"ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันถูกต้องอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด (หลวงพ่อชา สุภัทโท)"
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
1 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
การเสียดินแดนเมื่อ ร.ศ. 112 (ตอนที่ 1 )

กรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส



ในยุคล่าอาณานิคม ประเทศไทยได้เสียดินแดนให้แก่ฝรั่งเศสรวม 5 ครั้ง เป็นพื้นที่ทั้งสิ้น 481,600 ตารางกิโลเมตร นับตั้งแต่ปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ โดยไทยต้องยินยอมเสียดินแดนบางส่วนไป เพื่อรักษาเอกราชและดินแดนส่วนใหญ่ไว้ ทำให้พื้นที่ประเทศไทยเหลืออยู่เพียง 513,600 ตารางกิโลเมตร

ดินแดนที่เสียไปตามลำดับมีดังนี้
1. แคว้นกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ. 2410
2. แคว้นสิบสองจุไทย เมื่อปี พ.ศ. 2431 เป็นพื้นที่ 87,000 ตารางกิโลเมตร
3. ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง อันได้แก่ ประเทศลาวปัจจุบัน ในพื้นที่เมืองหลวงพระบาง เมืองเวียงจันทร์ และอาณาเขตนครจัมปาศักดิ์ตะวันออก ตลอดจนบรรดาเกาะต่าง ๆ ในแม่น้ำโขง เมื่อปี พ.ศ. 2436 หรือที่รู้จักกันดีคือ ร.ศ. 112 เป็นพื้นที่ 143,000 ตารางกิโลเมตร



4. ดินแดนทางฝั่งขวาของแม่น้ำโขง บริเวณที่อยู่ตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง และตรงข้ามเมืองปากเซ เมื่อปี พ.ศ. 2446 เป็นพื้นที่ 62,000 ตารางกิโลเมตร เพื่อแลกกับเมืองจันทบุรี ที่ฝรั่งเศสยึดไว้เมื่อ ร.ศ. 112

5. มณฑลบูรพา ได้แก่ พื้นที่เมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ เมื่อปี พ.ศ. 2449 เป็นพื้นที่ 51,000 ตารางกิโลเมตร เพื่อแลกกับเมืองตราด เกาะกง และเมืองด่านซ้าย พร้อมทั้งอำนาจศาลไทย ต่อคนในบังคับฝรั่งเศส

ต่อมาประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส ได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย เพื่อเตรียมรับสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษและฝรั่งเศสจึงได้ประชุมพิจารณาปรองดองกัน ในปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับอาณานิคมโดยทั่วไป สำหรับประเทศไทยนั้นได้ตกลงแบ่งออกเป็น 3 ส่วน

ส่วนที่ 1 เป็นพื้นที่ภาคตะวันออก ตั้งแต่มณฑลนครราชสีมาไปทางตะวันออกทั้งหมด เป็นเขตผลประโยชน์ของฝรั่งเศส

ส่วนที่ 2 เป็นพื้นที่ด้านตะวันตกของมณฑลราชบุรีลงไป เป็นเขตผลประโยชน์ของอังกฤษ

ส่วนที่ 3 คงเหลือเฉพาะพื้นที่ภาคกลางคงเป็นของไทย

สัญญานี้ทำกันเมื่อปี ค.ศ. 1911 แต่เนื่องจากหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 มหาประเทศคู่สงคราม ต่างพากันอ่อนกำลังลงไป นอกจากนี้ การที่ประเทศไทยเข้าร่วมสงคราม โดยอยู่ทางฝ่ายพันธมิตร ซึ่งเป็นฝ่ายชนะ จึงทำให้มีฐานมั่นคงขึ้น

การเสียดินแดนเมื่อ ร.ศ. 112

เป็นการเสียดินแดนครั้งนี้ ฝรั่งเศสได้ถือโอกาสที่เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกันทางชายแดน ได้ส่งเรืรบ 2 ลำ เข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 โดยใช้เรือพาณิชย์นำร่องเข้ามาถึงพระนคร แล้วยื่นเงื่อนไขคำขาดกับไทย

ฝ่ายอังกฤษ เห็นพฤติกรรมฝรั่งเศส ที่จะยึดประเทศไทยโดยสิ้นเชิง ก็เข้าประท้วงคุมเชิงอยู่ ฝ่ายรัสเซียพระเจ้าซาร์นิโคลาส ได้มีพระราชโทรเลขไปยังรัฐบาลฝรั่งเศส ให้ยับยั้งการยึดครองประเทศไทย ฝรั่งเศสจึงยอมถอยเรือ กลับไปตามสัญญาลง 3 ธันวาคม 2435 แต่ได้ยึดครองดินแดนฝั่งแม่น้ำโขงไว้โดยสิ้นเชิง

