1. ไม่สตาร์ทแช่-ยาว
   ในกรณีที่สตาร์ทรถไม่ติด ควรหลีกเลี่ยงการสตาร์ทแช่ยาวเกิน 10 วินาที เพราะจะส่งผลให้ไดสตาร์ทเสียหายได้ และควรเว้นระยะการสตาร์ทต่อเนื่อง ประมาณ 10 วินาที เพื่อเป็นการถนอมไดสตาร์ท ไม่ให้ทำงานหนักจนมากเกินไป
2. ตรวจสอบตำแหน่งเกียร์
   – เกียร์ออโต้ หรือเกียร์อัตโนมัติ ต้องอยู่ในตำแหน่ง P หรือ N แต่ถ้าอยู่ในตำแหน่งอื่นก็จะสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด

   – เกียร์ธรรมดา ต้องเลื่อนเกียร์ให้อยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง ถ้าไม่ได้ปลดเกียร์ว่างก่อนสตาร์ท อาจส่งผลให้รถพุ่งชนสิ่งต่างๆ ที่ขวางหน้าจนเกิดความเสียหายได้

3. ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถทั้งหมด ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ ได้แก่ แอร์ วิทยุ ไฟหน้า และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อให้กำลังไฟสูงสุดจากแบตเตอรี่จ่ายไปยังระบบสตาร์ท ผู้ใช้รถบางท่านอาจคิดว่าไม่จำเป็นต้องปิดระบบไฟฟ้าก็สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ซึ่งในทางปฏิบัติก็สามารถทำได้จริง แต่จะเป็นการเพิ่มภาระให้ไดสตาร์ทและเครื่องยนต์ทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการสึกหรอตามมาในภายหลังได้
4. ตรวจสอบไฟเตือน
   เมื่อบิดกุญแจสตาร์ทรถ ควรตรวจสอบว่าไฟแสดงสถานะของระบบต่างๆ ที่โชว์บนหน้าปัดแสดงขึ้นมาครบและดับลง นอกจากนั้นควรสังเกตว่าเมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติดแล้ว มีไฟโชว์ผิดปกติหรือไม่ จากนั้นลองสังเกตว่าเครื่องยนต์มีอาการสั่นผิดปกติ หรือเสียงที่ผิดปกติหรือไม่

ขอขอบคุณข้อมูลจาก:

dailynews.co.th

https://www.tipinsure.com/NewsAndActivities/news_content_v2/112