การทานอาหารที่มีรสหวานมากๆ ร่างกายก็จะหลั่งอินซูลินมากขึ้น อวัยวะหลายส่วน เช่น ตับ จะทำงานหนักขึ้นเพื่อย่อยน้ำตาล และเมื่อตับย่อยน้ำตาลมากเกินไปก็จะหลั่งกรดไขมันเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้อ้วนขึ้น โคเลสเตอรอลสูงขึ้น จนเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง และอาจถึงขั้นเป็นโรคหัวใจ (มีการพบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจวายส่วนใหญ่กินอาหารที่เป็นสาเหตุทำให้ ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นปุบปับ) เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยบริโภคน้ำตาลมากกว่าที่เราคิด อีกทั้งผู้ผลิตอาหารส่วนใหญ่ชอบใช้น้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตอัน เนื่องมาจากน้ำตาลถือเป็นวัตถุกันเสียชนิดหนึ่ง และนอกจากนี้ น้ำตาลยังเป็นสารที่ช่วยกลบเกลื่อนรสชาติของอาหารที่ไม่ถูกลิ้นได้เป็นอย่าง ดี แต่ประเด็นหลักที่ความหวานของน้ำตาลต้องกลายมาเป็นความขม…ขื่น ก็คือ คุณจะไม่ทราบเลยว่า มีน้ำตาลปริมาณมากในอาหารที่คุณรับประทาน และเป็นตัวอันตรายที่ทำให้มีอาการป่วยร้ายแรง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต… และมีหลายคนที่อยากจะเลิกทานหวาน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
น้ำตาล…ความหวานอันแสนขมที่ต้องดูแก่ก่อนวัย
และยังมีรายงานการศึกษาบางส่วนระบุว่า น้ำตาลทำให้ผิวเสียได้พอๆ กับแสงแดด เพราะปริมาณน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น จะทำปฏิกิริยากับเกลือแร่ต่างๆ ในร่างกาย เช่น ธาตุเหล็ก และทองแดง จนเกิดการสร้างอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารพิษที่เข้าไปทำลายเซลล์ต่างๆ และมีผลทำให้ผู้ที่ชื่นชอบบริโภคน้ำตาลดูแก่ก่อนวัย
น้ำตาล…ความหวานอันแสนขม หากต้องเป็นผู้เสพติดน้ำตาล
ไม่น่าเชื่อว่าหน้าตาหวานๆ ของน้ำตาล จะมีพิษภัยร้ายๆ จนถึงขนาดเป็นสารเสพติดในแบบที่ใครหลายคนก็ขาดไม่ได้ เพราะเมื่อเราทานน้ำตาลมากๆ สมองก็จะกลายเป็นทาสของ opioids ที่เป็นสารคล้ายมอร์ฟีนในสมอง และเมื่อเวลาขาดน้ำตาล จึงทำให้เกิดอาการไม่สบาย เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ อารมณ์แปรปรวน ขาดสมาธิในการทำงาน และอาจมีปัญหาสุขภาพจิตตามมา
Other Linkลดน้ำหนักกับ Longderse ปรึกษาฟรีบทความอื่นๆ