอก อยู่กินกันต่อก็ได้ แต่เธอนี่แหละที่ต้องรีบ” ภารวียังคงกินอย่างสบายใจ จิรชยาพยักหน้าหงึกหงัก

ทั้งสี่สาวเริ่มกินกันอย่างจริงจังมากขึ้น ใช้เวลาเพียงไม่นานต่างก็แยกย้าย อวยพรให้จิรชยาเดินทางอย่างปลอดภัย

ไม่มีใครรู้เลยว่าโชคชะตาที่ขีดหัวใจสี่ดวงนั้นให้พบกับเรื่องราวอันน่าจดจำด้วยหัวใจ ได้เริ่มทำงานขึ้นแล้ว...


((โปรดติดตามตอนต่อไป...))



*************************




จะเห็นได้ว่ามีนางเอกสาวปรากฏตัวขึ้นถึง 4 คนด้วยกัน ลองไปทายกันดูเล่นๆ นะคะว่าใครเป็นใคร และโน้ตเป็นสาวคนไหน ^^ แต่ที่แน่ๆ สาวๆ ในเรื่องนี้เป็นตัวแทนของสาวๆ จาก 4 ธาตุที่แตกต่างกัน

จอย... เป็นตัวแทนของสาวธาตุดิน
โน้ต... เป็นตัวแทนของสาวธาตุน้ำ
เปี๊ยก... เป็นตัวแทนของสาวธาตุลม
เอ้ย... เป็นตัวแทนของสาวธาตุไฟ


ถึงแม้ว่าวันนี้เราทั้งสี่จะลงบทนำเหมือนๆ กัน แต่หลังจากสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เราต่างคนจะลงเรื่องของตัวเองในบล็อกของตัวเองกันนะคะ ซึ่งแต่ละเรื่องจะสนุกสนานแค่ไหนนั้นคงต้องลองติดตามชมกันต่อไป แต่รับรองว่าทุกเรื่อง 'มีรัก' แน่นอนค่ะ (จะลงทุกวันศุกร์โดยประมาณนะคะ)


ที่สำคัญที่พลาดไม่ได้คือ... เราวางแผนจะมีของขวัญปีใหม่เพื่อมอบให้กับแฟนๆ ที่ติดตามผลงานของเราด้วยค่ะ ...ส่วนจะเป็นอะไรนั้น โน้ตคงต้องขออุบไว้ก่อนนะคะ


แล้วพบกันอีกครั้งวันศุกร์หน้าค่ะ


ธาตุดิน : กระแตดอก'รัก'
ธาตุน้ำ : เชื่อมรัก...หวานเย็น
ธาตุลม : หัวใจต้องลม
ธาตุไฟ : หวาน(ซ่อน)ใจ


Create Date : 29 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2551 18:48:49 น. 1 comments
Counter : 536 Pageviews.

 
สำหรับเพลงที่นำมาให้ฟังกันมีชื่อว่า I Just Fall In Love Again นะคะ ^^ ได้ฟังเสียงใสๆ แล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนก็พร้อมที่จะ fall in love เหมือนกัน


โดย: บทเพลงแห่งความฝัน วันที่: 29 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:34:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บทเพลงแห่งความฝัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ผู้หญิงทำงานโลภมากที่อยากสวย เก่ง ประสบความสำเร็จ มีความสามารถรอบด้าน และมีความสุขมากที่สุดในโลก (ไม่ว่าจะโสดหรือไม่ก็ตาม อิอิ) ^^









Friends' blogs
[Add บทเพลงแห่งความฝัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.