All Blog
การสลายไขมัน


คนส่วนใหญ่ ยอมรับว่า การออกกำลังการ ร่วมกับการรับประทานอาหาร ที่มีไขมันต่ำ ไฟเบอร์สูง จะเป็นสูตรสำเร็จ ของการรักษาสุขภาพที่ดี

การออกกำลังกาย มีความสำคัญมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการควบคุมน้ำหนัก เพราะพลังงาน ที่เราใช้ในช่วงปกติ เป็นผลจากการทำงานของ กล้ามเนื้อต่างๆ ทั้งยังมีแนวโนัมว่า กล้ามเนื้อเราจะอ่อนล้าหย่อนยาน และมีการสะสมมากขึ้น ของไขมันเมื่ออายุเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อของเรา ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปตามอายุ เราจึงยังสามารถรักษา หรือ ควบคุมได้ด้วย การออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะพบได้ว่า การบริโภคอาหารไขมันต่ำ ไฟเบอร์สูง จะช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย แม้ในคนปกติ เหตุผลเป็นเพราะ เราทำให้เกิดสมดุล ระหว่างความรู้สึกถึงใจ กับความอิ่มท้อง เป้นที่รู้กันว่า เราสามารถจะบริโภคไขมันมากเกินความต้องการ ก่อนที่จะเริ่มรู้สึกอิ่มเสียอีก และโดยเฉพาะเมื่อทราบว่า ไขมันมีแคลอรี่สูงกว่า คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ถึง 2 เท่า การรับประทานอาหาร ที่มีไฟเบอร์สูง ไขมันต่ำ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้อิ่มอย่างได้สมดุล แต่ยังมีส่วนช่วยลดโอกาสการเกิด มะเร็งหลายชนิดด้วย

การออกกำลังกาย ร่วมกับ การรับประทานอาหารไฟเบอร์สูง ไขมันต่ำ จะเป็นสูตรสำเร็จ ที่น่าจะได้ผลดีในทางทฤษฎี แต่ก็พบว่าในทางหฏิบัติ มีความแตกต่างไป ทั้งนี้เป็นเพราะการดำเนินชีวิต และความสะดวก ในการบริโภคประจำวัน มีส่วนเบี่ยงเบน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัวอย่างเช่น การที่มีคอมพิวเตอร์ กระเป๋าหิ้ว ทำให้ต้องเดินน้อยลง ในระหว่างการทำงาน แม้ว่าพยายามชดเชยด้วยการรับประทานอาหารกลางวัน ที่มีแคลอรี่ต่ำ แต่ก็ยังไม่ช่วยสมดุลมากนัก และน้ำหนักก็ยังกลับเพิ่มขึ้นอีก

ขั้นตอน การย่อยสลายไขมัน
1.การย่อยสลายอาหาร ให้แตกตัวในกระเพาะอาหาร
2.การย่อยด้วยน้ำย่อยไขมัน (lipolysis) ให้กลายเป็น กรดไขมันที่เล็กลง (Free Fatty Acid) และเบตาโมโนกลีเซอไรด์ (b-MGs)
3.การจับตัวกับน้ำดีกลายเป็น อนูเล็กๆ ของไขมัน ที่ละลายน้ำ และพร้อมจะถูกดูดซึม
4.การดูดซึมผ่านผนังลำไส้

ดังนั้นหากเราสามารถ จัดการกับไขมันได้ก่อน ที่มันจะถูกดูดซึมเข้าร่างกาย จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และทรมานน้อยกว่าอย่างมาก สิ่งที่เราต้องการที่แทัจริงแล้วคือ สิ่งที่สามารถป้องกัน ยับยั้งการดูดซึมของไขมัน

โชคดี ที่การวิจัยชั้นเยี่ยมในเรื่องของการลดน้ำหนัก ได้ช่วยให้เราค้นพบว่า การเสริมด้วยโภชนาการ หรืออาหารเสริมบางชนิด จะช่วยยับยั้งการได้รับไขมันเพิ่มขึ้น และเพิ่มการเผาผลาญไขมันในร่างกายด้วย สำหรับคนที่กำลังไม่สบาย จากความไม่สมดุลของไขในในร่างกาย หรือภาวะที่ร่างกายสะสมไขมัน มากกว่าที่นำไปใช้ มันมักจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายทีเดียว ที่จะต้องพยายามป้องกันรักษาสุขภาพของเส้นเลือดและหัวใจ

