Group Blog
 
All blogs
 

เงิน เงิน เงิน ต้องเตรียมตัวขนาดไหนเพื่อไปตามฝันที่ Galstonbury Festival

หลังจากที่ได้ไปโพสกระทู้ืที่ ห้องเฉลิมกรุง พันทิพ คำถามยอดฮิตที่ได้รับจากเเฟนๆ ที่มีความสนใจตามฝัน หนีไม่พ้นเรื่อง "ค่าใช้จ่าย"

ตลอดทริปนี้ จขบ. หมดไป หนึ่งเเสนสี่หมื่นกว่าบาท เเต่อย่างเพิ่งตกใจกับตัวเลขที่เห็น เพราะจำนวนเงินดังกล่าวครอบคลุมเวลา เกือบหนึ่งเดือนที่ตะลอนไปไกลบ้านอยู่อังกฤษเเละสวีเดน
ไม่ใช่เเค่เวลา ๔ ถึง ๕ วันที่ Glastonbury เเต่เพียงอย่างเดียว

ดังนั้น หากเเจงออกมาจริงๆ เเล้ว ค่าใช้จ่ายไป Glastonbury Festival ในครังนี้ คงจะมีเพียงหลักๆ เเค่ไม่กี่อย่าง ดังมีรายการต่อไปนี้

๑. ค่าตั๋วเครื่องบิน สำหรับครังนี้เราเสียไป 35000 บาท จากสายการบิน Gulf Air จริงๆ หากจังหวะดีๆ อาจได้ตั๋วที่ราคาถูกกว่านี้ เเต่ในช่วงที่เราไปเป็นช่วง high season (ปลายมิถุนายน เริ่มเข้าหน้าร้อนของที่โน่น)

๒. ค่าตั๋วเข้างาน Glastonbury Festival ตัวเลขเนตที่เราจ่ายไปเพื่องานนี้ คือ อยู่ที่ 155 ปอนด์ ตั๋วที่เราซื้อเป็นประเภทตั๋วคอนเสิร์ต พ่วงตั๋วรถไฟจากลอนดอนไปที่ฟาร์ม เรียกได้ว่าคุ้มอยู่ เพราะหากไปซื้อเเยกเองราคาคงต้องสูงกว่านี้เเน่นอน

๓. ค่าเต้้นท์เเละอุปกรณ์ยังชีพที่ฟาร์ม เช่น ถุงนอน ที่รองนอน เเละขนมเสบียงเล็กน้อยเพื่อกินที่โน่น งานนี้ คิดว่าเราหมดไปประมาณ 7000 กว่าได้ (ไม่ใช่ของเราคนเดียว หากเเต่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของเพื่อนสาว เเละของเพื่อนรุ่นน้องบางส่วนไปด้วย)
จริงๆหากจะขนไปจากของที่มีอยู่ทั้งหมดก็ได้ กรณีของเราไม่ขนทุกอย่างเพราะขนไม่ไหว เท่าที่มีอยู่น้ำหนักบรรทุกก็เกินที่เขากำหนดเเล้ว อีกอย่าง จขบ.ต้องเดินทางไปสวีเดนต่อ ขนเอาไปด้วยไม่ไหวเเน่ จขบ. เลยซื้อเอาเท่าที่เราคิดว่าทำใจบริจาคตอนจบให้การกุศลที่โน่นไปไหว หากเอาของดีๆ เเพงจากที่นี่ไป เเล้วต้องทิ้ง คงเสียดายเเย่

๔. ค่ากิน ตอนเเรกตั้งใจว่าจะไม่ยอมเสียเงินที่เรื่องนี้ เพราะได้ยินกิตติศัพท์เรื่องราคาของที่เเพงมหาโหดมาจากเพื่อนรุ่นพี่ที่เคยไที่โน่นมาเเล้ว พวกเราเลยซื้อของไปกินบางส่วน เเต่พอเอาเข้าจริงก็อดที่จะไม่ซื้อไม่ได้ เพราะเวลาอากาศหนาวๆ ได้โกโก้ร้อนสักเเก้ว หรือเฟร้นฟรายอุ่นๆ เนี่ย มันช่างสวรรค์เหลือคณา

บวกกับการที่พวกเราตะลุยดูคอนเสิร์ทนอกเต้นท์ทั้งวัน ไอ้การที่จะขนของกินติดตัวไปให้หนักเป่าๆ มันก็ ไม่ค่อยสะดวกนัก อาศัยร้านตามทางจะดีกว่า

ราคาของกินที่โน่นก็เเพงสมกับคำร่ำลือ ราคาอาหารโดยส่วนใหญ่ เริ่มกันที่จานละ ๕ ปอนด์ เเต่สภาพอาหาร หน้าตาเเละรถชาติ หาดีไม่ค่อยจะได้ อาศัยกินร้อนๆ เืพื่อสร้างความอบอุ่นก็พอไหว
จำได้ว่าตลอดทั้งทริปมีอยู่มื้อเดียวที่รู้สึกว่าอร่อย คือมื้อที่ได้กินอาหารไทย ใช่เเล้ว อาหารไทย เนื้อผัดพริกเนี่ยเเหละ เเต่จานละ ๗ ปอนด์คร้า จานใหญ่มาก เเต่ก็เเพงอยู่ดี บ้านเราจานละ ๕๐ บาทเนี่ยอย่างหรูเเล้ว เเต่นี่จานละเกือบ ๕๐๐ บาท

