ความไม่รู้เป็นลาภอันประเสริฐ

ปัจจัย4ที่เปลี่ยนไป

ปัจจัย4 คือ สิ่งที่ตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนต้องมีปัจจัยเหล่านี้ในการดำรงค์ชีวิต ซึ่งหากขาดไปก็จะทำให้การดำรงค์ชีวิตนั้นๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก

ปัจจัย4 คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค
สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ต่อมนุษย์ทุกผู้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ความต้องการพื้นฐานไม่แบ่งแยกเพศ ชายหรือ หญิง วัยเด็ก หรือ ผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้สูงอายุ ผิวขาว ดำ หรือ เหลือง ไม่เลือกชนชั้นว่าจนหรือ รวยเท่าไหร่
ปัจจัยพื้นฐาน เป็นเรื่องของคนทุกคน

1 อาหาร เป็นปัจจัยที่จะสร้างพลังงาน ให้คนมีความสามารถในการใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ อาหารเป็นเรื่องของปากท้องที่ตัวบุคคลต้องหามาประทังชีวิต แน่นอนว่าทุกคนต้องกิน ไม่มีใครอยู่ได้โดยไม่กินอะไรเลย ดังนั้น อาหารปัจจัยแรกที่กล่าวถึง เพราะ ความสำคัญ ของปัจจัยนี้ในตัวมันเอง

อาหารเริ่มกลายเป็นปัจจัยที่มีมูลค่ามากขึ้น หลังจาก โลกได้พัฒนาขึ้น อาหารไม่ใช่การผลิตเพื่อ บริโภคในครัวเรือนอย่างเดียว อาหารได้แปรสภาพเป็นอุตสาหกรรมอาหาร และเมื่อมูลค่าที่สูงขึ้น อาหารก็กลายเป็นเรื่องของการค้ามากกว่า เรื่องของประทังชีวิต

อุตสาหกรรมอาหารเป็น สินค้าส่งออกลำดับต้นๆของประเทศเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นข้าว ข้าวโพด มันสำปะรัง สิ่งเหล่าได้พัฒนาจากเกษตรกรรม สู่อุตสาหกรรมอาหาร โรงงานต่างๆผุดขึ้นทั่วประเทศ เพราะเราไม่ได้ผลิตเพื่อบริโภคเองเท่านั้นแล้ว เราผลิตเพื่อให้ผู้บริโภคต่างชาติอีกด้วย

ร้านอาหารก็เติบโตขึ้นเป็นลำดับ จากกระแสของทุนนิยมไม่ต่างกัน การผุดขึ้นของร้านอาหารที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่งตามตรอกซอกซอย ห้างร้านต่างๆ ร้านอาหารที่เป็นการตอบสนองต่อปัจจัยพื้นฐานคืออาหาร เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายมาก
คนเราทุกคนต้องกิน เพื่อการดำรงค์ชีวิต ดังนั้น ร้านอาหารก็ต้องมีให้ผู้คนมากิน

แต่สิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือ ผู้คนเริ่มพึ่งพาร้านอาหารมากขึ้น เพราะ กระแสโลกาภิวัฒน์ที่ผู้คนต้องทำงานเพื่อแข่งขันกันหาเงินมาจับจ่ายใช้สอย ทำให้ผู้คนในสังคมเมืองเริ่มที่จะไม่เป็นผู้ทำอาหารเอง ผู้คนอาศัยร้านอาหาร เป็นที่ประทังท้องไส้ให้มีแรงต่อไปในการใช้ชีวิต ผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านที่มีหน้าที่ทำอาหารให้กับครอบครัวลดน้อยลง เพราะการออกทำงานนอกบ้านของผู้หญิงมากขึ้น และเมื่อเวลาที่ลดน้อยลงเพราะการทำงานนอกบ้าน งานในบ้านจึงไม่สามารถเป็นภาระของแม่บ้านได้เต็มที่อีกต่อไป

เมื่อแม่บ้านไม่ทำอาหารเอง ร้านอาหารก็เข้าสู่ระบบการใช้ชีวิตของคนเมืองไปในทันที การฝากท้องไว้กับร้านอาหารตามสั่งต่างๆ ร้านข้าวแกง ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นเรื่องปกติ สำหรับคนเมืองในยุคสมัยนี้

ร้านอาหารจานด่วนหรือฟาสต์ฟูด เองก็เกิดจากกระแสนี้เช่นกัน การต้องใช้ชีวิตเร่งด่วนของคนเมืองนั้น ทำให้ผู้คนมองหาอะไรที่กินง่าย สะดวก รวดเร็ว และฟาสต์ฟูด ก็ได้เกิดมาเพื่อสนองตอบจุดตรงนี้ แต่ฟาสต์ฟูดก็กลายเป็นเรื่องของแฟชั่นไปกลายๆ วัยรุ่นนิยมกินฟาสต์ฟู้ด เพราะเป็นที่พบปะกับเพื่อนฝูงสะดวก เป็นที่สังสรรค์ในบางโอกาส
แต่ต่อมาวัฒนธรรมฟาสฟู๊ดก็ได้ลดน้อยลง เพราะการเริ่มใส่ใจในสุขภาพมากขึ้นของผู้คน ทำให้ฟาสต์ฟูดเป็นอาหารขยะ หรือจั้งฟูดที่ หลายคนเรียกถึง
การหันมาใส่ใจสุขภาพของผู้คน เป็นจุดเริ่มของธุรกิจอาหารแบบใหม่ นั่นก็คือ อาหารเสริม และอาหารเพื่อสุขภาพ
ผู้คนหันมากินอาหรเสริมมากขึ้นเพราะเชื่อกันว่าจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ขาดหายไป หรือ เพิ่มสารอาหารให้มากขึ้น และการกินนั้นจะทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ดูแลสุขภาพตัวเองเลย

อาหารเพื่อสุขภาพ เป็นสิ่งที่ตามมาจาก การใส่ใจสุขภาพมากขึ้น หลายๆอย่างเริ่มมีการพัฒนาตัวเองไปเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ไม่เว้นแม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อีกทั้งน้ำดื่มที่ต่างบอกว่าตัวเองนั้นดีสุขภาพก็ออกมาอีกนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นชาเขียว ชาขาว อะไรต่อมิอะไรต่างๆนานา

