+++ กากีสีทอง +++ [ตัวอย่างเนื้อเรื่อง + ภาพปก + วางจำหน่ายแล้วจ้า]



เปิดตัววันแรก..
วรรณกรรมขายดีอันดับที่ 32
TOP 100 รายวัน SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ
ประวันที่ 26 มกราคม 2553


กากีสีทอง
หากชีวิตแต่งงานไม่สมหวัง
จะเลือกก้มหน้ารับชะตา หรือดิ้นรนให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ
หนึ่งล้านบาทกับหนึ่งอาทิตย์ที่อยู่ร่วมกัน
แลกตัณหา! ราคะ! หรือรักที่แท้จริง


ตีพิมพ์สำนักพิมพ์อักษรศาสตร์
แล้วพบกันที่ซีเอ็ดทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปนะคะ



กากีสีทอง
ประพันธ์โดย...ทิตภากร
 
“หย่า?”
“ค่ะหย่า”
“ยัยดาวแกจะบ้าไปแล้วเหรอ หรือว่าแกอยากจะให้ฉันตายวันตายพรุ่งไปเสียเร็วๆ ถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมามีอย่างที่ไหน...แต่งงานยังไม่ถึงอาทิตย์แกก็จะหย่า ทำแบบนี้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มิต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินเลยหรือไง” คุณสมรหญิงรูปร่างท้วมสมฐานะผู้มีอันจะกิน เอ็ดตะโรใส่ผู้เป็นบุตรสาว
“โธ่! คุณแม่ขา ก็ใครจะอยากใช้ชีวิตจมปลักอยู่ในขุมนรกกับผู้ชายเฮงซวยแบบนั้นล่ะคะ”
“นี่แกชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ทำไมถึงได้ไปว่าอติเทพเขาแบบนั้น เขาไม่ดีตรงไหน หน้าที่การงานเขาก็ออกจะใหญ่โตมีแต่คนนับหน้าถือตา เงินทองเขาก็มีมากมายเอาไว้ให้แกล้างผลาญ แกควรจะรู้ตัวไว้ด้วยนะ ว่าแกน่ะโชคดีขนาดไหนแล้วที่ได้แต่งงานกับเขา”
“โชคดีบนความโชคร้ายล่ะสิไม่ว่า คุณแม่ขาคงไม่มีใครทนได้หรอกค่ะ ถ้าต้องตกอยู่ในชะตากรรมแบบเดียวกับที่ดาวกำลังเผชิญอยู่” ดารารายเอ่ยกับผู้เป็นมารดา
“แก กำลังหมายถึงอะไร? อติเทพเขาตบตีหรือว่าชอบความรุนแรงอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างที่คุณแม่คิดหรอกค่ะ แต่มันยิ่งกว่านั้นเสียอีก เพราะเขาเข้าข่ายโรคจิตชัดๆ”
“นี่เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ ไหนลองเล่าให้มันละเอียดกว่านี้หน่อยซิ ฉันยิ่งฟังก็ยิ่งงง”
“ไว้คุณแม่รอถามคนดีของคุณแม่เองก็แล้วกันนะคะ เพราะวันนี้ดาวแค่จะมาเรียนให้ทราบเท่านั้นล่ะค่ะว่าจะหย่า ไม่ว่าคุณแม่จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ดาวก็จะไม่กลับไปอยู่กับผู้ชายเฮงซวยแบบนั้นอีกเป็นอันขาด!” ดารารายรู้สึกสะอิดสะเอียนเกินกว่าจะเอ่ยถึงเรื่องดังกล่าว จึงฉวยกระเป๋าสะพายและก้าวออกจากตัวคฤหาสน์ทันทีที่พูดจบ
“ยัยดาว กลับมาก่อน กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน ยัยดาว...ยัยดาว...โอยย...” คุณสมรเห็นท่าทีของบุตรสาวก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ จึงลุกขึ้นหมายจะรั้งตัวไว้ แต่ก็เกิดอาการหน้ามืดขึ้นมาเสียก่อน
“ว้าย! คุณคะเป็นยังไงบ้าง ใครก็ได้เอายาดมยาหม่องมาให้ที เร็วเข้า! คุณผู้หญิงเป็นลม!”
ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายของสาวใช้ภายในตัวคฤหาสน์ รถสปอร์ตสีแดงเพลิงก็พุ่งทะยานผ่านประตูออกไปสู่ท้องถนน ปลายเท้าที่เหยียบคันเร่งจนจมมิดผ่อนลงเมื่อเข้าสู่เขตชุมชนในตัวเมือง แต่ทว่าสภาพความแออัดของยวดยานบนท้องถนน กลับทำให้อารมณ์หงุดหงิดมีมากขึ้นเป็นลำดับ จากความคิดที่จะขับรถไปเรื่อยเปื่อยเพื่อปลดปล่อยอารมณ์อย่างไร้จุดหมาย กลับเปลี่ยนไปเมื่อเห็นป้ายบอกทางที่มุ่งสู่ทะเลสีครามทางฝั่งตะวันออก ภาพเกลียวคลื่นที่ม้วนตัวเป็นระลอกเข้าหาฝั่งพร้อมเสียงน้ำซัดสาดเซาะโขดหิน เป็นจินตนาการอันบรรเจิดประดุจดั่งมีมนต์ขลัง ที่โน้มน้าวจิตใจหญิงสาวให้หักพวงมาลัยลัดเลาะไปตามทางเบี่ยงนั้น


