Group Blog
 
All blogs
 
"เรียนพิเศษตั้งแต่เด็ก" จำเป็นแค่ไหน

อันนี้เราตั้งกระทู้ถามในห้องชานเรือนไว้ค่ะ ขอเก็บไว้อ่านตอนลูกโตนะคะ Smiley



ความคิดเห็นที่ 1


เราเคยเรียนพิเศษมัยประถมนะคะ เป็นตอนเย็น ๆ
คือคุณครูจะให้ทำการบ้านของที่เรียนแต่ละวิชา
คือเหมือนกับถ้าสงสัยก็ถามแล้วครูจะสอนให้ค่ะ
















จากคุณ : kiknaka
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 11:44:47











ความคิดเห็นที่ 2  

ถ้าลูกชอบที่จะเรียน ก็สนับสนุนเต็มที่ค่ะ
แต่ถ้าเค้าไม่ชอบ ไม่สนใจ อันนี้ก็บังคับไปก็ไม่มีประโยชน์ จะทำให้เด็ก Anti เสียเปล่า ๆ ค่ะ

ส่วนตัวเราคิดว่าต้องถามว่าลูกชอบอะไร ยินดีที่จะปรับพื้นฐานสิ่งที่เค้าไม่ชอบให้ดีขึ้นหรือเปล่า คุยกันว่าอันนี้หนูทำได้ไม่ดีนะ เป็นเพราะอะไร เราจะแก้ไขที่ตรงไหนดี หรือถ้าหนูคิดว่ามันไม่ดีหนูอยากที่จะเปลี่ยนมันไหม อยากเรียนเพิ่ม หรือว่าหาเพื่อนติวหนังสือ
















จากคุณ : nokkycrazy
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 11:46:26











ความคิดเห็นที่ 3  

แล้วแต่ลูก
















จากคุณ : saturn_eyes
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 12:00:39











ความคิดเห็นที่ 4  

แรกเริ่มเดิมที มีเหตุผลข้อ 1
เหตุผลข้อที่ 1 จะให้เรียนเพื่อให้เค้าลดเวลาซน ป่วนพ่อแม่
ใช้ครูเป็นตัวช่วย เพราะเค้าฟังครูมากกว่าพ่อแม่ และเค้าเรียนอนุบาลแบบบูรณาการ ซึ่งเวลาสอบเข้าเรียนป.1 เค้าไม่รู้อะไรเลย ก็ต้องเสริมเล็กน้อย แต่ไม่ซีเรียสอะไร

เหตุผลข้อที่ 2 ตอนนี้คนโตอยู่ป.1 ให้เรียนพิเศษ เพราะได้ยินว่าข้อสอบโรงเรียนยากเหลือเกิน และเราไม่รู้ว่าเวลาเรียนเค้าใส่ใจแค่ไหน แต่ดูจากตอนทำการบ้าน ไม่ค่อยเอาอะไรเลย จึงให้เรียนเพิ่มไว้ก่อนก็ดีค่ะ
และเค้าก็บอกว่า เค้าจะขอเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มด้วยตอนบ่ายที่ยังว่าง เริ่มเรียนเทอม2 นี้เอง เพราะเทอมแรกแม่ไม่ได้ให้เรียนค่ะ

ส่วนวันอาทิตย์ วันฟรี ปล่อยเล่นค่ะ

เพิ่มเติม..สมัยเราเรียน เราเรียนต่างจังหวัด เรียนๆเล่นๆ ไม่ได้เก่งอะไร
แต่ก็มีเรื่องการเรียนพิเศษแล้วเหมือนกัน แต่เราไม่เรียน และพ่อแม่ก็ไม่ได้สนใจอะไร..เราก็เอาตัวรอดได้พอควร
แต่ต้องยอมรับอย่างนึงว่า สมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน การเรียนการสอน ครูเองยังชิงดีชิงเด่นกันเลย เดี๋ยวนี้คงกลายเป็นว่า เราต้องพร้อมที่สุด ครูบางคนสอนให้เด็กแข่งขัน สามารถเหยียบใครขึ้นไปได้ ก็ให้ทำ..(อันนี้ไม่ชอบค่ะ ไม่เห็นด้วย)


แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 53 12:08:18
















จากคุณ : patapril
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 12:05:04











ความคิดเห็นที่ 5  

คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าลูกโต(ตอนนี้ยังไม่1เดือนเลย)ก็จะให้เค้าเรียนเหมือนกัน
แต่เป็นพวก ดนตรี กีฬา ศิลปะ ออกค่าย พวกอาสาสมัคร ไม่ก็ไปปฏิบัติธรรม
อยากให้เค้ารู้จักการเข้าสังคม แก้ปัญหา แล้วก็เข้าใจโลก ไม่ใช่แค่บทเรียนในตำรา
ส่วนเรื่องการเรียน ก็ช่วยกันกับพ่อเค้าสอนในเรื่องที่ไม่เข้าใจดีกว่า
มันไม่แน่เสมอไปว่าคนเรียนเก่งจะได้ดี ไม่จำเป็นว่าต้องเรียนเตรียม
แล้วเอ็นติด เอ็นไม่ติดเอกชนเยอะแยะ มาตรฐานเท่ากันอยู่ที่คนเรียนมากกว่า
















จากคุณ : kangkakangka
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 12:45:49











ความคิดเห็นที่ 6  

แหม คะถามโดนใจ ตอนเราเล็ก ๆ ก็ไม่ได้เรียนพิเศษนะ อยากเรียนจะแย่เพื่อน ๆ เค้าเรียนกัน เราก็อย๊าก อยากเรียน แป๊กับแม่ก้ไม่ให้เรียน บอกว่า เดี่ยวเครียด (จริง ๆ คือมะมีกะตังค์จ่ายค่าเรียน)

เราเองเคยคิดว่าไม่เห็นจำเป็นเลย ไม่คิดจะให้ลูกเรียน อารมณ์ว่าเราเรียนแบบนี้ยังมีปัญญาจบตั้ง .... ได้ทุน ....... ทำงานเงินเดือน ......... อะรไประมาณนั้น แต่พอถึงเวลา มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด คุณเชื่อไม๊ว่า เด็กประถมสี่บางคน ตอนนี้ทำเลข ม. 4-5 แล้วนะคะ เราคงจะมัวให้ลูกเรียน ๆ เล่น ๆ ไม่ได้แล้ว ดังนั้น การเรียนพิเสาจึงเพื่อให้เรามั่นใจว่า เค้าจะสามารถเอาตัวรอดได้ เวลาสอบแข่งขันเข้าสถานศึกษาที่คาดหวังค่ะ
















จากคุณ : Dare2Dream
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 13:32:56











ความคิดเห็นที่ 7  

...พ่อแม่ทุกคนหวังดีกับลูก...ด้วยรักลูกจับใจ...
...จึงพยายามเตรียมพร้อมสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้ลูก...
...พ่อแม่ที่เกรงว่าลูกจะมีความพร้อมไม่ทันลูกคนอื่น  หรืออยากให้ลูกเรามีความพร้อมกว่าคนอื่น...
...จึงพากันส่งลูกเรียนตั้งแต่ตัวน้อยๆ...
...ซึ่งสิ่งนี้นี่เองที่พ่อแม่ลืมนึกไปว่า  ความหวังดีของเรา  อาจกลายเป็นการทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว...
..................................................
...เด็กในวัยเล็กๆ  สิ่งที่แกควรเรียนรู้คือการรู้จักใช้กล้ามเนื้อที่สัมพันธ์กับสมอง...
...เด็กต้องเรียนรู้จักการออกกำลังกายจากการเล่น...และรู้จักสังคมใกล้ตัว
...และเด็กวัยเล็กๆควรได้รับการส่งเสริมทางด้านศิลปะและดนตรีมากที่สุดครับ
...อย่าเอาแกจับไปใส่ร.รเตรียมอนุบาลหรือเรียนก่อนเกณฑ์เลยครับ...
...เดี๋ยวแกจะเสียความสุขและจินตนาการที่สำคัญในช่วงนี้ไปสิ้น....
...ให้แกมีชีวิตเหมือนคุณเมื่อตอนเด็กๆนั่นล่ะครับ...ดีที่สุดแล้ว....
...ผมขอเชียร์ให้คุณดูแลแกเหมือนตอนคุณเด็กๆนะครับ...


















