|
เคยเสียแล้ว
ย่ายิ้ม มีรอยยิ้มประดับใบหน้าเป็นอาจิณสมชื่อ มองจากมาตรฐานของคนสมัยนี้ ชีวิตย่ายิ้มนับว่าลำบากลำบนอย่างยิ่ง เพราะอยู่บ้านกลางป่าเพียงลำพัง ต้องหุงหาอาหารกินเอง บางทีก็มีแต่หัวกลอยนึ่งมะพร้าวคั่วเป็นอาหารเพราะข้าวสารหมด ไฟฟ้าน้ำประปาไม่ต้องพูดถึง ย่ายิ้มอาศัยตะเกียงน้ำมันมาช้านานแล้ว หมู่บ้านที่อยู่ใกล้สุดนั้นห่างถึง ๘ กม. เส้นทางลงเขาก็ทุรกันดาร อย่าว่าแต่คนเลย แม้รถยนต์ก็ขึ้นลำบาก แต่ทุกวันพระ ย่ายิ้มจะเดินกระย่องกระแย่งลงมาแต่เช้ามืดเพื่อเข้าวัดรักษาศีล ขากลับจึงแบกข้าวสาร พริก หอม กระเทียมขึ้นเขา ซึ่งมักได้รับความเอื้อเฟื้อจากเพื่อนบ้านคราวลูกคราวหลาน แม้อายุถึง ๘๓ แต่ย่ายิ้มก็ยังพึ่งตัวเองได้แทบทุกอย่างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตน
เงินมีความหมายน้อยมากต่อย่ายิ้ม เงินผู้สูงอายุที่ได้รับจากรัฐบาล ๕๐๐ บาททุกเดือน ย่ายิ้มถวายวัดทำบุญหมด ย่ายิ้มเคยพูดว่า ความเจริญอยู่ที่ไหน มันก็ทุกข์ยากที่นั่น อยู่บนเขานี้ไม่มีเงินก็ยังอยู่ได้ ไม่เหมือนที่คลองตาล (ตำบลใกล้เคียง) ไม่มีเงินอยู่ไม่ได้เลยหนา ต้องซื้อเอาทุกอย่าง ยิ่งแก่แล้วทำนาไม่ไหว ไปอยู่ก็ต้องเดือดร้อนเขา ย่ายิ้มเลือกมาใช้ชีวิตกลางป่าจะได้ไม่เป็นภาระแก่ใคร ถ้าถามว่าย่ายิ้มอยู่อย่างนั้นลำบากไหม รอยยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีย่อมเป็นคำตอบอยู่แล้วในตัว แต่หากถามจี้ลงไป ย่ายิ้มก็จะตอบอย่างซื่อ ๆ ไม่ซับซ้อน ด้วยประโยคหนึ่งที่ติดปาก
นิตยสาร ฅ.คน เคยถามย่ายิ้มว่า เดินลงเขาไปวัดไม่เหนื่อยหรือ ทางก็ยากลำบาก ไกลก็ไกล
ก็มันเคยเสียแล้วหนา ย่ายิ้มตอบ
อยู่คนเดียว มืดค่ำเจ็บป่วยจะทำอย่างไร ไม่มีใครดูแล
ก็ไม่เคยเจ็บหรอกหนา ถ้าเป็นอะไร มันก็เคยเสียแล้วหนา
บางช่วงย่ายิ้มไม่มีข้าวกินเพราะฝนตกหนักลงมาเอาข้าวสารไม่ได้ ต้องขุดหัวกลอยมากิน อย่างนี้จะอิ่มหรือ
ก็มันเคยแล้วหนา
หม้อหุงใบเก่าย่ายิ้มใช้นานจนรั่ว จึงต้องตะแคงหุง หุงแบบนี้ไม่ลำบากหรือ
ก็มันเคยเสียแล้วหนา ก็มันเคยเสียแล้วหนา คงไม่ใช่คาถาที่ย่ายิ้มใช้ปลอบใจตนเอง แต่เกิดจากความรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่ธรรมดาเพราะคิดเอาหรือเห็นจากชีวิตคนอื่น แต่เป็นผลจากประสบการณ์ที่ผ่านความยากลำบากมามากจนไม่เห็นว่ามันเป็นปัญหาอีกต่อไป
ดูเหมือนว่าความยากลำบากไม่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตย่ายิ้มอย่างไร้ประโยชน์เลย ความยากลำบากทั้งปวงในอดีตได้ทำให้ย่ายิ้มเกิดความคุ้นเคยกับมัน จนไม่รู้สึกว่ามันเป็นความยากลำบากหรือความทุกข์อีกต่อไป จะเรียกว่ามันสร้างภูมิคุ้มกันความทุกข์ให้แก่ย่ายิ้มก็ได้ คนทุกวันนี้คิดแต่จะหนีความทุกข์ แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็หนีความทุกข์ไม่พ้น อย่าว่าแต่ความทุกข์ใจเลย แม้แต่ความทุกข์กายเช่นความยากลำบาก ก็ต้องประสบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อเจอแล้วก็มักจะทุกข์ใจตามมาเพราะยอมรับไม่ได้
