รักษาคนเก่งไว้





รักษาคนเก่งไว้



ที่มา : บทความ “ทำอย่างไรจึงจะรักษาคนเก่ง-คนดี ไว้กับองค์กรได้นานๆ”
เขียนโดย อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา apiwut_p@yahoo.com
จาก Productivity Corner
จดหมายข่าวรายเดือนของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ
ปีที่ 6 ฉบับที่ 71 กุมภาพันธ์ 2549







ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ คนเก่ง-คนดี ที่มีความรู้ความสามารถ หายากขึ้น และที่สำคัญหาได้แล้วก็ยังรักษาไว้ได้ยาก ทั้งนี้เพราะแนวความคิดเรื่องการบริหารคนระยะหลังๆเปลี่ยนไป


ในอดีตหลายๆ องค์กรเชื่อว่า คนคือทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดสำหรับองค์กร แต่ Jim Collins เขียนหนังสือ Good to Great ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และทำท่าจะพลิกความเชื่อในเรื่องการบริหารคนในอดีต ได้เกือบหมดสิ้น เขาเขียนในหนังสือ ว่า

“จริงๆ แล้ว ไม่ใช่คนทุกคนที่เป็นทรัยพากรที่มีค่าสำหรับองค์กร หากแต่เป็นเพียงแค่คนบางคนที่องค์กรต้องการเท่านั้นต่างหาก ที่เป็นทรัพยากรที่มีค่าสำหรับองค์กร ด้วยเหตุนี้หลายๆองค์กรจึงเลิกที่จะสนใจอัตราพนักงานเข้าออก (Staff Turnover) เพราะตัวเลขนั้นแทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย


Staff Turnover ปีละ 15% ก็คงไม่เป็นไร ถ้าทั้ง 15% นั้นเป็นคนที่องค์กรไม่อยากให้อยู่ อยู่แล้ว
(อันที่จริงควรจะดีใจด้วยซ้ำ)


แต่ Staff Turnover แค่ 2% แต่เป็น 2% ของคนที่องค์กรอยากให้อยู่ คงจะแย่กว่า 15% ข้างต้นเป็นแน่



มีคนพูดกันมากว่า เด็กๆเดี๋ยวนี้ไม่สู้งานเหมือนคนสมัยก่อน เปลี่ยนงานกันเป็นว่าเล่น แต่ผม(ผู้เขียนบทความ)กลับมองต่างมุม ผมว่าสภาวะแวดล้อมหลายๆอย่างมันเปลี่ยนไป ผมว่าเด็กรุ่นหลังมีโอกาสมากขึ้น และอาจมีปรัชญาในการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป


ปัญหาจึงอยู่ที่องค์กรมากกว่า ว่าจะสามารถสรรหาและรักษาคนเก่ง-คนดีที่องค์กรอยากได้ ไว้กับองค์กรได้หรือไม่?


จากการศึกษาพบว่า องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการรักษาคนเก่ง-คนดีไว้ ไม่ได้ดูแลพนักงานทุกคนในองค์กรเท่ากัน

องค์กรเหล่านั้นจะจัดกลุ่มพนักงานที่องค์กรต้องการดูแลเป็นพิเศษขึ้นมา (Talent Pool)


โดยส่วนใหญ่ใช้เกณฑ์ในการคัดเลือก เช่น ดูจากผลการปฏิบัติงานย้อนหลัง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยต้องมีผลงานดีกว่ามาตรฐานอย่างสม่ำเสมอติดต่อกัน, ต้องทำงานกับองค์กรมาสักระยะหนึ่ง ส่วนมากก็ 2-3 ปีขึ้นไป, มีความรู้ความสามารถ และทัศนคติหรือพฤติกรรมที่เหมาะสมตามที่องค์กรคาดหวัง ประกอบกัน



เมื่อระบุกลุ่มคนเก่ง-คนดีขององค์กรได้แล้ว หลายๆองค์กรเลือกที่จะบอกเฉพาะแต่เจ้าตัวและหัวหน้างานโดยตรงว่า เขาได้รับการคัดเลือก เป็นกลุ่มพนักงานที่จะได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษ โดยไม่มีการให้สัญญาใดๆ ว่าเขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือไม่ และเมื่อใด


หลายๆคนอาจถามว่า อ้าว ! แล้วอย่างนี้ไม่ทำให้เกิดความแตกแยกหรือ? ตอบว่า แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสีย ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ในอดีตหลายๆองค์กรเลือกที่จะไม่บอกแม้แต่ตัวพนักงานด้วยซ้ำว่า เขาเป็นคนเก่ง-คนดีขององค์กร จนพนักงานมาลาออกนั่นแหละ ถึงจะบอก...แต่ก็สายเกินไป



