พิศวาสทาสทราย ((( วางจำหน่ายแล้ว + ภาพปกหนังสือ )))



พิศวาสทาสทราย
ความรัก ความแค้น
ที่รอการชำระ ณ แดนทราย
งานวิวาห์ล่มสลาย ไร้เจ้าสาว!
อาญาที่หมายจะลงทัณฑ์ให้ตายตกไปตามกัน
กลับกลายเป็นการทรมานที่แสนหวาน
แม้อยากจะครอบครอง แต่ก็ต้องหักห้าม ด้วยไม่อาจแตะต้อง
แต่ใครเลยจะล่วงรู้...
ว่าหล่อนเป็นเพียงแค่เงาของผู้หญิงอีกคน!
ตีพิมพ์สนพ.ภัทร์โญธิน
(สนพ.ในเครือบริษัทอักษรศาสตร์ พับลิเคชั่น)

(วางจำหน่ายแล้วค่ะ แล้วพบกันที่ซีเอ็ดทุกสาขานะคะ)



ราคา 229 บาท เท่านั้น






Free TextEditor




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2553   
Last Update : 7 พฤษภาคม 2553 19:38:28 น.   
Counter : 359 Pageviews.  


พิศวาสทาสทราย [ ตัวอย่างเนื้อเรื่อง ]

“นัฐชา! นี่มันเรื่องอะไรกัน ตอบผมมาซิ! ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร”

 


                “จักร...คุณฟังนัฐก่อนนะคะ นัฐไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร นัฐไม่รู้จักเขา ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเขาพูดเรื่องบ้าอะไร เชื่อนัฐนะคะจักร เชื่อนัฐนะคะ”

 


นัฐชาหน้าตื่น หันซ้ายแลขวาสลับกันไปมาระหว่างผู้เป็นเจ้าบ่าวกับบุรุษแปลกหน้า แม้เวลานี้จะโกรธจนควันออกหู ที่ชายผู้นั้นกระทำการจาบจ้วงกับตน จนอยากจะเข้าไปตบเขาสักฉาดให้หายแค้น แต่หล่อนก็เลือกที่จะให้ความสนใจกับว่าที่เจ้าบ่าว เพราะเห็นว่าสิ่งที่สมควรจะกระทำที่สุดในขณะนี้ ก็คือต้องเรียกความเชื่อมั่นจากชายคนรักให้กลับคืนมาเสียก่อน ด้วยไม่ต้องการให้เหตุการณ์เลวร้ายลงมากกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นนัฐชาจึงสาวเท้าเข้าประชิดผู้เอ่ยสัตย์สาบานเคียงคู่กับตนต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า ก่อนจะเกาะเกี่ยวท่อนแขนของเขาไว้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับชายคนรัก

 


                “ไม่เอาน่า...นัฐชา อย่าบอกนะ ว่าคุณลืมคืนวันที่ร้อนเร่าของเราสองคนไปแล้ว ผมยังจำได้เลย ว่าคืนนั้นน่ะ คุณออดอ้อน...” ปฏิกิริยาดังกล่าวทำให้นัยน์ตาสีดำสนิทที่แฝงความดุดันจ้องมองหญิงสาวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ทว่าน้ำคำที่เอื้อนเอ่ยออกไปกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

 


                “นี่! อย่ามาพูดพล่อย ๆ ให้ฉันเสียหายแบบนี้นะ ฉันไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน อย่าว่าแต่หน้าเลย ชื่อก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แล้วฉันจะไปทำเรื่องบ้า ๆ แบบนั้นกับคุณได้ยังไงกัน” ถ้อยคำยั่วยุที่ได้ยินได้ฟัง ทำให้นัฐชาถึงกับควันออกหู ด้วยเข้าใจผิดคิดไปว่าชายผู้นั้นและสมัครพรรคพวกจงใจมาป่วนงาน เพราะได้รับการว่าจ้างจากญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของหล่อนหรือไม่ก็ของชายคนรัก

 


                “นัฐชา คุณจะปฏิเสธให้มันได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อคุณกับผมต่างก็รู้ ๆ กันอยู่ ว่าเรา...” สายตาเย้ยหยันคล้ายจะเป็นต่อจ้องมองท่าทีหญิงสาว

 