สังคมต่างจังหวัดเองก็ได้รับกระแสต่างๆไปไม่น้อยกว่าสังคมเมือง เพราะความเจริญทางเทคโนโลยี ที่ผู้คนต่างจังหวัดได้รับไม่ต่างจากคนกรุงเทพฯ อำเภอใหญ่ๆ หัวเมืองใหญ่ เริ่มไม่ต่างจากสังคมเมืองในกรุงเทพฯ ทั้งการใช้ชีวิตและการประพฤติตามชาวเมือง

ส่วนสังคมชนบทแท้ๆ นั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ การแปรเปลี่ยนของปัจจัยนี้ ชาวบ้านผู้เพาะปลูกทำการเกษตร เป็นเจ้าของผลผลิตจริงๆ แต่สิ่งเหล่านั้นพวกเขา นำมาแลกกับอาหารที่ไม่ผ่านการคัดกรองจากนายทุนแล้วเท่านั้น อาหารที่ด้อยคุณภาพ เป็นสิ่งที่จะตกสู่ปากท้องของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ปลูกเพื่อกินเองอีกต่อไป
ชาวนาปลูกข้าวคุณภาพดี เพื่อ นำเอาเงินที่ขายข้าวคุณภาพดี มาซื้อข้าวด้อยคุณภาพกว่าที่พวกเขาปลูกไปรับประทาน

ดังที่กล่าวมา อาหาร ปัจจัยพื้นฐานได้แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก เป็นเรื่องของกระแสทุนนิยมที่ถาโถมเข่าสู่ประเทศเรา และทำให้เกิดคลื่นยักษ์กระทบไปทั่วทั้งประเทศ

อาหารปัจจัยพื้นฐาน ที่เปลี่ยนไป และคงไม่มีทางที่จะเป็นเหมือนเดิม
อาหารเป็นเรื่องของความต้องการพื้นฐานทางร่างกายที่ทุกคนมี แต่ ในตอนนี้ กลายสภาพเป็นเรื่องขอธุรกิจ มากกว่าเรื่องของความอิ่มท้อง

ความอิ่มท้อง ความหมายดั้งเดิมของอาหาร เริ่มถูกลืมเลือนไปจากสังคม นี่คือสิ่งที่แท้จริงและไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปเท่าใด อาหารก็แค่ทำให้คนอิ่มท้อง ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2549   
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2551 15:49:47 น.   
Counter : 5905 Pageviews.  

สังคมสุภาพบุรุษ

สืบเนื่องจากภาวะสตรีนิยม ดังกล่าวมาแล้ว ผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆยังค่อยข้างจะเงียบ ก็คือฝ่ายด้านบุรุษผู้ซึ่งเคยได้รับความเหนือกว่ามาอย่างมากมายในประวัติศาสตร์ ดังนั้นการที่จะออกมากล่าวสิ่งใดย่อมเป็นไปได้ยากมากเพราะ หลายสิ่งยังคงเป็นเพียงภาพเขียนที่ยังไม่เสร็จไม่ชัดเจนทั้งรายละเอียดและส่วนประกอบ อีกทั้งอดีตอันหอมหวานยังคงสถิตอยู่ยังไม่ไปไหน

ทำให้ภาพคลื่นกระทบฝั่งยังเป็นเพียงฟองคลื่นเข้าหาชายฝั่งด้วยระลอกเพียงเล็กๆ น้ำที่เซาะกร่อนหินที่ชายฝั่งทำงานอย่างต่อเนื่อง หากแต่หินที่ชายฝั่งก็ไม่อาจหลบหลี้หนีไปจากการกระทำเช่นนี้ได้ เหตุการณ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป มองออกได้ยากเพราะมันไม่ใช่คลื่นใหญ่ที่เห็นได้ชัดเจนอย่างสึนามิที่ซัดมาแล้วเห็นผลกระทบได้ชัดเจนจะแจ้ง

การซึมซับและค่อยเป็นค่อยไป มองได้ไม่ชัด เพราะกว่าที่เราจะรู้ตัวได้ หินชายฝั่งนั้นก็ผุกร่อนจนบางก้อนพังทลายลงแล้ว การที่จะป้องกันภายหลังจากที่หินเหล่านั้นเสื่อมสภาพผุกร่อนและพังทลายนั้น ย่อมเป็นเพียงการพยุงอาการไม่ให้มากกว่าเดิมแต่ไม่ใช่การทำให้กลับสู่สภาพเดิมได้

หลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไป สภาพสังคมแห่งทุนนิยม บริโภคนิยม ผลประโยชน์นิยม ต่างๆที่เอาแต่เรื่องของตัวเงินความมั่งคั่งเข้ามาวัดปัจจัยกัน ทำให้ผู้คนเริ่มหลงลืมเนื้อแท้และปราศจากตัวตน เพราะการครอบงำต่างๆที่ทำให้ผู้คนหลงทางและไม่รู้ความต้องการของตัวเอง ไม่ต่างอะไรไปจากการถูกกำหนดให้ทำในสิ่งที่นายทุนต้องการให้เป็นและ ไม่สามารถที่จะกำหนดสิ่งที่ตัวเองต้องการให้เป็นได้

ลัทธิสตรีนิยมดังที่กล่าวมาแล้ว เป็นส่วนที่เริ่มบั่นทอนบทบาทความเป็นบุรุษลงเรื่อยๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป
การเรียกร้องสิทธิสตรีที่มีให้เห็นอยู่อย่างไม่ขาดสาย เป็นเรื่องที่ดี เพราะประวัติศาสตร์ของสตรีไม่งดงามและน่าจดจำเท่าไหร่ แต่บุรุษก็ไม่องกรค์อะไรที่จะมาคานสิ่งที่สตรีเหล่านั้นเรียกร้อง เพราะภาพบุรุษที่ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบสตรี ยังคงมีให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทำให้การกระทำเหล่านั้นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว คล้ายกับว่านั่นคือสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้รับ และพวกเขาต้องการได้รับ ณ ตอนนี้