กับเรียกค่าทำขวัญอีก 3 ล้านบาท กับเงินฝรั่งเศสอีก 2 ล้านฟรังค์ พร้อมทั้งยึดเมืองจันทบุรีไว้เป็นประกัน 10 ปี รวมทั้งให้ดำเนินคดี พระยอดเมืองขวาง ที่มีกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส

ครั้นครบกำหนด 10 ปี ฝรั่งเศสไม่ยอมถอนทหารออกจากจันทบุรี แล้วกลับตั้งเงื่อนไขเรียกร้องให้ยกเขต จัมปาศักดิ์ ให้แก่ฝรั่งเศสอีก รัฐบาลไทยต้องจำยอมตามสัญญาลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2446 แต่แล้วฝรั่งเศสก็ถอยไปยึดจังหวัดตราด และเรียกร้องให้ไทยยอมยกดินแดน 4 จังหวัด เมื่อปี พ.ศ. 2449 เพื่อให้ฝรั่งเศสถอนทหารออกไปจากแผ่นดินไทย รัฐบาลไทยจึงต้องยอมยกให้ไป

ในการกระทำของฝรั่งเศสดังกล่าว ได้ใช้มองซิเออร์ ปาวี อัครราชฑูตฝรั่งเศส เป็นผู้ดำเนินการ คนผู้นี้ทางราชการได้จ้างมาทำแผนที่ประเทศไทย และเคยถูกจีนฮ่อทำร้ายที่เมืองหลวงพระบาง แต่เจ้าหน้าที่ไทยได้ช่วยชีวิตไว้

ฝรั่งเศสเสนอทำกติกาสัญญาไม่รุกรานกับประเทศไทย

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 อุบัติขึ้นในปี พ.ศ. 2482 ฝรั่งเศสมีความห่วงใย อาณานิคมของตน ในอินโดจีนเป็นอันมาก จึงได้เสนอขอทำสัญญาไม่รุกรานกันกับประเทศไทย เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยถือโอกาสยึดดินแดนคืน

คณะรัฐมนตรีของไทยในครั้งนั้น ซึ่งมีนายพันเอกหลวงพิบูลย์สงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี มีจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งที่ได้เคยไปศึกษาที่ฝรั่งเศส ต่างก็เห็นอกเห็นใจฝรั่งเศสที่ถูกรุกรานอยู่ จึงได้ตอบสนองการทำสัญญานั้นด้วยดี แต่ได้เสนอให้ฝรั่งเศสปรับปรุงดินแดนฝั่งลำน้ำโขง ที่ล้ำเข้ามาในประเทศไทยเสียใหม่ ให้เป็นการถูกต้อง

ได้มีการต่อรองประวิงเวลากันมาหลายเดือน ในที่สุดก็ได้ทำสัญญาไม่รุกรานกันเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2484 อันเป็นห้วงเวลาที่กรุงปารีส ใกล้จะเสียแก่ฝ่ายเยอรมัน ดังนั้น การที่ฝ่ายฝรั่งเศสประนามว่าไทยใช้มีดทะลวงหลัง เมื่อตนเพลี่ยงพล้ำนั้นจึงไม่เป็นความจริง

สนธิสัญญาดังกล่าวยังไม่มีผลใช้บังคับ เนื่องจากยังไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันซึ่งกันและกัน ต่อมาฝรั่งเศษได้ขอให้สนธิสัญญามีผู้ใช้บังคับ โดยไม่ต้องมีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันเพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ ของตนในอาณานิคมอินโดจีน เนื่องจากการสงครามในทวีปยุโรป ฝรั่งเศษกำลังพ่ายแพ้เยอรมัน และในทวีปอาเซียน ดินแดนส่วนใหญ่ กำลังถูกคุกคามจากญี่ปุ่น รัฐบาลไทยได้ตอบฝรั่งเศษไปว่ายินดีตกลงปฏิบัติตามสนธิสัญญา ถ้าฝรั่งเศษยอมรับข้อเสนอของไทย 3 ประการ คือ

1. ขอให้มีการวางแนวเส้นเขตแดนตามลำน้ำโขงให้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่งประเทศ โดยให้ถือร่องน้ำลึกเป็นเส้นเขตแดน