                “หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าคิดจะก่อกวนกันไม่เลิกละก็ เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่” นัฐชารั้งชายกระโปรงขึ้นแล้วสาวเท้าเข้าหาอย่างเอาเรื่อง ใบหน้าสวยหวานที่ตกแต่งไว้อย่างประณีตบึ้งตึง ด้วยกำลังคิดว่าหากแปลงร่างเป็นยักษ์ได้ ก็คงจะทำไปแล้ว เพราะเวลานี้หล่อนอยากจะหักแขนหักขาชายปากสามหาวผู้นี้ เอามาขบเคี้ยวก่อนจะกลืนกินลงท้อง ชนิดที่เรียกว่าไม่ให้หลงเหลือกระดูกเลยสักชิ้น

 


                “ว้ายย! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยสิ! จักรคะช่วย...”                  

 


แต่แทนที่นัฐชาจะได้ประทุษร้ายชายปากดีนั่นอย่างที่ตั้งใจไว้ กลับถูกมือหนารั้งร่างเข้าหา กว่าที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ท่อนแขนกำยำก็ตรึงรัดหล่อนไว้จนดิ้นไม่หลุด วูบหนึ่งนัฐชารู้สึกใจหายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาดุดันที่จ้องมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แม้น้ำเสียงกระด้างที่ลอดผ่านไรฟันจะแผ่วเบาพอให้ได้ยินเพียงแค่สองคน แต่มันก็ทำให้ทุกอณูขุมขนบนเรือนร่างของหญิงสาวลุกชันและไร้การขัดขืนอย่างสิ้นเชิง 

 


“หุบปาก! แล้วมองไปที่ประตู ถ้ายังอยากให้พ่อแม่มีชีวิตอยู่ละก็ ทำทุกอย่างตามที่ผมสั่ง

 


เพียงแค่ไล่สายตาไปหยุดยังปากประตูโบสถ์ นัยน์ตาคู่สวยก็เบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก เมื่อพบว่าบิดามารดายืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของชายฉกรรจ์หน้าตาเหี้ยมโหดนับสิบ ที่ล้วนแล้วแต่ถืออาวุธร้ายแรงอยู่ในมือ ก็รู้สึกเหมือนใจทั้งดวงไม่อยู่ที่อกซ้าย หากแต่หล่นหายและสูญสลายไปในอากาศ ใบหน้างามถอดสีจนขาวซีด ความหวาดกลัวที่วิ่งเข้ามาจับขั้วหัวใจ ทำให้หญิงสาวรีบตวัดสายตาวิงวอนบุรุษผู้นั้น แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับเป็นเพียงน้ำเสียงกระด้าง ที่ส่งผ่านริมฝีปากที่กำลังแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน

 


                “กอดผมสิ! แล้วจูบผมด้วย ทำแบบเดียวกับที่คุณคิดจะทำกับไอ้หมอนั่น

 


นัฐชายืนนิ่งไม่ไหวติง ด้วยถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังนั้นทำให้ชาไปทั้งตัวและความรู้สึก ช่วงชีวิตที่ผ่านมา หล่อนไม่เคยคิดที่จะให้ร้ายหรือทำร้ายผู้ใดให้ต้องเจ็บปวด เท่าที่จำได้...หล่อนไม่เคยรู้จัก หรือแม้แต่พบหน้าบุรุษผู้นี้มาก่อนเสียด้วยซ้ำ แล้วทำไม? ทำไมชายผู้นี้ถึงได้คิดร้ายกับหล่อน เขาทำตัวไม่ผิดกับเป็นเจ้าชีวิต บีบบังคับข่มขู่ให้ต้องกระทำในสิ่งที่ไม่เต็มใจ แววตาดุดันที่จ้องมองมาแต่ละครั้ง ก็เชือดเฉือนไม่ผิดกับปลายมีดแหลมคม ที่พร้อมจะกรีดลงมาบนกลางใจของหล่อน หากยังมัวแต่ลังเล หรือไม่ยอมตัดสินใจอะไรลงไปให้เด็ดขาด

 


