zazny พาชิม OMU RICE ข้าวห่อไข่ต้นตำรับจากญี่ปุ่น สวัสดีค่ะทุกๆท่าน วันนี้นุ้ยมาพร้อมกับรีวิวร้านอาหารบรรยากาศสบายๆย่านเอกมัยค่ะ ก็เป็นย่านที่นุ้ยต้องไปทุกวันอ่ะนะทำงานที่นี่นินา ในโซนเอกมัยนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่ามีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะเพราะฉะนั้นบรรดาร้านรวงก็ต้องตอบโจทย์กันหน่อยด้วยการมุ่งเป้าไปที่ชาวญี่ปุ่น ดังนั้นร้านอาหารญี่ปุ่นก็ผุดขึ้นมามากมายหลากหลาย ทั้งต้นตำรับมาเอง หรือคนไทยเองนี่แหละที่มาเปิด ร้านอาหารที่นุ้ยจะแนะนำวันนี้ก็เช่นกันค่ะ ชื่อว่าร้าน OMU RICE อยู่ในซอยเอกมัย โครงการปาร์คเลน ตรงข้ามเอกมัยซอย2 การเดินทางก็สะดวกสบายนะคะ ลงรถไฟฟ้าสถานีเอกมัย เดินเข้าซอยบ้านไร่กาแฟมาประมาณ 300 เมตรก็เจอเลยค่ะ หรือจะขับรถมาก็มีที่จอดรถสะดวกสบาย ภายในโครงการก็มีร้านค้ามากมายทั้งร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า (รวมถึง Minerva Clinic ด้วยนะจ๊ะ ฮิๆ ) ร้านนี้เป็นร้านข้าวห่อไข่ สไตล์คาเฟ่ญี่ปุ่น ภายในร้านตกแต่งแบบโปร่งๆ สบายๆมีเคาน์เตอร์ให้นั่งจิบกาแฟเล่นอินเตอร์เน็ตได้ด้วย แต่ต้องพกโน๊ตบุคหรือipadไปเองนะจ๊ะ ส่วนมากลูกค้าในร้านจะเป็นชาวญี่ปุ่นค่ะ นั่งทานข้าวไปก็ฟังเสียงแม่บ้านเมาท์กันไป เพลิดเพลิน ในช่วงแนะนำนี้อาหารลด20ปุเซงด้วยนะเออ Notice :: โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื่องจากรีวิวนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์จริงและรสนิยมในการรับประทานอาหารส่วนตัว ซึ่งความชอบของแต่ละท่านก็ต่างกันไปนะจ๊ะ ดังนั้นอย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลองเองนะเออ เมนูอาหารหลักๆแล้วก็จะเป็นข้าวห่อไข่ตามชื่อร้านนะคะ (OMURICE สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากคำว่า omelette+rice เอ๊ะ หรือยังไง) มีทั้งข้าวห่อไข่ต้นตำรับ คือแบบใส่ซอสมะเขือเทศธรรมดา แต่สามารถเลือกทอปปิ้งได้หลากหลาย นอกจากนี้ก็ยังมีซอสเดมิกลาส ซอสขาว ซอสแกงกะหรี่ และซอสฮายาชิให้เลือกกันตามถนัด ที่นุ้ยสั่งวันนี้คือข้าวห่อไข่ราดซอสแกงกะหรี่หมูสับอบชีส หน้าตาแบบนี้ เหมือนพูทุเรียนเลยเนอะ 555 เวลาทานนุ้ยก็จะใช้ช้อนผ่าให้ข้าวแผ่ออกมาหน่อยจะได้ทานกับซอสง่ายๆ ไข่นุ่มๆสุกกำลังดี ข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆกับซอสแกงกะหรี่รสอ่อนๆ ทานแล้วสบายท้องดีค่ะ ไม่หนักเกินไป แต่รสอ่อนจริงๆนะคะ เข้าใจว่าเป็นเพราะทานกับข้าวห่อไข่จะให้น้ำแกงข้นหนืดเหมือน curry rice