2. ขอให้ปรับปรุงเส้นเขตแดนให้เป็นไปตามธรรมชาติ คือถือแม่น้ำโขงเป็นเส้นเขตแดนระหว่าง ไทยกับอินโดจีนตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ จนถึงเขตกัมพูชา โดยให้ฝ่ายไทยได้รับดินแดนทางฝั่งแม่น้ำโขงตรงข้ามกับหลวงพระบาง และตรงข้ามกับปากเซคืนมา

3. ขอให้ฝรั่งเศษรับรองว่าถ้าไม่ได้ปกครองอินโดจีนแล้ว ฝรั่งเศษจะคืนลาวและกัมพูชาให้กับไทย
ฝรั่งเศษปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว

ฝรั่งเศสทำสัญญาให้ญี่ปุ่นยึดอินโดจีนเป็นฐานทัพ

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2484 วันเดียวกับที่รัฐบาลฝรั่งเศสที่เมืองวิซี่ได้ทำสัญญา ตกลงยินยอมให้ญี่ปุ่นใช้ เมืองฮานอย และเมืองไฮฟอง เป็นฐานทัพ ญี่ปุ่นได้ส่งทหารขึ้นบก ในอินโดจีนถึง 35,000 คน เป็นการเปลี่ยนสภาพอาณานิคมของฝรั่งเศสในอินโดจีนโดยสิ้นเชิง ทำให้การทำสัญญาไม่รุกรานกับไทยไร้ความหมาย เกิดปัญหาความเป็นความตาย สำหรับประเทศไทย

รัฐบาลไทยประท้วงขอดินแดนคืน



ประเทศไทยได้ประท้วงไปยังประเทศฝรั่งเศสอย่างรุนแรงว่า การกระทำของฝรั่งเศสนั้น เป็นอันตรายแก่ประเทศไทย ฉะนั้นเมื่อฝรั่งเศสจะรักษาอธิปไตยในอินโดจีนไว้ ประเทศไทยก็จำต้องเรียกร้องเอาดินแดนคืน เพื่อประโยชน์ในการป้องกันประเทศ และเพื่อมิให้ประชาชนชาวไทย ที่อยู่ในปกครองของฝรั่งเศส ต้องตกเป็นอยู่ในปกครองของประเทศที่ 3 ต่อไปอีก

ฝรั่งเศสปฏิเสธ สู้ตาย ให้ญี่ปุ่นดีกว่าคืนให้ไทย

รัฐบาลได้ส่งคณะทูตไปเจรจากับรัฐบาลฝรั่งเศสที่กรุงฮานอย การเจรจาเป็นไปอย่างเผ็ดร้อน
ฝรั่งเศสกล่าวหาว่าไทยใช้มีดแทงด้านหลัง ในขณะที่ฝรั่งเศสปราชัย ฝ่ายฝรั่งเศสใช้ถ้อยคำรุนแรง โดยกล่าวว่ายกดินแดนไทยให้ญี่ปุ่นดีกว่าที่จะคืนให้แก่ประเทศไทย

หนังสือพิมพ์ของทั้งสองฝ่ายต่างโจมตีกันอย่างหนัก ฝ่ายฝรั่งเศสได้ระดมทหาร เข้ารักษาพื้นที่ตามชายแดน
และได้ยิงปืนข้ามแม่น้ำโขงมายังฝั่งไทย พร้อมทั้งส่งเครื่องบินข้ามแดนเข้ามา เป็นทำนองท้าทายอยู่ตลอดเวลา สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นตามลำดับ รัฐบาลจึงเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับฝรั่งเศส เพื่อแก้ปัญหาเรื่องดินแดนให้เด็ดขาด

การเดินขบวนเรียกร้องดินแดนคืน



ในที่สุดนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการเมืองซึ่งเป็นยุวชน
นายทหาร ได้ตั้งผู้แทนไปพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอร้องเดินขบวนเรียกร้องดินแดนคืน ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้วางหลักไว้เป็นบรรทัดฐานที่จะไม่ให้พระสงฆ์องค์เจ้า และนักเรียนนิสิตนักศึกษา ที่อยู่ในวัยศึกษา เข้าเกี่ยวข้องกับการเมืองเรื่องลัทธิและเรื่องพรรค ฯลฯ

แต่ในกรณีนี้เห็นว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักชาติอันเป็นสิทธิและหน้าที่ของประชาชน จึงไม่มีอำนาจที่จะห้ามได้ เมื่อได้ปรึกษากับอธิบดีกรมตำรวจแล้ว มีความเห็นสอดคล้องกัน จึงได้รับทราบไว้ และตักเตือนไม่ให้ล่วงเกินสถานทูต หรือคนสัญชาติฝรั่งเศส ส่วนข้อความบนแผ่นป้ายต่าง ๆ ก็ไม่ให้ใช้คำพูดที่หยาบคายก้าวร้าว

