Bloggang.com : เทพบุตรตบะแตก!! : พ็อกเก็ตบุ๊คลำดับที่ 3 ของผม "CREATIVE สร้างสรรค์สร้างได้"

พ็อกเก็ตบุ๊คลำดับที่ 3 ของผม "CREATIVE สร้างสรรค์สร้างได้"

ขอต้อนรับสู่ผลงานพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มที่ 3 ของผม

CREATIVE สร้างสรรค์สร้างได้

เมื่อหลายปีมาแล้วเพื่อนเคยมาถามผมว่า ยุคนี้ทำอะไรดีถึงจะให้มันเด่นเป็นเงินเป็นทองขึ้นมาได้ ซึ่งความหมายแท้ๆ ทำอย่างไรให้มันรวยได้บ้าง ผมเลยตอบง่ายๆ ไปว่า “ก็สร้างของใหม่ๆ ขึ้นมาสิ หรือไม่ก็เอาของเก่าที่มีอยู่แล้วมาประยุกต์ให้มันใหม่ก็ได้”

ในความคิดผมนั้นการจะหาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง (ในทางสุจริต) ก็หนีไม่พ้นการทำงาน แต่ครั้นจะไปทำการค้าเกี่ยวกับสินค้าที่มีเจ้าของเดิมครองตลอดอยู่แล้ว ก็ออกจะเสี่ยงอยู่พอสมควร แม้สินค้าเราอาจมีคุณภาพดีกว่าแต่ก็ต้องยอมรับครับว่าเจ้าของผลิตภัณฑ์เก่าเขาทำชื่อเสียงและวางรากฐานทางการตลาดไว้นานกว่าเรา ดังนั้นหากเราจะลงสนามเข้าแข่งขันก็ต้องใช้ทุนทางเงินและทุนทางเวลาค่อนข้างมากกว่าเราจะได้ส่วนแบ่งตลาดในระดับที่น่าพอใจได้ ทำให้หนทางที่เสี่ยงน้อยกว่าคือการลงมือทำสิ่งใหม่ๆ โดยหากไม่สร้างสินค้าตัวใหม่ขึ้นมาเลยก็ควรทำให้สินค้าเดิมของเรานี่แหละมีความสดใหม่ให้ผู้คนหันมาสนใจให้จงได้

เพื่อนผมถามต่ออีกหนึ่งประโยคว่า แล้วจะสร้างอีท่าไหนล่ะ ผมเลยตอบโดยการเอานิ้วชี้เคาะที่หัวของผมเองเป็นสัญลักษณ์ว่า “ก็ใช้ไอ้นี่ไง” เจ้าเพื่อนตัวดีของผมส่ายหน้าพร้อมบอกว่า “ฉันรู้แหละว่าต้องใช้ไอ้นี่ แต่มันง่ายเท่าแค่นายเอานิ้วจิ้มที่ไหนกันเล่า”

ผมเลยฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เออ มันจริงแฮะ คนเรามักบอกให้ใช้หัว ใช้สมอง หากอยากสร้างสิ่งใหม่ให้คนอื่นๆ ตะลึง ก็ต้องสร้างสรรค์มันขึ้นมา แต่ไม่ค่อยจะมีใครบอกว่า แล้วเจ้าความคิดสร้างสรรค์น่ะมันจะเกิดขึ้นในหัวเราได้อย่างไร ที่แน่ๆ คือมันไม่อาจโผล่ออกมาแบบทันทีทันใดสมใจนึกได้ บางคนคิดแทบตายก็นึกไม่ออกว่าจะสร้างอะไรใหม่ๆ ได้อย่างไร ในขณะที่บางคนนึกจะคิดก็คิดได้ง่ายดายดั่งพลิกฝ่ามือ