สิ่งที่จะส่งเสริมความเข้มแข็งและเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่ควรเป็นไม่มีให้เห็น สิ่งที่มีคือภาพลักษณ์ที่เลวร้ายของบุรุษเพศที่ออกมาให้เห็นตามสื่อต่างๆ ยิ่งกลายเป็นสิ่งที่ตอกย้ำลงไป ว่าบุรุษเพศไม่ดี การส่งเสริมสตรีเพศเป็นเรื่องที่ดี

การส่งเสริมให้บุรุษก้าวข้ามสภาพบุรุษสู่สุภาพบุรุษ คือ อะไร คือการที่จะทำให้บุรุษไม่ใช่เพียงสัตว์เพศผู้ที่โหดร้ายและอยู่ด้วยกฏธรรมชาติของการกดขี่ข่มเหงเพศเมีย การให้ความรู้ที่ถูกต้อง การให้แนวคิดที่ถูกต้อง การให้การส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดี และอีกหลายอย่างที่จะทำให้เป็น สุภาพบุรุษ

มองกันแต่แรก การเรียนที่วิชาต่างๆเป็นเรื่องของความรู้ตำรา ที่ไม่อาจแบ่งแยกเพศสภาพได้ แบ่งก็เพียงความสามารถในการท่องจำที่สังคมไทยยังนิยมทำเพื่อให้เด็กและเยาวชนเหล่านั้น เก่ง ในทางที่ตำราจะกำหนด แต่ไม่เคยมีวิชาไหนๆที่จะสอนให้เด็กเหล่านั้นเติบโตขึ้นเป็นสุภาพบุรุษได้อย่างไร แค่เพียงการสอนเพศศึกษายังคงได้รับการต่อต้าน ว่าอาจเป็นการเสริมการหมกมุ่นให้เด็กได้ แค่นี้ก็การเป็นว่า ความรู้ที่จะให้เด็กเข้าใจบทบาททางเพศก็ลดลงแล้ว

กีฬาสิ่งที่เป็นสากลและเป็นสิ่งที่มีการแบ่งแยกเพศสภาพอย่างชัดเจน ก็ถูกละเลยเสมอมาในสังคมไทย สนามกีฬา สวนสาธารณะ ที่จะมีไว้ให้เด็กเล่นกีฬา ไม่เคยได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร มีแต่การรณรงค์ปากเปล่าให้เด็กๆเล่นกีฬาที่ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาเลย เพราะไม่มีที่ให้เด็กเหล่านั้นเล่น

เมื่อกีฬาไม่ใช่ทางออกของสังคมไทย เด็กผู้ชายหันไปหาสิ่งบันเทิงที่ไม่ใช่ สตรีบันเทิง กล่าวคือ เด็กผู้ชายไม่หันไปหา ละครทีวี รายการเพลง และอะไรก็ตามที่ค่อนข้างจะเป็นตลาดของผู้หญิง

พวกเขาหันไปเล่นเกมส์ต่างๆ เกมส์ต่างๆมีอยู่มากมายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะออนไลน์ คอนโซล ร้านเน็ตคาเฟ่ที่มีอยู่ตามซอยบ้าน นั่นเป็นทางออกเพื่อการดำรงค์อยู่ของเด็กผู้ชาย แต่รูปการณ์กลับไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะ เมื่อเด็กเหล่านั้นมีสิ่งเหล่านี้เป็นทางออกแล้ว หลายๆคนก็เสพติดมัน และกลายเป็นปัญหาสังคมใหม่แทนที่ เมื่อนั้นเองทางผู้ใหญ่ก็ได้เข้ามาควบคุมด้วยวิธีการต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดการเล่น การเซ็นเซอร์เกมส์ เพื่อแก้ไขปลายเหตุของสถานการณ์

เมื่อทางออกของเด็กผู้ชายบีบแคบลง พวกเขาก็เริ่มที่จะหาทางออกต่อไปด้วยตนเอง เริ่มมีการรวมกลุ่มกันตีกับสถาบันอื่นๆ ขับรถซิ่ง ออกเที่ยว กินเหล้าเมายา เสพยาเสพติด อะไรต่อมิอะไรที่เป็นกิจกรรมผู้ชายที่พวกเขาไม่ได้รับการตอบสนองจากสังคม เพราะสังคมไม่เคยสนใจจะหยิบยื่นให้ พวกเขาเลยต้องไปไข่วคว้าหามาเอง จนในที่สุด ปลายทางของพวกเขาบางคนอาจไปจบลงที่คุก หรือ สุดทางของชีวิต

แต่เด็กบางกลุ่มไม่ได้ออกไปหาทางออกของพวกเขา พวกเขาอยู่กับสังคมสตรีที่นายทุนต่างๆ ได้กำหนดมาให้ผ่านสื่อ และเมื่อเติบใหญ่ขึ้นมาหลายๆคนมีความผิดเพี้ยนทางเพศเนื่องมาจากการซึมซับรับรู้มาตั่งแต่เด็กๆ บทบาทของพวกเขาก็มิใช่สุภาพบุรุษอีกต่อไป หากแต่ก่อเกิดบทบาทใหม่ทางสังคมขึ้นมาแทนที่

หนทางเติบใหญ่เป็นสุภาพบุรุษถูกละเลยเป็นอย่างมากในสังคมเรา หากปล่อยผ่านต่อไปเช่นนี้ สังคมก็จะเป็นอย่างที่เราเห็น แต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ เพราะบุรุษไม่ใช่สุภาพบุรุษ และสังคมเป็นสตรีนิยม

ความเป็นสุภาพบุรุษคือ สิ่งที่จะแก้ไขปัญหาหลายๆอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในด้านไหนๆ
ทุกคนเรียกหาความดีความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ ความเสียสละ ต่างๆนานา
สิ่งเหล่านี้ที่เรียกหามีอยู่ในความเป็นสุภาพบุรุษ เรียกหาแต่ไม่ปลูกฝัง แล้วจะมีสิ่งที่เรียกหาได้อย่างไร




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2549   
Last Update : 5 สิงหาคม 2549 11:57:31 น.   
Counter : 671 Pageviews.  