ก็คงเลี่ยนเกินไป ปริมาณเยอะพอดู สาวๆอาจจะทานไม่หมด แอบติงนิดนึงว่าใส่ชีสน้อยไปนิดนึง ตอนที่ทานอยู่นั้นลืมไปเลยว่าอบชีสมาด้วย 555+ ถ้าอบให้ชีสเกรียมๆเยิ้มๆพอมีกลิ่นหน่อยคงจะเรียกน้ำย่อยได้มากกว่านี้ สำหรับเมนูนี้ ให้ 8/10 ค่ะ เมนูต่อมาเป็นซุปผักสไตล์อิตาเลี่ยนค่ะ ชื่อว่า Minestrone Soup ลักษณะจะเปนซุปมะเขือเทศใส่ผักและเบคอนนะคะ ซุปใสๆรสอ่อนๆ ใครไม่เคยทานลองจนตนาการถึงแกงส้มแต่ไม่ใส่พริกดูนะคะ รสจะประมาณนั้นแหละ ส่วนตัวนุ้ยชอบมินิสโตรเน่แบบเข้มข้นมากกว่า ถ้วยนี้กลิ่นมะเขือเทศอ่อนไปนิดเหมาะกับใครที่อยากจะพักท้องทานอะไรที่ย่อยง่ายๆ เมนูนี้รับไป 7/10 ค่ะ เมนูสุดท้ายที่นุ้ยได้ลองมาก็คือสปาเก็ตตีคาโบนารา หลายๆท่านคงทราบว่านุ้ยชอบคาโบมากกกก เคยทำสถิติหม่ำคาโบที่วานิลา แบรสเซอรี่ทุกวันติดกัน 1 เดือนมาแล้ว โฮกกกกกกก ดังนั้นร้านไหนที่มีเมนูนี้ นุ้ยก็ไม่พลาดที่จะลองชิมเป็นแน่แท้ มาดูหน้าตากันดีกว่า ตามปกติแล้วซอสคาโบนาร่านั้นจะประกอบไปด้วยครีม ไข่ นม (อ้วนๆทั้งนั้น) แต่ที่นี่แปลกกว่าที่อื่นตรงที่เค้าจะใส่ไข่ลวกโปะแยกมาต่างหาก เวลาทานก็เจาะไข่แดงคลุกเคล้าให้ทั่ว ลองจินตนาการถึงเส้นกรุบๆที่ลวกแบบอัลเดนเต้พอดีๆ กับซอสรสนุ่มๆได้รสเข้มข้นของไข่ลวกแต่ไม่เลี่ยนจนเกินไปเพราะครีมกับไข่ไม่ได้ผสมกันมาแต่แรกดังนั้นเวลาเย็นตัวลงจึงไม่มีน้ำมันลอยขึ้นมาเหมือนของร้านวานิลา (ซึ่งเป็นข้อเสียอย่างเดียวของคาโบร้านวานิลาที่พอเสริ์ฟแล้วต้องกินอย่างเร็วไม่งั้นน้ำมันแยกตัวกันแล้วชวนแหวะสุดๆ) โรยพริกไทยดำเพิ่มเสียหน่อยแต่รสเค็มพอดีไม่ต้องเติมเกลือแต่อย่างใด โอ๊ย อร่อย ชอบมาก จานนี้รับไปเต็มๆ 10/10 นอกจากนี้ยังมีของหวานให้เลือกรับประทานด้วยนะจ๊ะ เมนูแนะนำก็จะเป็นโรลเค้ก ที่ทำโดย patissiere ชาวญี่ปุ่น นุ้ยไม่ได้สั่งมาชิมเพราะอิ่มมากแล้ว แต่คาดว่าคราวหน้าต้องสั่งมาลองให้จงได้ และยังมี strawberry tuxido สตรอเบอรี่ใส่ทักซิโดหน้าตาน่าร๊ากกก เหมาะจะเป็นของขวัญวาเลนไทน์มากๆ สรุปว่าร้านนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับใครที่อยากหาร้านนั่งสบายๆจิบกาแฟละเลียดเค้ก หรือทานอาหารมื้อเบาๆในบรรยากาศอบอุ่น ใครผ่านมาทางนี้ก็อย่าลืมแวะมาชิมดูนะจ๊ะ วันนี้นุ้ยลาไปก่อนละนะ บ๊ายบาย Free TextEditor   Create Date : 14 มกราคม 2554     Last Update : 14 มกราคม 2554 18:25:15 น. Counter : 1014 Pageviews.   14 comment Share Tweet