จากคุณ : ครู ข้างวังฯ
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 14:41:03
ถูกใจ : แมวต่างแดน









ความคิดเห็นที่ 8  

เดี๋ยวนี้แค่อนุบาลยังมีเรียนพิเศษกันเลยค่ะ เตรียมเข้า ป.1
อย่าไปเปรียบเทียบกับสมัยเราเลยค่ะ มันเทียบกันไม่ได้ คิดง่ายๆ อย่างน้อย ประชากรโลกก็เพิ่มขึ้น การแข่งขันแย่งทรัพยากรที่เหลือน้อยลง ก็มากขึ้น คนก็ยังมีแนวโน้มจะฉลาดขึ้นๆ
ของเรา เราดูสภาพแวดล้อมค่ะ ถ้ารอบๆตัว เพื่อนๆเรียนกัน เราก็ให้เรียน  และก็ดูลูกเราด้วย เค้าไหวไหม  ถ้าเค้าไหวและเค้าชอบ ก็สนับสนุนค่ะ
















จากคุณ : Queen of hearts
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 15:27:19











ความคิดเห็นที่ 9  

สมัยนี้แค่ระดับอนุบาล ยังต้องสอบแข่งขันกันหน้าดำหน้าแดง ทั้งวิชาความรู้ และจำนวนเงินเลยค่ะ ก็เลยไม่แปลกที่เด็กๆจะต้องไปเรียนพิเศษตั้งแต่เล็กๆ เพราะการแข่งขันกันมีสูงมาก

เราไม่เคยคิดให้ลูกเรียนพิเศษเหมือนกันค่ะ สมัยเรา เราก็ไม่เคยได้เรียน เพราะพ่อแม่ไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายให้ แต่ถึงเวลาจริงๆเราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าจะทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่ เพราะทุกอย่างเป็นการแข่งขันไปหมด
















จากคุณ : WiNnY_mIc_MaX
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 16:42:45











ความคิดเห็นที่ 10  

ถามว่าทำไมพ่อแม่สมัยนี้ให้เรียนพิเศษกัน
เพราะโรงเรียนต่างๆ พยายามยกระดับตัวเองว่าโรงเรียนตัวเองเลิศทางวิชาการ ให้ครูสอนเด็กแบบเกินระดับชั้นตัวเอง เช่นตามความเห็นข้างบนที่บอกว่า เด็กปอสี่บางคนทำเลขของมอสี่มอห้า (โอ้ว แม่เจ้า) พ่อแม่คนอื่นที่ไม่อยากเห็นลูกตามเพื่อนไม่ทันก็เลยส่งเรียนพิเศษบ้าง แล้วก็ลามมาเรื่อยๆ จนกระทั่งชั้นเด็กเล็ก เท่าที่รู้มาบางโรงเรียน ให้เด็กอนุบาลหัดทำเลขของประถม จึงเป็นที่มาของการเรียนกันเอิกเกริก

สำหรับตัวเอง ไม่เข้าใจและไม่สนใจการเรียนเกินระดับชั้นของเด็ก บางครั้งก็อยากถามบรรดาโรงเรียน ครูและพ่อแม่ว่า จะรีบให้ลูกรู้เร็วไปไหนกัน ขณะเดียวกันก็เข้าใจพ่อแม่บางท่านที่ไม่ได้อยากเร่งเรียนให้ลูกเลย แต่ด้วยสภาพการแข่งขันในห้องเรียน จะไม่ให้ลูกเรียนไปกับคนอื่นด้วย เกรดต้องแย่แน่ๆ

แต่ดิฉันรับไม่ได้กับวิธีการแบบนี้ จึงตัดสินใจให้ลูกเรียนโรงเรียนที่ไม่มีการแข่งขันแบบนี้ ซึ่งก็พอใจกับพัฒนาการของลูกและผลการเรียน ความรู้ของลูกก็ไม่ได้น้อยนิดหางอึ่ง เพราะสนับสนุนให้ลูกอ่านหนังสือนอกตำราเรียน ลูกดิฉันจึงมีความสามารถด้านวิชาการในวัยของเขา และมีความรู้รอบตัวในสิ่งที่เขาสนใจอยากรู้ รวมทั้งสนุบสนุนดนตรีกับกีฬาสักอย่างที่เขาต้องการ แค่นี้ก็พอใจแล้ว
