ผลกระทบสตรีนิยม2

การซึมซับที่กล่าวมาจากคราวที่แล้ว การตลาดที่มุ่งเน้นยอดขายทำให้ทุ่มไปทางตลาดผู้หญิงอย่างค่อนข้างชัดเจน
ดังที่เคยกล่าวถึงรายการ ที่ตอบสนองต่อเพศหญิงเป็นส่วนใหญ่

เราจะมาขยายความตรงส่วนนี้ต่อ อันเนื่องมาจากเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะมีรายละเอียดที่น่าสนใจ และ ไม่อยากให้มองข้ามจุดนี้ไป

เริ่มต้นการใช้ชีวิตใน1วันของวัยเด็ก ซึ่งเราจะมองไปยังเด็กเล็กก่อนครับ เด็กจะอาศัยอยู่กับพี่เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการใช้ชีวิตของเด็กนั้นๆจะมีส่วนผูกติดไปกับชีวิตของพี่เลี้ยงไปโดยปริยาย และ เมื่อพี่เลี้ยงใช้ชีวิตเช่นไร ดูทีวีอะไร ฟังเพลงอะไร พูดคุยอะไร ย่อมมีการซึมซับไปสู่เด็กๆเหล่านั้นได้

และเมื่อเด็กโตขึ้นไปอีกวัยก็เริ่มมีการเรียน การเรียนในวัยนั้นๆเป็นการเริ่มปลูกสร้างพื้นฐานของเด็กก่อนวัยที่จะเริ่มมีการเรียนรู้และศึกษาอย่างจริงจัง เด็กวัยนั้นก็ยังคงมีการผูกการใช้ชีวิตติดอยู่กับพี่เลี้ยงและครู ซึ่งพี่เลี้ยงเรากล่าวไปแล้ว ครูเด็กเริ่มเรียนก็จะเป็นครูผู้หญิง ซึ่งอาจเป็นเรื่องพฤติกรรมเลียนแบบได้อีกส่วนหนึ่ง หากการให้ความรู้ไม่ชัดเจน
อีกทั้งหลังจากการเรียนเมื่อกลับบ้านก็ยังคงเป็นพี่เลี้ยงอยู่

เมื่อโตขึ้นมาอีกวัยที่เริ่มมีการเรียนที่เป็นจริงเป็นจังมากขึ้น สิ่งที่เป็นก็คือ การศึกษาที่ยังมุ่งเน้นการท่องจำและ เนื้อหาที่ให้เด็กๆฝึกฝนการมีส่วนร่วมในสังคมห้องเรียน แต่หลังจากการเรียน กิจกรรมการละเล่นของเด็กผู้ชายก็ยังคงไม่ได้รับคำตอบมากพอ การสนับสนุนกิจกกรมผู้ชายอย่างการเล่นกีฬายังคงถูกเพิกเฉยจากฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
และเมื่อเด็กกลับบ้าน พี่เลี้ยงในวัยนี้อาจไม่ต้องการแล้ว แต่สิ่งที่เข้ามาทดแทนเองก็คือ สื่อบันเทิงที่ทุกๆบ้านย่อมมีติดบ้านอยู่แล้วไม่มากก็น้อย สื่อเหล่านั้นจะเป็นพี่เลี้ยงต่อเด็กๆ

พอเป็นวัยรุ่น การเติบโตทางร่างกายเริ่มชัดเจน ร่างกายมีความเปลี่ยนแปลงทางเพศอย่างชัดเจน การศึกษาที่เข้มข้นกว่าเดิม ที่มุ่งเน้นไปสู่การปูทางต่อไปยังอนาคตของวัยรุ่น แต่สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากชีวิตวัยรุ่นเหล่านั้นคือ สื่อต่างๆที่ยังตลาดกลุ่มเป้าหมายต่อตลาดผู้หญิงเหมือนเดิม

พอหลังจากวัยนี้ก็เริ่มเป็นวัยที่ก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งพอถึงวัยนี้ การเรียนจะเข้มข้นมากขึ้นจนในบางครั้งไม่มีเวลาทำสิ่งอื่นๆ มีการเรียนพิเศษเพิ่มเติมต่อจากเวลาเรียน เพราะการเรียนช่วงนี้จะเป็นการกำหนดเส้นทางของชีวิตคนๆหนึ่ง(ตามมาตรฐานของสังคมไทยๆ) ทำให้เวลาว่างที่เหลือเพียงน้อยนิด สื่อก็จะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการเลือกของชีวิตวัยนี้ กีฬาที่จริงๆแล้วน่าจะเป็นสิ่งที่ดีไม่ว่าจะต่อสุขภาพหรือการใช้เวลาว่าง ก็ยังไม่มีสถานที่พอตอบสนอง และยากที่จะปฏิบัติจริงได้เนื่องจากเงื่อนเวลาที่ไม่พอ

ส่วนวัยรุ่นอีกกลุ่มซึ่งเป็นอีกด้านที่สุดโต่งไปในทางตรงข้ามก็จะจับกลุ่มกันสมเฬเทเมา มีทั้งจับกลุ่มไปแข่งรถ กินเหล้าเมายา ร้านอินเตอร์เน็ต ไปจนถึงติดยาเสพติด ปล้นชิงทรัพย์ เพราะว่ากลุ่มเหล่านี้ไม่ได้รับการตอบสนองต่อ
ความต้องการของเขา ในเรื่องของการแสดงออก และการผ่อนคลายต่างๆ เมื่อสื่อต่างๆไม่สามารถให้ความบันเทิงต่อพวกเขาได้ พวกเขาก็ย่อมมองหาสิ่งที่จะตอบสนองต่อความรู้สึกพวกเขาได้ และสิ่งที่สังคมมองไม่ดี นั่นคือสิ่งที่ตอบสนองพวกเขาได้