Aji Dou Raku สุกี้คอลลาเจนเอร่อยๆพื่อผิวจ๋วย สวัสดีค่ะทุกๆคน เป็นอย่างไรกันบ้างกับสัปดาห์หลังเหตุการณ์วุ่นวาย หลายๆท่านก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางดี นุ้ยก็ขอเป็นกำลังใจนะคะ  วันนี้นุ้ยจะมารีวิวร้านอาหารญี่ปุ่นที่เพิ่งไปโดนมาล่าสุดค่ะ จริงๆแล้วนุ้ยมีคิวรีวิวเยอะมากทั้งร้านอาหารและคสอ.แต่ที่จะต้องลัดคิวมาเล่าให้ฟังกันก่อนเลยก็คือร้านอจิโดราคุแห่งนี้นี่แหละค่ะ ร้านนี้ตั้งอยู่ที่บิ๊กซี เอกมัย โซน INDEX ชั้นสามนะคะ เจ้าของร้านเป็นชาวญี่ปุ่นแท้ๆเลย มีคนนึงเหมือนยากุซ่าเลยอ่ะ นุ้ยไม่ได้ถ่ายบรรยากาศร้านมานะคะ เพราะหิวจัด ไม่ไหวจะเก็บรายละเอียด ร้านโอ่โถงค่ะ มีหลายโซน ทั้งโซนโต๊ะญี่ปุ่น โซนโต๊ะนั่งธรรมดา โซนเคาน์เตอร์ซูชิบาร์ พนักงานก็กระตือรือล้นตามสไตล์ร้านอาหารญี่ปุ่น จานเด่นของที่นี่ก็เห็นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก สุกี้น้ำซุปคอลลาเจน ที่เค้าว่าบำรุงผิวดีนักแล มีหลากหลายรสชาดให้เลือก อาทิ ซุปคอลลาเจนล้วน / ซุปเกลือ / ซุปมิโสะ / ซุปมะเขือเทศ ฯลฯ ที่นุ้ยสั่งมาคือซุปเกลือคอลลาเจน หมูกับไก่ ค่ะ คอลลาเจนในที่นี้นุ้ยก็ไม่แน่ใจนะคะว่าเค้าใช้คอลลาเจนจากที่ไหน เหมือนว่าเค้าจะเคี่ยวน้ำซุปไว้แล้วก็ผสมคอลลาเจนลงไป นั่นทำให้น้ำซุปกลายเป็นเยลลี่ค่ะ เค้าก็จะตักเยลลี่น้ำซุปใส่หม้อมาให้ แล้วก็ตั้งบนเตาไฟฟ้าที่ฝังไว้กับโต๊ะเลย สะดวกดีค่ะ ไม่เหมือนจิ้มจุ่มบ้านเราที่วางบนเตาอั้งโล่จะกินทีต้องชะเง้องมของในหม้อ มีออเดิร์ฟให้ทานเล่นด้วยเป็นซุชิแซนด์วิชไส้ปลาแซลมอนย่าง ในรูปข้างล่างคือเยลลี่เริ่มละลายแล้ว กลิ่นหอมมมมม ชวนหิวมากๆ  จากนั้นเครื่องก็ตามมาติดๆ มีหมูสามชั้นสไลด์บางเฉียบ กับสันนอกหมูสไลด์ พร้อมกับปีกไก่ 2 ปีก ซี่โครงหมูชิ้นหนา 2 ชิ้น ลูกชิ้นไก่ 2 ลูก และเนื้อไก่สไลด์อีกกระจุกเล็กๆ พร้อมผักสด เห็ดและเต้าหู้ ไซส์กำลังดีสำหรับทานสองคน มีงาคั่วให้ด้วย เซ็ทนี้ราคา 299 บาทค่ะ ราคารับได้ แต่ที่ตกใจคือสั่งไปแล้วซักพัก นุ้ยก็เอาเมนูมาอ่านเล่น ถึงเพิ่งเห็นโปรโมชั่นว่าภายในเดือนนี้สั่งเซ็ทหมูกับไก่ ลดเหลือเซ็ทละ 199 บาท กรี๊ดดด ถูกมวากกก อ้อ เกือบลืม นุ้ยถามหาน้ำจิ้มกับทางร้านด้วยล่ะ ก็นั่งตั้งนานจนน้ำเดือดยังไม่เห็นน้ำจิ้มเลย นอกจากถ้วยน้ำพริกสองหลุม ทางร้านก็บอกว่าไม่มีน้ำจิ้มค่ะ เพราะน้ำซุปเราอร่อยอยู่แล้ว อาาาา นุ้ยก็คิดในใจ จะขนาดนั้นเลยเรอะ ว่าแล้วก็ลองชิมน้ำพริกที่เค้าเสริฟมา เจ้าพริกเขียวๆนี่มันน้ำพริกหนุ่มชัดๆเลยอ่ะ ส่วนสีแดงๆก็คล้ายๆน้ำพริกเผาแต่ไม่หวาน นุ้ยเลยส่งถ้วยพริกให้ลุงไปเพราะลุงเลิฟน้ำพริกหนุ่มสุดๆ พอได้ชิมน้ำซุปก็เข้าใจเลยว่าทำไมไม่มีน้ำจิ้ม เพราะน้ำซุปชิโอะ (ซุปเกลือ) รสเข้มข้นมาก กลิ่นหอม เค็มติดลิ้นนิดๆ คือเป็นรสที่อธิบายยาก พอเอาหมูไปจุ่มๆในน้ำซุปแล้วเอาเข้าปากก็เหมือนกับว่าหมูซึมซับเอารสน้ำซุปเข้าไปเต็มที่ทำให้หมูมีรสอร่อย อูมามิ ฮ่าๆๆๆ พอต้มไปนานๆเข้ามันก็จะยิ่งเค็มขึ้นๆๆ แต่พนง.