จากคุณ : รักลูก
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 19:46:47 A:113.53.144.61 X: TicketID:031966











ความคิดเห็นที่ 11  

อย่าคาดหวังกับเค้าดีกว่าไหมคะ และอย่าเปรียบเทียบ
ขอแค่ให้เค้ามีความสุขกับสิ่งที่ทำ ไม่จำเป็นต้องฉลาด
เท่ากับหรือมากกว่าเด็กคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
จะไม่ขวนขวายหาความรู้
เอาแค่ให้พอดีและพอเพียงกับวัยของเค้าน่ะค่ะ
















จากคุณ : omlette
เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 01:52:14











ความคิดเห็นที่ 12  

ถามลูกก่อนครับ ว่า อยากเรียนหรือเปล่า?

ถ้าอยากเรียนค่อยพาไปเรียน

ถ้าไม่อยากเรียน พ่อแม่จะสอนให้ที่บ้าน(ถ้าสามารถสอนได้)
















จากคุณ : พ่อลูกสอง (อยากเป็นคนเลว)
เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 05:26:40








Free TextEditor


Create Date : 12 มกราคม 2553
Last Update : 12 มกราคม 2553 8:30:17 น. 2 comments
Counter : 1825 Pageviews.

 
สวัสดีตอนเช้าๆ คับ
วันอังคารแว้วว อีกแป๊ปเดียวก็จะได้หยุดแล้วเนอะ ^^


โดย: ผมชอบกินข้าวมันไก่ วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:10:39:47 น.  

 
เป็นคำถามที่ตัวเองก้อค้นหาคำตอบอยู่เหมือนกันค่ะ....เพราะสภาพแวดล้อมปัจจุบันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ..... ไม่ว่าจะในกรุงเทพ ,ในเมืองใหญ่ๆ หรือ เมืองเล็กแบบเชียงราย ... ที่สถาบันกวดวิชามีเพิ่มขึ้นเร็วมาก ตั้งแต่ระดับเด็กโต ไปจนถึงเด็กเล็ก เด็กจิ๋ว ....ที่เด็กจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมของการแข่งขัน เปรียบเทียบ...

ปัจจุบันตัวเองได้ให้ข้อสรุปร่วมกันในบ้าน (รวมทั้งตัวลูกชายตัวน้อยด้วย) ว่า...ตอนนี้ขอเพียงลูกได้สนุกกับการไปโรงเรียน มีเรื่องดีๆบ้าง ไม่ค่อยดีบ้างมาเล่าให้พ่อกับแม่ฟังทุกวัน ทำการบ้าน ทบทวนการบ้าน (ส่วนมากใช้วิธีการแปลงเรื่องวิชาการเป็นเกมส์ เช่น เกมส์ต่อคำคล้องจอง แข่งกัน ) หลังเลิกเรียนแต่ละวันพากันออกกำลังกาย (มีเทควันโด ,แบด,ฟุตบอล,วิ่ง สลับกันไป) วันหยุดพาเรียนดนตรี (เรียนมาตั้งแต่ 4 ขวบค่ะ) จนเดี๋ยวนี้เค้ารักการเล่นเปียโนมาก รวมทั้งชอบอ่านหนังสือ และเล่นกีฬา

จึงสรุปเอาเองค่ะว่า ช่วงเด็กเล็ก ขอเสริมภูมิชีวิตให้ลูกด้านดนตรีกับกีฬาก่อน แล้วด้านวิชาการจะค่อยตามมาเองในอนาคตค่ะ

ก้อไม่รู้เหมือนกันว่าคิดและทำแบบนี้จะเป็นอย่างไร ดีแค่ไหน ...แต่ยังไงลูกก้อมีความสุขในปัจจุบันนี้มากค่ะ


โดย: SonSmile วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:22:24:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ท้องฟ้าและดวงดาว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ท้องฟ้าและดวงดาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.