สิ่งที่ยังคงเดิมอยู่ก็ยังเป็นเรื่องของสื่อต่างๆเหมือนเดิม ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไปเช่นใด ชีวิตที่เติบโตขึ้น สภาพสังคมที่เปลี่ยนไป การใช้ชีวิตที่ต่างไป แต่สิ่งที่แวดล้อมตัวคนๆหนึ่ง คือสื่อกลับเพิ่มปริมาณการมีผลต่อชีวิตผู้คนมากขึ้น ตามลำดับ การพัฒนาทางเทคโนโลยี ทำให้สื่อเข้าถึงผู้คนมากขึ้น สิ่งที่เป็นดาบสองคม มีข้อเสีย ซึ่งขอกล่าวเพียงข้อเสีย อันเนื่องจากข้อดี คงทราบกันแล้วไม่มากก็น้อย

และพอถึงจุดนี้แล้ว เด็กผู้ชายที่โตขึ้นมาบางส่วนก็ กลายเป็นส่วนที่ด้อยคุณภาพลง ส่วนที่ยังดีก็ยังมีอยู่แต่ เราจะไม่พูดถึงตรงดีไม่ดีนั้น สิ่งที่เราจะพูดถึง การบ่มเพาะซึมซับที่เริ่มแต่เด็กอย่างที่กล่าวมา และการไม่มีสิ่งที่ตอบสนองต่อผู้ชายเท่าที่ควร ทำให้ เมื่อโตขึ้นมาถึงจุดหนึ่งๆ ผู้ชายบางส่วนที่ซึมซับสื่อทางผู้หญิงมามาก ก็จะมีพฤติกรรมเบี่ยนเบนได้

ถ้าเราลองมองอย่างเป็นธรรมจริงๆแล้ว เราจะเห็นว่าสื่อตั้งแต่เช้าจรดมืด ส่วนใหญ่เป็นสื่อของผู้หญิงจริงๆ
เริ่มต้นที่เช้าตรู่ ก็จะมีพิธีกรสาวๆออกมาประกาศข่าวเสียเป็นส่วนใหญ่ อาจจะสับสนหากว่าอย่างนี้ คือการมีพิธีกรหญิงเป็นการเน้นต่อตลาดผู้หญิงยังไง มองถึงในแง่ของเด็กผู้ชายที่ยังเด็กอยู่ มองเห็นบ่อยๆมันจะซึมซับเองได้
หลังจากเช้าตรู่แล้วก็จะมีรายการเล่าข่าว ที่ส่วนใหญ่ทำข่าวให้ฟังง่ายฟังสนุก มีเนื้อหาสาระที่ค่อนข้างเป็นกันเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการตอบสนองต่อตลาดผู้หญิงอย่างชัดเจน แล้วยังมีรายการข่าวประเภทที่เน้นข่าวผู้หญิงต่อมาอีก
พอตกสายมาก็ต่อด้วยละครตอนสายๆหรือว่าหนังบ้างแล้วแต่ช่อง พอเที่ยงการนำเสนอข่าวก็เน้นตลาดเช่นเดิม เพราะในตอนนี้ สภาพสังคมเป็นเช่นนี้
ช่วงบ่ายเกมส์โชว์ รายการเพลงต่างๆ และละครก็ตามมา ซึ่งเป็นส่วนที่มุ่งเน้นไปยังกลุ่มแม่บ้านและกลุ่มแม่ค้า
ตกเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กกลับจากเรียนแล้ว ก็จะมีละครเด็กและการ์ตูนเด็กบ้างบางส่วน แต่จริงๆแล้ว ตลาดกลุ่มเป้าหมายก็ยังมุ่งไปที่แม่บ้านพี่เลี้ยง ต่างๆอยู่ดี
หัวค่ำ ก็เริ่มมีละครออกมาตอบสนองอย่างชัดเจน และเมื่อหลังจากนั้น จะมีข่าวบ้างแล้วแต่ช่อง แต่ละครเป็นจุดเด่นของช่องหลายช่อง
ตกดึก เป็นเวลาที่เด็กควรเข้านอนแล้ว รายการเกมส์โชว์ ทอล์คโชว์และรายการเพลงก็ตามต่อมา ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นตามตลาดผู้หญิง ทอล์คโชว์ส่วนใหญ่ จะมีดารามาเล่าเรื่องชีวิตต่างๆนานา ซึ่งผู้หญิงจะมีความชอบเป็นอย่างมาก
ในรายการประเภทนี้
จบวันวันหนึ่ง สื่อทีวีมีปริมาณที่เน้นไปยังตลาดผู้หญิง อย่างเห็นได้ชัดเจน

คราวนี้มาต่อกันที่เรื่องที่ว่าการซึมซับที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างที่ยกให้เห็นว่าสื่อทีวีนั้น ชัดเจนมากๆ นี่ยังไม่รวมไปยังสื่ออื่นๆด้วยนะครับ หากรวมอีกจะยิ่งมีความชัดเจนมากกว่านี้ แล้วเด็กๆที่ผู้คนหลายๆคนกล่าวว่าเป็นผ้าขาว ผ้าขาวนั้นๆซึมซับสิ่งเหล่านี้ได้นะครับ ไม่มากก็น้อย หากไม่ใช่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมาในสังคมปัจจุบันนี้ ที่กล่าวอ้างกันว่า
การเบี่ยงเบนเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นสิทธิ์ที่เค้ามีสิทธ์ในชีวิตของเขา สิ่งต่างๆนี้จะไม่มากมายขนาดนี้ หากมีการดูแลและควบคุมอย่างถูกต้อง รวมไปถึงการให้ความรู้ที่ถูกต้อง บางทีสังคมสตรีนิยมจะไม่มากมายอย่างที่เห็น จนในบางครั้ง จะไม่มีที่ยืนให้กับบุรุษเพศแล้ว
(บทความนี้เป็นเพียงแง่คิดของบุคคลหนึ่ง แสดงออกต่อแง่มุมมองที่ต่างออกไป ไม่ได้ต้องการสร้างความแตกแยกให้ใคร และไม่ได้ดูถูกหรือเหยียดหยามผู้ใด)




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2549   
Last Update : 23 กรกฎาคม 2549 13:31:46 น.   
Counter : 532 Pageviews.  