เมื่อได้กลุ่มคนเก่ง-คนดีมาแล้ว ปกติมีสักประมาณ 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด องค์กรก็เริ่มวางแผนในการพัฒนาพวกเขา โดยแนวทางในการพัฒนาส่วนมากจะใช้วิธีที่ค่อนข้างหลากหลาย


แต่สิ่งหนึ่งที่ทุก ๆ องค์กรเลือกใช้ในการพัฒนากลุ่มคนเหล่านี้เหมือนๆกัน คือการมอบหมายให้ทำโครงการ (Project Assignment) บางอย่าง
ร่วมกัน

ประมาณว่า เป็นการฝึกให้เรียนรู้จากการลงมือทำจริง


ตัวอย่างเช่น หลักสูตร MDP (Management Development Program) ของเครือซิเมนต์ไทย ที่จัดร่วมกับ Wharton School, University of Pennsylvania จากสหรัฐอเมริกา, โครงการพัฒนาผู้บริหารระดับกลางของ Siemens ชื่อ BIP (Business Impact Projects) หรือ GE ก็มีโครงการอันเลื่องชื่อไปทั่วโลกอย่าง Workout Projects เป็นต้น


โดยโครงการเหล่านี้ จะมีบางอย่างที่คล้ายกัน

อันดับแรก คือ เป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจและมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเจริญขึ้น


อันดับสอง คือ เป็นโครงการที่สามารถทำสำเร็จได้ในระยะเวลาที่ไม่ยาวจนเกินไป (ประมาณไม่เกิน 4-6 เดือน) และวัดผลได้


และ อันดับสุดท้าย มักเป็นการทำงานร่วมกันแบบข้ามหน่วยงาน
(Cross-functional ) ซึ่งหมายความว่า สมาชิกในกลุ่มที่ร่วมกันทำโครงการ มักมาจากต่างหน่วยงานและมีพื้นฐานความคิดไม่เหมือนกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการฝึกฝนให้ทำงานร่วมกับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายขึ้น



คำถามที่มักจะตามมาคือ พนักงานเหล่านี้มีงานประจำที่ต้องทำอยู่แล้ว ถ้าต้องมาทำ Project อีกจะไม่หนักเกินไปหรือ ?


ผมก็เคยสงสัยเช่นนี้เหมือนกัน และมีโอกาสคุยกับผู้บริหารของหลายองค์กรที่มีการทำเรื่องนี้ และพบว่า ทั้งหมดมองเห็นเกือบจะตรงกันว่า


การให้ Project ไปทำ ถือเป็นบททดสอบและการเรียนรู้ที่ดี ดีกว่าส่งไปอบรมเมืองนอกที่เสียเงินหลายๆแสนซะอีก...

เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว

นกตัวที่หนึ่งคือ พนักงาน ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้จากภาคทฤษฎี และได้ลงมือปฏิบัติจริง


นกตัวที่สองคือ องค์กร เพราะโครงการที่เลือกมาทำนั้น เป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับงานหรือองค์กรโดยตรง เพราะฉะนั้นองค์กรก็จะได้ประโยชน์จากการทำโครงการนั้นด้วย (หลายครั้งพบว่า ดีกว่าจ้างที่ปรึกษาจากต่างประเทศมาทำเสียอีก)


และ นกตัวสุดท้าย คือ การได้พิสูจน์ว่า คนที่เลือกมานั้น “เลือกถูก” หรือเปล่า? เพราะการให้พนักงานได้ทำโครงการเพิ่มเติม ถือเป็นบทพิสูจน์หลายๆอย่างสำหรับพนักงานคนนั้นๆ ว่า จะสามารถทนรับกับความกดดัน และมีทัศนคติที่เหมาะสมที่จะถูกเลือก ให้เป็นผู้บริหารต่อไปในอนาคตหรือไม่ ?



ผมเคยไปนำสัมมนาครั้งหนึ่งให้กับองค์กรแห่งหนึ่ง ซึ่งกลุ่มคนที่เข้าเรียนกับผม เป็นพนักงานที่องค์กรคัดมาว่าเป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพ เมื่อเรียนจบมีการมอบหมายให้ทำ Project

ปรากฏว่า มีพนักงานคนหนึ่งโวยวายว่า ทำไมต้องทำ
งานที่ทำประจำก็เยอะอยู่แล้ว เหตุใดยังต้องมาทำ Project อะไรกันอีก
(องค์กรนี้เลือกที่จะไม่บอกแม้แต่เจ้าตัวว่า เพราะเหตุใดเขาจึงถูกเลือกมา)


ปรากฏว่างานนั้น มีผู้ใหญ่นั่งอยู่หลายคน พนักงานคนนั้นเลยมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองว่า

“ผมไม่เหมาะ”...ก็เลยซวยไป !!