หากจะรวมค่าน้ำ้ดื่มไปด้วย ซึ่งตกขวดละ ๑.๕ ถึง ๒ ปอนด์ได้ เราอาจประมาณการได้ว่าต่อ มื้อ ตกอยู่ที่ ๕ ถึง ๗ ปอนด์ หากกินวันละสามมื้อ ก็ลองคูณเข้าไปกะจำนวนวันที่อยู่โน่น
จะว่าไปแล้ว จริงๆกระเพาะ อย่างเราคนไทย กินวันละสองมื้อ ก็อยู่ได้ทั้งวันเเล้ว นำ้ขวดหนึ่งก็ลากไปได้กว่ามื้อเดียวเเน่นอน

ด้วยความที่อาหารจานใหญ่ เราเลยเเชร์กับเพื่อนสาวเป็นส่วนใหญ่ บางวันก็กินไม่ครบสามมื้อ
ก็อยู่ไปได้ทั้งวันทั้งคืนเเล้ว

ค่าใช้จ่ายทั้ง 4 ข้อด้านบน คือค่าใช้จ่ายจริงสำหรับทริป ที่ไป Glastonbury festival โดยเฉพาะ เเต่เวลาเราไปขอวีซ่าเข้าอังกฤษ ทางสถานฑูตจะให้เราโชว์งบประมาณสำหรับทริปนี้ทั้งหมด
หากเรามีโชว์เเค่นั้น เขาคงเห็นว่าไม่น่าจะพอ เพราะเราต้องเผื่อค่าที่พักในวันอื่นๆ เเละค่าใช้ชีวิตในลอนดอน ก่อนเดินทางไปยัง Worthy Farm ด้วย

นั่นคือเหตุผลหลักๆ ที่เราต้องเตรียมโชว์ในบัญชีไปถึง เเสนกว่าบาท จริงๆหากมีเพื่อนพ้องที่เราสามารถไปอยู่ด้วยได้ ก็จะยิ่งประหยัดกันเข้าไปอีก เพียงเเต่เราต้องมีจดหมายจากเพื่อนมารับองว่า อนุณาติให้เราไปพักอยู่ด้วยจริง




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2551    
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 20:46:33 น.
Counter : 1047 Pageviews.  

เต้นท์น้อยหลังนี้สุขีเสียจริง

ตลอดระยะเวลา 4 คืน 4 วันที่พวกเราได้ไปใช้ชีวิตอยู่กลางฟาร์ม สิ่งที่มีพระคุณกับเรามาก เหนือจากกระดาษทิชชู่เปียกเเล้ว จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากคุณเต้นท์ที่เราหอบหิ้วไปจากเมืองไทย

เรื่องเต้นท์นี่ก็สนุกไม่เเพ้เรืองใด นึกดูว่าสองสาวจากไทยเดินทางไปอังกฤษ โดยหอบหิ้วเต็นที่หนักประมาณ 5 กิโลกรัมติดตัวไปไหนมาไหน เป็นภาพที่ดูไม่จืดที่เดียว

เต้นท์พวกเราซื้อมาจากร้าน สนามเดินป่าด้วยราคา 2200 บาทหลายคนอาจร้องโอโห้ในราคา เเต่ขอบอกว่า เต้นท์กันน้ำ้ขนาด สามคน นอนสบาย สี่คนนอนกันอย่างอบอุ่นนี้ ราคาเอาเรื่องมาก หากไปซื้อเอาที่โน่น รับรองว่าเเพงกว่าขนไปจากบ้านเราเเน่นอน ด้วยความงก เเละขี้เกียจขนกลับ เราเลยตกลงกันว่าหิ้วไปจากเมืองไทยนี่เเหละวะ

ตอนที่ไปซื้อเต้นท์เราต้องระบุไปด้วยว่า เต้นท์จะต้องกันน้ำได้ดีที่เดียว เพราะที่ที่เราจะไปนั้น กิตติศัพท์ในเเง่เรื่องน้ำท่วม จมโคลน ขึ้นชื่อเป็นอันดับหนึ่งหลังจากที่เราสอบถามกับทางร้าน เขาก็ให้คำเเนะนำเป็นอย่างดี โดยเสนอว่าเราควรใช้ Tent เต็นท์ สนามเดินป่า รุ่น Sphinx เเละเสริมว่าหากจะไปเจอสภาพขนาดนั้น

ีอุปกรณในการใช้ชีวิตมีดังต่อไปนี้

๑ เต้นท์กันน้ำเลือกเอาเเบบที่กันได้ได้ไม่ต่ำกว่า 2000 มิิลลิเมตร เป็นอย่างน้อย



๒ กราวด์ชีท อันนี้สำคัญมาก ขาดไม่ได้ เพราะต่อให้เต้นท์กันน้ำอย่างไร หากไร้ซึ่งกราวด์ชีท ชีวิต จะต้องบัดซบอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนำ้จากพื้นจะพร้อมใจซึมเข้าสู่เต้นท์ของเราอย่างเเน่นอน ที่ร้านเขาเเนะนำว่าให้ซื้ออย่างตะเข็บคู่ น้ำจะได้ไม่ซึม เเละให้ใช้ขนาดที่ใหญ่กว่าเต้นท์เราเล็กน้อย เพื่อที่จะกันเพื่อน้ำเเฉะๆ