ในเมื่อไม่มีหนทางให้เลือกมากนัก ถ้าอยากให้เรื่องจบ ก็คงต้องจำยอม ริมฝีปากได้รูปเม้มสนิทอย่างคนใช้ความคิดคลี่ออก ก่อนที่จะตวัดแขนทั้งสองขึ้นสอดประสานรอบท้ายทอยบุรุษ แล้วโน้มศีรษะเขาลงมาแตะแต้มเรียวปากอิ่ม สัมผัสเพียงแผ่วที่ไร้อารมณ์และความรู้สึก หาใช่สิ่งที่ผู้ออกคำสั่งต้องการ สัมผัสแข็งกระด้างที่สร้างความเจ็บแปลบบริเวณต้นแขนทั้งสองข้างจึงเกิดขึ้นทันที เมื่อมือแข็งราวคีมเหล็กกระชากร่างบางเข้าหาแล้วตรึงรัดไว้ในวงแขน ส่งผลให้ทุกสรรพางค์แนบชิดจนไม่หลงเหลือช่องว่างใด ๆ ให้ได้เห็น สรีระที่ต่างฝ่ายต่างสัมผัสได้ ทำให้สองอารมณ์สองความรู้สึกเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ด้วยหนึ่งนั้นหน้าม้านก่อนจะขึ้นสีด้วยความโกรธและเขินอาย ส่วนอีกหนึ่งเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน พลางโน้มหน้าลงประกบกลีบปากอิ่มที่เพิ่งจะทอดถอนอย่างดุดันราวกับจะสั่งสอน

 


“ไอ้บ้าเอ้ย! ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ”

 


หลังจากที่จักรพงษ์หายตกตะลึง ชายหนุ่มก็ปรี่เข้าไปกระชากตัวผู้ที่กำลังกระทำจาบจ้วงกับคนรักของตน กำปั้นล้วน ๆ ที่ส่งผ่านตามแรงอารมณ์คุกรุ่นกระแทกลงบนใบหน้าคมคายนั่น โดยที่ผู้ถูกกระทำไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย เลือดสีแดงสดไหลซึมจากริมฝีปาก ขณะที่ร่างสูงใหญ่มีอาการเซซวนเล็กน้อย เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น ทำให้ชายฉกรรจ์นับสิบต่างกรูกันขึ้นมาบนแท่นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปกป้องคุ้มกันผู้เป็นนาย และหมายจะรุมสกรัมชายผู้นั้นในทันที

 


“อย่า! เราจัดการเองได้”

 


                บุรุษหน้าตาคมคายส่งเสียงปราม ก่อนจะใช้หลังมือปาดเลือดสีแดงสดที่ไหลซึมจากมุมปาก เขาสะบัดศีรษะเล็กน้อยเหมือนจะเรียกสติ ก่อนจะตวัดสายตาดุดันกวาดมองคู่บ่าวสาวที่ยืนอยู่เคียงกัน

 


                “มาหาผม...นัฐชา”

 


                เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ หญิงสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์ก็ตั้งท่าจะขยับ แต่ติดที่ว่าชายคนรักที่ยืนอยู่เบื้องหน้านั้นขวางไว้ จักรพงษ์ไม่ไว้ใจชายแปลกหน้าผู้นี้เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าท่าทีที่แสดงออกจะเป็นเพียงการยื่นมือออกมาข้างหน้าคล้ายจะร้องขอ โดยไม่มีท่าทีว่าจะจู่โจมหรือมุ่งร้าย แต่ทว่าแววตาที่แสดงออกกลับแข็งกระด้าง ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ภายใน

 


“ไม่นะนัฐ! ผมอยู่นี่ทั้งคน คุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

 


                “ผมบอกให้คุณมาหาผมเดี๋ยวนี้ นัฐชาเมื่อเห็นว่าสิ่งที่พูดออกไปไร้ผล นัยน์ตาดุดันจึงจ้องเขม็งผ่านบุรุษเบื้องหน้าไปยังสตรีที่ยืนอยู่ด้านหลัง น้ำเสียงราบเรียบที่เปลี่ยนเป็นกร้าวขึ้นตามแรงอารมณ์ ส่งผลให้หญิงสาวถึงกับหน้าซีดตัวสั่น ความรู้สึกหวาดกลัวที่ก่อเกิด ทำให้นัฐชารีบก้าวออกมายืนเบื้องหน้าแล้วสาวเท้าเข้าหาคนออกคำสั่ง ราวกับว่าตกอยู่ใต้มนต์สะกด

 


“นัฐ! อย่าไป ได้โปรด...” จักรพงษ์พยายามจะคว้าตัวหญิงสาว แต่เขาก็ถูกชายฉกรรจ์ชุดดำสี่ห้าคนขวางเอาไว้ จึงได้แต่ทรุดตัวลงนั่งส่งคำวิงวอนไล่หลังหญิงสาวอยู่ตรงนั้น

 


“ขอโทษนะคะจักร นัฐ...นัฐคง...แต่งงานกับคุณไม่ได้แล้ว มันจำเป็...”