การเดินขบวนได้เริ่มขึ้น เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2483 ประชาชนนับหมื่นทุกเพศทุกวัย พากันมาจากทุกสารทิศ คนเฒ่าคนแก่ อุ้มลูกจูงหลาน ร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเคียดแค้นที่ไทยต้องเสียดินแดนไป ความรู้สึกนี้ได้แผ่ขยายไปทั่วประเทศ เป็นการแสดงมติมหาชนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั้งชาติ ขบวนการเรียกร้องดินแดนคืนของยุวชนนายทหาร ไหลหลากมาเต็มหน้าพระลานและท้องสนามหลวง และได้มาหยุดชุมนุมกันหน้ากระทรวงกลาโหม

ร่วมปฏิญาณต่อพระแก้วมรกต



พลตรี หลวงพิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พันเอก หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต รองผู้บัญชาการทหารบก เจ้ากรมยุวชนทหาร และรองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มาต้อนรับที่หน้ากระทรวงกลาโหม ผู้แทนของมหาวิทยาลัยทั้งสองในเครื่องแบบยุวชนทหาร ได้เรียนเสนอการเรียกร้องดินแดนคืนต่อ พลตรี หลวงพิบูลสงคราม ขอให้เป็นผู้นำกองทัพของชาติ เข้ายึดเอาดินแดนของไทยกลับคืนมา ให้พี่น้องชาวไทยที่อยู่ในดินแดนดังกล่าว ได้กลับมาร่วมเป็นบ้านพี่เมืองน้องของไทยตามเดิม และยุวชนนายทหาร ทั้งสองมหาวิทยาลัย จะมอบชีวิตไว้เป็นชาติพลี

พลตรี หลวงพิบูลสงคราม ได้กล่าวปราศรัยต้อนรับ และสรรเสริญสดุดีในความรักชาติ ความสามัคคี และความเสียสละ เพื่อประเทศชาติของชาวไทยทั้งมวล และได้ร่วมกันกล่าวปฏิญาณตน หน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จบแล้วได้กล่าวอวยชัยให้พร ไชโยสามครั้ง เป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ซาบซึ้งตรึงใจเป็นที่สุด

ขอขอบคุณ //www.tv5.co.th/ (หอมรดกไทย)

พรุ่งนี้มาต่อบทสุดท้ายครับ














Create Date : 01 มิถุนายน 2550
Last Update : 1 มิถุนายน 2550 2:20:28 น. 52 comments
Counter : 2332 Pageviews.

 
เอาปลาทอดตะไคร้มาฝากรับรองไม่อ้วน จขบ สบายดีนะ





โดย: somnumberone วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:2:48:26 น.  

 
แวะมาอ่านด้วยคนค่า แต่ก่อนอ่านขอเม้นท์ก่อนนะค่ะ

ลุงกล้วยนอนดึกจังเลยค่ะ


โดย: vanillaorchid วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:2:52:25 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครบคุณsomnumberone
ขอบคุณครับน่าหม่ำมากครับ


สวัสดีครับคุณอุ้ม
ขอบคุณมากครับ เชิญนะครับ งั้นลุงกล้วยขอตัวไปหาเลขเด็ดก่อนนะครับ..ฮิฮิ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:3:19:27 น.  

 

วันนี้ยาวจังเลยอ่ะค่ะพี่ต้อ พรุ่งนี้ค่อยมาอ่านต่อตอนบ่ายๆนะคะ วันนี้ง่วงแล้วหล่ะค่ะ ไปนอนก่อนดีกว่า

นอนหลับฝันดีค่ะ คิดถึงพี่ต้อเช่นกันค่ะ


โดย: Htervo วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:3:28:26 น.  

 
ลุงต้อขา วันนี้อ่านไปได้แค่ครึ่งเดียวก็ครั่นเนื้อครั่นตัวค่ะ พรุ่งนี้จะมาอ่านใหม่แล้วจะมาเม้นต์อีกรอบหนึ่งค่ะ วันนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: MoneyPenny วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:3:40:38 น.  

 
สวัสดีครับน้องบุ๋ม
ยาวไปเหรอครับน้อง พรุ่งนี้ยังมียาวกว่านี้ครับ555+ไปพักผ่อนเถอะครับน้องบุ๋ม นอนหลับฝันดีนะครับ พี่ก็คิดถึงนะครับ


สวัสดีครับคุณจูน
เป็นไงครับ ไม่สะบายหรือเปล่าครับ พักผ่อนให้มากๆนะครับ งั้นลุงต้อส่งเข้านอนนะครับ ราตีสวัสิ์ครับคุณจูน


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:3:50:47 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะลุงกล้วย..