๓ ถุงนอน อันนี้ก็ขนไปจากไทย ซื้อที่โน่นไม่ไหวๆ ไม่กล้าทิ้งทุ่นตอนกลับเเน่



๔ sleeping bag sheet เป็นเเผ่นโฟมปูรองนอนก่อนวางถุงนอน อันนี้สำคัญมากเพราะกันความเย็นจากพื้นได้เป็นอย่างดี พวกเราไม่ได้เตรียมไป นอนคืนเเรกหนาวมาก เเถมความชื้นซึมเข้ามาในถุงนอนเลย วันต่อมาได้บนเรียนเลยต้องไปหาที่ปูมารอง หลังจากใช้ชีวิตดีขึ้นทันตาเห็น ไม่เปียกเเละหนาวอีกต่อไป



นอกเหนือจากอุปกรณ์ที่ทางร้านเเนะนำเเล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เปรียบเสมือนอวัยวะ ที่ ๓๓ ของเราในงานนี้ก็คือ

๑ รองเท้าบูท เราสองสาวไม่ได้ขนไปจากเมืองไทย เพราะเท่าที่มีอยู่ก็เกินนำ้หนักที่เขาให้เเล้ว พวกเราเลยต้องไปซื้อเอาที่โน่น ราคาก้อเอาเรื่องตามมาตราฐานงานเฟสติวัล คู่ละ 15 ปอนด์คร้าบพี่น้อง เเต่ทำไงได้ หากไม่มีงานนี้ไม่รอดเเน่



๒ อวัยวะที่ ๓๔ หนีไม่พ้น เสื้อกันฝน เเม้ว่าปีนี้พวกเราจะโชคดีที่วันตกไม่เยอะนัก เเต่ เราก็หนี่ไม่พ้นที่ต้องสวมเสื้อกันฝน ที่ทำหน้าที่กันทั้งฝน เเละลมเย็นระายผิวคนไทย พวกเราสวมเสื้อกันฝนสีส้มเเปร๋นกันเกือบทั้งงาน เพราะนอกจากกันอากาศได้เเล้ว มันยังเป็นเสมือนเสื้อทีมของพวกเรา หากันง่ายดี เราไปซื้อกันที่งานนั่นเเหละ ๕ ปอนด์ได้มั้ง
ไม่เเนะนำใ้กางร่มนะคะ ถือลำบาก เกะกะทิ่มหน้าทิ่มตามาก เราคนไทยอาจไม่คุ้นกะการใส่เสื้อฝนเท่าไร เเต่ ใส่สักพักเด่วก้อชิน เเละจะติดใจคุุ่ะ



มาดูของจริงกันดีกว่าว่าที่บรรยามาทั้งหมด หน้าตาเป็นไง
เต้นท์เราเป็นสีเขียวเหลืองดูเด่น เป็นสง่า


มาดูด้านในกัน



ด้านนอกเเบบชัดๆ พร้อมธงไตรรงค์



ตอนกลับเราไม่ได้ขนเต้นท์กลับหรอกค่ะ เพราะจขบ. เดินทางไปต่อที่ประเทศอื่น เเพื่อนสาวเอากลับคนเดียวไม่ไหวเเน่ เราเลยตัดใจทิ้งเต้นท์ เเละอุปกรณ์ ต่างๆให้ Oxfam เเอาไปบริจาคค่ะ เเต่ก่อนจากลาเต้นท์พวกเราไม่ลืมขอบใจเต้นท์เพื่อนยากที่เป็นที่ซุกหัวนอนให้พวกเราตลอดทริป

อันนี้เป็นเสื้อกันฝนของทีมเรา สีสันได้ใจมาก หากันเจอได้เเม้ในระยะ หนึ่งกิโลเมตร




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2551    
Last Update : 23 สิงหาคม 2551 22:46:45 น.
Counter : 2809 Pageviews.  

Glastobury festival เทศกาลดนตรีในตำนาน 4

มาต่อวันสุดท้ายของงานเทศกาลในเลยค่ะ หากจะตั้งชื่อ คงต้องเรียกวันนี้ ว่าเป็นวันเเห่งตำนาน
วงสุดยอดๆมารวมตัวกันในวันนี้ the verve ก็เป็นหนึ่งใน headliners เเม่เหล็กที่ดึงดูดให้ทุกคนอยากมาร่วมงานในปีนี้

วันนี้สมากชิกชาวฮ่องกงของทีมเราต้องรีบบึ่งกลับเเมนเชสเตอร์ตั้งเเต่เช้าเพราะติดภาระกิจไป
ดูคอนเสิร์ทRadiohead ต่อที่โน่น เจ้าตัวอดบ่นเสียดายที่ไม่ได้ดู ตำนานอย่าง the verve

พวกเราเลยต้องกล่าวลากันเเล้วค่ะ เเต่ก็ต่างสัญญากันว่า จะไม่ขาดการติดต่ออย่างเเน่นอนหากมีโครงการหน้า พวกต้องกลับมารวมตัวกันอีกอย่างเเน่นอน
มิตรภาพอันเกิดจากเสียงดนตรีนี่มันช่างเหนียวเเน่น เเละไร้ซึ่งพรมเเดนเสียจริง