 


นัฐชาผินหน้ากลับไปมองเบื้องหลัง แต่ทว่าดวงตาคู่สวยที่รื้นไปด้วยหยาดน้ำตากลับต้องหลุบสายตาลงต่ำ หล่อนไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับคนรัก จึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนหลุดน้ำเสียงสั่นเทาออกจากเรียวปาก หญิงสาวพูดได้เพียงไม่กี่ประโยค ก็เหมือนมีก้อนสะอื้นวิ่งขึ้นมาอุดตันอยู่บริเวณลำคอ จึงตัดสินใจหันกลับแล้วก้มหน้าก้มตาเดินต่อ จนกระทั่งมาหยุดอยู่เบื้องหน้าชายผู้นั้น

 


ทันทีที่เหลือบตาขึ้นมองก็เหมือนใจจะหล่นหายเสียให้ได้ เมื่อพบว่าดวงตาสีนิลที่จ้องมองอยู่ก่อน นั้นฉาบไว้ด้วยความแข็งกระด้างและฉายแววชิงชังอย่างเห็นได้ชัด หากนัฐชาตาไม่ฝาด หล่อนเห็นบุรุษผู้นั้นกำลังแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน ร่างบางสะดุ้งสุดตัวหลุดจากภวังค์ เมื่อฝ่ามือร้อนผ่าวแตะลงมาที่ไหล่กลมกลึง ก่อนจะกระชากเข้าหาและโอบไว้อย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ เสมือนหนึ่งถือสิทธิ์ในฐานะเจ้าชีวิต ผู้มีสิทธิ์ขาดเหนือร่างกายของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว ความหวาดกลัวที่แผ่ซ่านไปทุกอณูขุมขน ส่งผลให้ร่างทั้งร่างนั้นเย็นเฉียบเหมือนยืนอยู่ในจุดเยือกแข็ง หยาดน้ำใสจากดวงตาคู่สวยจึงเอ่อล้นลงอาบสองข้างแก้ม

 


แต่ก็น่าแปลก...ที่จู่ ๆ บุรุษผู้นั้นกลับหันมายิ้มให้ พลางไล้ผ้าเช็ดหน้าผืนบางซับหยาดน้ำตาไปบนใบหน้าสวย กว่าที่หญิงสาวจะรู้ว่าน้ำใจที่หยิบยื่นให้นั้นคืออสรพิษร้าย ก็สูดดมกลิ่นฉุน ๆ ที่ไม่คุ้นเคยเข้าไว้จนเต็มปอด อาการตาพร่ามัวเกิดขึ้นในบัดดล แขนขาก็เหมือนจะหมดแรงเอาเสียดื้อ ๆ สติสัมปชัญญะที่ลดน้อยถอยลงตามลำดับ ทำให้หญิงสาวยืนโงนเงนไปมาก่อนจะล้มลงในอ้อมแขนของบุรุษ สำเหนียกสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบ คือเสียงกร้าวประกาศก้องต่อหน้าแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน

 


“ผู้หญิงคนนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของราชสกุลมูฮาลาฟ ผมขอคืน

 


สิ้นสุดน้ำคำงานวิวาห์ก็สิ้นสุด บุรุษหน้าตาคมคายช้อนร่างไร้สติของหญิงสาวเข้าสู่อ้อมแขน แล้วพาเดินฝ่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงานนับร้อยชีวิต โดยไม่มีใครหรือผู้ใดกล้าขัดขวาง เพราะต่างก็หวั่นเกรงอาวุธสีดำสนิทที่อยู่ในมือชายชุดดำนับสิบ ที่เดินประกบคุ้มภัยให้ผู้เป็นนายทางเบื้องหลัง

 






Free TextEditor




 

Create Date : 06 เมษายน 2553   
Last Update : 7 พฤษภาคม 2553 12:13:48 น.   
Counter : 201 Pageviews.  


พิศวาสทาสทราย [ ตัวอย่างเนื้อเรื่อง ]

พิศวาสทาสทราย

 


ประพันธ์โดย...ทิตภากร

 


ตอนที่ 1

 


ประเทศไทย...

 


แม้ร่างสันทัดของบุรุษผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าบ่าวในชุดสากลสีดำสนิทจะยืนสงบนิ่ง รอคอยเจ้าสาวแสนสวยมาปรากฏกายเคียงข้าง เพื่อร่วมกล่าวสัตย์สาบานต่อหน้าสักขีพยานและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่กลางโบสถ์คริสตจักร แต่ทว่าภายในใจของชายหนุ่มกลับเต้นรัวและแรงเสียยิ่งกว่ากลองเพล มือไม้เย็นเฉียบที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปซุกไว้ตรงไหนเหมือนจะสั่นเล็กน้อย ทำให้ต้องสอดประสานกันไว้เพื่อลดอาการประหม่า จักรพงษ์รู้สึกว่าทุกวินาทีที่รอคอยผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทำให้เขาอดรนทนไม่ได้ ที่จะหันกลับไปมองทางทอดยาวที่ปูด้วยพรมสีสดไปจรดปากประตูโบสถ์ ใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดี เมื่อเห็นร่างระหงในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ก้าวผ่านประตูเข้ามาพร้อมผู้เป็นบิดา

 


แม้ใบหน้านวลสวยของว่าที่เจ้าสาวจะถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมหน้าผืนบาง แต่ทว่าความบางเบาของเนื้อผ้าไม่อาจซ่อนเร้นนัยน์ตากลมโตสีดำสนิท ที่ทอแสงแห่งความสุขอันเปี่ยมล้นให้กับผู้ที่มาร่วมงานได้พบเห็น เรียวปากอวบอิ่มแย้มยิ้ม ขณะก้าวย่างไปบนพรมเนื้อดีที่ทอดยาวไปจรดแท่นประกอบพิธี แสดงออกอย่างเด่นชัดว่าหญิงสาวปลาบปลื้มเพียงใด กับการที่จะก้าวผ่านประตูวิวาห์ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ปลายเท้าที่ก้าวเดินช้า ๆ เคียงคู่มากับบิดาหยุดลงตรงหน้าผู้รอคอย ก่อนจะวางมือเรียวลงบนอุ้งมือใหญ่ บ่งบอกความมั่นใจที่มีต่อชายหนุ่มที่จะก้าวเข้ามาเป็นคู่ชีวิต และทันทีที่ทั้งสองยืนเคียงกันหน้าแท่นประกอบพิธี บาทหลวงผู้เป็นตัวแทนพระผู้เป็นเจ้าก็เริ่มพิธีอันศักดิ์สิทธิ์

 


บทนำสวดถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้าง เพื่อให้คู่บ่าวสาวได้ซาบซึ้งและรับรู้ถึงหลักการดำเนินชีวิตคู่ ที่ต้องอยู่เคียงกันตราบจนถึงวันที่อีกฝ่ายสูญสิ้น สองมือที่ต่างฝ่ายต่างสอดประสานระหว่างที่รับฟังถ้อยคำเหล่านั้นกระชับเข้าหากันแน่น ราวกับจะส่งผ่านความเชื่อมั่น และยืนยันว่าจะไม่มีสิ่งใดมาพรากคนทั้งสองจากกันได้

 


                “ลูกจะยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาหรือไม่”

 


                “ครับ ผมยินดีที่จะรับเธอคนนี้เป็นภรรยาครับ” จักรพงษ์ระบายยิ้ม หันไปสบตาหญิงสาวที่กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นภรรยาของเขาในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า พร้อมทั้งเอ่ยสัตย์สาบานออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 


                “แล้วลูกล่ะ จะยอมรับชายคนนี้เป็นสามีหรือไม่”

 


ริมฝีปากอวบอิ่มขยับ ตั้งท่าจะตอบรับคำบาทหลวง แต่ยังไม่มีวจีใดหลุดจากปากก็พลันชะงัก เมื่อได้ยินเสียงหนึ่งตะโกนก้องจากเบื้องหลัง