ห้าวันก่อนหญิงสาวนับร้อยต่างพากันกล่าวถึงความโชคดีแกมอิจฉา ดาราราย อัศวราชโยธิน บุตรสาวคนเดียวของคุณสมร เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรชั้นนำที่ก่อสร้างขึ้นอย่างหรูหราเพื่อผู้มีอันจะกิน ที่ได้ลั่นระฆังวิวาห์กับชายหนุ่มที่มารดาเลือกสรรให้อย่างอติเทพ เสถียรดิษฐ์ นักการเมืองหนุ่มไฟแรงอนาคตไกล ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้รักไม่ได้ชอบชายหนุ่ม เพราะเพิ่งพบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็อดที่จะปลื้มใจไม่ได้ ที่คู่ชีวิตมีความเพียบพร้อมทั้งหน้าที่การงาน หน้าตา ฐานะ และการศึกษา ความใฝ่ฝันที่จะมีชีวิตสมรสที่สมบูรณ์แบบชนิดที่ใครๆ ต่างก็ต้องพากันอิจฉาอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม ทำให้หญิงสาวตกปากรับคำมารดาว่าจะแต่งงานกับชายหนุ่ม
ค่ำคืนวิวาห์ที่แสนหวานถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราที่โรงแรมใจกลางกรุง โดยจัดให้มีพิธีหมั้นรดน้ำพระพุทธมนต์ และงานเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง อาหารไทย จีน ฝรั่ง หลากหลายถูกจัดเตรียมไว้อย่างวิจิตร เพื่อรองรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานนับร้อยนับพันชีวิต ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนในแวดวงการเมือง และบรรดาผู้มีอันจะกินที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย
สื่อมวลชนหลายแขนงต่างมารอทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และสถานีโทรทัศน์ ซึ่งบางสถานีถึงกับนำรถโอบีมารายงานข่าวกันสดๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศได้ชมภาพบรรยากาศในงานวิวาห์ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา และร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาประทับใจของคู่บ่าวสาว
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก...ที่ชั่วระยะเวลาเพียงข้ามคืน ทุกคนต่างก็พากันกล่าวขวัญถึงดารารายไม่ขาดปาก ว่าหล่อนคือเจ้าสาวผู้โชคดีที่สุดแห่งปี อันมีสาเหตุมาจากทั้งหนังสือพิมพ์และนิตยสารทุกฉบับ ต่างพร้อมใจกันประโคมข่าวงานวิวาห์เลิศหรูนี้อย่างเกรียวกราว แต่จะมีผู้ใดรู้บ้างว่าเพียงห้าวันให้หลัง หญิงสาวก็ถูกโชคชะตาเล่นตลกเข้าให้เสียแล้ว ชีวิตแต่งงานเลิศหรูที่ใครๆ พากันอิจฉา กลับไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างที่ทุกคนคิด
ความสุขเฉกเช่นเจ้าสาวผู้ผ่านประตูวิวาห์มาหมาดๆ เป็นเช่นไร หล่อนไม่เคยรับรู้หรือได้สัมผัส เพราะผู้เป็นเจ้าบ่าวไม่เคยแม้แต่จะแตะเนื้อต้องตัวหรือชายตามองเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าจะอยู่กันสองต่อสองตามลำพังในที่รโหฐานหรือท่ามกลางสายตาธารกำนัล การโอบกอดหรือแนบแก้มจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อชายหนุ่มจะออกจากบ้านไปทำงานเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีผู้คนสอดส่ายสายตาอยู่ในบริเวณนั้น หาไม่แล้วหล่อนก็จะกลายเป็นวัตถุธาตุไปในทันที
ถ้าเป็นเพียงแค่วันสองวันแรกก็ยังพอทำเนา เพราะหญิงสาวคงคิดได้ประการเดียวว่าต่างคนต่างก็คงจะเขินอายกันอยู่ แต่พอเข้าวันที่สามที่สี่กลับมีอาการผลักไสคล้ายรังเกียจ แล้วลุกเดินหนีจากห้องนอนไปเฉยๆ ในทุกครั้งที่หญิงสาวซุกกายเข้าหา อย่างต้องการไออุ่นจากอ้อมกอดของผู้เป็นสามี
เรื่องราวมาถึงขั้นแตกหักก็ในคืนที่ดารารายตกใจตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันร้าย ที่นอนหนานุ่มที่ควรจะมีผู้นอนอยู่เคียงข้างกลับว่างเปล่า แต่ทว่าด้วยหล่อนเป็นคนมองโลกในแง่ดี จึงได้แต่คิดไปว่าสามีผู้ดีพร้อม คงจะคร่ำเคร่งอยู่กับการทำงานที่ห้องชั้นล่าง ดังนั้นจึงรีบลุกจากที่นอน เพื่อจะไปจัดหาของว่างตามประสาภรรยาที่ดีพึงกระทำ
แต่ทว่าเมื่อจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพและเดินมาหยุดหน้าห้องทำงาน มือที่กำลังประคองถาดก็กลับเย็นเฉียบ เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดระคนสุขสันต์ ดังเล็ดลอดออกมาจากหลังประตูบานใหญ่เป็นระยะ
หลังจากที่เงี่ยหูฟังจนแน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด ดารารายจึงผลักประตูเข้าไปหมายจะจับให้มั่นคั้นให้ตาย ว่าผู้หญิงสำส่อนที่ไหนลักลอบเข้ามาระเริงรักกับสามีตน แต่ทว่าใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธกลับขาวซีดเสียยิ่งกว่าไก่ต้ม นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างแทบถลนขณะปล่อยถาดกาแฟร่วงลงสู่พื้น เมื่อเห็นภาพการเสพสมระหว่างบุรุษกับบุรุษที่อยู่เบื้องหน้า พิศวาสรักผิดธรรมชาติยังคงดำเนินต่อไปตามครรลอง โดยที่ทั้งสองหาได้สะทกสะท้านต่อสายตาผู้จ้องมองเลยแม้แต่น้อย ดารารายเสียอีกที่รู้สึกสะอิดสะเอียนและไม่อาจทนดูภาพเหล่านั้นได้ จึงเป็นฝ่ายวิ่งกระเซอะกระเซิงออกมาจากห้องนั้นเสียเอง
นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชีวิตแต่งงานจบลง หล่อนจะไม่มีวันลืม ว่าครั้งหนึ่งได้ถูกสามีหลอกใช้ให้เป็นหุ่นเชิด เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงต่อแวดวงสังคมที่มีแต่ผู้คนนับหน้าถือตา ความฝันความหวังที่จะมีชีวิตสมรสที่สมบูรณ์แบบพังทลายลงในพริบตา ถึงแม้ว่าจะตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่ได้ประสบและเสียความรู้สึกอยู่บ้าง แต่กลับไม่มีหยาดน้ำตาไหลรินจากดวงตาคู่สวยเลยสักหยด อาจเป็นเพราะหล่อนกำลังสับสนอยู่ก็เป็นได้ จึงได้แต่โทษตัวเองที่ด่วนตัดสินใจแต่งงาน โดยไม่คำนึงถึงพื้นฐานหลักของชีวิตคู่ ที่ควรจะเริ่มจากความรักและความเข้าใจ
เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุดที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และมันจะต้องจบลงในระยะเวลาอันสั้น เพราะหล่อนอับอายเกินกว่าที่จะให้ใครต่อใครมารับรู้ในเรื่องราวดังกล่าว หล่อนคงทนไม่ได้ หากต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านที่พร้อมจะสุมหัวกันนินทา คำเยาะเย้ยถากถางที่อาจจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะเยาะ มันเหมาะสำหรับผู้หญิงโง่เง่าไร้สมองเท่านั้น ซึ่งมันต้องไม่ใช่หล่อน! เพราะหล่อนจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสระ ไม่ว่าจะต้องแลกหรือเสียอะไรไปก็ตาม แต่จะไม่ยอมจมปลักในขุมนรกนี้เป็นอันขาด ดารารายรังเกียจและนึกขยะแขยง ชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจะทนไม่ได้สักวินาทีเสียด้วยซ้ำ ที่จะใช้นามสกุลร่วมกันกับสามีผู้มีจิตเบี่ยงเบน