สิ่งหนึ่งนอกเหนือจากดนตรีดีๆ ที่ได้เสพจากงานนี้เเล้ว พวกเราได้ซาบซึ้งถึงคำว่ามิิตรภาพกันอย่างมาก

มิตรภาพของผู้หญิงสองคนที่เเชร์ความลุ่มหลงในดนตรีอังกฤษมาเป็นเวลานานเเละจนวันหนึ่งได้มาทำฝันให้เป็นจริง

มิตรภาพของเพื่อนต่างเเดนที่รู้สึกเหมือนได้รูุ้้จักกันมานาน เพียงเพราะมีรสนิยมดนตรีที่คล้ายคลึงกัน

มิตรภาพจากเพือนคนไทยที่ไม่เคยได้เจอกันมาก่อน เเต่กลับเหนียวเเน่น ช่วยเหลือกันประหนึ่งเป็นพี่น้องกัน

และที่สำคัญที่สุด คือมิตรภาพระหว่างตัวเรากะดนตรีอังกฤษ ที่เราเติบโตกับสิ่งเหล่านี้มาตั้งเเต่เด็ก เเละเป็นสิ่งสำคัญอบ่างหนึ่งที่หล่อหลอมความเป็นตัวตนของเขาอย่างทุกวันนี้

วันที่สามนี้ถือเป็นวันที่ซาบซึ้งที่สุดในตลอดทริิปที่กลาสโต้
จขกท กล้าบอกอย่างไม่อายเลยว่าวันนี้ เเอบนำ้ตาซึมไปหลายรอบเลยทีเดียว



วันนี้เราเริ่มกัน ไม่สายมาก เพราะมี หลายวงที่อยากดูอยู่ในช่วงเช้า

เราเปิดวันกันด้วย หนังสือพิมพ์จาก The Guardian ที่ไปตั้งบูทขายหนังสือพิมพ์เเจกกระเป๋าเเละของพรีเมี่ยมอื่นๆ อีกมากมาย
เป็นกลยุทธ์ขายหนังสือพิมพ์ที่ดีมากเลยจริงๆ

เดาว่าที่ต้องทำอย่างนี้เพราะต้องเเข่งกับพวกหนังสือเเจกฟรีที่มีกันอยู่อย่างเกลื่อนกลาด
ราคาหนังสือพิมพ์เเบบที่ต้องซื้อที่โน่นเเพงเอาเรืองเหมือนกัน ตกเล่มละ 1.8 ปอนด์ได้ หากไม่มีมูลค่าเพิ่มอื่นๆ คงขายกันยากหน่อย

มาคราวนี้นอกจากขายหนังสือ พร้อมพรีเมี่ยมเพียบ The Guardian ยังมาตั้ง The Guardian lounge ที่เเสนสบาย พร้อมขายอาหารเช้าเเละกาเเฟหอมกรุ่นยั่วใจ ประกอบกับวงดนตรีที่ทาง The Guardian จัดหามาขับกล่อม ร้านน่านั่งมาก เเต่คนเยอะชิบเป๋ง ต่อเเถวไม่ไหว ได้เเต่เดิน ผ่าน เเล้วชะโงกเข้าไปดู

ภาพประกอบนี้เป็นเเค่ส่วนที่เขาขายหนังสือพิมพ์เพียงอย่างเดียว ทำเสียสวยเชียว




สภาพเวทีเช้านี้ดูไม่จืด หลังจาการเเสดงปิดท้ายของเจซีเมื่อคืน
จขกท เเละทีมไม่ได้อยู่ดู ได้เเต่ได้ยินเสียงเจซีร้องเพลง ของโอเอซิส เเบบไม่จบ
น่าเเปลกใจ ในความกล้าของพี่เเกยิ่งนัก
ได้ยินมาว่าว่าเจซีควงภรรยาสาว บียอนเซ่ มางานนี้ด้วย เธอได้เเต่เป็นกำลังใจอยู่ด้านล่างเวที ในบริเวณวีไอพีไม่ได้ขึ้นไปร่วมเเสดง

มาดูสภาพเวที่ตอนเช้ากัน


เช้านี้พวกเราเริ่มที่เวทีปิระมิด ด้วยตำนานอย่าง Gilbert O' 'Sullivan เจ้าของบทเพลง ที่พวกเราอาจคุ้นเคนกันดี คือเพลงที่ร้องว่า Alone again naturally...

การเเสดงของ Gillbert O'Sullivan เช้านี้ไม่มีผิดหวัง ฝีมือการเดี่ยวเปียโนของเขาน่าประทับใจเป็นอย่างมาก
ด้วยความที่พวกเราไปกันเร็ว คราวนี้เลยได้อยู่กันระยะประชิด



วงต่อไปเว้นช่วงนานที่เดียว พวกเราเลย ออกเดินสำรวจฟาร์มอีกรอบ เเล้วกลับมาที่เวทีปิระมิดอีกครั้งเอาตอนบ่าย ศิลปินหนุ่มที่ขึ้นเล่น คือ John Mayor หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ ที่ดาราสาวต่างหมายปอง
พอได้ไปดูเองกะตา ให้ได้สงสัยจริงๆ ว่า หล่อตรงไหนฟละ
ถ่ายรูปไม่ถึงอีกเเระ เอารูปจากเวบโฟโต้สต็อกไปดูก่อนเเระกัน