ยังไม่ต้องพูดถึงการพลัดพรากสูญเสียคนรัก สิ่งรัก หรือประสบกับสิ่งที่ไม่สมหวังดั่งใจ เกิดขึ้นเมื่อใดก็อดไม่ได้ที่จะตีโพยตีพาย ร่ำไรรำพัน นั่นเพราะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อสิ่งเหล่านี้ ไม่ต่างจากคนที่เจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อเพราะขาดภูมิคุ้มกันโรคเหล่านั้น ภูมิคุ้มกันโรคจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อร่างกายเคยสัมผัสกับเชื้อโรคดังกล่าวฉันใด ภูมิคุ้มกันความทุกข์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อชีวิตเคยประสบกับความทุกข์มาก่อนฉันนั้น แต่อาจไม่ใช่แค่ครั้งเดียวเหมือนภูมิคุ้มกันโรค หากต้องเจอหลาย ๆ ครั้ง (เพราะใจมักจะขี้หลงขี้ลืม) ดังนั้นการประสบกับความทุกข์หรือความยากลำบากจึงมิใช่เรื่องเลวร้ายอย่างเดียว แต่ให้ประโยชน์แก่เราด้วย
ในทางตรงข้ามการหลีกหนีความทุกข์อยู่เสมอ แม้จะทำได้สำเร็จ ก็มีโทษแฝงอยู่ เพราะทำให้เราขาดภูมิคุ้มกันความทุกข์ เมื่อใดที่หนีความทุกข์ไม่สำเร็จก็จะกลัดกลุ้มหรือเศร้าโศกทันที แต่จะกลัดกลุ้มเพียงใด อย่าลืมว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นมีประโยชน์แก่เราเสมอ หากมองเห็นประโยชน์แล้วใช้ให้เป็น ถือว่า กำไร แต่ถ้ามองไม่เห็นก็ ขาดทุน สถานเดียว คือทุกข์ใจโดยไม่ได้อะไรเลย ความทุกข์ยากลำบากที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต นอกจากจะช่วยให้เราคุ้นเคยกับความทุกข์จนไม่หวั่นไหวกับมันแล้ว ยังทำให้เรามีกำลังใจที่จะก้าวข้ามความทุกข์ใหม่ ๆ ที่พลัดเข้ามา ในยามคร่ำครวญหรือเจ็บปวดเพราะความทุกข์เหล่านั้น หากเราย้อนรำลึกถึงวันเก่า ๆ ที่เราเคยผ่านพ้นความทุกข์แบบนั้นมาได้ ก็จะมีความมั่นใจมากขึ้นว่าในที่สุดเราจะผ่านพ้นมาได้อีก
เราอาจไม่ถึงกับรู้สึกเหมือนย่ายิ้มว่า ก็มันเคยเสียแล้ว แต่อย่างน้อยก็พูดกับตนเองได้ว่า ก็เคยผ่านมาแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ก็จะผ่านได้เช่นกัน อย่าปล่อยให้ความทุกข์ผ่านเข้ามาในชีวิตเราอย่างไร้ประโยชน์ ท่านอาจารย์พุทธทาสเคยกล่าวว่า ป่วยทุกที ก็ฉลาดทุกที นั่นคือเมื่อล้มป่วยก็อย่ามัวแต่ร่ำไรคร่ำครวญ ควรมองว่าความเจ็บป่วยกำลังสอนธรรมแก่เราในเรื่องความผันผวนปรวนแปรของชีวิต ไม่มีอะไรแน่นอน เมื่อวานยังปรกติดีแต่วันนี้กลับป่วยเสียแล้ว ความเจ็บป่วยยังสอนเราว่า ร่างกายนี้ไม่อยู่ในอำนาจของเราเลย จะสั่งให้มันไม่ป่วยมันก็ไม่ยอม ดังนั้นจะเรียกว่ามันเป็นของเราได้อย่างไร มองให้ดี ความเจ็บป่วยยังเตือนใจเราไม่ให้ประมาท ในเมื่ออะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน
ในขณะที่ยังมีเวลาหรือเรี่ยวแรงอยู่ก็ควรเร่งทำสิ่งสำคัญหรือสิ่งที่สมควรทำให้แล้วเสร็จ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะหากผัดผ่อนไปเรื่อย ๆ ในที่สุดอาจไม่มีโอกาสทำสิ่งเหล่านั้น เงินหาย อกหัก งานล้มเหลว มองให้ดีมีประโยชน์ทั้งนั้น อย่างน้อยมันก็สอนให้เรารู้ว่าความไม่สมหวังเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรที่เราควบคุมให้เป็นไปดั่งใจเสียหมด มันยังเป็นเสมือนการบ้านที่ฝึกใจเราให้รู้จักปล่อยวาง เพราะถ้ายังยึดติดถือมั่นก็จะทุกข์สองสถาน คือไม่ใช่หายแต่เงิน ใจก็หายด้วย ไม่ใช่เสียแต่คนรักแต่ยังสูญเสียชีวิตที่ปรกติสุข เพราะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่เป็นอันทำอะไร ไม่ใช่เสียแต่งาน ใจก็เสียด้วย รวมไปถึงสูญเสียความมั่นใจในตนเอง
แต่ถ้ามองให้เป็นความล้มเหลวก็ทำให้เกิดความกล้ามากขึ้น นักธุรกิจคนหนึ่งเล่าว่าเขาเคยกลัวความล้มเหลวมาก ไม่กล้าลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ แต่ต่อมาเขาเปลี่ยนใจ ยอมลงทุนในธุรกิจที่ไม่คุ้นเคย แล้วสิ่งที่เขาหวาดกลัวก็เกิดขึ้น นั่นคือธุรกิจล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นกลายเป็นสิ่งดีสำหรับเขาเพราะได้พบว่าเมื่อความล้มเหลวเกิดขึ้น ฟ้าก็ยังไม่ถล่ม โลกก็ยังไม่ทลาย มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด นับแต่นั้นเขาก็เลิกกลัวความล้มเหลว และกล้าที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งในที่สุดนำความสำเร็จมาสู่ชีวิตเขา ความยากลำบากและความไม่สมหวังนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น ถ้ามองว่ามันเป็นปัญหาก็จะทุกข์ใจได้ง่าย อย่าว่าแต่เรื่องใหญ่ ๆ เลย แม้แต่สิวฝ้า รอยเหี่ยวย่น ผมหงอก ถ้ามองว่าเป็นปัญหาก็ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ขาดความมั่นใจในตนเอง
แต่หากเห็นว่ามันเป็นธรรมดา ถึงแม้จะทุกข์ยากลำบากอย่างย่ายิ้มก็ยังยิ้มได้อย่างอารมณ์ดี อะไรที่เป็นธรรมดาไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องทำอะไรกับมัน เจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาก็จริง แต่สมควรเยียวยารักษาและหาทางป้องกันตามสมควร ถึงจะเยียวยาไม่ได้ ป้องกันไม่ได้ผล อย่างน้อยใจก็ไม่เป็นทุกข์ มีแต่กายเท่านั้นที่ทุกข์ พูดอีกอย่าง ถึงจะป่วยกายแต่ใจไม่ป่วย ในทำนองเดียวกันแม้จะเจอความยากลำบาก มีแต่กายเท่านั้นที่ลำบาก ส่วนใจกลับสุขสบายโดยแน่แท้
รินใจ ภาพประกอบ : เฉลิมชาติ เจริญดียิ่ง ตีพิมพ์ใน นิตยสาร สารคดี ฉบับ 314
Create Date : 25 มิถุนายน 2556 |
|
9 comments |
Last Update : 25 มิถุนายน 2556 5:31:34 น. |
Counter : 1289 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: VELEZ 25 มิถุนายน 2556 6:20:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 25 มิถุนายน 2556 7:11:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมอหว่อง (หมอหว่อง ) 26 มิถุนายน 2556 0:38:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: deco_mom 28 มิถุนายน 2556 13:01:16 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ปล.ตอนนี้ยังอยู่ตอนที่สิบสามอยู่เลยค่ะ
ลิ้งค์มันเจ๊ง เลยไม่ได้ดูต่อแล้ว