ก็จะคอยนำซุปใสมาเติมให้ทำให้รสยังดีอยู่ตลอด นอกจากนั้นนุ้ยยังสั่งอาหารมาอีกนิดหน่อยพอกรุบกริบ ก็จะมีซาชิมิรวม ประกอบด้วยแซลมอน หอยเชลล์ ปลาฮามาจิ ปลาหมึก ซาบะ ความสดถือว่าผ่านเลยค่ะ แต่อยากให้เสริ์ฟบนน้ำแข็งหน่อย เพราะนุ้ยชอบทานปลาดิบเย็นๆ ลุงรีเควสท้องปลาแซลมอนย่าง อ่ะ ก็จัดให้ นุ้ยไม่ได้ชิมหรอกนะคะเพราะท้องปลาออกจะมันเกินไปหน่อย แต่ลุงบอกว่าอร่อย ของนุ้ยก็เป็นกราแตงกุ้ง เสริ์ฟมาในถ้วยกำลังดีไม่ใหญ่ไป ทานคนเดียวหรือสองคนกำลังน่ารักเชียว จานนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบอะไรที่เป็นชีสแล้วก็ครีมมี่ๆนะคะ เป็นกุ้งในซุปข้าวโพดกับเห็ดและหอมใหญ่อบชีสเยิ้มๆ อร่อยขาดใจ กุ้งสดหวาน จานต่อไปนี้ภูมิใจนำเหนอสุดๆเลยค่ะ คือนุ้ยเปิดดูเมนูไปเรื่อยๆก็เจอหน้านึง เป็นจานเปล่าๆแล้วก็เขียนกำกับว่า อาหารที่จะแนะนำคือ? มีสองราคาคือ 100, 150 บาท นุ้ยก็ถามพนง.ว่ามันคืออิหยัง เค้าก็ตอบว่า แล้วแต่เชฟจะทำให้ค่ะต้องรอลุ้น โอ้ น่าสนใจๆ ก็เลยปรึกษากับลุง แล้วตัดสินใจว่าจะรับจาน 100 บาท ดูก่อน ทางร้านก็จะเสริ์ฟจานนี้เป็นจานสุดท้าย เอาล่ะมาดูกันว่าเชฟปรุงอะไรมาให้เราทานกัน แต่น แต๊นนนน ซี่โครงหมูราดซอสค่ะ นุ้ยก็ไม่ทราบว่าซอสอะไร เพราะเจ้าของร้านเค้าพูดภาษาไทยไม่ค่อยจะคล่องเลยฟังไม่ถนัด แต่รสชาดสุดยอดค่ะ ซี่โครงนุ่มๆกับซอสคล้ายๆสามรสแต่ไม่เผ็ดนะคะ เปรี้ยวอมหวาน บีบเลมอนลงไปหน่อย อร่อยโฮกกก 100 บาทจัดว่าประทับใจค่ะ ตื่นเต้นนิดๆด้วยสนุกดี อิอิ มื้อนี้โดนไป 900 นิดๆค่ะ ถือว่าสมเหตุสมผลนะคะ กับอาหารและบริการที่ได้รับ สำหรับร้านนี้ก็รับไปเลย 9 / 10 ค่า เฮ พบกันใหม่กับรีวิวต่อไปนะคะ ยังไม่รู้เลยว่าจะรีวิวอันไหนก่อนดี เยอะสุดๆ แต่มีอัพเดทกันแน่นอนค่า บายจ้า Free TextEditor   Create Date : 26 พฤษภาคม 2553     Last Update : 26 พฤษภาคม 2553 15:31:36 น. Counter : 896 Pageviews.   3 comment Share Tweet