รถสปอร์ตสีแดงเพลิงลัดเลาะตามเส้นทาง จนมาจอดเทียบหน้าโรงแรมหรูระดับห้าดาว ตัวอาคารที่ได้รับการออกแบบตกแต่งในสไตล์ยุโรปตั้งอยู่ใกล้ชายหาดเพียงแค่ถนนกั้น เสียงคลื่นซัดสาดเข้าหาฝั่งฉุดความสนใจของผู้ที่กำลังก้าวลงจากรถ ดารารายขยับแว่นกันแดดก่อนจะคาดไว้เหนือศีรษะ แล้วทอดสายตามองผืนน้ำที่กว้างใหญ่ กลิ่นไอทะเลผสมผสานกับเสียงคลื่นลมและผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา เหมือนจะมีพลังงานบางอย่างที่สามารถลบล้างความหมองเศร้าให้เลือนหายไปจากใจได้ชั่วขณะ นัยน์ตากลมโตละสายตาจากภาพเบื้องหน้าแล้วสาวเท้าเข้าไปภายในตัวอาคารหรู
โชคดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดพักผ่อนในช่วงเทศกาล จึงมีผู้ใช้บริการไม่มากนัก ดังนั้นเมื่อหญิงสาวแจ้งความประสงค์กับพนักงานโรงแรม หล่อนก็ได้ห้องพักที่หันหน้ารับลมทะเลอย่างที่ใจต้องการ แต่ทว่าในจังหวะที่รับคีย์การ์ดจากประชาสัมพันธ์สาว ดารารายก็นึกขึ้นมาได้ว่านอกจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ หล่อนไม่ได้หยิบฉวยอะไรติดไม้ติดมือมาสักชิ้น ทำให้ต้องออกไปซื้อหาข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นมาใช้แก้ขัดไปพลางๆ ก่อน ดังนั้นร้านค้าริมชายหาดจึงกลายเป็นห้างสรรพสินค้าชั้นเยี่ยมสำหรับหญิงสาวไปโดยปริยาย
ดารารายตั้งใจว่าจะเดินหาซื้อข้าวของสักพักแล้วค่อยกลับขึ้นห้อง แต่ทว่าด้วยไม่อยากปล่อยใจให้ว่างคิดฟุ้งซ่านในเรื่องรกสมอง หล่อนจึงใช้เวลาให้หมดไปกับการจับจ่ายซื้อของอย่างมันมือ โดยการเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ และให้ความสนใจในเสื้อผ้าข้าวของเหล่านั้น ราวกับว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของหล่อนก็ว่าได้ ตลอดระยะเวลากว่าสามชั่วโมงที่หญิงสาวเดินไม่ได้หยุด ขาแขนจึงเกิดความอ่อนล้า หล่อนจึงคิดว่าจะนั่งพักสักเดี๋ยว แล้วค่อยข้ามถนนกลับโรงแรมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ผสมผสานกับสายลมเย็นที่พัดเอื่อยมาเป็นระยะๆ ทำให้หญิงสาวที่ทิ้งตัวลงนั่งบนผ้าใบหลากสีที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมชายหาด เอนตัวลงนอนหลับตาพริ้มฟังเสียงคลื่นซัดสาดเข้าหาฝั่ง สองมือที่กำถุงใบน้อยเริ่มจะคลายออกและปล่อยลงข้างตัวอย่างไม่ยี่หระ เมื่อดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างไม่รู้ตัว


“ว้าว! เท่ชะมัด คนอะไรหล่อน่าฟัดเป็นบ้า นี่ถ้าได้สักทีจะไม่ลืมพระคุณเลย”
“ดูพูดเข้า เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ พูดอะไรไม่ระวังปาก ไอ้ที่เห็นหน้าตาดีท่าทางสุภาพจนแทบจะกรี๊ดสลบอยู่นั่นน่ะ ขอโทษ! เสือผู้หญิงผสมแมงดาดีๆ เลยล่ะเธอจ๋า”
“อังเดรเนี่ยนะ”
“ก็ใช่น่ะสิยะ หมอนั่นน่ะเลือกผู้หญิงจะตายไป ถ้าไม่มีเงินมากองตรงหน้าละก็ อย่าหวังว่าจะได้แอ้มเลย นู่น! ต้องพวกคุณหญิงคุณนายไฮโซประเภทผัวเผลอแล้วเจอกันนั่นแหละ ถึงจะได้ลูบคลำพ่อเจ้าประคุณ”
“เอ...ก็ไหนเขาลือกันว่ารวยไม่เล่นไม่ใช่เหรอ รายได้จากการแข่งเจ็ทสกีปีหนึ่งก็ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่”
“ไอ้นั่นมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ลองคิดดูสิว่าปีหนึ่งมีการแข่งขันกันสักกี่ครั้ง มันต้องทัวร์นาเมนต์ใหญ่จริงๆ นั่นแหละถึงจะมีเงินเดิมพันสูง”
“อืม...ก็จริงเนอะ ว่าแต่...เธอรู้เรื่องของเขาได้ยังไงล่ะ”
“โธ่! ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นล่ะย่ะ มีแต่เธอนั่นแหละที่หลังเขา”
ดวงตาคู่สวยเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งแล้วมองไปเบื้องหน้า เมื่อเสียงเจื้อยแจ้วที่จ้อไม่หยุดของสองสาวจางหายไป นักเจ็ทสกีนับสิบที่ยืนอยู่ริมหาดคือสิ่งที่ดึงดูดใจมากที่สุดในขณะนี้ ใครกัน? เสือผู้หญิงผสมแมงดา หากให้คาดเดาจากชื่อและความแตกต่างของสีผม คงไม่พ้นบุรุษชาวต่างชาติหนึ่งในสองที่ยืนอยู่ในกลุ่มนั้น แต่หล่อนเองก็ไม่สามารถตอบได้ ว่าใครคือชายหนุ่มที่สองสาวช่างจ้อกล่าวถึง เพราะสองบุรุษต่างชาติที่คาดเดาว่าน่าจะใช่ ต่างก็มีใบหน้าคมคายสมบุรุษด้วยกันทั้งคู่ อีกทั้งยังมีรูปร่างใหญ่โตที่ส่งบุคลิกให้โดดเด่น และดูสะดุดตาอย่างคนดูแลสุขภาพตนเองเป็นอย่างดี ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ในเมื่อสิ่งที่ใคร่รู้ยากที่จะหาคำตอบ ความสนใจจึงลดน้อยลงตามลำดับ ดารารายละสายตากลับมาให้ความสนใจกับข้าวของที่กองอยู่กับพื้นข้างตัว สองมือหยิบถุงใบน้อยแล้วขยับตัวลุกขึ้นเพื่อกลับที่พัก แต่ทว่าก้าวเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว หญิงสาวก็ต้องหยุดชะงักและหันกลับไปมองทะเลสีครามนั่นอีกครั้ง ทันทีที่เห็นภาพบุรุษหนึ่งบึ่งเจ็ทสกีเข้าหาฝั่ง ท่ามกลางเสียงเป่าปากโห่ร้องแสดงความยินดี ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นมาอย่างประหลาด