โห..ยังไม่นอนหรือว่าเพิ่งตื่นค่ะเนี่ย.. ?
ตีสอง.ตีสาม..

แวะมาส่งความสุขยามเช้าค่ะ...
ขอบคุณค่ะที่นำมาฝากกันเหมือนเคย..


ซาแว๊ปปปปปปป


โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:4:06:58 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับคุณดอกหญ้า
ทั้งสองอย่างครับ555+ ตื่นมาตอนเที่ยงคืน และตอนนี้ยังไม่ได้นอนครับ กำลังจะชะแว๊ปปปปปปปเหมือนกันครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:4:12:37 น.  

 
เข้ามาอ่านเอาความรู้


ได้ความรู้อีกแล้ว


โดย: " คุณชายช่างฝัน " วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:4:28:58 น.  

 
สวัสดีครับคุณชายช่างฝัน
ขอบคุณมากครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:5:10:35 น.  

 
สวัสดีค่ะ ลุงกล้วย ... เมื่อวาน ก็ได้กวาดหนังสือมาบ้างแล้วค่ะ ... ก็เป็นประเภทประเทืองสติ ก่อนค่ะ .

ลุงกล้วยสบายดี นะค่ะ ....

ฝั่งยุโรป เค้าคงอิจฉาเรานะค่ะลุงกล้วย เนื่องจากเราเป็นประเทศที่มีพื้นที่ค่อนข้างมาก ก็เลย ไม่วาย มาขอแบ่งเรื่อยเลยค่ะ


โดย: NuiErnik วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:8:53:04 น.  

 
เราเสียดินแดนไปเยอะเหมือนกันนะคะ
เกือบจะครึ่งนึงเลย น่าเสียดายที่บรรพบุรุษของเราอุตส่าห์สร้างมา
แต่การยอมตัดแขนขาตัวเองเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ก็ยังดีกว่า
ไม่อย่างนั้นไทยก็คงไม่เป็นไทยอยู่อย่างในทุกวันนี้
พรุ่งนี้จะมาอ่านต่อค่ะ ขอบคุณลุงกล้วยนำเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับ
ความเป็นมาของประเทศมาให้อ่านอย่างละเอียดค่ะ
มีความสุขมากๆในวันศุกร์ วันทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์ค่ะ


โดย: ฝากเธอ วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:8:56:47 น.  

 
แวะมาหาลุงกล้วย ปากยังมันอยู่เลยค่ะ อิอิ...ปาท่องโก๋หมดละไม่เหลือมาเผื่อเลย..ค่ะ

แต่ฎามีบุญมาฝากค่ะ...เมื่อวานไปทำบุญที่วัดมา..

ลุงกล้วยรับของฝากด้วยเน้อ...


โดย: จิชฎา วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:9:05:53 น.  

 
แวะมาอ่านเรื่องสาระดีดี คับ


โดย: หากผมรักคุณจะผิดมากไหม วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:9:27:48 น.  

 
ขอบคุณคุณลุงมากค่ะสำหรับประวัติศาสตร์ชาติไทย

ขอให้มีความสุขกับวันศุกร์นะคะ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:9:40:10 น.  

 
สวัสดีครับคุณหนุ่ย
ลุงกล้วยไปดูที่บ้านคุณหนุ่ยมาแล้วครับ หนังสือดีดีทั้งนั้นเลยครับ ยุคนั้นเป็นยุคล่าอาณานิคม ในย่านนี้ก็มีประเทศไทยของเรานี่ละครับที่อยู่รอดปลอดภัยมาจนปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะต้องเสียดินแดนไปบ้าง เสียส่วยน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ ลุงกล้วยภูมิใจที่ได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทยมากนะครับคุณหนุ่ย ขอบคุณครับ ลุงกล้วยสาบยดีครับ ขอให้คุณหนุ่ยและคนที่รักมีความสุขนะครับ


สวัสดีครับคุณทั้งสอง
ลุงกล้วยก็เสียดายเหมือนกันครับ แต่การยอมเสียน้อยเพื่อรักษาส่วนมากก็ถือว่าพอทนได้บ้างครับ ลุงกล้วยถึงได้ภูมิใจที่ได้เกิดบนผืนดินผืนนี้นะครับ ขอให้คุณทั้งสองมีความสุขนะครับ


สวัสดีครับคุณฎา
สาธุครับ ขอบคุณในไมตรีและบุญที่นำมาฝากครับ ลุงกล้วยว่าอิ่มบุญแล้วอยากอิ่มท้องด้วยครับ..ฮิฮิ ดูปากมันแล้วยังมาเย๊าะเย้ยอีกครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:10:11:32 น.  