ส่วนใหญ่การลดน้ำหนัก มักมุ่งไปที่ การพยายามแก้ปัญหา หลังจากที่มีการสะสมไขมันเข้าไปแล้ว แม้จะทราบว่า อาหารใดที่มีไขมันมาก เราก็ยังอดไม่ได้ที่จะรับประทาน และ ก็ต้องมาพยายามหาวิธี ขจัดไขมันออกในภายหลัง

อันที่จริงแล้ว คำกล่าวที่ว่า "An ounce of prevention is worth a pound of cure" หรือ ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ควรถูกนำมาพิจารณาอย่างยิ่ง มันจะง่ายกว่ามาก หากมีวิธีป้องกัน ไม่ให้ไขมัน เข้าไปสะสมในร่างกาย ง่ายและปลอดภัย กว่าการที่จะพยายามมาขจัดออกในภายหลัง

Other Link
ลดน้ำหนักกับ Longderse
บทความอื่นๆ



Create Date : 19 ตุลาคม 2553
Last Update : 19 ตุลาคม 2553 8:13:46 น.
Counter : 844 Pageviews.

1 comment
ลดความอ้วนแบบนับ 1 2 3


"ความอ้วนเป็นปัญหาของผู้คนจำนวนมากในบ้านเรา ผู้ที่ให้ความสำคัญกับรูปร่างโดยเฉพาะผู้หญิง ดูจะห่วงเรื่องนี้เป็นพิเศษ ความอ้วนทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลายอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน การรักษาความอ้วน มีหลายวิธี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การผ่าตัด และการใช้ยาเป็นวิธีหลักๆ ที่ใช้มากมียาใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเรื่อยๆ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมถึง การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด สำหรับการลดความอ้วนระยะยาว"

ความอ้วนกับโรคภัยไข้เจ็บ
การมีน้ำหนักมากเกินมีความสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นครับ หมายความว่า คนอ้วนตายมากกว่าคนผอมและยังสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ต่อการตายที่สูงขึ้นของโรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวานอีกด้วย

ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงมีอยู่ไม่น้อย ที่เกี่ยวกับ น้ำหนักตัวมากเกินไป คนอ้วนมีโอกาสที่จะมีโคเลสเตอรอลในเลือด สูงกว่าคนผอมถึง 50% และยังมักมีไขมันชนิดอื่นสูงอีกด้วย โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันก็ชอบคนอ้วนครับเป็นมากกว่าคนผอม หรือคนไม่อ้วนแยะทีเดียว โรคเบาหวานก็เป็นอีกโรคที่ชอบความอ้วน อ้วนปานกลางจะทำให้เป็นโรคเบาหวานสูงถึง 5 เท่า ถ้าอ้วนมาก จะเป็นเบาหวานสูงขึ้น 10 เท่าเลยล่ะ

สำหรับผู้ชายอ้วนมีโอกาสตายจากมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็ง ต่อมลูกหมากสูงกว่าคนไม่อ้วน ในผู้หญิงอ้วนก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง จากมะเร็งของโพรงมดลูก, ถุงน้ำดี, ปากมดลูก, รังไข่ และมะเร็งเต้านมครับ

คนอ้วนโดยทั่วไปจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเกิดโรคของถุงน้ำดี, โรคปอด, โรคเกาต์, มะเร็ง และโรคข้ออักเสบ ครับ เรียกว่า รับเลอะเลยทีเดียว สิ่งที่ตามมาติดๆ ก็คือ การเสียเงินเสียทองเยียวยารักษา เป็นภาระอันหนักอึ้งแสนสาหัสของครอบครัวและของรัฐบาลด้วย

สาเหตุของความอ้วน
คนอ้วนส่วนใหญ่อาจเรียกได้ว่า "อ้วนเอง" คือ ไม่ได้มีโรค อันเป็นเหตุให้อ้วนโดยตรง นอกเหนือจากการกินเข้ามามากกว่า การใช้ออกไป มีน้อยมากครับที่อ้วนจากโรค เช่น โรคของต่อมไร้ท่อบางชนิด, โรคทางพันธุกรรม, อ้วนจากยาหรือจากโรคของระบบประสาท

ปัจจุบันเราถือว่า การอ้วนเป็นภาวะอันเกิดจาก หลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธ์, วัฒนธรรม, สังคม, เศรษฐกิจ, พฤติกรรม และปัจจัยด้านสถานการณ์รอบด้านครับ