The making of Pudding (caramel custard) สวัสดีค่ะทุกๆคน เล่นสงกรานต์กันสนุกมั้ยคะ นุ้ยไม่ได้เล่นสงกรานต์มาหลายปีแล้วอ่ะ ส่วนใหญ่พอสงกรานต์ก็จะไปเดินห้างดูหนัง    เพราะคนว่างดี แต่ปีนี้ยังไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ นอนๆนั่งๆอยู่บ้านตลอดๆ ก็เลยมีเวลาว่างจัดลุกขึ้นมาทำพุดดิ้ง                    บางท่านก็เรียกคาราเมลคัสตาร์ด นุ้ยก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจริงๆแล้วสองคำนี้หมายความถึงขนมชนิดเดียวกันหรือเปล่า                  สูตรนี้นุ้ยทำมาตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะจำไม่ได้เหมือนกันว่าไปได้สูตรมาจากที่ไหน น่าจะเป็นรายการทีวีที่ไหนซักรายการนี่แหละค่ะ             แล้วก็ลองทำเอง ตอนนั้นซักประมาณประถมปลายได้มั้ง ทำใส่ถ้วยน้ำแกงออกมาเป็นพุดดิ้งยักษ์เลย 555                                รู้สึกมีความสุขมากที่ทำขนมทานเองได้ วันนี้ก็นึกอยากทานขึ้นมาเลยจัดการไปวิลล่ามาร์เก็ตหาซื้อส่วนผสม คุณนายปุยกับลุงก็อยากทานด้วย ลุงนี่ชอบทานพุดดิ้งมากโดยเฉพาะของยี่ห้อยูโร(ใช่รึเปล่าหนอ)ที่มีขายเป็นแพคสามถ้วยในแฟมมิลี่มาร์ทกับตามซุปเปอร์มาเก็ตอ่ะ นุ้ยก็ชอบนะแต่เนื้อแข็งไปหน่อย                ทีนี้ลองมาดูส่วนผสมกันดีกว่า มันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยนะคะ คิดว่าหลายๆท่านคงทำกันเป็นเนอะ สูตรนี้ทำได้ประมาณ 10 ถ้วยเล็กนะคะ ถ้าอยากได้ถ้วยใหญ่หน่อยก็ทำได้ประมาณ 5 - 6 ถ้วยค่ะ นุ้ยทำถ้วยเล็กเพราะเวลาทานจะได้รู้สึกว่าไม่เยอะไปอร่อยกำลังดี ส่วนผสมตัวพุดดิ้ง นมสด                         2 cup ไข่ไก่                           2 ฟอง ไข่ไก่(เฉพาะไข่แดง)แดง      2 ฟอง น้ำตาลทรายขาว                2 / 3 cup กลิ่นวนิลา                       เล็กน้อย ส่วนผสมคาราเมลซอส น้ำตาลทรายขาว                3 / 4 cup น้ำสะอาด                       3 / 4 cup วิธีทำ ทำคาราเมลซอสโดยนำน้ำตาลทรายและน้ำสะอาดตั้งไฟแรง ทิ้งเอาไว้จนนำตาลเริ่มเปลี่ยนสี ขั้นตอนนี้ต้องใจเย็นๆนิดนึงนะคะ ห้ามไปคนเด็ดขาดปล่อยให้เค้าละลายเองเงียบๆ อย่าลืมคอยเอียงกะทะให้น้ำตาลโดนไฟสม่ำเสมอกัน ย้ำอีกครั้งว่าห้ามคน เพราะถ้าคนไปแล้วน้ำตาลจะตกผลึกกลายเป็นตังเมทอฟฟี่ไปเน่อ เดี๋ยวผิดคอนเซปต์ ช่วงที่ยังไม่ละลายจะใช้เวลาค่อนข้างนานค่ะ ต้องทำจิตใจให้เข้มแข็งไว้อย่าเผลอคนเด็ดขาด แต่พอน้ำตาลเริ่มเปลี่ยนสีเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วมาก ให้รีบปิดไฟแล้วตักใส่แม่พิมพ์อย่างรวดเร็ว แม่พิมพ์จะใช้ถ้วยแก้ว ถ้วยกระเบื้องหรือถ้วยฟอยล์ก็ได้ค่ะ คราวนี้นุ้ยใช้ถ้วยฟอยล์เพราะขี้เกียจล้าง เอิ๊กๆ  ในกรณีที่ยังตักใส่พิมพ์ไม่ครบแล้วคาราเมลแข็งไปซะก่อน อย่าได้ตกใจไปให้รวบรวมสติแล้วน้ำกะทะไปตั้งไฟอ่อนอีกแปปนึง