ชัยชนะที่ได้รับจากการแข่งขันเจ็ทสกีที่เพิ่งจะจบลง ทำให้ สตีฟ อาร์เมอร์ นักธุรกิจผู้ประกอบธุรกิจค้าทองคำรายใหญ่ ที่ดำเนินงานภายใต้ชื่อบริษัทโกลด์ อาร์เมอร์ เดินยิ้มกริ่มลุยน้ำขึ้นมาสมทบกับเพื่อน ที่ส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีไม่ขาดระยะอยู่บนชายหาด
ตลอดระยะเวลากว่าสองปีที่ผ่านมา เขาพยายามหาเวลาว่างซุ่มฝึกซ้อมไม่ได้ขาด และเข้าร่วมแข่งเจ็ทสกีแทบทุกทัวร์นาเมนต์ แม้จะผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่จะได้รับชัยชนะ เพราะมักจะพ่ายแพ้ให้กับอังเดรเพื่อนสนิทของเขาเสมอ แต่สตีฟก็ไม่เคยละความพยายาม เพราะเขาต้องการจะลิ้มรสความหอมหวานอย่างผู้ชนะดูบ้างสักครั้ง และวันนี้เขาก็ประสบความสำเร็จ
“ดีใจด้วยสตีฟ นายทำสำเร็จแล้ว” อังเดรขึ้นจากน้ำตรงเข้ามาโอบไหล่เพื่อนสนิท ก่อนจะพาเดินแยกออกมาจากกลุ่ม
“อืม...แต่ยังไงก็ขอบใจนะ ที่นายออมมือให้” สตีฟยิ้มกว้างตอบรับ ขณะยกแขนขึ้นโอบไหล่เพื่อน
“ใครบอกว่าออมมือ ก็เห็นกันอยู่ว่าฝีมือนายพัฒนาขึ้นมาก”
“ก็อย่างว่าแหละอยากกินเหล้าฟรี มันก็ต้องมีซุ่มซ้อมกันบ้าง ว่าแต่นายเถอะ...อย่าลืมสัญญาก็แล้วกัน” สตีฟเย้าเพื่อนสนิททันทีที่มีโอกาส
“ไม่มีปัญหา แต่หลังสองทุ่มคงต้องขอตัวเพราะมีธุระ แต่ไม่ต้องห่วง สัญญาก็เป็นสัญญา ดื่มกินเต็มที่แล้วจะทิ้งบัตรไว้ให้รูด” ทั้งสองเดินไปคุยไปขณะกลับห้องพักที่อยู่ภายในโรงแรมฝั่งตรงข้าม
“ว้าว! สงสัยรายนี้กระเป๋าหนักไม่เบาสิท่า”
ทำไมสตีฟจะไม่รู้ว่า ‘ธุระ’ ของอังเดรคืออะไร แต่เพราะความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่มีมาช้านาน อีกทั้งยังเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว จึงไม่อยากก้าวก่ายหรือเข้าไปวุ่นวายมากจนเกินไปนัก เพื่อนสนิทของเขาถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงที่กระหายเงิน แต่อังเดรก็ไม่เคยบีบบังคับหรือหลอกล่อผู้หญิงคนไหนให้มาซื้อบริการ และไม่เคยเสนอตัวให้กับสาวๆ ก่อน หากไม่มีการเรียกใช้
การบริการลูกค้าแต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นไปตามข้อตกลงเชิงธุรกิจ ซึ่งสาวๆ เหล่านั้นต่างก็ทราบดี ว่าไม่มีข้อผูกมัดหรือพันธะใดๆ ให้ต้องลำบากใจ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ได้รับความพึงพอใจและมีผลประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นหลังเสร็จกิจ ต่างก็แยกย้ายเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ความหวานชื่นจะเวียนมาบรรจบอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อพบกันใหม่ในคราวต่อๆ ไป
“ไม่หรอก...ทีแรกว่าจะไม่รับด้วยซ้ำ แต่เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ยังสาวยังแส้อยู่แท้ๆ สามีดันมาไร้น้ำยา ไอ้เรื่องไร้สมรรถภาพน่ะก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ดันไปทำให้ผู้หญิงมีความรู้สึกแล้วทำไม่ได้นี่สิ มันน่าเตะชะมัด!” น้ำเสียงเครียดบ่นกลายๆ อย่างหัวเสีย
“นายก็เลยอยากจะช่วยแม่สาวคนนั้นในฐานะผู้พิทักษ์ความเปลี่ยวเหงา...ว่างั้นเถอะ”
“ก็ทำนองนั้น”
“ก็ดีแล้วนี่นา แล้วทำไมต้องหัวเสียด้วย” ถึงสตีฟจะเอ่ยปากสนับสนุนอีกแรงแต่ก็อดสงสัยไม่ได้
“โธ่! นายก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าผู้หญิงที่อดอยากปากแห้งนานๆ น่ะ เจ้าหล่อนอารมณ์ร้อนแรงแค่ไหน”
“รู้...ทำไมจะไม่รู้ ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรนี่ ยังไงนายก็สามารถอยู่แล้ว”
“เออ! สามารถ ก็เพราะไอ้สามารถนี่แหละ วันนี้ถึงได้แพ้นายราบคาบยังไงล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดเฉลย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า มิน่าถึงได้อารมณ์เสีย แต่ก็เอาเถอะ...ถึงนายจะแพ้ในเกม แต่นายก็ยังชนะใจสาวๆ อยู่ดี คิดดูสิ นายยอมบริการจนเข่าอ่อนขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ใจบ้างก็ให้มันรู้ไปสิ ไป...ไปอาบน้ำได้แล้ว ชักเปรี้ยวปากอยากดื่มเหล้าฟรีฉลองชัยชนะเต็มแก่แล้ว” สตีฟหัวเราะร่วน เขาตบบ่าอังเดรเป็นเชิงปลอบใจ ก่อนจะเดินผิวปากอย่างสบายอารมณ์กลับห้องพัก โดยปล่อยให้เพื่อนสนิทได้แต่ยืนมองตามด้วยความหมั่นไส้
“เออ...ทำหัวเราะดีไปเถอะ สักวันเจอผู้หญิงหิวรักเข้าบ้างแล้วจะรู้สึก”