ผลกระทบสตรีนิยม

อันเนื่องมาจากการเติบโตของสังคมสตรีที่กล่าวมา ทำให้เกิดภาวะที่สังคมเกิดความสมดุลในแง่ของสิทธิมนุษยชน
ในแง่ของความเท่าเทียมกันทางสังคมของชายและหญิง สามารถลดปัญหาความขัดแย้งและการกดขี่ข่มเหงไปได้บ้าง

แต่สิ่งที่ดี ย่อมต้องมีส่วนที่เสียตามมา เหรียญทุกชนิดมีสองด้าน วิถีของฟ้ามีสว่างย่อมมืดลงไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปอาจดูเหมือนว่าดีในหลายๆด้าน แต่ส่วนที่เสียที่มองไม่เห็นหากไม่ได้ไตร่ตรองแล้ว ก็ย่อมแฝงตัวอยู่ในความปิติยินดีของความเจริญขึ้นในความเท่าเทียมทางเพศ

ข้อดีอาจมากมายหลากหลายแล้วแต่ว่าผู้ใดจะหาผลประโยชน์จากข้อดีส่วนไหนๆ สมาคม สมาพันธ์ ชมรม กลุ่มต่างๆ ที่ต่างออกมาเรียกร้องสิทธิสตรี ต่างกล่าวอ้างซึ่งข้อดีที่มากมายของส่วนที่พวกเขาเองจะได้รับ หรือส่วนที่พวกเขาไม่อยากเสียไปก็ตามแต่จะกล่าวอ้าง

ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียกร้องอะไร ข้อเสียต่างๆ จะต้องไม่มีการเอามารวมอยู่ด้วย เพราะไม่เกิดประโยชน์ใดๆต่อผู้เรียกร้อง

ในสมัยก่อนความเหลื่อมล้ำทางเพศที่มากนั้น เป็นเรื่องของการกำหนดบทบาทต่างๆทางสังคมผ่านทางความรับผิดชอบต่างๆ เนื่องจากเพสหญิงเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า ทำให้การกำหนดบทบาทค่อนข้างจะชัดเจนไปที่การใช้แรงงานที่น้อยกว่า และเพศหญิงเป็นเพศแม่ทำให้เป็นเรื่องของการเลี้ยงดูลูกและการอุ้มท้องไปด้วย รวมไปถึงการรับใช้เพื่อบำบัดความใคร่ทางเพศของผู้ชาย ซึ่งส่วนใหญ่มีความต้องการทางเพศมาก

เมื่อยุคสมัยผ่านไป การศึกษาทำให้ผู้คนเริ่มมีความเสมอภาคทางความคิดมากขึ้น ผู้หญิงได้รับโอกาสในการทำงานมากขึ้น เพราะรูปงานที่เปลี่ยนไป และการยอมรับทางสังคมที่มากขึ้น ว่าผู้หญิงก็ทำงานได้ดีไม่แพ้ผู้ชาย
ความเจริญทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ อุตสาหกรรมเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์มากขึ้น เครื่องจักรเข้ามามีบทบาทต่อการผลิต ทำให้การใช้แรงงานหนักๆลดน้อยลงไปและตลาดแรงงงานเบาก็เริ่มเข้ามาทำให้ ผู้หญิงได้เข้ามามีส่วนในตลาดแรงงานมากขึ้น

เมื่อสภาพการกำหนดบทบาททางสังคมในด้านการทำงานเปลี่ยนไป ผลทางด้านความรับผิดชอบต่อบทบาทในด้านครอบครัวก็ย่อมเปลี่ยนไปเช่นกัน ผู้หญิงเริ่มมีบทบาทต่อครอบครัวในการช่วยกันทำมาหาเลี้ยงครอบครัวไม่ต่างกัน

และนั่นก็คือด้านดีต่างๆที่เกิดขึ้นมา ด้านที่เสียนั่นมีอยู่แต่อาจไม่เห็นผลได้ในเร็ววัน ไม่เหมือนข้อเสียที่อยู่มานานของประวัติศาสตร์เก่าๆ ข้อเสียเก่าๆเห็นได้ชัดเจนเพราะการกล่าวถึงเป็นเวลานาน แต่ข้อเสียของใหม่ยังไม่เห็นผลและมันเป็นเพียงปัจจุบัน

ดังที่กล่าวมาแล้ว นายทุนต่างๆไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตามให้ความสำคัญกับตลาดของเพศหญิงมาก เนื่องจากการจับจ่ายใช้สอยที่มากกว่าตลาดของเพศชายมาก นายทุนย่อมต้องการผลกำไรที่ให้แก้พวกเขาได้มาก ทำให้มองไปทางไหนก็เห็นแต่สิ่งที่สนองตอบต่อผู้หญิง เต็มไปหมด

แล้วผู้ชายบางส่วนก็ได้รับการตอบสนองนั้นไปด้วยในตัว พวกรักร่วมเพศต่างๆ ที่ได้รับอิทธิพลไปด้วย ทำให้ตลาดในเพศหญิงยิ่งตอกย้ำความเติบโตไปได้อีกทอดหนึ่ง เนื่องจาก การมีส่วนร่วมในตลาดเพศหญิงจาก เพศชายบางส่วน

เพศชายที่เป็นเช่นนั้น มิได้ผิดอะไร เขาเป็นเช่นนั้น ก็เป็นไปตามสิทธิ์ที่พวกเขาพึงมี พึงเป็นได้ ตามที่สังคมกำหนดและสังคมเปิดรับแล้ว

แต่การที่นายทุนพยายามที่จะนำเสนอและชูตลาดเพศหญิงให้เติบโตมากขึ้น สิ่งที่ได้รับผลกระทบไปด้วยคือ เด็กและเยาวชน ที่ในวัยนั้นๆอาจยังไม่สามารถที่จะมีภูมิคุ้มกันในความรู้ความเข้าใจต่างๆอย่างเพียงพอ และจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ อีกทั้งการซึมซับไปโดยไม่รู้ตัวได้อีกด้วย

สิ่งที่เรียกว่าพฤติกรรมเลียนแบบ ไม่ใช่ว่ามันเกิดขึ้นยากนะครับ การที่เด็กและเยาวชนได้รับการยัดเยียดจากนายทุนต่างๆมากจนเกินความพอดี สิ่งเหล่านั้นก็อาจฝังลงไปในพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนเหล่านั้นได้
รวมไปถึงการซึมซับโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