หยอดน้ำสะอาดลงไปหน่อยพอให้น้ำตาลละลายก็นำมาหยอดใส่พิมพ์ได้แล้วจ้า นำนมสดตั้งไฟอ่อนพอให้นมร้อน อย่าปล่อยให้เดือดนะคะ สังเกตุดูว่าพอเริ่มมีฟองนิดๆหรือมีควันก็ให้ปิดไฟได้เลย ระหว่างทีรอนมร้อนก็ตอกไข่ใส่ชามผสมไข่ไก่ทั้งฟอง 2 ฟอง และเฉพาะไข่แดงอีก 2 ฟอง ใส่น้ำตาลจากนั้นใช้ตะกร้อคนให้เข้ากันพอน้ำตาลละลายนะคะไม่ต้องถึงกับขึ้นฟู เดี๋ยวจะกลายเป็นชิฟฟ่อนไป เมื่อไข่กับน้ำตาลเข้ากันดีแล้วก็เทใส่นมที่เราต้มไว้เมื่อกี๊ ค่อยๆรินไข่ลงไปอีกมือก็คนๆๆๆๆให้เข้ากัน เวลารินไข่อย่าเทพรวดลงไปนะคะเดี๋ยวไข่จะสุกแข็งกลายเป็นซุปครีมไข่                                                                                               เทไข่ใส่นมหมดแล้วเราก็นำส่วนผสมที่ได้มากรองเอาเศษไข่ที่สุกและฟองออก ใช้กระชอนตาถี่ๆกรองหรือผ้าขาวบางก็ได้ค่ะ นำส่วนผสมที่กรองแล้วมาตักใส่แม่พิมพ์ กะให้เยอะกว่าที่ต้องการนิดนึงนะคะเพราะพอตัวพุดดิ้งสุกแล้วจะหดลงมาอีกค่ะ              เวลาทำพุดดิ้งส่วนใหญ่นุ้ยจะใช้นึ่งเอาค่ะ เพราะเวลานึ่งนุ้ยรู้สึกว่ามันเนียนกว่าอบอ่ะ สงสัยนุ้ยกะไฟในเตาอบไม่เก่ง นุ้ยจะไม่อธิบายเกี่ยวกับวิธีอบในเตานะคะเพราะคราวนี้นุ้ยใช้วิธีนึ่ง นำพิมพ์ขนมใส่ซึ้งตั้งไฟอ่อนๆทิ้งไว้ประมาณ 50 นาทีนะคะ แต่ถ้าทำถ้วยใหญ่ชิ้นหนาก็อาจเพิ่มเป็น 1 ชั่วโมงค่ะ อย่าใช้ไฟแรงนะคะเดี๋ยวพุดดิ้งเป็นรูพรุนๆไม่สวยค่ะ วิธีทดสองว่าขนมสุกหรือยังก็ให้ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มดูค่ะถ้าไม่มีอะไรติดไม้ขึ้นมาก็สุกได้ที่ ยกขึ้นได้เลยค่ะ ทิ้งไว้ให้เย็นใช้พลาสติกแรปห่อแล้วก็แช่เย็นได้เลยจ้า พอเย็นได้ที่แล้วก็นำพิมพ์ไปแช่น้ำอุ่น เคาะออกมาใส่จานเสริ์ฟ คราวนี้แอบเศร้าเล็กๆเพราะใช้ถ้วยฟอนล์ขอบมันไม่เรียบเลยทำให้ผิวขนมตรงขอบๆไม่สวยเลยอ่ะ แต่เนื้อยังเนียนกริบเหมือนเดิม โฮะๆๆๆ อร่อยๆๆ นุ้ยทานกับไอศครีมชอคโกแลตชิพด้วยล่ะ         ง่ายใช่ม้า แถมอร่อยอีกต่างหาก สูตรนี้หวานกำลังดีนะคะถ้าใครชอบรสอ่อนกว่านี้ก็ลดน้ำตาลได้นะจ๊ะ Free TextEditor   Create Date : 15 เมษายน 2553     Last Update : 15 เมษายน 2553 16:23:59 น. Counter : 594 Pageviews.   3 comment Share Tweet