ทำไมคนเราถึงมีพลังสร้างสรรค์ต่างกัน เพราะมันเป็นสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้แค่เฉพาะบางคนเท่านั้นหรืออย่างไร ประเภทว่าถ้าเราไม่มีมาแต่เกิดก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องนั่งนิ่งดูคนอื่นใช้ความคิดสร้างสรรค์ตาปริบๆ เช่นนั้นหรือ... ผมบอกได้เลยครับว่าเปล่า เพราะความสร้างสรรค์นั้นมีอยู่ในตัวทุกคน เพียงแต่บางคนเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จึงใช้ความสร้างสรรค์ได้เหมือนใช้ตาดูหูฟัง แต่กับบางคนอาจไม่ได้รับการเลี้ยงดูส่งเสริมเช่นนั้น ทว่าอย่ากลัวไปครับ เพราะอันว่าความสร้างสรรค์นั้น สร้างได้

มีการวิจัยไม่รู้กี่ร้อยชิ้นจากสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนความคิดว่า ทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้วตามธรรมชาติ เพียงแต่บางรายได้รับการกระตุ้นให้ตื่นขึ้น ซึ่งสิ่งที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ก็ได้แก่ สิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดู หรือการเรียนรู้ที่โรงเรียน เรียนรู้ในชีวิตประจำวัน ยิ่งพวกเขาสั่งสมประสบการณ์มากเท่าใดก็จะทำให้ยิ่งมีพลังสร้างสรรค์มากตาม ดังนั้นจึงสรุปได้แบบฟันธงเลยว่าความคิดสร้างสรรค์สามารถสร้างได้ สามารถทำให้มันมีเพิ่มพูนมากขึ้นได้ด้วย อันที่จริงแล้วมันเพิ่มขึ้นทุกวินาทีที่เราใช้พลังสมองเราทำอะไรสักอย่าง เพราะสมองก็เหมือนกล้ามเนื้อร่างกายที่เมื่อเราออกกำลังทางความคิดแล้วมันจะแข็งแรง คล่องตัวขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ

แต่นั่นหมายถึงว่าคุณต้องออกกำลังในระดับที่พอเหมาะไม่มากไปจนสมองล้าอ่อนแรง และก็ไม่น้อยเกินไปจนรอยหยักในสมองแทบจะไม่กระดิกเลย

ผมเคยเขียนเรื่องราวว่าด้วยการพัฒนาความจำ ซึ่งแนวทางหนึ่งที่จะทำให้เรามีความจำเพิ่มคือฝึกฝนใช้มันให้บ่อยประหนึ่งว่ามันคือหูตาคอจมูกที่เราต้องใช้ตลอดเวลา หากเราใช้จนคล่องแล้ว ย่อมสามารถเรียกมันออกมาใช้งานได้ง่าย แต่ตอนที่ยากที่สุดคือตอนเริ่มต้น เช่นเดียวกับระยะเริ่มแรกของการใช้พลังสร้างสรรค์มันอาจลำบากกว่าจะคิดออกมาทีละหนึ่งบรรทัดมันใช้เวลานานเหมือนเป็นปีเป็นชาติ แต่หากคุณรู้จักจับหลักของมันแล้ว ไม่นานคุณจะหยิบมันใช้ได้ง่ายเหมือนหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มเลยทีเดียว

แน่นอนครับว่าหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อทำให้คุณใช้ความคิดความสร้างสรรค์ได้ง่ายดั่งใจที่สุด นอกจากนี้ยังจะบอกแนวทางในการพัฒนาพลังแห่งความสร้างสรรค์ให้คุณพัฒนาตนเองในอีกทางหนึ่ง

ผมบอกกับเพื่อนว่าหากอยากเด่นก็ต้องสร้างอะไรใหม่ๆ ให้กับสินค้า ก็เช่นเดียวกับตัวเรานั่นแหละครับ เราคือคนธรรมดาที่หากมองเผินๆ ก็ไม่แตกต่างจากใครที่ไหน คนอื่นๆ ย่อมมองคุณอย่างธรรมดาทั่วไปไม่ว่าอาจารย์หรือเจ้านายของคุณ แต่หากคุณสร้างตัวเองให้ไม่ธรรมดาล่ะครับ ลองคิดดูหากคุณสร้างความโดดเด่นให้ตัวเองประหนึ่งสร้างความใหม่ให้สินค้าก็จะทำให้คนอื่นสนใจคุณได้ แทบไม่ต้องสาธยายให้มากความเลยครับว่ามันจะทำให้คุณเด่นแค่ไหน มันจะส่งผลอย่างไรบ้างต่องานของคุณ ต่อคนรอบข้าง... แทบไม่ต้องบอกครับว่ามันต้องดี

การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นเรื่องสนุกที่เมื่อได้เริ่มแล้วจะติดใจ เพราะอันที่จริงการเพิ่มความสร้างสรรค์ส่วนใหญ่มักเหมือนเราเล่นเกมที่มีความท้าทายจะมากหรือน้อยแล้วแต่โจทย์ เหมือนโจทย์สักโจทย์หนึ่งให้เราแก้ และเมื่อเราแก้ได้ความภูมิใจก็จะมาป้วนเปี้ยนในใจเรา พร้อมทั้งความสนุกที่จะแก้โจทย์แบบนี้อีก

ความคิดสร้างสรรค์มีประโยชน์หลายสถานครับ มันใช้สร้างสิ่งใหม่ก็ได้ ทำสิ่งเก่าให้ดีขึ้นก็ได้ หรือจะใช้แก้ปัญหาทั้งหลายในชีวิตคุณก็ย่อมทำได้ คิดดูสิครับหากคุณมีพลังสร้างสรรค์ที่ดีติดตัวอยู่เสมอ ชีวิตคุณจะเปลี่ยนผันไปในทางที่ดีแค่ไหน

ผมเขียนๆ ไปนั้นอาจให้อารมณ์เหมือนคุณกำลังอ่านโฆษณาชวนเชื่ออยู่ ดังนั้นผมจะไม่ให้คุณเชื่อผมในทันที ผมขอให้คุณลองเริ่มต้นศึกษาแนวทางการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ดู ไม่จำเป็นว่าต้องศึกษาจากหนังสือเล่มนี้เท่านั้น คุณจะอ่านหนังสือเล่มไหนก็ได้ที่บอกแนวทางสร้างสรรค์ แล้วคุณจะรู้ว่ามันให้อะไรดีๆ กับคุณมากแค่ไหน เมื่อคุณได้เรียนรู้และเข้าใจ จนสามารถหยิบจับมันมาใช้ได้ง่ายดั่งใจ

ในอเมริกาและอีกหลายประเทศทั่วโลกพยายามทำให้ประชากรของเขามีความคิดสร้างสรรค์กันมากขึ้น มันคือศักยภาพอันทรงคุณค่าชนิดหนึ่งที่มักจะถูกลืมหรือไม่ก็ถูกปิดกั้นให้ไปไม่ถึงไหนเสมอไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม โดยเฉพาะในบ้านเราที่บางครั้งเด็กๆ ที่มีแววสร้างสรรค์ก็ถูกผู้ใหญ่ทำให้ไขว้เขวจนพลังแห่งความสร้างสรรค์ค่อยๆ สูญหายไป หรือไม่ก็โดนปิดกั้นโดยผู้ที่ใช้ระบบอาวุโสอย่างไม่ถูกทาง ผมเห็นว่าบัดนี้ได้เวลา (จริงๆ มันได้เวลามานานแล้วครับ) ที่จะเริ่มปลูกฝังความสร้างสรรค์ให้ลูกหลานเรา เพื่ออนาคตของเรา เพื่ออนาคตของชาติ การเพิ่มพลังสร้างสรรค์ไม่จำกัดวัยและเพศครับ คุณทำได้ และมันจะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน ผมกล้ารับประกัน ขอเพียงอย่าลืมว่า ความคิดสร้างสรรค์ สร้างได้!

วางแผงแล้ววันนี้ครับ

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2551

Last Update : 21 พฤศจิกายน 2551 16:58:23 น.

2 comments

Counter : 1081 Pageviews.

จะไปซื้อคะ

โดย: tonpor (kosak

) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:12:13 น.

โอ้ ขอบคุณครับคุณ tonpor เพียงพูดเท่านี้ผมก็ดีใจมากแล้วครับ อย่างไรก็ดี ผมแนะนำให้ลองอ่านก่อนก็ได้ครับ หากถูกใจค่อยซื้อหานะครับผม

โดย: หมื่นทิพ (เทพบุตรตบะแตก!!

) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:20:01 น.