ภายในห้องพักในโรงแรมหรู ดารารายจัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อความสบายตัว หล่อนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินซื้อของอย่างมาราธอนนานนับชั่วโมง จึงคิดจะนอนพักสักตื่น แล้วค่อยลงไปหาอะไรทานในช่วงค่ำ แต่ทว่าความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศชั้นดี กลับทำให้ดวงตาคู่สวยปิดลงแทบจะทันทีที่ซบหน้ากับหมอนใบนิ่ม แต่ทว่าหญิงสาวหลุดเข้าไปในห้วงนิทรายังไม่ถึงสิบนาทีเสียด้วยซ้ำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ด้วยเพราะความง่วงที่เข้าครอบงำ ทำให้ดารารายไม่คิดจะลืมตาขึ้นมองเสียด้วยซ้ำ หล่อนใช้มือควานหากระเป๋าสะพายสะเปะสะปะ และเมื่อเจอสิ่งที่ขัดจังหวะการนอนก็ฉวยขึ้นมาแล้วกดรับสาย
“ดารารายค่ะ”
“ยัยดาว ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน รู้ไหมว่าอติเทพเขาตามหาตัวแกให้วุ่น” เสียงเอ็ดตะโรดังลั่นของมารดาที่แทรกเข้ามา ทำให้หญิงสาวลืมตาโพลงและขยับตัวลุกขึ้นนั่งในทันที
“คุณแม่ขา คุณแม่เลิกพูดถึงชื่อนี้เสียทีได้ไหมคะ”
“ยัยดาวแกก็โตแล้วนะ รู้จักระงับอารมณ์และมีเหตุผลเสียบ้าง ไม่ใช่เอะอะอะไรก็จะหย่า ผัวกันเมียกันมันก็เหมือนลิ้นกับฟัน มีทะเลาะกันบ้าง โกรธกันบ้าง มันก็เป็นเรื่องธรรมดา นี่อติเทพเขาก็เป็นห่วงแกมากนะ อุตส่าห์ปลีกเวลางานตามมาง้อแกถึงที่นี่ แกควรจะเห็นใจและให้อภัยเขาได้แล้ว”
“คุณแม่ขา คุณแม่ไม่เข้าใจหรอกค่ะ ดาวกับอติเทพเราไม่ได้ทะเลาะกัน แต่มันมีอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งเกินกว่านั้น ซึ่งดาวไม่อยากจะพูดถึงมันอีก” ดารารายอยากอธิบายออกไปตรงๆ แต่หล่อนก็เลือกที่จะบ่ายเบี่ยง เพราะอับอายเกินกว่าที่จะให้ใครได้รับรู้ ถึงแม้ว่าคู่สนทนาจะเป็นมารดาของหล่อนก็ตาม
“ไอ้เรื่องลึกซึ้งที่แกไม่อยากพูด ก็คือเรื่องที่อยากจะไปทัวร์ยุโรปใช่ไหมล่ะ?”
“ยุโรป? คุณแม่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรเหรอคะ ดาวไม่เข้าใจ” คิ้วเรียวยาวขมวดทันทีที่ได้ฟังคำมารดา
“ไม่ต้องทำเป็นไก๋เลยยัยดาว ฉันเลี้ยงแกมากับมือ ทำไมฉันจะไม่รู้ คนอย่างแกจะมีเรื่องอะไร นอกจากเรื่องเอาแต่ใจตัว อติเทพเขาบอกฉันหมดแล้ว ว่าแกอยากจะไปฮันนีมูนที่ยุโรป แต่พอดีช่วงนี้เขาไม่ว่างเพราะว่าติดหาเสียง แกก็เลยงอน แล้วก็พาลพาโลหาเรื่องท้าเขาหย่าเหย็งๆ เพราะอยากจะเอาชนะ” คุณสมรอธิบายเป็นฉากๆ ตามที่ได้ฟังจากปากบุตรเขย
“ไม่จริงค่ะ อติเทพโกหก ดาวยังไม่เคยคิดถึงเรื่องฮันนีมูนเลยด้วยซ้ำ”
“ฉันไม่เชื่อแกหรอกยัยดาว มีที่ไหน เพิ่งจะแต่งงานยังไม่ถึงอาทิตย์ มีเหรอ...ที่จะไม่คิดถึงเรื่องฮันนีมูน แกไม่ต้องเขินหรอกน่า นี่อติเทพเขาก็ฝากบอกมานะ ว่าให้แกบินล่วงหน้าไปก่อนเลยได้ เดี๋ยวพอเสร็จจากหาเสียง เขาจะตามไปทีหลัง แต่ถ้าแกกลัวเหงาละก็ ฉันจะบินไปอยู่เป็นเพื่อน เห็นไหมว่าเขาดี...”
หญิงสาวแทบจะไม่สนใจฟังเสียงเจื้อยแจ้วที่ผ่านเข้าหู เพราะมัวแต่คิดไปว่าสามีผู้มีจิตเบี่ยงเบนช่างร้ายกาจ กล้ากุเรื่องขึ้นมาหลอกมารดาตน ทั้งที่ทำเรื่องน่าสะอิดสะเอียนไว้ขนาดนั้น
“พอเถอะค่ะคุณแม่ ดาวไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระ บอกอติเทพด้วยนะคะ ว่าเลิกสร้างภาพได้แล้ว ไม่ว่ายังไงดาวก็จะหย่า แค่นี้นะคะคุณแม่ ดาวปวดหัวอยากจะนอนพัก”
อารมณ์หงุดหงิดที่มีมากขึ้นเป็นลำดับ ทำให้หญิงสาวชิงพูดตัดบทแล้วตัดสายทิ้งในทันที ก่อนที่จะระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่และอาละวาดใส่ผู้เป็นมารดา หล่อนไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่มีหน้าตาทางสังคม ที่มีแต่ผู้คนให้การยอมรับนับถือ จะเชี่ยวชาญด้านการปั้นน้ำเป็นตัวได้ถึงขนาดนี้ ความเดือดดาลเหมือนจะโหมกระพือถึงขีดสุด เมื่อถูกตีไข่ใส่สีและป้ายความผิดมาให้โดยที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อ มือเรียวจึงบีบโทรศัพท์ในอุ้งมือแน่นคล้ายจะให้มันแหลกเหลวเป็นจุณไปต่อหน้าต่อตา ก่อนที่หญิงสาวจะระบายลมหายใจติดต่อกันอยู่หลายครั้ง เพื่อจะระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน แล้วโยนโทรศัพท์ไปกลางที่นอนก่อนจะลุกไปล้างหน้า
ความคิดที่จะนอนพักเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้า ถูกพับเก็บไปอยู่อีกซีกหนึ่งของสมอง และแทนที่ด้วยความคิดที่จะลงไปชั้นล่างเพื่อจะหาอะไรใส่ท้อง ที่เวลานี้เริ่มเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะเวลาเลยล่วงมานานมากแล้ว แต่ทว่าสองเท้ายังไม่ทันจะก้าวออกจากห้องพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ความหงุดหงิดที่รุมเร้าหวนกลับมาอีกครั้ง ด้วยเพราะคิดว่ามารดายังไม่เลิกโทรมาเซ้าซี้ มือเรียวจึงฉวยโทรศัพท์มากรอกน้ำเสียงห้วนๆ ลงไปในทันที
“คุณแม่คะ ขอร้องเถอะค่ะ ดาวอยากอยู่เงียบๆ สักพัก”
“ดาว นี่ผมเองนะ...อติเทพ”
หญิงสาวถึงกับยืนนิ่งเมื่อได้ยินน้ำเสียงนุ่มๆ ที่ตอบกลับมา ภาพเหตุการณ์ต่างๆ เหมือนจะวิ่งเข้าสู่สมอง ราวกับจะตอกย้ำความทรงจำที่น่าสะอิดสะเอียนเกินกว่าที่จะรับได้ ความเงียบที่เกิดจากการตกอยู่ในภวังค์ ทำให้ผู้โทรเข้าต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง
“ดาว คุณฟังผมอยู่หรือเปล่า ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ รีบๆ เซ็นใบหย่าให้ฉัน เราจะได้จบกันเสียที” หญิงสาวโต้กลับทันทีที่ตั้งสติได้
“ไม่! ผมไม่เซ็นและก็จะไม่หย่าด้วย ยังไงคุณต้องอยู่ในฐานะภรรยาผม” โทนเสียงนุ่มนั้นกระด้างขึ้นในทันที
“ภรรยา? คุณพูดไม่อายปากเลยนะอติเทพ ฉันแต่งงานกับคุณมาร่วมอาทิตย์ ยังไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำว่าการมีสามีน่ะมันเป็นยังไง แล้วคุณยังจะกล้ามาพูดคำนี้กับฉันอีกยังงั้นเหรอ”
“ถ้าคุณหมายถึงเซ็กซ์ละก็ ผมบอกตรงๆ ผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นกับผู้หญิง”
“ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แต่ที่พูดขึ้นมาก็แค่จะบอกให้คุณเข้าใจ ถึงสิ่งที่ภรรยาสมควรได้รับจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ในเมื่อตัวคุณเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ชอบผู้หญิง แล้วทำไมยังมาแต่งงานกับฉันอีก ทำไมต้องทำให้ความฝันของฉันพังทลาย ทำไมต้องทำให้ชีวิตฉันต้องตกอยู่ในขุมนรก ทำไม! ทำไม! ตอบฉันสิ!” ดารารายระบายสิ่งอัดอั้นที่อยู่ในใจออกไปทั้งน้ำตา
“ดาว ผมขอโทษ แต่มันจำเป็นจริงๆ การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญกับผมมาก ถ้าผมไม่แต่งงาน ข้อครหาเรื่องเป็นเกย์ก็จะไม่มีวันจบสิ้น ประชาชนก็คงหมดศรัทธาและผมก็อาจจะไม่ได้รับการเลือกตั้ง”
“เหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ ที่คุณทำให้ชีวิตฉันต้องพังย่อยยับ มันจะไม่เห็นแก่ตัวมากไปหน่อยเหรออติเทพ ที่คิดแต่จะแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว คุณเคยคิดบ้างไหมว่ามันทำร้ายจิตใจฉันขนาดไหน ฉันจะรู้สึกยังไง จะอยู่ในสภาพไหน คุณเคยสนใจบ้างหรือเปล่า”