หม่ำแกงกะหรี่ @ Kome Curry House สวัสดีจ้า ทานข้าวกลางวันกันหรือยังคะ ถ้าใครยังไม่ได้ทานละก็วันนี้นุ้ยมีร้านข้าวราดแกง(กะหรี่)มาฝากค่า นุ้ยเป็นคนชอบทานข้าวแกงกะหรี่(แบบญี่ปุ่น)มากๆค่ะ คือจะว่าไปนุ้ยเป็นคนชอบทานอะไรเละๆอ่ะ 555 ใครจะอี๋ ยี้ แหวะ เราไม่แคร์ เราอร่อย โดยเฉพาะลุงนะแค่ผ่านร้านยังทนไม่ได้เลย เคยพาไปโคโค่อิจิบังยะ ลุงแทบเป็นลม 555 ทำให้นุ้ยไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปทานร้านที่ขายเฉพาะแกงกะหรี่เท่าไหร่ เสียใจนิดหน่อย จนกระทั่งเมื่อวานนี้นุ้ยไปทานข้าวกับเดอะแกงค์ ที่นวมินทร์ อเวนิว (ไปบ่อยมวากก ก็มันใกล้บ้านสุดๆ) ซึ่งคุณนายปุยสาวอินเดียก็ชื่นชอบแกงกะหรี่ไม่แพ้กัน เลยพากันไปหม่ำกันสองคน ปล่อยลุงกะหลานดูแลตัวเองกันที่ร้านข้าวมันไก่สิงคโปร์ (orchard) ร้านนี้ชื่อ Kome Curry House ค่ะ อยู่ชั้นสองฝั่งตรงข้ามฟูจิติดกับร้านข้าวมันไก่ฯ บรรยากาศหน้าร้านค่ะ นุ้ยไปช่วงหกโมงกว่าๆก็เริ่มมืดแล้วล่ะ ร้านจะตกแต่งสไตล์คันทรี่แบบน่ารักๆ เหมือนนั่งอยู่ในบ้าน กุ๊บกิ๊บๆ แต่รูปแต่งผนังมันแอบขัดกับdecorationนิดนึงนะ นุ้ยนั่งด้านในสุดที่สามารถมองเห็นวิวด้านหลังอเวนิวได้ (ถนนกับลานจอดรถ) มีช่องให้แอบส่องพ่อครัวด้วย อิอิ ครัวเค้าก็เล็กๆน่ารักๆ สั่งอาหารเสร็จพนักงานก็มาปูกระดาษพร้อมอาวุธ แล้วก็เสริฟเครื่องเคียงที่แช่เย็นมาอย่างดี เค้ามีใบโหระพาด้วยล่ะ เพิ่งเคยเจอร้านแกงกะหรี่ที่เสริฟเครื่องเคียงเป็นใบโหระพา ซักพักพนักงานก็นำเครื่องดื่มมาเสริฟ นุ้ยสั่ง Ume Tea หรือว่าชาบ๊วยนั่นเองเป็นแบบรีฟิลด้วย สำหรับรสชาดนั้น ไม่อยากจะบอกว่า ไม่ผ่านอย่างแรง คำแรกที่จิบยังไม่รู้สึกอะไรเพราะมันร้อนมาก เหมือนดื่มน้ำเดือดธรรมดา ทีนี้นุ้ยก็เลยเปิดฝากาเอาช้อนไปคนๆเม็ดบ๊วยกะว่าให้รสมันออกมา มองลงไปในกาเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีแค่บ๊วยนะ มีใบชานิดหน่อย (นิดหน่อยจริงๆ) แล้วก็มีอะไรซักอย่างเป็นสีแดงสีชมพูชิ้นเล็กๆ ทีนี้พอจิบอีกที โอ้มายกอด เกือบอ้วกอ่ะ มันคาวๆแล้วก็รสแปลกๆ อธิบายไม่ถูก มันเป็นรสแบบเฉพาะตัวมากจนบรรยายออกมาไม่ได้เลย ก็เลยจบแค่นั้นกับชาบ๊วยกาละ 60 บาท คุณหลอกดาว ตอนเสริฟชาพนักงานเค้านำคุ๊กกี้มาให้ด้วย 2 ห่อเป็นขนมแกล้มน้ำชา ก็ลองแกะชิมดูเผื่อว่าเวิคจะได้ซื้อมาเก็บไว้ทานที่บ้าน เพราะเค้ามีเบเกอรี่ขายด้วยนะเออ มาว่ากันด้วยเรื่องรสชาด ที่แอบคาดหวังเล็กๆ เนื้อคุกกี้ค่อนข้างร่วน พอกัดเข้าไปคำแรกรู้สึกได้ถึงกลิ่นนมเนยที่แรงมากๆ พอเคี้ยวเท่านั้นแหละ กรี๊ดดด คุณหลอกดาวอีกแล้ว พอจะนึกออกมั้ยอารมณ์ที่จะกลืนก็กลืนไม่ลง ไอ้จะคายออกมาก็ทำไม่ได้  ทีนี้พอยิ่งนานน้ำตาก็ทำท่าจะคลอเบ้า จะดื่มชาไล่ลงคอไป ชาก็ห่วยแตก สุดท้ายเลยผนึกกำลังลมปราณดันของลงคอไป                 อาจจะฟังดูเวอร์ แต่ขอเรียนตามตรงว่า คุกกี้แบบนี้รับประทานไม่ลงจริงๆค่ะ มันคาวมากถึงขั้นสุด คิดว่าไม่น่าจะเป็นเพราะเก็บไว้นานจนหืนนะ แต่เหมือนมันคาวด้วยส่วนผลมอะไรซักอย่าง คุณนายปุยที่ติดกับชิมเข้าไปเหมือนกันก็ถึงกับดื่มน้ำตามมากๆเช่นกัน ใครเคยไปทานคุกกี้ร้านนี้มาแชร์กันหน่อยนะคะว่าเป็นเหมือนกันหรือเปล่า หรือว่าบังเอิญนุ้ยเจอแจคพอตก็ไม่รุ มาว่ากันด้วยเรื่องจานหลักกันเถอะ ที่นุ้ยสั่งไปเป็นแกงกะหรี่เนื้อสะโพกไก่ย่าง หน้าตาเป็นแบบนี้ พอได้ชิมแล้วก็แอบนึกว่า ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นร้านเดียวกับที่เสริฟชากับคุกกี้ปราบมารเมื่อกี๊ เนื้อไก่ส่วนสะโพกหั่นเป็นชิ้นพอคำ ย่างจนเกรียมนิดๆพอมีกลิ่นหอม เนื้ไก่นุ่มสมกับที่เป็นส่วนสะโพก น้ำแกงกะหรี่ข้นกำลังดี รสชาดอ่อนๆ ไม่เผ็ดเลยสำรับใครที่ชอบเผ็ดค้าก็มี       เสริฟพริกขี้หนูซอยให้นะ แต่นุ้ยเป็นคนไม่ทานเผ็ดอยู่แล้วก็เลยพอใจกับรสชาดนี้มากๆ ข้าวสวยญี่ปุ่นนุ่มอร่อย จานนี้ผ่าน! คุณนายปุยสั่งข้าวแกงกะหรี่หมูสันในสไลด์เพิ่มทอปปิ้งเป็นไข่ข้นครีมสด(35 บาท) หน้าตาดีมากกก ไข่ข้นอร่อยมากทานกับข้าวแล้วเข้ากั๊นเข้ากัน อร่อยลงตัวไปหมดเลยอ่ะ หมูสันในไม่ติดมันทานแล้วไม่เลี่ยน แครอทกับมันฝรั่งเคี่ยวกำลังดีไม่เละหรือแข็งไป ผักที่นี่ปลอดสารพิษด้วยนะเออ หวานกรอบอร่อย จานนี้ยกให้เป็น my favorite เลย นุ้ยสั่งซุปไก่มะนาวสดมาซดแก้เลี่ยนด้วย หน้าตาเหมือนซุปมักโรนี้ที่เคยทำกินเองที่บ้าน คล้ายกับว่าเค้าจะปลอบใจที่เมื่อกี๊ทำร้ายกันด้วยชาและขนม ซุปถ้วยนี้เลยอร่อยจนแทบยกซด รสชาดเหมือนผ่านการตุ๋นมาทั้งวัน ไม่ได้เป็น แค่น้ำต้มคนอร์เหมือนกับบางร้าน หวานผักหวานน้ำต้มกระดูกเข้มข้น บีบมะนาวตัดนิดนึงได้รสกลมกล่อมอูมามิ                               ไก่ส่วนปีกบนเปื่อยนิ่มแทบไม่ต้องเคี้ยว โอย อร่อย ถ้วยนี้ 85 บาทถือว่าสูงไปหน่อยเมื่อเทียบกับปริมาณ เบ็ดเสร็จมื้อนี้ปิดการขายที่ราคา 525 บาท อิ่มอร่อย ถ้าลืมๆเรื่องน้ำชากับคุกกี้ไปอ่ะนะ สรุปว่า : ใครชอบทานแกงกะหรี่ต้องมาลอง และใครอยากลองของก็สั่งชาบ๊วยแล้วก็แกะคุกกี้ทานดูได้ไม่ว่ากัน               สำหรับนุ้ยแล้วเจอกันอีกแน่นอน แต่คราวหน้าขอโค้กละกันนะคะ บรรยากาศร้าน    :  ความสะอาด      :  รสชาด(อาหาร)   : พนักงาน          : ราคา              : Free TextEditor Free TextEditor   Create Date : 12 เมษายน 2553     Last Update : 12 เมษายน 2553 14:20:51 น. Counter : 697 Pageviews.   6 comment Share Tweet

• KiRaRi
• CinnamonGal
• หนีแม่มาอาร์ซีเอ
• jippika
• feonalita
• isabella
• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com