ต่อจาก จอห์น เมเยอร์มาถึงคนต่อไปที่เราตั้งหน้าตั้งตามาดูอย่างมาก
คนนี้สิหล่อจริง เก่งด้วย น่าร้ากกกก แม้นคนจะติฉินว่าเป็นโปรดิวเซอร์ไฮโซ เเต่เราก้อยังนับถือในความเก่งของพ่อหนุ่มคนนี้ เป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก
คุณ Mark Ronson ผู้ผลิตผลงานเด็ดๆ ให้นักร้องมากมายได้ร้องกัน

ครานี้เขามาพร้อมเเขกรับเชิญมากมาย บางคนก้อหอบหิ้วกันมาจาก นิวยอร์ค ส่วน บางคนก้อไม่ใช่ใครอื่นไกล เเม่สาว lili allen หัวสีชมพู คราวนี้ เทอมาเเบบไม่พร้อมเท่าไร มี ร้องตก มีจำเนื้อไม่ได้ด้้วย



ดูหน้าใสใส เเบบชัดๆ ดีก่า



อันนี้กะหนูลิลี่หัวสีชมพูี่ เเขกรับเชิญคนดัง



คนต่อไป คือ Goldfrapp ผู้โด่งดังจาดเพลง Oh la la ที่คนเอาไปใช้ทำโฆษณาจนติดหู
พอได้ดูคอนเสิร์ทของเจ๊เเก จขกท รู้สึกว่า ชีนิวเอจ หลุดมาก ไปนิดนุง
เพลงก้อออกเเนว หลอนๆ นิดๆ เเต่ชุดที่หล่อนใส่เจ๋งดี
สงสัยต้องไปศึกษาเพลงเเกเพิ่มสักหน่อย ฟังคราหน้าจะได้รู้เรือง



ศิลปินคนต่อไป จขบ. ขอมอบความเป็นสุดยอดบรมครูเเห่งศิลปิน
ลีลาคอนเสิร์ทน่าประทับใจมากๆ ศิลปินผู้นี้คือ ตำนานดนตรีที่ยังมีชีวิตอยู่
Leonard Cohen
บอกกจริงๆ ว่าก่อนได้ดูท่านผู้นี้ ได้ยินเเต่ชื่อว่าเป็นนักเเต่งกลอน เเต่งเพลงชื่อดังชาวเเคนาเดี้ยน ได้ฟังเพลงผ่านๆก็ไม่กี่เพลงไม่ได้ซึมซาบเท่าไร

พอได้มาเจอของจริงถึงกะนิ่งอึ้ง ตะลึงในความสามารถ เมื่อได้ฟัเพลงที่เขาร้อง ขนเราลุกเกรียว ไม่น่าเชื่อว่าคนวัย 75 ขนาดนี้จะมีเสียงที่ใสเเเละเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ร้องเป๊ะไม่มีหลุด เนื้อหาของเเต่ละเพลง ก็มีความหมายดีเเทบทุกเพลง

ที่ตะลึงที่สุด ก็เมื่อค้นพบว่าเพลง Hallelujah ที่เราหลงใหลมาตลอด เขาผู้นี้ก็เป็นคนเเต่ง แต่มาโด่งดังด้วย ฝีมือของ Jeff Buckley & Rufus Wainwright เพลงนี้หลายคนคงต้องร้องอ้อเมื่อได้ยิน เพราะเป็นเพลงประกอบ ของซีรีย์ดังอย่าง The O.C.



คอนเสิร์ทนี้เราปลีกตัวจากเพื่อนๆ มาดูคนเดียวที่เวทีปิระมิดในขณะที่สมาชิกไปดู The Pigeon Detective ที่อยู่เวที Other ตอนเเรกจขบ.ฏ้เครียดเลือกไม่ถูกว่าจะไปเวทีไหนดี เพราะน่าดุทั้งสองที่ เเต่สุดท้ายจขบ. เลือกดู Leonard Cohen เพราะด้วยความอยากดูตำนาน ที่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เเอบคิดเเบบเลวๆ ว่า วง The Pigeon Detective ยังไม่เเก่มาก เราน่าจะมีโอกาสได้ดูอีกนอนาคตเเน่ เเต่ Leonard เนี่ยไม้ใกล้ฝั่งมากมาย เลยตัดสินใจดู ตำนานเเทน เป็นตรรกะที่ไม่เป็นมงตลใช่น้อยตรู

เเต่พอได้ฟังเเล้วคิดทันทีว่าตัดสินใจถูกมากๆ ได้เห็นของจริงว่าเป็นอย่างไร จำนวนคนที่เวทีปิระมิดก็มากมายมหาศาลมาก เห็นเเล้วก็อึ้งไปเลย
เกิดมาไม่เคยเห็นอะไรยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ทั้งในเเง่ของจำนวนคน เเละการมีส่วนร่วมของคนดู



หลังจาก อึ้งทึ่งในความสามารถชั้นบรมครูของ Leonard Cohen พวกเราขอตัวไปพักเอาเเรงก่อน ็ถึงเวลาของศิลปินวงสุดท้ายที่พวกเราตั้งหน้าตั้งตารอดู
อุตส่าห์ข้ามนำ้ข้ามทะเลมาตั้กว่าเเปดพันไมล์ ส่วนหนึ่งก็เพื่อวงนี้โดยเฉพาะ