เด็ก ส่วนใหญ่มักได้รับการเลี้ยงดูจากเพศหญิง การเลี้ยงดูจากพี่เลี้ยงญาติพี่น้องปู่ย่าน้าอา ไม่เกี่ยวอยู่แล้วครับ เพราะผู้เลี้ยงดูย่อมเข้าใจธรรมชาติของเด็กนั้นๆ ว่าเด็กผู้ชายเลี้ยงอย่างไร เด็กผู้หญิงเลี้ยงอย่างไร แต่สิ่งรอบตัวเด็กต่างหากที่เป็นตัวซึมซับและขัดเกลา ออกมา
รายการทีวี ที่ตอบสนองตลาดของผู้หญิง และผู้ที่ทำการเลี้ยงเด็กก็ดูรายการเหล่านั้นตาม รวมไปถึงสื่ออื่นๆด้วย การซึมซับจะเป็นไปโดยที่เด็กไม่รู้ตัวสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้
เด็กเหล่านั้นเมื่อเติบโตขึ้นก็จะได้รับอิทธิพลจากสื่อที่ได้รับและสะสมมาเรื่อยๆ จนบางคนก็อาจเป็นโดยไม่รู้ตัว
และถ้ายังปล่อยไปแบบนี้ ถ้าเกิดว่าเด็กเหล่านั้นเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เราเห็นกันอยู่ในสังคมทุกวันนี้ว่า
สังคมรักร่วมเพศได้เติบโตขึ้นมากและขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อใดเมื่อนั้นที่สังคมถึงจะเล็งเห็นได้ เพราะมันจะไม่ใช่ปัจจุบันอีกต่อไป หากแต่มันจะเริ่มกลายเป็นประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นต่อไปเข้ามาแก้ไข
(ต่อตอนต่อไป)




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2549   
Last Update : 6 สิงหาคม 2550 18:29:18 น.   
Counter : 1153 Pageviews.  

สังคมแห่งอิสตรี

สังคมปัจจุบัน ด้วยอัตตาส่วนของผู้ชายที่เกิดน้อยกว่าผู้หญิง และ ทำให้อัตตาส่วนของประชากรผู้หญิงมากกว่าผู้ชายตามลำดับ (ข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ)

เนื่องด้วยความเป็นสังคมทุนนิยมของบ้านเมือง ทำให้นายทุนที่ค่อนข้างจะเป็นผู้ที่มีส่วนในการกำหนด ทิศทางการใช้ชีวิตในแง่ต่างๆของผู้บริโภค ประกอบกับการค้าขายที่มีการแข่งขันกันต่างๆนานา ทำให้เป้าหมายในการเจริญเติบโตทางธุรกิจต้องอาศัย พลังซื้อจากผู้บริโภค

ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมักจะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อันเนื่องจากความต้องการของผู้หญิงที่มีมากกว่าผู้ชายในแง่ของเรื่องการใช้ชีวิตต่างๆที่มีเรื่องของ แฟชั่นที่เป็นคำกล่าวอ้างของผู้คนทั้งหลาย เพื่อให้เกิดความชอบธรรมในการใช้เงินตราเพื่อสนองกิเลสตัณหา ของมนุษย์ที่เมื่อตื่นแล้วมักยากที่จะหลับไปได้
และผู้หญิงมักจะมีบทบาทในการจับจ่ายใช้สอยของผู้ชายด้วย ดูได้จากการที่ต้องมี อาชีพใหม่อย่างพริตตี้เกิดขึ้นมาเพื่อยั่วยวนให้บุรุษได้ตอบสนองกิเลสและตัณหา ทั้งๆที่ในบางครั้งสินค้าเหล่านั้นผู้ชายคนนั้นๆ มิได้ต้องการมันเลย เขาแค่ต้องการเอาใจเหล่าพริตตี้สาว เพื่อจุดประสงค์ของเธอ และอาชีพโคโยตี้ ที่เกิดมาใหม่ได้ ก็มิใช่ว่าเป็นการสนองตอบความต้องการของเหล่าชายหนุ่มที่มีความอยากที่จะสนองตัณหาต่อสายตาของพวกเขาหรือ การใช้บริการทางเพศ
ก็เป็นส่วนที่มีตัวสินค้าเองเป็นผู้หญิง และสนองต่อตัณหาของชายหนุ่มที่มีความต้องการทางเพศ ซึ่งมีผู้หญิงเป็นตัวเร่งความต้องการนั้นๆ
ผู้หญิงที่มีบทบาทในการใช้จ่ายยังคงรวมไปถึง การร่วมตัดสินใจในสถาบันครอบครัวด้วย ส่วนใหญ่ภรรยามักมีส่วนร่วมด้วยเสมอในการซื้อของ หากไม่เช่นนั้นผู้หญิงก็อาจไม่พอใจ แต่พอมุมกลับเมื่อผู้หญิงเลือกซื้อแต่ไม่ถามฝายชาย ฝ่ายชายส่วนใหญ่กลับไม่อยากที่จะโต้เถียงด้วย ไม่เป็นเช่นในอดีตอีกแล้ว ที่ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลังให้ผู้ชายกดขี่ข่มเหง อาจยังมีอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่ชอบเล่นข่าวเหล่านั้น แต่ก็เริ่มที่จะน้อยลงเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะพูดได้อย่างไร ว่าสังคมเป็นสังคมที่มีผู้ชายเป็นจุดศูนย์กลางอย่างเช่นอดีตที่เป็นมา
แต่หลายๆอย่างมันไม่ได้ชัดเจนถึงขั้นเป็นตัวบทกฎหมายออกมา ทำให้ภาพที่เกิดยังคงไม่ชัดเจน ต่อหลายๆฝ่ายที่ยังคงคิดว่าผู้หญิงยังด้อยกว่าผู้ชายในทางสังคม
จริงอยู่ที่ ผู้ชายอาจมีตำแหน่งใหญ่โต มีอำนาจ มากกว่าผู้หญิง ในขณะนี้ แต่หากว่าอัตตาการเติบโตยังคงเป็นเช่นนี้ในไม่ช้าหลายๆสิ่งอาจเปลี่ยนไปได้ การสำรวจต่างๆ อาจไม่แสดงภาพที่ชัดเจนออกมาได้ง่ายๆ เนื่องจากบางเรื่องอาจต้องใช้ความเข้าใจที่มากเกินกว่าที่การสำรวจ แค่คร่าวๆจะเข้าถึง
เช่น เรื่องของการศึกษาที่หากมองกันให้ลึกๆแล้ว สังคมปัจจุบันที่มองเห็นอยู่ ผู้หญิงเป็นประชากรในสถาบันการศึกษาที่มากขึ้น อาจเพราะ สังคมชนชั้นกลาง ที่มีโอกาสมากกว่ามีประชากรผู้หญิงที่มากกว่า และผู้หญิงในปัจจุบันนี้แสดงออกถึงการใส่ใจการศึกษาที่มากกว่า ต่างกับฝ่ายประชากรชายที่ยังคงมีเรื่องของการสรวญเสเฮอาปะปนอยู่ การยกพวกตีกัน การทะเลาะวิวาท กินเหล้าเมายา เสพยาเสพติด สิ่งเหล่านี้ กลายสภาพเป็นตัวที่บั่นทอนความสามารถของประชากรชายลง แต่ก่อนอาจไม่กระทบมาก แต่ปัจจุบัน ประชากรหญิงมีการพัฒนาที่ดีกว่า ทำให้ คุณภาพของประชากรชายด้อยค่าลง
และเมื่อวันเวลาผ่านไปผู้หญิงเหล่านั้นจะออกมาสู่ตลาดแรงงานและเป็นแรงงานทดแทนคนรุ่นก่อน แต่ กลายเป็นผู้ชายที่มาทดแทนลดหายลงไป อาจไม่ใช่ทั้งหมด แต่สิ่งเหล่านี้มันจะค่อยเป็นค่อยไป
และเมื่อ ผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้น และมีส่วนกำหนดบทบาทในสังคมมากขึ้น นายทุนต่างๆที่ต้องการขายของย่อมเลือกไปที่ตลาดผู้หญิง ทำให้ปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะมองไปในทางใดแล้ว รอบๆกายเราเป็นส่วนที่มีความเป็นหญิงเสมอๆ
ทีวีสื่อที่ใกล้ตัวประชาชนที่สุด มีรายการที่มักตอบสนองต่อผู้หญิงมากกว่าที่จะเลือกตอบสนองต่อผู้ชาย
ละครทีวีที่มีอยู่ทุกช่อง และยังมีการแข่งขันกันอย่างมาก เป็นเรื่องราวที่ตอบสนองต่อผู้หญิง
เพลงส่วนใหญ่ ก็มักจะมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเป้าหมายผู้หญิง เช่น นักร้องชายก็ต้องเป็นที่ต้องตาต้องใจต่อผู้หญิงเพื่อ ทำให้ขายสินค้าต่างๆได้ และแม้จะเป็นนักร้องหญิงเอง ก็มีการกำหนดทิศทางแฟชั่นไปกลายๆ ทำให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมเลียนแบบนักร้องหญิงคนดังกล่าว
โฆษณาต่างๆ ก็มีสินค้าของผู้หญิงซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประทินผิว เครื่องเสริมสวยต่างๆนานา ที่ออกมาตอบสนองต่อกิเลสและตัณหาของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นความอยากสวยอยากงามในรูปแบบต่างๆ อยากขาว อยากหน้าใส อยากรักแร้ขาวหอม อยากมีผู้ชายมาชอบ อยากผอม อยากมีผมยาวสวยตรง และอีกมากมายตามแต่ที่สังคมจะกำหนดทิศทางออกมา
สินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหลาย ก็เลือกที่จะตอบสนองผู้หญิงมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นมือถือ ที่มีการออกมาเป็นรุ่นแฟชั่น
ต่างๆ แล้วผู้หญิงก็มักที่ตามแฟชั่น เปลี่ยนมือถือเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ หรือแม้กระทั่งรถยนต์ที่เริ่มมีรถหลายๆรุ่นออกมาให้ผู้หญิงเลือกใช้มากขึ้น
สินค้าเพื่อแม่เพื่อลูกก็เริ่มมีออกมาสู่ตลาดมากขึ้นเป็นลำดับ อย่างล่าสุดยังมีช่องทีวี เพื่อคุณแม่แล้ว
แม้กระทั่งข่าวสารต่างๆ ยังเลือกที่จะตอบสนองต่อผู้หญิงมากขึ้น เป็นลักษณะคุยข่าวแบบต่างๆ ที่ทำให้ตัวข่าวดูอ่อนนุ่มลง และทำให้น่าติดตามขึ้นได้
หนังสือที่อยู่ตามแผง วัดสัดสวนแล้วก็พบอีกว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายไปที่ผู้หญิงมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับดาราต่างๆ หรือนิตยสารที่ส่วนใหญ่เป็นของผู้หญิง

ตามที่กล่าวมาแล้ว ผู้หญิงมีบทบาทที่มากขึ้น และสังคมก็ตอบสนองสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวมันเอง
หากไม่ใช่ ในปัจจุบันนี้ เราคงไม่มองเห็นสังคมที่ตอบสนองความต้องการของผู้หญิงมากขนาดนี้
หากไม่ใช่ “สังคมแห่งอิสตรี” แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นี้เรียกว่าอะไร
และถึงแม้จะยังไม่ชัดเจน แต่ในไม่ช้าภาพจะชัดเจนขึ้น ในไม่ช้า




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2549   
Last Update : 6 สิงหาคม 2550 18:26:05 น.   
Counter : 669 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

KongMing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เล่าจื้อกล่าวว่า"ผู้รู้เขาคือปราชญ์"
และกล่าวอีกว่า"ผู้รู้เราคือปัญญาชน"
ณ ปากทางเข้าถ้ำวิหารเทพอพอลโล่แห่งเดลฟี
มีป้ายทองคำเขียนว่า "Know thyself" แปลว่า รู้จักตนเอง
"temet nosce" ภาษาลาตินที่Oracleกล่าวให้
Neo รู้จักตนเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราอยู่ที่ คำกล่าวเหล่านี้
[Add KongMing's blog to your web]