สุดท้ายเมื่อพัฒนาแล้ว ก็ต้องพยายามรักษาไว้

เท่าที่ผมเห็นมา พบว่า องค์กรส่วนใหญ่ไม่ได้ให้รางวัลพิเศษอะไรกับพนักงานกลุ่มนี้ ณ ตอนที่ถูกเลือกมา แต่จะตบรางวัลทันที ที่พวกเขาสอบผ่านบทพิสูจน์ “ความอึด” และสามารถผลักดันโครงการที่ได้รับมอบหมายให้ประสบความสำเร็จได้



นอกจากนั้น องค์กรส่วนใหญ่มักมีข้อตกลงภายในว่า เมื่อใดก็ตามที่มีตำแหน่งงานว่าง พนักงานในกลุ่มนี้จะได้รับการพิจาณาก่อน
เป็นอันดับแรก


แต่ถ้าหากหน่วยงานใด มีตำแหน่งงานระดับบริหารว่าง แต่ขอรับคนใหม่จากข้างนอก หน่วยงานนั้นจะต้องอธิบาย และพิสูจน์กันยืดยาวเลยทีเดียว.



โดย yyswim



Create Date : 06 เมษายน 2549
Last Update : 6 เมษายน 2549 21:24:52 น. 24 comments
Counter : 944 Pageviews.

 
ขอบคุณครับ เข้าใจการ "บริหารคน" มากขึ้นเลยครับ


โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 6 เมษายน 2549 เวลา:22:12:30 น.  

 
อยากเป็นคนที่เค้าต้องการน่ะค่ะ


แต่ทำตัวเป็นคนที่พิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นดูว่า"เรา..ไม่เหมาะ" บ่อยๆ

แย่จัง


โดย: PADAPA--DOO วันที่: 6 เมษายน 2549 เวลา:22:26:08 น.  

 
อืม เยี่ยมครับ

น่าเอาไปให้ผู้บริหาร บ. ผมอ่านนะ

เผื่อเขาจะคิดอะไรได้บ้าง เหอๆๆ ..


โดย: เด็กชายหัวหอม วันที่: 6 เมษายน 2549 เวลา:23:21:33 น.  

 
หุหุ ขอบอกว่าไม่มีความลับในองค์กรค่ะ โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ๆ เค้าจะทราบว่ามี Special Treat กับคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งองค์กรคัดไว้แล้ว ทราบกระทั่งว่าได้เงินขึ้นพิเศษต่างๆ ที่พนักงานทั่วไปไม่ได้ และตามปกติของคนทั่วไป ก็จะมีการหมั่นไส้ ไม่ให้ความร่วมมือในการทำงาน ฯลฯ ทำให้ก่อให้เกิดการวุ่นวายในการบริหารคน และงานอยู่พอสมควร เฮ้อ ยากเจงๆ


โดย: ladybear วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:0:07:50 น.  

 
....จากการศึกษาพบว่า องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการรักษาคนเก่ง-คนดีไว้ ไม่ได้ดูแลพนักงานทุกคนในองค์กรเท่ากัน

องค์กรเหล่านั้นจะจัดกลุ่มพนักงานที่องค์กรต้องการดูแลเป็นพิเศษขึ้นมา (Talent Pool)....


ผมว่าเป็นความจริงในบางส่วนนะ เพราะองค์กรมีระดับของการบริหารไล่เป็นแผนภูมิต้นไม้ จึงไม่แปลกที่บุคคลบางกลุ่มจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่มี "อภิสิทธิ์" แต่จะต้องไม่ไปทำให้คนอื่นๆ ในองค์กรรู้สึกด้อยค่าลง

บทความนี้ดีครับ ทำให้ผมมองย้อนกลับมาดูที่ตัวเองเลยว่า ทำไมงานบางอย่าง ไม่ให้คนที่เขารับผิดชอบโดยตรงทำ แต่ให้ผมทำ หรืองานที่ผมควรรับผิดชอบ แต่ถูกมอบหมายให้อีกคนหนึ่งทำ เขาคงคิดว่า คนที่เขาเลือกให้ทำงานนั้นๆ คงจะสามารถทำงานให้สำเร็จและดีซะด้วย

ก้าวข้าม "บทพิสูจน์" ทั้งกำลังกาย สมอง ปัญหา คงทำให้เราเข้มแข็งขึ้น มีมุมมองที่กว้างขึ้น และสามารถอยู่ในองค์กรต่างๆ ที่มีสังคมที่แตกต่างกันได้อยู่รอดปลอดภัย พร้อมกับพัฒนาต่อไปอย่างไม่มีขีดจำกัด


โดย: ช้าง (Christian Chang ) วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:0:45:16 น.  