แนวทางแก้ไขความอ้วน
คงต้องยอมรับครับว่า การลดความอ้วนให้ได้ผลระยะยาวนั้น เป็นเรื่องยาก ตัวแปรหลักอยู่ที่ตัวผู้อ้วนเอง ไม่ใช่หมอ สำหรับหมอ เราก็ถือว่า ความอ้วนก็เช่นเดียวกับเบาหวานหรือความดันสูง คือ เป็นโรคเรื้อรัง หายขาดยาก ได้แค่บรรเทา คือ คุมไว้อย่าให้กำเริบ
และก็ยังเหมือนกับโรคเรื้อรังอื่น ตรงที่ไม่สามารถแก้ไข ได้โดยรวดเร็ว จะว่าไปแล้วก็ยังไม่มีวิธีรักษาที่ถูกใจคนไข้เลย เพราะคนไข้จะพอใจก็ต่อเมื่อต้องได้ผลดี คือ ผอมเร็ว และผอมนานไม่กลับมาอ้วนอีก

ในทางทฤษฎีแล้วจะต้องเผาผลาญพลังงานไปถึง 3500 กิโลแคลอรี่ จึงจะลดไขมันลงไปได้ 1 ปอนด์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ไม่ควรลดน้ำหนักลงเร็วกว่า 1-2 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เห็นไหมล่ะครับว่า จะลดน้ำหนักกันเร็วๆ ไม่ได้ไม่ควรทำ และโรคอ้วนนี่ก็ชอบกลับมา เป็นซ้ำเป็นซากอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมหายขาดซะที

ตารางที่ 1 รวบรวมกิจกรรมที่ใช้กันบ่อยเพื่อลดน้ำหนัก

รวบรวมกิจกรรมที่ใช้กันบ่อยเพื่อลดน้ำหนัก
วิธีลดน้ำหนักที่ใช้กันมาก

กิจกรรมผู้ใหญ่ : วัยรุ่น :
ชั่งน้ำหนักตัวเองสม่ำเสมอ ออกกำลังกาย
เดินออกกำลัง อดอาหารบางมื้อ
ดื่มเครื่องดื่มคุมน้ำหนัก ใช้ยาลดน้ำหนัก
กินเกลือแร่ วิตามิน
คำนวณแคลอรีที่กิน
อดอาหารบางมื้อ
ใช้อาหารลดน้ำหนักที่มีขาย
ใช้บริการของโปรแกรมลดน้ำหนัก
ใช้ยาลดน้ำหนัก

ผู้หญิงดูจะใช้มากเป็นพิเศษ วิธีที่ใช้ส่วนใหญ่ก็เป็นที่ยอมรับ ทางการแพทย์ แต่บางวิธีก็ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพหรือไม่

ในบรรดาวิธีต่างๆ ที่ใช้ควบคุมความอ้วน วิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งรวมถึง การปรับเปลี่ยนการกินอาหารนับเป็นวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด วิธีใช้ยาดูเหมือนว่าตอนแรกจะลดน้ำหนักได้เร็ว แต่ในระยะยาวแล้ว สู้วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้เพราะคุมความผอมไว้ได้นานกว่า

การปรับเปลี่ยนอาหารเริ่มจาก การให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับสารอาหาร พลังงานจากอาหารและชนิดของอาหารต่างๆ จุดประสงค์เพื่อให้สามารถเลือกรับประทานอาหารได้เหมาะสม, สามารถคิดปริมาณพลังงานจากสารอาหารได้ และรู้หลักของ การจัดอาหารให้สมดุล

ผู้ที่ต้องการควบคุมอาหารมากๆ อาจจำกัดพลังงานอาหาร ให้เหลือเพียง 400-800 กิโลแคลอรีต่อวัน กิจกรรมออกกำลัง มีความสำคัญในการลดน้ำหนักมากครับ เพราะช่วยเร่งการใช้พลังงาน หรือเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ออกไปอีกทางหนึ่ง รวมแล้ว พลังงานแต่ละวันก็จะติดลบ คือ ใช้มากกว่ารับประทานเข้าไป น้ำหนักก็จะลดลงเรื่อยๆ

ตารางที่ 2 แสดงปริมาณพลังงานที่ใช้ในการออกกำลัง ด้วยกิจกรรมต่างๆ ไว้

พลังงานที่ใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับผู้ที่หนัก 70 กิโลกรัม