 
ประเทศเราเสียพื้นที่ไปเยอะเหมือนกันนะค่ะ ทุกวันนี้ 3 จว.ใต้ ก็ยังไม่สงบเลย น่าเศร้าจังค่ะ


โดย: pui (pui29 ) วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:10:30:52 น.  

 
สวัสดีครับคุณหากผมรักคุณจะผิดมากไหม
ขอบคุณมากครับ ขอให้มีความสุขในวันสุดสัปดาห์นะครับ


สวัสดีครับคุณเพียงแค่เหงา
ลุงกล้วยขอต้อนรับนะครับ เหื่อยมากหรือเปล่าครับหลังจากไปลุยงานมาจนเรียบร้อยครับ..ฮิฮิ




โดย: ลุงกล้วย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:11:41:11 น.  

 
กินข้าวกันเถอะค่ะ..ลุงกล้วย...
เห็นปลาทอดแล้วหิว


โดย: นู๋ญ่า (kayook ) วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:11:58:32 น.  

 
มาธุจ้าก่อนค่ะ เดี๋ยวเย็นค่อยมาอ่าน

วันนี้มีสาวชวนกินข้าวด้วยนะเนี่ย ปี้ดปิ้ว


โดย: เป๋อน้อย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:13:50:24 น.  

 
สวัสดีครับคุณpui29
คงอีกไม่นานทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยครับ ผู้บริหารบ้านเมืองบอกว่ารู้ตัวแล้วนี่ครับ ทำให้บ้านเมืองเป็นบ้านดีเมืองดีซะทีครับ


สวัสดีครับคุณนู๋ญ่า
น่าหม่ำนะครับ งั้นอย่าช้าเลยครับ


สวัสดีครับคุณเป๋อ
งั้นเดี๋ยวใส่น้ำแข็งสองก้อน จะได้เย็นไวไวครับ..ฮิฮิ แน่นอนครับปี้ดปิ้ว


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:14:30:16 น.  

 
ลุงต้อขอ จูนกลับมาอ่านอีกรอบวันนี้มาอ่านแบบมีสติหน่อยค่ะ คืออยากจะออกตัวก่อนว่าจูนไม่ได้มีความรู้ประวัติศาสตร์บ้านเรามากนัก คือก็เรียนมาเท่ากับทุกคน แต่รู้สึกละอายใจที่ไม่ได้เอาใจใส่ในรายละเอียดมากนัก วันนี้ได้อ่านแบบตั้งใจและมีสมาธิ ทำให้มีข้อมูลเพิ่มขึ้นค่ะ จูนมีข้อสรุปในแบบของตัวเอง และก็ตั้งคำถามในใจไว้หลาย ๆ ข้อดังนี้ค่ะ

1. ดินแดนที่เคยเป็นของสยาม ในส่วนของกัมพูชาและลาวนั้น ไม่ได้เป็นของเรามาแต่แรกใช่หรือไม่ เราก็ได้มาจากการการทำสงครามใช่หรือไม่ อันนี้จูนคิดเอาเองนะคะลุงต้อ ว่าต่อให้ปัจจุบันนี้เขายังอยู่เป็นส่วนเดียวกับประเทศไทย แต่เรามีความแตกต่างกันเหลือเกินทั้งภาษาและวัฒนธรรมบางอย่าง ถ้าเขายังอยู่ในส่วนเดียวกับเรา เขาจะได้เป็นไท และได้ปกครองประเทศของเขาเองหรือไม่ในปัจจุบันนี้ ประเทศไทยจะยอมให้เขาเป็นเอกราชเหมือนประเทศอื่น ๆ ที่ประกาศเอกราชให้ประเทศภายใต้อาณานิคมหรือไม่

2. ข้อคิดจากการเดินขบวนครั้งแรก และการประกาศของทางการไทยไม่ให้รบกวนสถานทูตนั้น ชี้ให้เห็นว่าคนไทย และประเทศไทยรู้จักรักษาขนบธรรมเนียม ตามข้อตกลงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต คศ 1961 (พศ.2404) อย่างเคร่งครัด ลองนึกดูนะคะว่าสมัยนั้นบ้านเราน่ะเป็นปี พศ. 2483 แม้ว่าเลือดรักชาติจเข้มข้น และเรื่องดินแดนก็เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ไทยเรายังไม่ทำอะไรลุกลามใหญ่โต หรือลุกฮือทำลายสถานทูตฝรั่งเศสเลย

