"ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันถูกต้องอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด (หลวงพ่อชา สุภัทโท)"
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
17 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
ขึ้นเขาผลาญไขมัน ลงเขาพิชิตเบาหวาน



คนที่ไปเดินป่าบ่อยๆ จะรู้ว่า การเดินป่าเป็นการออกกำลังกายที่ดี แต่ถ้าต้องเดินขึ้นเขาด้วยเมื่อไรก็อาจจะถอดใจได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเขาที่สูงชันมากๆ การเดินขึ้นเขาก็ถือเป็นเรื่องสาหัสเอาการ ส่วนตอนขาลง แม้จะไม่เหนื่อยเท่า แต่ก็ต้องใช้สติพอควร ไม่งั้นอาจกลิ้งตกเขาเอาได้ง่ายๆ

แต่เมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า การเดินขึ้นเขา-ลงเขา มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่คิด ดร. ไฮนซ์ เดรกเซล แห่งโรงพยาบาลเฟล็ดเคิร์ช ประเทศออสเตรีย ได้รายงานผลการวิจัยต่อที่ประชุมสมาคมโรคหัวใจของอเมริกาครั้งล่าสุดในรัฐนิวออร์ลีนส์ว่า

จากการศึกษาผู้ที่เดินขึ้นเทือกเขาแอลป์ พบข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจว่า การออกกำลังกายต่างชนิดกันจะส่งผลต่อไขมันและน้ำตาลในเลือดต่างกัน การเดินขึ้นเขาจะเผาผลาญไขมันได้ดีกว่า ส่วนการเดินลงเขาจะช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้มากกว่า

ทั้งนี้เพราะการเดินขึ้นเขาเป็นการทำงานของกล้ามเนื้อแบบ concentric หรือกระชับกล้ามเนื้อ ซึ่งจะเกิดเมื่อเรางอแขน-ขา ส่วนการเดินลงเขาเป็นการทำงานของกล้ามเนื้อแบบ eccentric หรือเหยียดยืดกล้ามเนื้อ ซึ่งจะเกิดเมื่อเรายืดหรือกางแขน-ขา ดร. เดรกเซลได้ทดสอบการออกกำลังกายทั้ง ๒ แบบนี้กับผู้มีสุขภาพดีแต่ไม่ค่อยออกกำลังกายจำนวน ๔๕ คน โดยให้คนเหล่านี้ใช้เวลาเดินขึ้นเขา ๓-๕ ชั่วโมงต่อสัปดาห์

๒ เดือนแรกจะเป็นการเดินขึ้นเขาอย่างเดียว โดยเวลาลงจะมีรถไปรับ และอีก ๒ เดือนหลังจะให้รถขับพาขึ้นเขา แล้วปล่อยให้เดินลงเขาอย่างเดียว ทั้งนี้กลุ่มคนดังกล่าวจะถูกตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดและปริมาณโคเลสเทอรอลก่อนและหลังการออกกำลังกายแต่ละแบบ ผลปรากฏว่า การเดินลงเขานั้นช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดปริมาณกลูโคส ขณะที่การเดินขึ้นเขาจะช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์

“นี่อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานซึ่งมักจะมีปัญหากับการออกกำลังกายแบบแอโรบิกหลายประเภท และน่าจะทำให้ได้ประโยชน์จากการเดินมากขึ้นด้วย”

อย่างไรก็ตาม ดร. เดรกเซลยอมรับว่า ปัญหาหนึ่งที่มักจะมาพร้อมกับการเดินลงเขา คืออาการเจ็บเข่าซึ่งเกิดจากการถ่ายน้ำหนักลงบนหัวเข่าขณะเดิน แม้คนทั่วไปจะไม่มีโอกาสไปขึ้นเขาลงเขาอยู่บ่อยๆ แต่ก็สามารถนำการค้นพบนี้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้

ยกตัวอย่างเช่นผู้ที่ทำงานในตึกสูงซึ่งมีลิฟต์ อาจเลือกใช้ลิฟต์ในขาขึ้นและใช้บันไดแทนในขาลง หรือเลือกเดินขึ้นทางบันไดแล้วใช้ลิฟต์ตอนลงจากตึก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจุดประสงค์ของการออกกำลังกายนั้นเพื่ออะไร

“คนที่เป็นโรคเบาหวานหรือต้องการลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือดน่าจะหัดเดินลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือไม่ก็ออกกำลังกายโดยเดินขึ้นหรือเดินลงตึกสูง ๆ แทนการเสียเวลาไปฟิตเนส”

ดร. เดรกเซลแนะนำ หนทางสู้กับเบาหวาน (และความอ้วน) อยู่ใกล้แค่เอื้อม ไม่คิดจะลองใช้บันไดดูบ้างหรือครับคุณๆ ทั้งหลาย

วันชัย ตัน ภาพประกอบ : DINHIN
ตีพิมพ์ใน นิตยสาร สารคดี ฉบับที่ 244

อโรคยาปรมาลาภา ความที่ไม่มีสาเหตุให้เกิดทุกข์เป็นสิ่งประเสริฐ์


Create Date : 17 กรกฎาคม 2556
Last Update : 17 กรกฎาคม 2556 5:27:39 น. 15 comments
Counter : 1790 Pageviews.

 
แบบนี้ต้องหาเขาก่อนค่ะ
แล้วค่อยเดิน

ในบล๊อก ภาพพื้นหลังที่ยืมมาจาก photobucket
มันคงหมดอายุไปแล้วหน่ะค่ะลุง
ตาลายเหมือนกัน



โดย: VELEZ วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:15:02 น.  