กิจกรรม พลังงานที่ใช้ (กิโลแคลอรี่ต่อนาที)
เดินช้า ๆ 3-6
เดินเร็ว ๆ 6-8
วิ่งช้า ๆ 10-13
วิ่งเร็ว 15-18
ปั่นจักรยานช้า ๆ 4-8
ปั่นจักรยานเร็ว 10-15
กายบริหารเบา ๆ 4
เต้นรำ 5-8
เล่นสเก็ตน้ำแข็ง 6-11
ขึ้นบันไดปกติ 6
ขึ้นบันไดเร็ว ๆ 8-10
ทำความสะอาดบ้าน 4
ว่ายน้ำธรรมดา 6
กวาดสนามหญ้า 5
ตัดหญ้า 5

ถือหลักง่ายๆ ว่า ยิ่งออกแรงมากก็ยิ่งใช้พลังงานมาก ถ้าทำกิจกรรมหลายๆ อย่างผสมกันจะช่วยให้ใช้พลังงานออกไปมากขึ้น

การใช้ยาลดความอ้วน
ยาลดน้ำหนัก เมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหาร จะช่วยลดน้ำหนักได้ เมื่อใช้ยาแล้วอาจจะทำให้ไม่หิว หรือรู้สึกอิ่มเมื่อรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อย ผู้ที่อ้วนมากๆ จึงควรใช้ยาลดน้ำหนักครับ อ้วนน้อยๆ ไม่จำเป็น ใช้แค่คุมอาหาร และออกกำลังกายก็พอ

ยาลดน้ำหนัก เมื่อหยุดใช้อาจกลับมาอ้วนอย่างเดิมอีก จึงต้องเปลี่ยนการรับประทานอาหาร และการออกกำลังด้วยเสมอ ต้องพยายามด้านนี้ให้มากครับ ถือเป็นเรื่องที่ต้องทำตลอดไปเลย

ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ของยา ก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงครับ ยาบางชนิดอาจทำให้กระวนกระวาย หงุดหงิด ปวดศีรษะ ปากคอแห้ง คลื่นไส้ และท้องผูก บางชนิดก็ทำให้อารมณ์ซึมเศร้า ง่วงนอน ปวดท้อง ท้องเดิน นอนไม่หลับ หรือฝันมาก
บางทียาพวกนี้อาจเพิ่มความดันโลหิตให้สูง หรือหัวใจ เต้นผิดปกติได้ครับ ที่ร้ายแรงคือ เกิดแรงดันเลือดในปอดสูง การใช้ยาเหล่านี้จึงต้องอยู่ในความดูและของแพทย์อย่างใกล้ชิดครับ อย่าซื้อมากินเอง แล้วกินไปเรื่อยๆ เพราะอยากผอมจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

แพทย์จะคอยติดตามอาการ และเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากยา วัดดูความดันโลหิต ดูการเต้นของหัวใจ และเฝ้าดูปัญหาทางหัวใจ ที่อาจแฝงเร้นอยู่โดยไม่ทราบมาก่อน ถ้าเกิดผลข้างเคียงหรือสงสัย ต้องหยุดยาทันทีครับ

Other Link
ลดน้ำหนักกับ Longderse
บทความอื่นๆ



Create Date : 18 ตุลาคม 2553
Last Update : 18 ตุลาคม 2553 10:48:55 น.
Counter : 752 Pageviews.

1 comment
คำแนะนำในการเลือกใช้น้ำมันสำหรับปรุงอาหาร


เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบพบมากขึ้นในคนไทย ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารเปลี่ยนไป คนในกรุงเทพฯ กว่าร้อยละ 50 มีไขมันโคเลสเตอรอลสูงกว่าค่าที่แนะนำ (ควรน้อยกว่า 200 มก.ต่อดล.) เมื่อเกิดโรคขึ้นแล้ว ก็ไม่หายขาด แถมค่ายา ค่าการตรวจต่างๆ ค่ารักษา ล้วนมีราคาแพงขึ้นทุกๆวัน

ดังนั้นการป้องกันโรคจึงน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด หลักการสำคัญในการป้องกันโรคหัวใจ คือ การลดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆลง การรับประทานอาหารที่มีไขมันโคเลสเตอรอลต่ำ ก็เป็นหนทางหนึ่ง ดังนั้นการเลือกใช้น้ำมันในการปรุงอาหารจึงเป็นสิ่งที่ควรทราบ

น้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหารประกอบด้วยกรดไขมันชนิดต่างๆ ดังนี้

1 กรดไขมันชนิดอิ่มตัว (saturated fatty acid) เป็นกรดไขมันชนิดร้าย ส่วนใหญ่เป็นไขมันที่ได้จากสัตว์ และ เป็นตัวการ สำคัญที่ทำให้ โคเลสเตอรอลในเลือดสูง กรดไขมันอิ่มตัวนี้พบปริมาณมากในน้ำมันหมู น้ำมันเนย น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว จึงควรหลีกเลี่ยง

2 กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโมโน (mono-unsaturated fatty acid) เป็นกรดไขมันชนิดดี เช่น กรดโอเลอิค สามารถ รับประทาน ได้พอสมควรโดยไม่เพิ่มโคเลสเตอรอลในเลือด กรดไขมันชนิดนี้พบมากในน้ำมันมะกอก (olive oil) พบปานกลางใน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน อาหารที่เรียกว่า mediterranean diet เป็นอาหารที่มีข้อมูลว่าช่วยป้องกัน โรคหัวใจ ประกอบด้วยผัก อาหารเส้นใยสูง ปลา โยเกิต และ ใช้น้ำมันมะกอกเป็นหลักในการปรุงอาหาร
น้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันหมู น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันรำข้าว แม้จะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโมโนปานกลาง แต่ก็มีกรดไขมันชนิดอิ่มตัว ในปริมาณสูงด้วย ทำให้ไม่ได้ผลดีจากกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโมโน

3 กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโพลี่ (poly-unsaturated fatty acid,PUFA) เป็นกรดไขมันชนิดดีปานกลาง เช่น กรดไลโนเลอิค กรดไลโนเลนิค จะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดลงได้บ้าง (อย่าหวังผลมากนัก) ข้อเสียคือมีกลิ่นหืน ปัจจุบันมีการผลิตเป็นเนย แนะนำให้ใช้ ปรุงอาหารแทนเนยซึ่งมี ไขมันอิ่มตัวสูง (รับรองโดยอ.ย.สหรัฐ) แต่ยังไม่มีจำหน่าย ในประเทศไทย (ในรูปของเนย ชื่อการค้าคือ Benecol)

น้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหารจึงควรมีลักษณะ ดังนี้
มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโมโนสูง
กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโพลี่ปานกลาง
มีกรดไขมันชนิดอิ่มตัวต่ำ

น้ำมันปรุงอาหารที่ดี คือ…. (เรียงจากดีมาก ไปหา ดีน้อยที่สุด….)
น้ำมันมะกอก (ราคาแพง)
น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันเมล็ดทานตะวัน (เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไทย)
น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกคำฝอย
น้ำมันเนย น้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว (กลุ่มนี้ไม่ควรใช้)

อย่างไรก็ตามน้ำมันปรุงอาหารที่ขายในประเทศไทย หลายยี่ห้อเป็นน้ำมันผสม ดังนั้นก่อนซื้อควรพิจารณาดูส่วนผสมที่ฉลากด้วย ส่วนของทอดที่วางขายกัน โดยทั่วไป มักใช้น้ำมันปาล์ม เนื่องจากไม่มีกลิ่นและราคาถูก จึงควรหลีกเลี่ยงของเหล่านี้ด้วย

เรียบเรียงจากบทความเรื่อง การเลือกใช้น้ำมันที่ ใช้ในการบริโภคที่เหมาะสม โดยรศ.นพ.วิทยา ศรีดามา รพ.จุฬาลงกรณ์

Other Link
ปรึกษาลดน้ำหนักฟรี
บทความอื่นๆ



Create Date : 17 ตุลาคม 2553
Last Update : 17 ตุลาคม 2553 20:47:11 น.
Counter : 683 Pageviews.

0 comment
ผักผลไม้ที่ให้แคลอรี่น้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ


ร่างกายของเราต้องการอาหารเพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน ซึ่งนับหน่วยเป็นแคลลอรี่ การรับประทานอาหารในจำนวนที่พอเหมาะ เป็นสิ่งสำคัญ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือการได้รับอาหารจำนวนมากไป หรือน้อยไป ซึ่งทำให้เกิดปัญหาต่อสุขาภาพของเราได้ วันนี้จะขอเล่าให้ฟังถึงผลไม้ที่ต้องใช้จำนวนแคลลอรี่ไปเผาผลาญ มากกว่าจำนวนแคลลอรี่ที่ร่างกายจะได้จากผลไม้นั้น ผลๆไม้เหล่านี้จัดอยู่ในอาหารประเภทที่เราเรียกว่า negative calorie foods