“ผมรู้ว่ามันไม่ยุติธรรม ผมถึงได้บอกยังไงล่ะว่าเราต้องคุยกัน ผมยินดีจะจ่ายให้คุณ เท่าที่คุณจะเรียกร้อง แต่มีเงื่อนไขว่าคุณต้องอยู่ในฐานะภรรยาผม” น้ำเสียงนุ่มยื่นข้อเสนอ
“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ต้องการเงิน ฉันต้องการใบหย่า ขอร้องล่ะอติเทพ...เซ็นใบหย่าให้ฉันเถอะ”
“ไม่! ผมทำไม่ได้และก็จะไม่ทำด้วย” อติเทพสวนกลับชัดถ้อยชัดคำ
“นี่คุณจะไม่ยอมหย่าดีๆ ใช่ไหม ได้! ถ้าอย่างนั้นก็ให้มันพังกันไปข้างหนึ่งเลย ฉันจะร้องต่อศาลว่าคุณเป็นพวกจิตวิปริต” เมื่อเห็นว่าพูดกันไม่รู้เรื่อง หญิงสาวจึงระเบิดอารมณ์เข้าใส่
“คิดเหรอว่ามันจะได้ผล คุณไม่มีหลักฐาน พยานสักคนก็ยังไม่มี อย่าว่าแต่ศาลเลย พูดให้ใครฟังก็ไม่มีใครเขาเชื่อคุณหรอก ผมว่าทางที่ดี...คุณควรจะยอมรับข้อเสนอจะไม่ดีกว่าเหรอ” อติเทพเอ่ยอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“ไม่! ไม่มีวันที่ฉันจะกลับไปเป็นเครื่องมือของคุณอีก ฉันจะหย่า! และก็จะหย่าให้ได้ด้วย!”
แรงอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามาทำให้หญิงสาวขว้างโทรศัพท์ทิ้งทันทีที่พูดจบ ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จึงแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งส่งผลให้อีกฝ่ายจำต้องเบือนหน้าหนีจากโทรศัพท์ เมื่อได้ยินเสียงดังสนั่นที่แทรกผ่านเข้ามาในกระบอกหูก่อนสัญญาณจะขาดหาย มือเรียวได้รูปที่นุ่มนิ่มราวสตรีวางโทรศัพท์เคลื่อนที่ลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะหันไปปรึกษาบุรุษที่อยู่เบื้องหน้า
“เชน...พี่จะทำยังไงดีล่ะ นังดาวมันไม่ยอมรับข้อเสนอ แบบนี้เรื่องที่คิดว่าจะจบง่ายๆ คงไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้วสิ” อติเทพจีบปากจีบคอกระเง้ากระงอดชายหนุ่มคู่ขา
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมพอจะมีวิธีจัดการกับคุณดาว ให้เธอยอมรับข้อเสนอ โดยที่พี่ไม่ต้องเสียเงินสักบาท แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่จะยอมทำตามที่ผมแนะนำหรือเปล่า” ราเชนไม่พูดเปล่า หากแต่ไล้มือหยาบไปบนมือนุ่มนิ่มของชายหนุ่ม
“เชนแน่ใจเหรอ ว่าจะทำให้นังดาวมันยอมรับข้อเสนอของพี่ได้”
“แน่ใจครับ ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่าง เพื่อพี่จะได้มีผมและคุณดาวอยู่เคียงข้างในวันที่ชนะการเลือกตั้ง” มือนุ่มนิ่มถูกยกขึ้นจรดริมฝีปาก ขณะที่สบตาบุรุษใบหน้าหวานที่อยู่ตรงหน้า
“แล้วพี่ต้องทำยังไงบ้างล่ะ” อติเทพสะเทิ้นอายหน้าแดง เมื่อสบสายตาที่สื่อความหมายของชายหนุ่ม
“ตอนนี้พี่ก็แค่ตามใจผมและก็เดินหน้าหาเสียงให้เต็มที่ ส่วนเรื่องคุณดาวผมจะจัดการให้ แล้วทุกอย่างก็จะเรียบร้อย”
ราเชนลุกขึ้นรั้งมือนุ่มนิ่มให้เดินตามมาที่โซฟาตัวยาว ก่อนจะดันกายให้เอนลงนอนราบ ไฟปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าโดยผู้เชี่ยวชาญ มีหรือที่บุรุษหน้าหวานจะไม่นอนอ่อนระทวยหลับตาพริ้ม ยินยอมให้ผู้อ่อนวัยกว่าพาดำดิ่งลงสู่ห้วงหฤหรรษ์ เพียงไม่นานทุกอย่างก็ถูกปลดปล่อยไปตามครรลอง ท่ามกลางความสุขสม...คงจะมีก็แต่ผู้ควบคุมเกมในครั้งนี้เท่านั้น ที่รู้แก่ใจดีว่าจิตใต้สำนึกยามเห็นสวรรค์รำไรได้จินตนาการถึงผู้ใด
จากชีวิตเด็กบ้านนอกที่จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ในเมืองกรุง จนมีความเป็นอยู่สุขสบายเพราะการชุบเลี้ยงจากนักการเมืองหน้าหวาน ที่ได้พบกันเมื่อครั้งที่เขาตัดสินใจเข้าประกวดหนุ่มหล่อเมื่อสามปีก่อน แรกเริ่มนั้นราเชนไม่คิดมาก่อนว่าชายหนุ่มผู้มีจิตใจเอื้อเฟื้อให้ที่อยู่ที่กิน ตลอดจนส่งเสียเงินทองเป็นค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษา จะเป็นผู้มีจิตเบี่ยงเบนทางเพศ
ราเชนไม่เคยทราบมาก่อนว่าได้ถูกเลือกมาเพื่อเป็นเครื่องรองรับอารมณ์นั้น จนกระทั่งถึงวันงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่จบการศึกษา ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานผสมผสานกับความภาคภูมิใจ ราเชนจึงปล่อยตัวปล่อยใจหลุดโลกไปกับเหล้าเบียร์นับสิบ ทุกหยาดหยดที่ไหลผ่านลำคอทำให้สติเลือนราง จนจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่ากลับมานอนในห้องหรูที่คฤหาสน์ของนักการเมืองหน้าหวานได้ยังไง แต่สิ่งหนึ่งที่ราเชนไม่มีวันลืม ก็คือนับแต่นั้นเป็นต้นมาชีวิตเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
อันที่จริงราเชนก็ไม่ได้นิยมเสพสุขกับผู้ที่มีเพศเดียวกันสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาพึงใจที่ได้รักและสัมผัสเนื้อตัวนุ่มนิ่มของบุรุษผู้นี้ มากกว่าที่จะรู้สึกรังเกียจหรือขยะแขยง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะกลิ่นกายที่หอมสะอาดผสมผสานกับใบหน้าหวานปานสตรีนั่นก็เป็นได้ ที่ทำให้เขาถึงสวรรค์ทุกครั้งไปที่ได้ร่วมหลับนอนกับชายหนุ่ม รสชาติแปลกใหม่ที่ได้รับจากอติเทพส่งผลให้ทัศนะคติของเขาเริ่มเปลี่ยนไป เขาค้นพบว่าแท้ที่จริงแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจที่จะร่วมหลับนอนกับบุรุษ ถึงแม้ว่าภายใต้จิตสำนึกจะยังคงนิยมชมชอบและปรารถนาในตัวสตรีก็ตาม หากจะพูดให้ถูก เขาคงจัดอยู่ในประเภทหญิงก็ได้ชายก็ดีเสียล่ะมากกว่า
อติเทพเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ เปรียบประดุจขุมทรัพย์ชั้นดีที่พร้อมจะให้เขาตักตวงได้ตลอดเวลาและไม่มีวันหมด ซึ่งบุรุษหน้าหวานไม่เคยล่วงรู้มาก่อน ว่าเงินทองที่โยนให้คู่ขาใช้ทีละหมื่นสองหมื่น ได้หมดไปกับการปรนเปรอสาวสวยตามคลับตามบาร์ และอีกส่วนก็กระจัดกระจายหายไปกับเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ราคาแพง เพียงเพราะต้องการจะถีบตัวเองให้หลุดพ้นจากคำว่า ‘ไอ้เด็กบ้านนอก’ ที่เพื่อนฝูงมักจะชอบพูดจาถากถางให้เจ็บช้ำน้ำใจเสมอๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก...ที่ราเชนมักจะคุยโวโอ้อวดต่อหน้าเพื่อนๆ ว่าเป็นญาติห่างๆ กับนักการเมืองหน้าหวาน เพื่อจะปกปิดกำพืดที่แท้จริง
ดังนั้นแรกๆ เขาจึงใช้ชีวิตสนุกสนานไปวันๆ และพอใจกับเศษเงินที่อติเทพโยนไว้ให้กินให้ใช้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปความคิดก็เริ่มเปลี่ยน ความเบื่อหน่ายที่ต้องตกเป็นเครื่องระบายความใคร่ ทำให้คิดจะโบยบินออกไปใช้ชีวิตเฉกเช่นชายฉกรรจ์ทั่วไป ซึ่งการที่จะทำอย่างนั้นได้ เขาจำเป็นต้องมีเงินทุนสำรองสักก้อน และมันจะต้องเป็นกอบเป็นกำมากพอที่เขาจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายไปทั้งชาติ เวลานี้สบโอกาสเหมาะ จึงหมายจะรวบหัวรวบหางสองสามีภรรยาคู่นี้ไว้ เพราะไม่ว่าจะเสพสุขกับผู้ใด ก็ล้วนแล้วแต่จะนำเงินทองมาสู่ตัว