ช่ายเเล้ พวกเขาคือ The Verve ตำนานที่ฟื้นชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
วงนี้ตอนที่พวกเรากลับไป เราต้องอยู่ไกลมากๆๆๆๆๆจากเวที
เเต่เสน่ห์เเละความขลังของการเเสดงไม่ได้ลดน้อยลงเลย
เเม้อากาศจะหนาวมาก เเต่เเฟนๆ ก็ยังปักหลักดูกันเต็มที่เป็นหลักเเสนอย่างเเน่นอน

เมื่อได้ฟังเพลงที่พวกเขาเล่นอีกครัง เราถึงกะน้ำ้ตาซึม ด้วยความตื้นตัน (อันนี้ส่วนตัวไปหน่อย ขออภัยด้วย)
the Verveได้ปิดฉากเทศกาลคอนเสิร์ท Glastonbury 2008ให้พวกเราได้อย่างสวยงาม น่าประทับจิตเป็นที่สุด



จขกท อยู่ไกล เลยไม่ได้ภาพ Richard เเบบใกล้ๆ
เลยไปหาที่อื่นมาให้ดูประกอบ ในคืนนั้น เเม้นพวกเราอยู่ห่าง อย่างไกล (มากๆ)
เเต่ความสุข ความประทับใจมันไม่ได้ น้อยลงเเต่อย่างใดเลย
กลับมาเปิดภาพดูกี่ครั้งความรู้สึกอันเข้มข้นยังไหมกลับมาหาไม่เปลี่ยนเเปลง



เเถมอีกๆ เอาเเบบใกล้ๆ ชัดๆ ยืมรูปคนอื่นเขามาก็ได้เห็นดีขนาดนี้เเล



ขอจบกระทู้การดูเทศกาลดนตรีในตำนาน Glastonbury Festival 2008 ไว้เพียงเเต่นี้
เเต่สัญญาว่าจะมีกระทู้เเง่มุมอื่นๆ ที่เราได้เก็บเกี่ยวมาจากงานนี้มาให้ทุกคนไดู้ดูุกันอย่างเเน่นอน

ขอบคุณ ทุกความเห็นที่เข้ามาร่วมอ่านกันตั้งเเต่ กระทู้เเรก
จขกท หวังว่าการโพสในครั้งนี้จะสร้างเเรงบันดาลใจให้กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่มีฝัน หรือเคยฝันเเบบเดียวกัน
หากใครอยากได้ข้อมูลหรือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกะการตามฝันในครั้งนี้
เพื่อเอาไปเป็นข้อมูลในการเดินทางของตนเอง
ขอให้หลังไมค์มาได้เลย จขกท. ยินดีที่จะร่วมแบ่งปันประสบการณ์

สุดท้ายขอฝากไว้ว่า
ความฝันจะยิ่งใหญ่เเละมีค่าไปมากกว่าเดิม ในวันที่เราทำมันให้กลายเป็นจริง




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2551    
Last Update : 23 สิงหาคม 2551 21:40:03 น.
Counter : 742 Pageviews.  

Glastobury festival เทศกาลดนตรีในตำนาน 3

หลังได้เสียงตอบรับจากเพื่อนๆ หลายคน ก็ทำให้ได้รู้สึกว่า เอ้อ บล็อกของเราดูท่าจะเป็นประโยชน์เหมือนกันเเหะ ดีใจ ดีใจ

หลังจากอ่านหลายความเห็นที่บอกว่าอยากไปงานนี้เหมือนกัน เเต่ไม่คิดว่าตัวเองจะไปได้ อยากจะให้ได้ลองเปลี่ยนความคิดดู เงินอาจจะเป็นปัจจัยหลักที่จะพาเราไปได้ เเต่มันก็ไม่ใช่เรืองที่จะเป็นไปไม่ได้

จขบเองนั้นฝันที่จะไปงานเทศกาลดนตรีตั้งเเต่เมื่อเกือบเจ็ดปีก่อน ทั้งๆที่บ้านก็ไม่ได้เป็นคนรวยอะไรเลย เเต่ได้ตั้งปณิธานไว้กะเพื่อนที่ไปด้วยกันว่าวันหนึ่งเราสองคนต้องไปให้ได้
พวกเราตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินตั้งเเต่ตอนที่เพิ่งเริ่มทำงานกัน จนวันหนึ่งก็ทำได้ อยากให้กำลังใจเพือนๆ น้องๆ ทุกคนทีมีความฝันเเบบเดียวกัน



ความเดิมจากตอนที่เเล้ว พวกเราได้ จบวันกันด้วย Fratellis จขบ. ลี้กลับมาขดตัวอยู่ในเต้นท์เพื่อหนีความหนาวที่มากขึ้นในเวลากลางคืน นำ้ค้างเเรงมากสมกะที่อยู่กันกลางทุ่ง โดยปล่อยให้สมาชิกทีมที่ยังเเรงเยอะอยู่ดูต่อ เเต่พอเดินมาไม่นานเท่าไรปรากฎว่าการเเสดงก็จบลง รู้งี้ยอมทนอยู่ต่ออีกดีกว่า

ขอบอกว่าใครจะไปงานนี้ควรฟิตร่างกายให้พร้อมนะคะ หากป่วยระหว่างานเนี่ยหมดสนุกกันเเย่เลย อุตส่าห์ได้ไปงานใหญ่ขนาดนี้ทั้งที่