 
ใช้ BG อื่นแก้ขัดไปก่อน
หายตาลายแล้วค่ะลุง


โดย: VELEZ วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:36:58 น.  

 
วันนี้ลุงกล้วยไม่ไปว่ายน้ำเหรอคะ ?

เดี๋ยวนู๋ไปช๊อปปิ้งก่อนนะ


โดย: VELEZ วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:42:32 น.  

 
สวัสดีวันพุธค่ะลุงกล้วย

เบาหวานโรคสามัญอีกแล้ว หุหุ

ขึ้นเขาลงเขา ต้านแรงโน้มถ่วงของโลก มีประโยชน์ดีอย่างนี้นี่เอง

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ จริงแท้แน่นอนค่ะ

ปล. ขอบคุณเพลงเก่าๆ รักสิบล้อรอสิบโมง หรือส่งแอ๋วเีรียนราม คนสมัยใหม่ไม่รู้จักนะเนี่ย 555


โดย: สมาชิกหมายเลข 861805 วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:7:40:12 น.  

 
ไปขึ้นเขา ลงเขา กันดีกว่า
...ปลอดโรค แถมสนุกด้วย


โดย: โสดในซอย วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:7:44:26 น.  

 
พอดีที่เจ็บเข่า และไม่มีเบาหวาน งั้นขึ้นเขากันดีกว่าค่ะ

เวลาไปตีกอล์ฟจะเดินขึ้นเนินบ่อย ๆ ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:9:18:28 น.  

 
ดีคร้าคุณลุงกล้วย
เคยรู้แต่ว่าให้...หัดเดินลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์
รู้ว่ามีประโยชน์เช่นนี้ต้องทำบ่อยๆ
แต่ยังไม่มีเบาหวานคร้า...แต่เผาผลาญไขมันนี่ชอบ อิอิ

ปล.วันหน้าขอส่งลายมือมาให้คุณลุงกล้วยช่วยทำนายหน่อยจิ 555
ไลค์คนแรกน๊า บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ลุงกล้วย Topical Blog


โดย: tui/Laksi วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:10:25:45 น.  

 
น่านรู้แร่ะว่าทำไมชื่อ ลุงกล้วย 555

เพราะเลิฟกล้วยนี่เอง


โดย: สมาชิกหมายเลข 861805 วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:11:43:13 น.  

 
- ขอขอบคุณมากนะค่ะคุณลุงกล้วย
เป็นแฟนหงส์ทองเหนียวแน่น แฟนหงส์แดงไม่ว่ากานนนน555
แต่ระวังเจอด่านตรวจ! อย่าหาว่าไม่เตือนน๊า อิอิ
แห๋ม...ไม่น่าวางมือเลยอ๊ะ รายได้ดีออกคร้า
โดยเฉพาะได้จับมือนุ่มๆของสาวๆ คริ คริ
(แซวเล่นน๊าาาาค่ะ)


โดย: tui/Laksi วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:16:03:11 น.  

 
ขอบคุณนะครับลุงกล้วย
เป็นคำแนะนำที่มากนะครับ
อย่างน้อยๆก็ดัดแปลงเป็นการเดินขึ้นลงบันไดก็ยังดี
กดไลค์ครับ


โดย: หมอหว่อง (หมอหว่อง ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:16:50:56 น.  

 
สวัสดีค่าคุณลุงกล้วย ^^
โหข้อมูลสุดยอดเลยนะคะ การขึ้นเขาเป็นการ
ออกกำลังกายที่ดี แต่แพมกลัวความสุงตระหง่า
เพื่อนมาชวนหลายทีละยังไม่กล้าซะที..ไว้ต้อง
พยายามให้ได้เลย เพราะนอกจากแข็งแรงมี
พลังเก่งกล้าในใจแล้ว ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ
สามารถต้านโรคเบาหวานด้วย ..เดินสูงๆเข้าไว้นะค่ะ ฮรี่ๆ

ปล.เกี๊ยวซ่าสิบตัวได้เลยค่า แต่ แหะ แหะ
คุณลุงกล้วยรอแป๊บนึงค่าแพมๆกาลังทอดยุคับ
ไล้ค์ด้วยๆ ค่ะ^^


โดย: mastana วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:20:05:53 น.  

 
สวัสดีค่า คุณลุงกล้วย ^^
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ

นุ่นไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ดีเลย
ขึ้นเขายิ่งคิดหนักเลย แหะๆ



โดย: lovereason วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:20:47:46 น.  

 
ชอบเรื่องนี้จังค่ะลุงกล้วย
มีประโยชน์มากเลย ขอเซฟเก็บไว้นะคะ
ขอบคุณมากค่ะนำเรื่องราวดีๆมาฝาก
และขอบคุณที่แวะไปฟังเพลงเป็นเพื่อน
พร้อมกับโหวตให้ด้วยค่ะ

นอนหลับฝันดีนะคะ



โดย: ฝากเธอ2 วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:21:05:03 น.  

 

Like ให้เป็นคนที่ 4
ขอบคุณลุงกล้วยที่นำมาฝากค่ะ



โดย: อุ้มสี วันที่: 18 กรกฎาคม 2556 เวลา:13:54:27 น.  

 
ต้องไปหาภูเขาอยู่แล้วครับ


โดย: surya21 (surya21 ) วันที่: 24 กรกฎาคม 2556 เวลา:10:04:12 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ลุงกล้วย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




Friends' blogs
[Add ลุงกล้วย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.