ดารารายแบกความหงุดหงิดที่ได้รับลงมาชั้นล่างของโรงแรม สองเท้าที่ควรจะก้าวเข้าห้องอาหาร กลับเปลี่ยนเป้าหมายมาหยุดยังหน้าสถานบันเทิงเริงรมย์ที่เต็มไปด้วยแสงสี สถานที่อโคจรและน้ำเมาแม้จะเป็นสิ่งต้องห้ามที่มารดากำชับนักกำชับหนาให้อยู่ห่างๆ เพราะจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย แต่ความเครียดที่รุมเร้ากลับผลักดันให้หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว ถึงแม้จะทราบดีว่าไม่มีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขาทำกัน แต่ทว่าความกลัดกลุ้มกลับทำให้หล่อนต้องการจะหาอะไรแรงๆ ดื่มสักแก้วสองแก้ว เพื่อขจัดความรู้สึกขุ่นมัวให้เลือนหายออกไปจากใจ หญิงสาวเดินฝ่าความมืดสลัวไปนั่งหลบอยู่มุมหนึ่งของห้อง ก่อนจะยกมือเรียกบริกรมาสั่งเครื่องดื่ม ไม่นานนักบรั่นดียี่ห้อดังก็มาตั้งอยู่ตรงหน้า
หนึ่งแก้วที่ได้ลิ้มรสไม่ได้ขมปร่าแต่ร้อนวูบวาบ และรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ไหลลงสู่ลำคอว่าผ่านไปยังอวัยวะส่วนใดบ้าง บรั่นดียี่ห้อดังถูกยกขึ้นและรินลงในแก้วใสนับครั้งไม่ถ้วน เพียงเพราะต้องการจะพักเรื่องเครียดๆ ลงชั่วขณะ หล่อนปลดปล่อยตัวเองจากสิ่งที่ถูกพร่ำสอนมาตั้งแต่เยาว์วัยไปกับน้ำสีอำพัน จนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าดื่มไปทั้งหมดกี่แก้ว จึงใจกล้าพอที่จะออกมาขยับแข้งขยับขาเต้นเร่าๆ ราวไส้เดือนถูกขี้เถ้าอยู่กลางฟลอร์
แสงไฟหลากสีที่สาดส่องไปมาจนน่าเวียนหัว กระทบเข้ากับสองบุรุษต่างชาติที่นั่งโต๊ะติดกับฟลอร์กว้าง แม้ดวงตาคู่สวยจะหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้น แต่เมื่อปะทะเข้ากับใบหน้าคมเข้มคุ้นตา ความคิดบางอย่างก็ก่อเกิด ผลพวงจากปริมาณดีกรีมากโขที่สั่งสมในร่างกาย ทำให้ไม่รอรีที่จะก้าวตุปัดตุเป๋ไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะของสองบุรุษ
“Can you help me?” น้ำเสียงอ้อแอ้เอ่ยปากถามเมื่อเห็นสองบุรุษเงยหน้าขึ้นมอง
“พูดภาษาไทยก็ได้ครับ คุณต้องการให้พวกผมช่วยอะไรเหรอครับ” อังเดรเป็นฝ่ายเปิดปากพูดอย่างสุภาพ ขณะที่สตีฟหรี่ตาลงสำรวจกึ่งประเมินหญิงสาวที่ยืนโงนเงนอยู่ตรงหน้า
“เออ...คือ...ฉันแค่อยากจะทราบว่าคนไหนอังเดรคะ?”
สตีฟมองหน้าอังเดรแล้วยิ้ม ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ที่เพื่อนสนิทของเขามักจะมีหญิงสาวมากหน้าหลายตามาถามหาเสมอๆ ซึ่งจุดประสงค์หลักก็คงไม่พ้นเรื่องอย่างว่า อันเป็นธุรกิจส่วนตัวที่นำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่สุขสบายของเพื่อนสนิท หลายต่อหลายครั้งที่เขาอยากจะหยิบยื่นความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสด้านการงานอาชีพหรือเงินทอง แต่อังเดรกลับไม่รับข้อเสนอใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยเหตุเพราะหยิ่งทะนงเกินกว่าจะแบมือรับความช่วยเหลือจากใคร อีกทั้งยังพอใจที่จะดำเนินชีวิตอย่างที่เป็นอยู่
‘ทุกคนต่างก็ต้องกินต้องใช้ ในเมื่อเลือกเกิดไม่ได้ แล้วจะทำยังไงถ้าท้องหิว นายจะให้เราปล้นเขากินหรือไง?’
คำพูดขวานผ่าซากที่ยึดหลักความเป็นจริง ทำให้สตีฟยอมรับในความเป็นตัวตนของเพื่อนสนิท ใครหลายคนอาจจะมองว่าเขาบ้า ที่ลดตัวลงไปคบหากับคนชั้นต่ำที่สังคมหยามเหยียด แต่ความจริงแล้ว...เขาก็แค่เปิดใจให้กว้างมากขึ้น และใช้เหตุใช้ผลในการทบทวนให้มากกว่าเดิม ซึ่งเขาก็พบว่าอาชีพขายบริการก็เป็นอาชีพหนึ่งที่นำมาซึ่งรายได้สุจริต แต่ถ้าหากลองมองลึกลงไปอีกสักนิด ก็จะพบว่าอาชีพดังกล่าวนั้นมีศักดิ์ศรีมากกว่าพวกลักเล็กขโมยน้อย หรือพวกโกงชาติบ้านเมืองอยู่หลายขุม เพราะอย่างน้อยเงินทองที่ได้มา ก็ได้มาด้วยความเสน่หา หาใช่ใช้เล่ห์กลที่คดโกงลวงหลอกผู้อื่น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก...ที่สตีฟจะมองว่าธุรกิจที่นำพาความสุขสบายมาสู่เพื่อนสนิทนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรก้าวก่าย
“ว่าไงล่ะคะ?” ดารารายถามย้ำอีกครั้งเมื่อไม่ได้รับคำตอบ
อังเดรเหลือบมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือก็ได้แต่เสียดาย เพราะเขามีนัดอยู่ก่อนแล้ว และเวลาก็จวนเจียนเข้ามาทุกที จึงไม่มีเวลามากพอที่จะร่วมสนุกกับสาวสวยรายนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นละก็...เขาสาบานได้เลยว่าจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้หลุดมือไปเป็นอันขาด ก็เจ้าหล่อนทั้งสาวทั้งสวยหยาดเยิ้มและเร้าใจขนาดนี้ ถึงเสื้อผ้าที่สวมจะไม่เข้ารูปเข้าทรง แต่ประเมินจากสายตานักรักชั้นครู ก็ทราบทันทีว่าทรวดทรงองค์เอวเจ้าหล่อนเหลือรับ อกเป็นอกเอวเป็นเอว กลมกลึงไปเสียทุกส่วน ผิวพรรณก็นวลเนียนน่าสัมผัส ปากคอคิ้วคางก็ดูเซ็กซี่ไม่เบา โดยเฉพาะดวงตากลมโตที่ถือดีคู่นั้น หากปรือฉ่ำไปด้วยไฟพิศวาสจะหวานซึ้งสักแค่ไหน ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นกับตาตัวเอง
แต่จู่ๆ ความคิดพิสดารก็ผุดเข้ามาในสมอง อังเดรจึงหันไปมองเพื่อนสนิท ก่อนจะพยักพเยิดสื่อความหมายแล้วชายตามองไปทางหญิงสาว แต่สตีฟกลับสั่นหน้าปฏิเสธทันควัน เพราะไม่ต้องการที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับช่วงต่อจากเพื่อน ถึงแม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะสวยบาดจิต และมีเสน่ห์เย้ายวนจนหัวใจเขากระตุก แต่มันคงไม่สนุกนัก...หากต้องตกเป็นข่าวคาวๆ กับสาวสำส่อน สตีฟใคร่ครวญแล้วยกแก้วน้ำเมาที่อยู่ในมือขึ้นดื่ม โดยไม่ใส่ใจหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอีก แต่ทว่าท่าทีที่เมินเฉยกลับไม่ได้ทำให้เรื่องจบลงง่ายๆ เพราะเจ้าของความคิดแผลงๆ กลับฉวยโอกาสนั้นชิงพูดตัดบท จึงทำให้สตีฟหมดสิทธิ์ปฏิเสธ
“หนุ่มหล่อคนนี้แหละครับอังเดร คุณต้องการให้เขาช่วยอะไรก็คุยกันได้ตามสบายนะครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน บังเอิญนึกขึ้นมาได้ว่ามีธุระ”
“แคก แคก แคก”
อังเดรผายมือไปทางเพื่อนสนิท เขาลอบยิ้มมุมปากและไม่ลืมที่จะยักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียน เป็นการส่งท้ายก่อนจะเดินจากไป ซึ่งส่งผลให้เกิดเสียงไอโขลกติดกันอยู่หลายครั้ง สตีฟหน้าแดงก่ำเพราะสำลักน้ำสีอำพันที่เพิ่งสาดลงลำคอ เวลานี้ระเบิดลูกใหญ่ที่อยู่ตรงหน้ากำลังจ้องมองมา ราวกับจะสำรวจเขาผ่านเสื้อผ้าเข้าไปในทุกอณูขุมขน จนคนถูกจ้องทำอะไรไม่ถูก เพราะรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนถูกกัดแทะทางสายตา


“เท่าไหร่? ที่ฉันต้องจ่ายสำหรับเวลาหนึ่งอาทิตย์”
ดารารายเอ่ยปากถาม หลังจากที่สำรวจเค้าโครงหน้าและรูปร่างของชายหนุ่ม ที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าบุรุษผู้นี้หล่อเหลา และมีเสน่ห์ทางเพศร้อนแรงมากพอที่จะดึงดูดสายตาของบรรดาสาวๆ ให้ต้องเหลียวหลัง
“คุณจะไม่ถามผมสักคำเลยเหรอ ว่ายินดีให้บริการหรือเปล่า?”
ถ้อยคำเสมือนหนึ่งดูถูกทำให้เลือดขึ้นหน้า จนลืมนึกไปว่าเพื่อนสนิทได้โยนบทบาทผู้ชายขายบริการมาให้ นัยน์ตาสีเขียวขุ่นตามสัญชาติแฝงแววกระด้าง ขณะมองหญิงสาวตรงหน้าราวจะให้หล่อนแหลกเหลวเป็นจุณ ให้ตายเถอะ! มันน่าโมโหชะมัด! ผู้หญิงคนนี้กล้าดียังไง ถึงประเมินนักธุรกิจที่มีทรัพย์สินเป็นพันๆ ล้านอย่างสตีฟ อาร์เมอร์ ว่าเป็นเพียงแค่ผู้ชายขายตัว!
...............................................................................


หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน
จะเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนบ้างนะคะ
แล้วพบกันที่ซีเอ็ดทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปค่ะ



ด้วยความขอบคุณจากใจ
ทิตภากร..






Free TextEditor




 

Create Date : 25 มกราคม 2553   
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2553 9:13:44 น.   
Counter : 427 Pageviews.  



z-simlee
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่ห้อง..."ทิตภากร & พาสเวิร์ด"
คำเตือน... ลิขสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกเป็นของผู้เขียนตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน
Cute Cursors from Dollielove.com
[Add z-simlee's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com