พวกเราเริ่มวันที่ 2 ของงาน (วันที่ 28 มิถุนายน) กันอย่างมีบทเรียน คือไม่ตื่นกันเเต่ไก่โห่อีกเเล้ว วันนี้กลยุทธ์ในการดูของเราเเตกต่างไปจากเมื่อวาน พวกเราเเบ่งทีมกันตามความสนใจค่ะ ไม่ได้เกาะติดกันเเหง็ก เเต่เเยกกันไปตามวงที่เเต่ละคนอยากดู วันนี้ ทีมเราเลยเเตกออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มจขบ.กะเพื่อนชาวฮ่องกงที่ตามมาสมทบ เเละกลุ่มเพื่อนสาวเเละเพื่อนรุ่นน้อง


เช้านี้ไม่มีวงไหนที่โดนนักสำหรับทีมของจขกท. เลยตตัดสินใจว่าจะออกเดินทางไกลสำรวจฟาร์ม กะเพื่อนชาวฮ่องกง เเต่เพื่อนสาวอีกคนอยากดู Los Campasinos ตอนเที่ยง
เราเลยเเตกออกเป็นสองทีม เเล้วตกลงกันว่าจะมาเจอกันตอนเย็นอีกที

ช่วงนี้เป็นช่วงที่จขบ. ได้ออกถ่ายรูป สถานที่มากมาย ที่กะว่าจะเอามาตั้งเป็นอีกกระทู้เพื่อห้องศิลปะโดยเฉพาะ การตกเเต่งภายในที่น่าสนใจมาก ต้นทุนต่ำ่ การติดตั้งไม่ยุ่งยาก เเต่งานออกมาสวย เเละเเปลก เอาไว้เสร็จจากกระทู้ดนตรี จะมาตั้งให้ทุกท่านได้ดูกันต่างหาก



ออกเดินสำรวจกันไปทั่ว เผลอเเป๊ปเดียว ก็ถึงเวลาต้องกลับเข้าไปทีเวที The Other เพื่อดูวงเเรกที่โดนของวันนี้ นั่นคือ วง Neon Neon จริงตอนเเรก จขกท ไม่รู้จักวงนี้เเต่เพื่อนชาวฮ่องกงที่ไปด้วยเเนะนำ เลยลองไปดู ปรากฎว่าไม่ผิดหวัง เปนอีกวงหน่งที่เล่นมันมาก พอกลับมาเมืองไทยเเล้วหาข้อมูลวงนี้ถึงได้รู้ว่าพวกเขา คือ Gruff Rhys เเห่งวง Super Furry Animals ไม่เสียดายที่เดินกลับมาดูจริงๆ


ศิลปินคนถัดไปไม่ใช่ใครที่ไหน คือ คุณ James Blunt ผู้โด่งดัง คนดูเยอะมากด้วยความที่จขกท เดินมาถึงช้าเลยถ่ายรูปไม่ได้ เลยไปขอภาพจากที่อื่นมาเเทน ขอขอบคุณเวบสต็อกโฟโต้อีกเช่นเคย อิอิ



มาต่อกันที่ ที่เวทีOther เพื่อดูวง วอมเเบทน้อย หรือ The Wombats เจ้าเก่านะเอง มาวันนี้ทางวงไม่ลืม มาสคอต ตัวเขื่อที่ทำเก๋ไก๋ ใส่เเว่นเเดงมาด้วย
ตอนที่เล่นพ่อนักร้องนำมาการขอโทษขอโพย เท่าเมาเเล้ว รั่วไปทำเต้นข้างๆ เดือดร้อนไปเมื่อปีที่เเล้ว (ไม่ได้บอกว่าไปทำไรเขา เเต่ท่าจะเมาเเละรั่ว)
การเล่นสด ดีมากนะวงนี้ มันส์ เเละไม่คอ่ยหลงเท่าไร ทั้งทีลีลาพี่เเก เหลือร้าย



ต่อกันด้วยอีกวงที่รอคอยที่เวทีปิระมิด เหมือนเดิม วงนี้ตั้งใจมาดูเลย คือวง The Raconteurs ไม่ใช่ใครอื่นไกล คุณ Jack White ของเรานั่นเอง



ยังอยู่กันต่อที่เวทีปิระมิด เพื่อดูคนถัดไปคือ Manu Chao โอ๊ยตายไปเลยค่ะ กะพี่คนนี้
มันส์มากๆๆๆ เต้นกันระเบิด เเม้ว่าพี่เขาออกเเนว ละติน เรกเก้ หรืออะไรก็ไม่รู้อ่ะ รู้เเต่ว่ามันมากกก
เป็นอีกวงที่ประทับใจสุดๆ ในงานนี้



กลับมาต่อจาก Manu Chao พวกเราย้ายถิ่นกลับมาที่เวที Other เพื่อมาดูอีกวงที่ตั้งใจไว้เเต่เเรกว่าจะมาดู นั่นคือวง Elbows วงฝีมือจากเเมนเชสเตอร์
เเละวงนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเล่นดีมากๆ เสียงพี่เขาเหมือนในซีดีเป๊ะ เเถมลีลาการเล่นก็เเน่มาก
เเม้คารมจะไม่ หวานเท่าไร เเต่ การเเสดงกินขาดไปกว่าอีกหลายวงยิ่งนัก