บทสรุปที่จูนต้องการพูดจากข้อสงสัยและข้อคิด 2 ข้อข้างบนก็คือ
เหตุการณ์ทำลายสถานทูตไทยเมื่อปี 2001 (หรือ 2000 จำได้ไม่แน่ชัด) ที่กัมพูชาเกิดผิดใจแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องดินแดน ทำให้พวกเขาไม่สนใจกฎข้อบังคับตามหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (ชี้ให้เห็นถึงความศิวิไลซ์ของเขาเหมือนกันนะคะว่าอยู่ในระดับไหน) ในขณะที่คนไทยเมื่อ 231 ปีกว่ามาแล้วมีวิธีจัดการกับปัญหาที่รุนแรงกว่ามากนักอย่างผู้มีวิจารณญาณ


จูนพูดวกไปวนมาหวังว่าจะไม่งงนะคะ
สิ่งที่จูนจะบอกว่า เขมร ลาว ไทย เวียดนาม เรามีความแตกต่างกัน เราต่างมีเอกลักษณ์ซึ่งบ่งบอกความเป็นตัวเราซึ่งไม่เหมือนกับที่อื่น ต่อให้เขายังอยู่ภายใต้เขตแดนประเทศเดียวกับเรา เขาก็ไม่ใช่เราค่ะ จูนว่าดีแล้วที่เขาจากเราไปเสียแต่ตอนนั้น เพื่อที่เรายังได้คงอยู่ และมีความภาคภูมิใจในส่วนที่เราเหลืออยู่และเป็นเราอย่างแท้จริงค่ะ


โดย: MoneyPenny วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:15:38:52 น.  

 
สวัสดีค่ะ ลุงกล้วย
มาเก็บเอาความรู้ดีๆจากลุงกล้วยค่ะ
ไวท์ขอให้ลุงกล้วยมีความสุขมากๆนะค่ะ


โดย: whitelady วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:17:33:22 น.  

 
กลับมาอ่านแล้วค่า เพิ่งรู้ว่าคนไทยมีการเดินขบวนกันตั้งแต่สมัยนั้น

อ่านเรื่องอดีตแบบนี้ ลุงกล้วยเกลียดคนต่างชาติไม๊คะ?



โดย: เป๋อน้อย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:18:11:28 น.  

 


โดย: Jannyfer วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:18:49:18 น.  

 
ได้ประโยชน์อีกแล้วค่ะ
แวะมาตักตวงความรู้ค่ะ


โดย: โสดในซอย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:19:27:08 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ต้อ สมัยนั้นเขาเดินประท้วงกันเพราะรักชาติ แต่สมัยนี้ประท้วงกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องค่ะ




โดย: แซนด์ซี วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:19:35:27 น.  

 


*** สวัสดีค่ะลุงกล้วย แวะมาเยี่ยมค่ะ
และขอบคุณที่แวะไปเยี่ยม หน่อยอิงที่ Blog นะคะ
ทุก comment คือกำลังใจให้แก่กัน
จะแวะมาทักทายอีกนะคะ ***



โดย: หน่อยอิง วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:20:57:41 น.  

 
น่าติดตามมากครับ


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:23:55:39 น.  

 
ขอขอบคุณทุกๆท่านที่แวะมาบ้านลุงกล้วยนะครับ ขอให้ท่านมีแต่ความสุขนะครับ ขอบคุณครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:3:07:40 น.  

 


โดย: เก่ง IP: 124.120.97.120 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:10:50:30 น.  

 
สวัสดีครับผมชื่อเก่งจากกรุงเทพมหานคร
บายไปแล้ว



โดย: เก่ง IP: 124.120.97.120 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:10:53:07 น.  

 
ขอบคูณลุงกล้วยนะคะที่ให้ข้อมูลดี ๆทำให้มีความรู้เพื่มมากขึ้นคนไทยในอดีตทำอะไรด้วยใจจริง ๆยึดผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นที่ตั้งและจะแวะเข่ามาบ่อย ๆนะคะ


โดย: ภัคญดา กิตติสุทธกุล IP: 124.121.99.52 วันที่: 23 กันยายน 2550 เวลา:0:05:29 น.  

 
สวัสดีครับ
ผมต้องขออนุญาตนำข้อมูลไปโพสท์ไว้ที่บอร์ด

//www.khunnamob.org/

เพื่อเก็บสำรองและเผยแพร่ให้คนรุ่นหลังได้อ่านมากขึ้น
ขออภัยที่ไม่ได้รอให้ลุงอนุญาตก่อนครับ

ด้วยความเคารพ


โดย: att IP: 58.11.28.154 วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:12:53:38 น.  