 
เป็นบทความที่ดีนะครับ ทั้งระดับบริหารและระดับปฏิบัติการควรจะได้อ่านทั้งคู่ ยิ่งองค์กรในไทย ยิ่งควรอ่าน


โดย: นายเบียร์ วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:3:03:19 น.  

 
เป็นเรื่องราวใหม่ๆที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย นี่ถ้ากลุ่มผู้บริหารคิดได้แบบนี้ หรือมีแนวคิดที่จะทำให้ได้เหมือนในบทความนี้ ก็ดีซิคะ เราเองในฐานะ คนที่กำลังจะทำงาน (แต่ยังไม่มีงานทำ) ก็อยากพิสูจน์ให้นายจ้างเห็นว่า เค้าคิดถูกแล้วล่ะ ที่เลือกเรามาทำงานด้วย แต่จนบัดนี้ รอแล้วรอเล่า เรายังไม่ได้เป็นผู้ถูกเลือกเลยค่ะ


โดย: SnowPatrol วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:10:11:43 น.  

 
บางที ก็ยากจะรักษาคนเก่งไว้นะคะ ถ้าหากคนเก่งโกงนะคะ


โดย: กระจ้อน วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:11:21:11 น.  

 
ยังบริหารใครไม่ได้เลยครับ 555 ตอนนี้กำลังหาคนบริหารอยู่ครับพี่ ผมคงทำงานก่อนสักแป๊บน่ะครับ แล้วค่อยเรียนต่อ พี่สินสบายดีนะครับ

ป.ล. ขอโทษที่มาตอบช้านะครับพี่


โดย: Due_n วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:12:12:51 น.  

 
มีผู้บริหารภายในองค์กรหลายแห่ง ที่ไม่พยายามรักษาคนของเขาเอาไว้ เปรียบเสมือน "ไก่ได้พลอย"
ไม่เห็นคุณค่า และพลอยเหล่านั้น ก็พยายามไปหาหน่วยงานที่ทำให้เขามีคุณค่ามากกว่า

นั่นคือความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่


โดย: mda IP: 203.159.12.16 วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:13:26:35 น.  

 
ผมมองว่าบางองค์กรไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าผลกำไรของตัวเองครับ
ถ้าให้คุณค่ากับบุคคลากรมากกว่านี้
ความรักของบุคคลากรที่มีต่อองค์กรก็อาจจะมากขึ้น



โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:14:13:06 น.  

 


น่าจะส่งไปให้ บรรดานายเก่าของผมจริงๆ ครับ
555


((พูดยังกะเอ็งเก๊งเก่งนะ ไอ้เอก))


โดย: AkE : Marvel' Boy IP: 203.154.242.2 วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:14:54:11 น.  

 
เอ่อ ขอโทษนะคะ ที่เข้ามาเพราะสะดุดกับชื่ออ่ะค่ะ
อยากรู้มันมีความหมายยังไงอ่ะคะ
คือมันชื่อเหมือนชื่อเล่นเราเลยอ่า แหะๆ


โดย: สวนลอยแห่งบาบิโลน วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:15:42:09 น.  

 
หวัดดีครับ มาเยี่ยม

ผมทำงานประจำมา 2ปีแล้ว หัวหน้าจะมีการให้ลูกน้องไปทำงานต่างประเทศประมาณ 4-5 วันแล้วแต่ระยะเวลางาน ตามอายุงานประมาณ 1ปีขึ้นไป ไม่เลือกแผนก การทำงานจะเป็นกลุ่มบ้าง เดี่ยวบ้างแต่จะมีคนคอยตรวจงานอย่างน้อย 2- 3คน ทุกคนจะมีอัธยาศัยดีเป็นส่วนใหญ่ มีการบริหารแบบไทยๆ ปัจจุบันยังไม่คิดไปไหน


โดย: btea วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:16:15:21 น.  

 
มาอ่าน อาหารสมองค่ะ


โดย: Aisha วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:23:07:32 น.  

 
แวะมาเยี่ยมวันหยุดค่ะ หลังจากกลับจาก กทม.
ไปนั่งอยู่หอสมุดจุฬา ยังคิดว่าเห็นคุณสินเคยนั่งอยู่เลยค่ะ อิ...อิ...