 


                “ผมขอคัดค้านการแต่งงานของคนทั้งสอง

 


สิ้นเสียงทรงอำนาจที่เหมือนมีมนต์สะกดของบุรุษสูงสง่าหน้าตาคมคาย ที่ก้าวผ่านประตูโบสถ์เข้ามาอย่างไม่หวั่นเกรงผู้ใด พร้อมกับผู้ติดตามในชุดสูทสีดำสนิทอีกไม่ต่ำกว่าสิบ ทำให้สายตาทุกคู่จับจ้องไปในทิศทางเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย และเกิดเสียงอื้ออึงขึ้นในเวลาต่อมา

 


“คุณเป็นใคร! ถ้าตั้งใจจะมาป่วนงานแต่งงานของเพื่อนผมละก็ ออกไปให้พ้น! ก่อนที่ผมจะเรียกตำรวจ หนึ่งในแขกที่มาร่วมงานลุกขึ้นชี้หน้าตวาดกร้าว สาวเท้าเข้าหาผู้ก่อความวุ่นวายด้วยท่าทางเอาเรื่อง

 


“หลีกไป! ไม่ใช่เรื่องของคุณ”

 


แต่ทว่ายังไม่ทันที่ชายผู้นั้นจะเข้าถึงตัวผู้มาป่วนงาน ก็ถูกชายชุดดำหนึ่งในสิบสอยล่วงลงไปนอนกองกับพื้น ก่อนจะหิ้วปีกออกไปนอกโบสถ์ เพื่อเปิดทางให้กับผู้เป็นนายก้าวผ่านไปได้อย่างสะดวก ขณะที่ทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ดังกล่าว บุรุษหน้าตาคมคายก็ฉวยโอกาสนั้นก้าวมาหยุดหน้าแท่นประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเป็นคำรบสอง เมื่อชายผู้นั้นคว้าร่างอ้อนแอ้นที่อยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์เข้ามาไว้ในวงแขน ก่อนจะตวัดผ้าคลุมหน้าผืนบางขึ้นมอบจุมพิตดูดดื่มให้หญิงสาว ท่ามกลางสายตาแขกเหรื่อผู้มาร่วมงานและผู้เป็นเจ้าบ่าว ที่ได้แต่ยืนตกตะลึงพึงเพริดกับเหตุการณ์ดังกล่าว

 


            “ผู้หญิงคนนี้เป็นของผม ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์

 


            เพียงไม่กี่วินาทีบุรุษผู้นั้นก็ถอนริมฝีปากขึ้น เขาเหยียดยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากใส่ตาหญิงสาว ก่อนจะปล่อยหล่อนให้เป็นอิสระ พร้อมทั้งประกาศก้องให้ทุกคนได้รับรู้ ทุกถ้อยคำที่กล่าวอ้างสิทธิ์เหนือร่างเย้ายวนในชุดเจ้าสาว สร้างความมึนงงให้กับผู้ที่มาร่วมงานนับร้อยชีวิต จึงไม่ใช่เรื่องแปลก...ที่เสียงซุบซิบจะดังอื้ออึงขึ้นทั้งโบสถ์ ส่งผลให้เจ้าบ่าวถึงกับยืนอึ้งไปชั่วขณะ ใบหน้าหล่อเหลาซีดแทบไม่มีสีเลือด ขณะที่เหงื่อเม็ดโป้งผุดพรายทั่วใบหน้า คิ้วดกหนาสีดำสนิทขมวดมุ่น เมื่อความเคลือบแคลงสงสัยเกิดขึ้นในบัดดล       

 






Free TextEditor

หมายเหตุ...
งานเขียนนี้จะโพสแค่ทราบกำหนดการวางจำหน่ายเท่านั้น




 

Create Date : 04 เมษายน 2553   
Last Update : 7 พฤษภาคม 2553 12:12:34 น.   
Counter : 204 Pageviews.  



z-simlee
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่ห้อง..."ทิตภากร & พาสเวิร์ด"
คำเตือน... ลิขสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกเป็นของผู้เขียนตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน
Cute Cursors from Dollielove.com
[Add z-simlee's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com