 
ดีค่ะ


โดย: พู่กัน IP: 202.129.48.180 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:31:13 น.  

 
ดีค่ะ


โดย: พู่กัน IP: 202.129.48.180 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:49:23 น.  

 
ขอบคุณมากเลยค่ะ ที่เขียนความรู้ให้พวกเราได้อ่านกัน

มีประโยชน์มากเลยจริงๆ

ขอบคุณมากๆ น่ารักมากๆเลยค่ะ


โดย: จั๋ง IP: 124.121.241.170 วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:18:05:12 น.  

 
ขอบคุณมาก ดีใจที่ได้อ่าน เป็นกำลังใจให้น่ะครับ


โดย: ดูอาห์ IP: 222.123.63.184 วันที่: 29 มิถุนายน 2551 เวลา:14:44:40 น.  

 
มีสาระมากๆๆเลยครับ ขอบคุณครับที่มาให้ความรู้ครับ


โดย: ทีมงานถั่วดำ01มาเยือน IP: 58.10.15.133 วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:20:11:27 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกรักชาติขึ้นมาจับใจ.....น้ำตาจะไหล(ซึ้งมากลุงกล้วย)


โดย: binyarootth IP: 61.19.121.179 วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:9:00:47 น.  

 
ลุงกล้วยหนูอยากรุ้ว่าลุงเปนคัยชื่อจริง นามสกุล สถาบันการศึกษา หนูจะนำไปอ้างอิงส่งรายงานประวัติศาสตร์ ลุงช่วยส่งมาที่E-mail spmuraas@hotmail.com
นักเรียนม.3.รร.เซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์


โดย: โชติมนต์ โชติสุวรรณ์ IP: 203.147.51.99 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:45:17 น.  

 
พี่คะทำไมไม่เขียนเรื่องให้มันสั้นกว่านี้หน่อยคะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาลอกอ่ะคะ


*-* เบื่อเเละเซ็ง netปลาทองรึไงเนี๊ย*-*


โดย: คนรักแพท IP: 58.9.100.207 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:17:49 น.  

 
เนื้อหาดีมากๆเลยคะ

ขอบคุณนะคะ


โดย: - IP: 203.153.173.188 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:55:42 น.  

 
ขอบ คุน คับ

สำ หรับ เนื้อ หา ใหม่ .


โดย: นายไข่นุ้ย IP: 192.168.1.100, 58.8.119.128 วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:18:45:47 น.  

 
ด้ดเเกดเ


โดย: พเกด IP: 125.27.220.231 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:18:54:48 น.  

 
ดีมากๆครับ อยากได้ความรู้เพิ่มนะครับ ช่วยบอกชื่อหนังสือเรื่องรศ.112ให้ด้วยนะครับ จะนำไปทำรายงานครับbinabubak@hotmail.com


โดย: binabubak IP: 118.173.196.96 วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:16:49:43 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.120.15.123 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:2:00:47 น.  

 
รบกวนถามนิดนึงครับ รศ นี่ นับเริ่มจาก พศ.๒๓๒๕
ใช่หรือไม่ครับ ผมจำเอาตรงที่ว่า เราฉลองกรุง
รัตนโกสินทร์สองวร้อยปีตอน พศ.๒๕๒๕ ไม่ทราบว่า
เข้าใจผิดหรือเปล่าครับ


โดย: เจ เหน่งบา IP: 222.123.203.138 วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:43:12 น.  

 
ทำไมเราจะต้องเสียแดนต่างๆไป
แล้วทำไมรัฐบาลประจุบันทำไมถึงไมทำอะไร


โดย: คนรักประเศษ IP: 172.17.17.28, 113.53.234.243 วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:33:17 น.  

 
ขอบคุณ ค่ะ
ดีมากๆ เลย


โดย: นู๋มิน กะ นร้องทราย IP: 10.0.12.187, 182.53.196.198 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:9:04:22 น.  

 
ขอบคุณ ค้ะ


โดย: พี่พลอย กะ ณ้องฝ้าย IP: 10.0.12.187, 182.53.196.198 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:15:20:03 น.  

 
ขอบคุณ ค้ะ


โดย: พี่พลอย กะ ณ้องฝ้าย IP: 10.0.12.187, 182.53.196.198 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:15:20:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลุงกล้วย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




Friends' blogs
[Add ลุงกล้วย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.