หลังจาก Elbows เราก็วิ่งกลับมาที่เวทีปิระมิดเพื่อมาชม Headliner คนสำคัญของงานนี้ ไม่ใช่ใครอื่นไกล เเม่เสือสาวทรงผม รังผึ้งของเรา Amy Winehouse วันนี้เทอมาในชุดสีฟ้าสดใส ที่เน้นดูม ดูม ตามสไตล์
ทีสำคัญเธอก้อเบลอๆ ตามสไตล์ไม่เปลี่ยงเเปลง ที่ชอบที่สุดคือท่าเต้นเหมือนคนปวดฉี่ของเทอ
ได้มาเห็นของจริง ก็ เอ่อ มันเหมือนจริงๆเเฮะ ปวดฉี่ก็ไปเข้าห้องนำ้ก่อนก็ได้พี่ีรอได้ 555
ตอนจบน้องเอมี่ มีโชว์ปัญหาครอบครัวให้ดูเล็กน้อย ไม่ทิ้งลายเดิมจริงๆ



เอาน้อง Amy ระยะประชิดมาให้ดูด้วย
ปวดฉี่ก็ไปห้องนำ้สิจ้ะ น้อง




เสร็จจากน้องเอมี่ เรารีบวิ่งกลับมาที่เวที Other เพื่อหนีเจซี เอ๊ย ไม่ใช่
เพื่อมาดูสุดยอดตำนานอย่าง Massive Attack ต่างหาก
ตอนที่วงนี้เล่นฟ้ามืดเเล้วอากาศเริ่มเย็น ทั้งๆที่กลางวันร้อน เเดดออก กันเปรี้ยง
งานนี้เราวิ่งมาถึงช้า อยู่ห่างเวทีอีกเเล้ว เเต่ก้อไม่ได้เเย่เท่าไรเพราะเทคนิคเเสงสีเสียงตระการตามาก






คืนนั้น ทีมของจขกท.ยังได้ไปดูวง Alabama 3 ที่เวที Avalon
วงนี้เป็นวงสัญชาติอังกฤษ ที่มีสไตล์ ผสมผสานระหว่าง rock, dance, blues, country and gospel styles งานนี้เเดนซ์กระจาย อีกเเล้วครับท่าน





วันที่สองนี้ถือว่าเป็นวันที่คุ้มมากๆ ใช้เวลากันตั้งเเต่สายจนดึกดื่น
จริงๆ หากจะโต้รุ่งเขาก็มีที่ ที่เราจะไปมันสกันได้ยันสว่าง
เเล้วเเต่สไตล์ใคร สไตล์มันค่ะ

หมดเเล้วค่ะ คืนนี้มาต่อวันสุดท้ายที่ Glastonbury Festival ใบบล็อกุัดมาเลยค่ะ




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2551    
Last Update : 19 สิงหาคม 2551 22:45:45 น.
Counter : 826 Pageviews.  

เเนะนำสมาชิกผู้ร่วมหัวจมท้ายไปกับทริปล่าฝันสู่ Glastonbury Festival 2008

ปัจจัยหลักของการเดินทางตามฝันในครั้งนี้คงไม่มีอะไร สำคัญไปกว่าสหายร่วมทีม

ทริปนี้ประกอบไปด้วย สี่หน่อ เป็นไทยเสียสาม เเละเป็นฮ่องกงอีกหนึ่ง

รายเเรกที่จะเเนะนำเป็นเพื่อนสาวที่ร่วมกันตั้งปณิธานดวยกันว่าวันหนึ่งเราจะไปตามฝันกันตั้งเเต่ เมื่อเจ็ดปีก่อน ยังคบกันเหนียวเเน่น จวบจนทุกวันนี้ เเม่ว่า ต่างคนต่างมีหน้าที่การงานที่เเตกต่างกันไป เเต่กลับมาเจอกันที่ไรก็จูนติดเหมือนเดิม



คนต่อมาคือหนุ่มไทยรุ่นน้องที่อาศัยอยู่ที่ลอนดอน ขอบอกว่าประทับใจน้องชายคนนี้มากๆ ไม่ได้เขา เราสองสาวไม่รอดเเหง ทริปนี้ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ อีกครั้ง



สมาชิกท่านที่สาม หรือหนุ่มฮ่องกง ที่เราได้รู้จักจากโลกเเห่งเสียงดนตรี เพราะความหลงใหลในดนตรีอังกฤษ ทำให้เราได้มาเจอกัน รายนี้ บินมาไกลจากออสเตรเลีย เพื่อมาร่วมงานนี้โดยเฉพาะเหมือนพวกเรา เเม้เพิ่งเจอหน้า เเต่เหมือนว่าได้เป็นเพื่อนกันมาชาติเศษ
ดนตรีนี่ช่างเป็นสื่อที่ไรซึ่งพรมเเดนเสียนี่กระไร


คนสุดท้ายคือเจ้าของบล็อก ไม่มีคำบรรยาย ดูหน้ากันเอาเอง ภาพนี้ถ่ายตอนนั่งรถไฟไปกลาสตัน ระหว่างการเดินทาง ห้า ชั่วโมงอันยาวนาน จริงๆ ระยะทางไม่ไกลเลย หากเป็นช่วงปกติ ไม่มีทางเกิน สองชั่วโมงเเน่นอน




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2551    
Last Update : 18 สิงหาคม 2551 21:20:11 น.
Counter : 442 Pageviews.  

1  2  

Cynic
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Cynic's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.