ขายแบบมีศิกดิ์ศรีพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มแรกของผมได้วางจำหน่ายไปราวๆ ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา วันนี้ขณะที่ผมกำลังเขียนงานหนังสือเล่มใหม่อยู่ ก็มีคนมาแจ้งว่ายอดขายหนังสือของสำนักพิมพ์ที่พิมพ์ผลงานของผมนั้นได้มาแล้ว เป็นยอดขายประจำเดือนสิงหาคม ...ผมก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะคาดว่าหนังสือเพิ่งวางปลายเดือน จะให้มันขายได้ยอดเลยก็คงเร็วไปหน่อย คิดด้วยซ้ำว่าหนังสือผมคงยังไม่มียอดมาหรอก ... แต่พี่เขาบอกว่ามีซี่ นี่ไง ... กระดาษเอกสารที่รายงานยอดจำหน่ายหนังสือได้ถูกส่งมาอยู่ในมือของผม และผมก็ได้เห็นชื่อหนังสือผมอยู่ในยอดนั้นด้วย ... มันขายได้สองร้อยกว่าเล่ม ...มันไม่ใช่ยอดที่มากมายเท่าใดนัก สำหรับนักเขียนที่ใหม่มากๆ ในวงการพ็อกเก็ตบุ๊คเช่นผม ... แต่ผมก็อยากจะกล่าวขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ได้ให้โอกาสอุดหนุน ให้เกียรติซื้อหนังสือของผม ผมไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรนะครับถึงจะครบถ้วนตามอารมณ์และความรู้สึกตื้นตันที่ผมมี ... ผมจึงอยากบอกเพียงสั้นๆ แต่ตรงไปตรงมาว่าขอบคุณจากใจครับ คุณทำให้นักเขียนเช่นผม มีกำลังใจสร้างสรรค์งานต่อไปในคราวแรกเมื่อผมประกาศว่าได้เขียนหนังสือแนวจิตวิทยาผสมกับการขาย มีเพื่อนๆ พี่ๆ หลายคนสงสัยว่าทำไมผมไม่ออกหนังสือเกี่ยวกับหนังดังที่ผมถนัด สาเหตุมีสองประการครับประการแรกคือ ผมเห็นว่ามีพี่ๆ มากมายหลายท่านทำหนังสือรวบรวมเรื่องราวดีๆ จากหนังไว้หลายท่าน ไม่ว่าจะรุ่นเก่าเช่นอาตีตั๋วหรือคุณอาสนานจิตต์ หรือคุณพี่นันทขว้าง หรือรุ่นใหม่แต่มาแรงเช่น พี่หมอ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ผมก็ตระหนักว่า ผมคงต้องสั่งสมประสบการณ์เพิ่มอีกสักหน่อย หากจะสร้างสรรค์งานชิ้นใดออกไป ยิ่งเป็นงานเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่ผมรักก็ยิ่งต้องคิดให้ดีสักหน่อยประการที่สองคือ ผมเรียนจบจิตวิทยามาครับ และผมมีความตั้งใจตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาโทว่า ถ้าผมทำได้ ผมอยากเขียนหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยา เพื่อทุกคน ทุกสาขาอาชีพ ทุกเพศ ให้ทุกคนรู้หลักการใช้ชีวิตให้มีความสุข ให้ทุกคนรู้เทคนิคดีๆ โดยเฉพาะการเอาจิตวิทยามาผสมกับธุรกิจการค้า สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้พี่ๆ นักขายและนักธุรกิจได้จุดประกายขึ้นในสมอง แม้เพียงเล็กน้อยผมก็รู้สึกยินดีแล้วครับจากนั้นผมก็ได้ทำการทดลองลองโพสต์โหวตตามกระทู้ต่างๆ ว่าคุณต้องการหนังสือแนวไหนที่สุดในตอนนี้ ผมได้คำตอบมาว่า คนเราตอนนี้กำลังกังวลเรื่องอาชีพกันมาก กังวลเรื่องความสำเร็จ ปากท้องและการทำมาหากิน... ผมเลยเลือกเขียนหนังสือจิตวิทยาผสมกับอาชีพไงล่ะครับสำหรับท่านใดที่ยังไม่เคยเห็นหนังสือของผม ก็ขออนุญาตนำหน้าปกมาให้ดูอีกสักครั้งนะครับ
ปล. ดู 2001 ไม่เข้าใจ ฮิฮิ อ่านหนังสือก่อนหน้าหนังไปได้ไม่ถึงครึ่งเล่ม สงสัยจะต้องอ่านต่อและครับ ^^