เป็นบทความที่ดีมาก ๆ ทำให้รู้วิธีการบริหารองค์กร รู้วิธีการบริหารบุคคลให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดี
องค์กรไหนได้ทั้งคนเก่งและคนดี องคฺกรนั้นโชคดีสุด ๆ เลย


โดย: ซออู้ วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:9:01:35 น.  

 
ตงเหลงฉ่า……เป็นหัวหน้าเมื่อไหร่ นำไปใช้บริหารคนเลยครับ


คุณPADAPA—DOO……หันด้านที่เขาต้องการ ให้เขาดูบ่อยๆ นะครับ



โดย: yyswim วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:12:22:54 น.  

 
เด็กชายหัวหอม……ผู้บริหารเขาอาจจะ ยังไม่ว่างอ่าน อิอิ


คุณlady bear…..บริหารคน ยากเจงๆ
เห็นด้วย และเห็นด้วย




โดย: yyswim วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:12:24:57 น.  

 
ช้าง……ขอบคุณครับ ที่ชอบบทความ
ช้าง คงอยู่ในกลุ่มคนเก่งของบริษัท สักวันผู้บริหารเขาคงจะขอพบตัวเป็นแน่


นายเบียร์…..ขอบคุณครับที่ชอบบทความ



โดย: yyswim วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:12:26:41 น.  

 
คุณSnowPatrol……มีงานรอให้ทำอยู่ทุกวันครับ
อ้อ แต่ก็มีคนอยากทำงานอยู่ทุกวันด้วย
สองอย่างนี้ กำลังรอ Match กันอยู่
สำคัญว่าต้องแสดงฝีมือให้เขาเห็นว่าเราเก่งจริง และมีความตั้งใจอยากทุ่มเทกับงานนั้นจริง
ผมจะเอาใจช่วยคุณ ให้คุณหางานที่เหมาะได้เร็วๆ


คุณจุ……คนโกง ถ้ามีหลักฐานต้องตักเตือนภาคทัณฑ์ แต่ถ้าทำซ้ำ ต้องให้ออก



โดย: yyswim วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:12:29:20 น.  

 
ดิว……พี่สบายดี ขอบคุณ

เรื่องหางาน หากดิวไม่ได้งานตรงกับที่เรียน ก็สามารถทำงานนั้นได้
พี่เอง ก็ทำงานที่ไม่ตรงกับเรียน
คุณปัญญา คุณไตรภพ และอดีตนายกทักษิณ ก็ไม่ได้ทำงานตรงกับที่เรียน


MDA……ขอบคุณครับ เมนต์ได้ตรงหัวใจของผมเลย
หลายองค์กร ไม่ได้รักษาคนเก่ง-คนดีของตนเอาไว้ …ใช่เลยครับ



โดย: yyswim วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:12:39:21 น.  

 
พลอั้น……เขียนเมนต์ ได้น่าคิดมาก
…..องค์กร มุ่งมองกำไร มากกว่ารักษาคนดี
กดราคา(เงินเดือน)คนเก่ง-คนดีเอาไว้ จนเขาขอไปทำงานที่อื่น

เรื่องนี้ ผมไม่สรุป เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้


เอก….อิอิ คนถ่อมตัว ….ใครๆก็รัก

เอก เก่งแน่นอน
เพียงแต่ว่า บางองค์กรมันมีเรื่องผลประโยชน์
ก็เลยมีการมองข้ามความสามารถของคนเก่ง ม้าง



โดย: yyswim วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:12:42:45 น.  

 
คุณสวนลอยแห่งบาบิโลน…..ชื่อเราตรงกัน ดีเลยครับ จะได้ติดต่อกันบ่อยๆและช่วยเหลือต่อกันได้

ชื่อ yyswim หรือว่ายว่ายswim มาจากว่า เป็นคนชอบว่ายน้ำครับ เคยเขียนบอกครับ หากเขียนซ้ำอีก รู้สึกอายอ่ะ มีอะไรติดต่อหลังไมค์ได้ครับ


Btea……หวัดดีครับ นาย up blog ใหม่หรือยัง

อ่านข้อมูลที่นายบอก เป็นบริษัทที่น่าทำงานนะครับ
ขอให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น



โดย: yyswim วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:12:44:06 น.  

 
คุณAisha……ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมนะครับ


คุณซออู้….คุณแวะเข้าไปที่หอสมุดกลางด้วย แล้วไปทานอาหารแถวร้านไหน?

ขอบคุณ ที่ชอบบทความนี้
ขอเอาใจช่วยให้งานคุณก้าวหน้าอย่างราบรื่น เสียดายครับผมไม่เก่ง ไม่งั้น อาจจะช่วยได้บ้าง?



โดย: yyswim วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:12:45:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.