กล่าวถึงผลไม้และผักรวม 15 ชนิดที่ให้ แคลอรี่น้อยกว่าที่ร่างกายต้องใช้แคลอรี่ไปเพื่อทำการย่อยสลายมัน ผักและผลไม้เหล่านี้ัได้แก่

Celery (คื่นช่าย)
Oranges (ส้ม)
Strawberries(สตรอเบอรี่)
Tangerines (ส้มจีน)
Grapefruit(ผลไม้ตระกูลส้มโอ)
Carrots(แครรอท)
Apricots (ผลแอปปคิคอท)
Lettuce(ผักในตระกูลรากบัว)
Tomatoes(มะเขือเทศ)
Cucumbers(แตงกวา)
Watermelon(แตงโม)
Cauliflower(กระหล่ำดอก)
Apples (แอปเปิ้ล)
Hot Chili Peppers(พริก)
Zucchini

Other Link
ปรึกษาลดน้ำหนักฟรี
บทความอื่นๆ



Create Date : 17 ตุลาคม 2553
Last Update : 17 ตุลาคม 2553 12:35:00 น.
Counter : 2373 Pageviews.

2 comment
เลือกอาหารพลังงานต่ำในงานเลี้ยง


ต่อไปนี้เป็นเมนูอาหารที่ให้พลังงานต่ำ ที่คุณสามารถเลือกรับประทานได้ในงานเลี้ยงต่างๆครับ

1. อาหารประเภทต้ม
ให้พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่ เช่น ต้มยำกุ้งน้ำใส ตำยำปลาช่อนน้ำใส แกงเหลืองปักษ์ใต้ แกงจืดตำลึงวุ้นเส้น แกงจืดลูกรอก แกงจืดมะระยัดไส้ ไก่ต้มฟักมะนาวดอง สุกี้ เป็นต้น
ให้พลังงานไม่เกิน 300 กิโลแคลอรี่ เช่น กระเพาะปลา ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส วุ้นเส้นต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง เกาเหลาเลือดหมู (ไม่ใส่เครื่องใน) ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นน้ำ ขนมจีนน้ำเงี้ยว

2. อาหารประเภทยำ
ให้พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่ เช่น ส้มตำไทย ยำตะไคร้ ยำมะระ ยำผักหวาน ยำสมุนไพร ลาบไก่ พล่ากุ้ง

3. อาหารประเภทนึ่ง
ให้พลังงานไม่เกิน 300 กิโลแคลอรี่ เช่น เต้าหู้นึ่งทรงเครื่อง ปลานึ่งสมุนไพร ปลากะพงนึ่งมะนาว ปลาช่อนนึ่งจิ้มแจ่ว ปลาทับทิมนึ่งซีอิ้ว ปลากะพงนึ่งบ๊วย

4. อาหารประเภทน้ำพริก
ให้พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่ เช่น น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกกุ้งสด น้ำพริกมะขาม น้ำพริกตะไคร้ น้ำพริกปลาทู น้ำพริกลงเรือ น้ำพริกกุ้งเสียบ

5. อาหารประเภทอื่น ๆ
ให้พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่ เช่น ปลากะพงลวกจิ้ม ปลาสำลีเผาไก่ตุ๋นมะนาวดอง ไข่ตุ๋นฟักทอง เมี่ยงปลาทู เมี่ยงคะน้า
ที่สำคัญอย่าคิดเข้าข้างตัวเองนะครับ ว่าไม่เป็นไรหรอกกินวันนี้เยอะเดี๋ยวค่อยไปลดวันอื่นก็ได้ เพราะพอเอาเข้าจริงๆ คุณอาจมีงานเลี้ยงหรือของกินอร่อยๆในวันอื่นอีก ดังนั้นเมื่อรู้ตัวว่ากินเยอะมาแล้วในมื้อที่ผ่านมา มื้อต่อไปควรลดปริมาณข้างลงหรือไม่กินข้าว แล้วเลือกกินเฉพาะกับข้าวที่มีผัก ถ้าปล่อยไปทั้งวันรับรองน้ำหนักขึ้นแน่ๆเลย

Other Link
ปรึกษาลดน้ำหนักฟรี
บทความอื่นๆ



Create Date : 16 ตุลาคม 2553
Last Update : 16 ตุลาคม 2553 11:03:17 น.
Counter : 809 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

ChaiKU
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



รับสมัครผู้สนใจหารายได้ทาง Internet
และให้คำปรึกษาผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก