|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
ขันดอก
รูปนี้ยืมมาจากเว็บพระล้านนา.คอม
ขันดอกไม่ใช่ขัดดอก ขัดดอกนั่นมันการกู้ยืม แต่ขันดอกหมายถึงพานดอกไม้ ขันดอกมีรูปแบบเดียวคือขึ้นรูปเป็นพาน แต่ขนาดมีหลายขนาด ตั้งแต่เล็กจิ๋วเป็นพานเด็ก แล้วก็ไล่เรื่อยไปเถอะ จะเอาให้ใหญ่เท่าไรก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดทางความเชื่อหรอก อย่าอุตริไปคิดทำขันดอกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็แล้วกัน มันเชยไปแล้ว ความคิดแบบร่มกระดาษสาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขนมลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือข้าวจี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขาเลิกเล่นกันแล้วจ้าทูลหัว มันเป็นอะไรที่ไม่เด้ไปแล้ว
ขันดอก อาจทำจากวัสดุต่างๆ ตั้งแต่ขี้เลื่อยขึ้นไปหาโลหะธาตุสูงค่าต่างๆ อย่างพวกเงิน หรือทอง แต่พวก พลาตินั่มหรือทองคำขาวยังไม่เคยเห็น บางใบก็งามมาก บางใบก็งั้นๆ แหละ เสียดายทองหรือเงิน ของจะดีหรืองามไม่ได้อยู่ที่วัสดุ แต่อยู่ที่ฝีมือ ในฝีมือมีความคิด มีความรู้สึก พูดให้โก้ ในความงามต้องมีปัญญาและอารมณ์ ขันดอกสมัยใหม่มักเป็นขันแดง หมายความว่าขึ้นรูปเป็นพานแล้วมักทาทับด้วยสีแดง แต่เดิมทาหางหรือทาชาด สีแดงจากชาดไม่แช้ดหรือแดงแจ๋เตะตา ออกไปทางขลังๆ ขรึมๆ มากกว่า แต่ปัจจุบันหาชาดได้ยากมาก ราคาแพงมากจนเอามาทาขันไม่ได้ เลยต้องใช้สีน้ำมันทาแทน ขันดอกแบบที่เป็นขันแดงเดี๋ยวนี้ที่ทำงามๆ ก็มีมากเจ้า ฝีมือไม่แพ้ของดั้งเดิม จะแพ้ก็ตรงที่ไม่อาจเสกความรู้สึกขรึมขลังศักดิ์สิทธ์ให้เกิดขึ้นได้
ขันดอกที่เป็นขันแดงมักทำมาจากตอกไม้ไผ่ ไม่ได้เอามาสาน แต่เอามาขึ้นรูปด้วยวิธีขัดซ้อนกันขึ้นไปเป็นชั้นๆ ค่อยเหลื่อมกันทีละนิด ตรงไหนควรเว้าก็ดึงตอกเข้ามามากๆ ตรงไหนควรผายก็คลายเส้นตอกออกไป ค่อยดึงค่อยคลายทีละนิดจนได้รูปที่ต้องการ พอขึ้นรูปเสร็จก็มักจะทากาวจนทั่วเพื่อให้เส้นตอกยึดติดกันแข็งแรงมากยิ่งขึ้น แล้วจะใช้ขี้เลื่อยพอก แล้วจะขัดจนเกลี้ยงแล้วค่อยลงสี
ขันดอกใช้ใส่ดอกไม้ไปวัด ไปดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ ไปคารวะครูอาจารย์ เอาง่ายๆ ว่าใช้ในทางดีงามสูงส่งทั้งนั้น เป็นข้าวของเครื่องใช้ที่มีเสน่ห์ในตัวเอง ประจุหรือแฝงไว้ด้วยอำนาจความดีบางอย่าง สัมผัสจากขันดอกมันบอกทางบุญ บางใบก็ชวนให้รู้สึกแปลกๆ คลับคล้ายว่าชาติที่แล้วฉันนี่ไง เป็นคนสร้างขันดอกไม้ใบนี้
ขันดอกใบนี้เป็นขันสาน หมายความว่าสร้างขึ้นจากการสาน เป็นของที่มีอยู่ในบ้าน ตกทอดมาสักสองชั่วคนแล้ว สานจากเส้นหวายที่จักจนละเอียด มีส่วนคอดส่วนเว้า มีส่วนผายส่วนบานสวยมาก ล่วงมาถึงวันนี้ส่วนคอดตรงเอวไม่ค่อยแข็งแรงแล้ว ใส่ได้แต่ของเบาๆ อย่างดอกไม้ธูปเทียนที่เห็น ใส่ของหนักอย่างกล่องข้าว น้ำต้น หรือถ้วยแกงไม่ได้ มันจะเอียงเผล่เหมือนบอกว่าไม่ไหว เอาออกไปเหอะ
ใช้ขันใบนี้แหละจ้า เวลาไปวัดหรือไปดำหัวครูบาอาจารย์ ยืดเชียว ใครเห็นก็แย่งจับ ให้จับได้ไงยะ ขันดอกนะ ออกจะอ่อนไหวบอบบางราวนางคุ้มหลวง ไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวนี่ นึกจะรักก็อุ้ม พอเบื่อก็โยนเผละลงดิน เกิดเอวขาดหล่อนมีปัญญาหาใช้ชั้นหรือเปล่ายะ
ขอบคุณบรรพบุรุษที่รักษาขันใบนี้ตกทอดกันมา
บทความ-สารคดีหนังสือสกุลไทย โดย จุลจันทร์ นันทมาลา
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2554 9:21:24 น. |
|
18 comments
|
Counter : 3313 Pageviews. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:01:04 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:26:07 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:16:01 น. |
|
|
|
โดย: KeRiDa วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:5:04:37 น. |
|
|
|
โดย: พิรุณร่ำ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:29:25 น. |
|
|
|
โดย: KeRiDa วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:28:47 น. |
|
|
|
โดย: PhueJa วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:18:32 น. |
|
|
|
โดย: อันตามาตี วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:33:20 น. |
|
|
|
โดย: KeRiDa วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:4:38:01 น. |
|
|
|
โดย: พิรุณร่ำ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:09:48 น. |
|
|
|
โดย: PhueJa วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:41:53 น. |
|
|
|
โดย: tui/Laksi วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:24:15 น. |
|
|
|
โดย: พิรุณร่ำ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:5:37:52 น. |
|
|
|
|
|
|
|