ถ้าได้หนึ่งล้านบาท



ถ้าได้หนึ่งล้านบาท



>
"ถ้าได้หนึ่งล้านบาท คุณจะเอาไปทำอะไร?"

คำถามนี้คุ้นหู พอที่จะจัดเป็นประโยคแห่งยุคสมัยทีเดียว เป็นคำถามที่ใครๆอาจเคยฝันกับตัวเองว่า ถ้าถูกถามจะตอบอย่างไรดี?



มีเทวดาองค์หนึ่ง จำแลงกายลงมาในรูปลักษณ์ของพิธีกร ถามคำถามนี้ต่อประชาชนผู้เข้าแข่งขัน ท่ามกลางสายตาผู้ชมหลายร้อยคนในห้องส่ง และอีกหลายล้านคนที่ตั้งใจฟังคำตอบอยู่ทางบ้าน

เหนือศีรษะ มีสปอตไลท์สว่างจ้า ผู้เข้าแข่งขันและพิธีกรนั่งอยู่ตรงข้ามกันบนเวทียกระดับ มีเพียงจอคอมพิวเตอร์และพนักแขนเก้าอี้ที่ผู้เข้าแข่งขันพอจะรู้สึกว่าเป็นอุปกรณ์ให้อุ่นใจได้เท่านั้น

นอกนั้นหนาวทั้งแอร์ หนาวทั้งสายตาของพิธีกร หนาวทั้งสายตาของผู้คนนับร้อยและนับล้านคนที่รอฟังคำตอบ

หากผู้เข้าแข่งขันตอบไม่เข้าหู ก็จะถูกผู้ชมในห้องส่งค่อนแคะชิงชัง รวมทั้งอาจสาปแช่งประนาม ให้ตกสวรรค์เร็วๆด้วย



แต่เรื่องอย่างนี้ ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ มักจะได้เตรียมตัวมาบ้างแล้ว


หากอยากแสดงว่า ตนเป็นคนถ่อมตน มักน้อย ก็จะตอบว่า "ยังไม่ทราบเลยครับ รอให้ใกล้เงินล้านอีกสักนิดจึงจะกล้าพูด"


หากอยู่ในสภาพของการเป็นนักศึกษาก็จะตอบว่า"จะเอาไว้เป็นทุนการศึกษาเพื่อเรียนต่อครับ"


หากอยู่ในช่วงวัยทำงานก็จะตอบว่า "จะเอาไปเปิดกิจการส่วนตัวตามที่เคยฝันเอาไว้ครับ ผมอยากสร้างครอบครัว อยากให้ลูกและภรรยาสุขสบายครับ แล้วอีกส่วนหนึ่งจะเก็บเอาไว้เลี้ยงดูพ่อแม่"


แต่หากอยู่ในสภาพที่กินดีอยู่ดีพอสมควร ขนาดที่ว่าสายตานับล้านคู่ กำลังมองเสื้อผ้าเครื่องประดับด้วยความอิจฉา จะตอบไปเลยว่า
"ส่วนหนึ่งจะนำไปบริจาคให้มูลนิธิ ส่วนหนึ่งจะช่วยเหลือวัด และจะช่วยเหลือเด็กกำพร้าครับ"


ขอโทษนะครับ ทั้งหมดนี้ คือ คำตอบที่ลอกออกมาจากคำตอบที่ 'ใช้' ตอบกันอย่างแพร่หลาย และสร้างความเห็นใจ ประทับใจ สงสาร

และสุดท้ายได้รับเสียงเชียร์จากผู้ชมในห้องส่งอย่างท่วมท้นนั่นเอง




เกิดอะไรขึ้นท่ามกลางภาพฝันเรื่องนี้ แต่กัดกร่อนคุณค่าของคำว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"


ในฐานะที่คนเป็นมนุษย์ ย่อมเชื่อมั่นใน ความเป็นตัวตนของตนเอง ที่จะใช้ความพยายามเพื่อให้ได้มา ซึ่งสิ่งที่พึงได้จากน้ำพักน้ำแรงของตน



แต่ในความเป็นจริง ผู้เข้าแข่งขันกำลังนั่งรอโชคลาภ เงิน1ล้านบาท ต่างหาก



“ถ้าได้เงิน1ล้านบาท” ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรอบรู้ และโชคชะตาช่วยอย่างมาก ขอย้ำว่า อย่างมาก จนอาจพูดได้ว่าน้อยยิ่งกว่าน้อย ที่จะคว้าเงิน1ล้านนั้นได้จริงๆ


ภาพฝันเรื่องนี้ทำให้คนทั่วไปเพ้อพกความฝัน ฝันกลางวันถึงคำว่า”ถ้าได้1ล้านบาท” อยู่ร่ำไป คล้ายคลึงกับอาการเพ้อฝันเมื่อซื้อลอตเตอรี่


เวลาเดียวกันกับที่คนฝันกลางวันไม่รู้คุณค่านี้

มนุษย์ที่มีความพยายามและมีสติปัญญา
จะนำเวลาไปคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับ


ลูกค้าต้องการจะได้อะไร จะได้นำสิ่งนั้นไปขายลูกค้า
หรือควรจะทำอะไรดีที่ตนถนัดและเก่งไม่มีใครสู้ เพื่อผลิตออกมาขายตามรูปแบบและคุณภาพที่ลูกค้าต้องการ



หรือหากคิดว่าตนไม่ชอบขายและอายที่จะไปขาย ก็ควรจะคิดหาทางออกว่า จะจ้างใครที่เหมาะสมมาขายแทน หรือควรจะนำไปขายส่งร้านไหน โรงงานไหน

ควรจะมีกลยุทธการขายส่งอย่างไร ที่จะทำให้เขาพอใจซื้อสินค้าจนเป็นลูกค้าประจำ และอยากจะจ้างให้เราผลิตสินค้าอย่างอื่น มาขายส่ง มากประเภท ยิ่งขึ้น


นอกจากนั้นควรจะใช้เวลาที่มีอยู่วิเคราะห์สินค้าที่ผลิตและขาย เพื่อปรับปรุงการผลิตและขายให้ได้กำไรเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเงินทุน แรงกาย เวลาที่ใช้ไป


ควรจะใช้เวลาที่มีอยู่ เพื่อปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้ดูทันสมัยน่าซื้อ หรือควรจะใช้เวลาเพื่อประชุมรับทราบปัญหาและแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำเดิมอีก

หรือควรจะใช้เวลาเพื่อไปเยี่ยมร้านค้าเพื่อถามถึงสินค้าที่อยากขายและไม่อยากขาย เป็นต้น



กรรมดีจะสนองตอบต่อผู้กระทำดี มีหรือที่จะสนองตอบต่อผู้นั่งฝันกลางวัน

ความมั่งคั่งไม่ได้มาเมื่ออาบน้ำมนตร์ แต่จะได้มาเมื่ออาบเหงื่อ


นี่ซิ..จึงจะเป็นความเชื่อมั่นในความเป็นตัวตนของมนุษย์ที่จะใช้ความพยายามให้ได้มา ซึ่งสิ่งที่พึงได้จากน้ำพักน้ำแรงของตน



แม้เกมส์โชว์จะเป็นรายการที่บอกว่าเพื่อความสนุกสนาน แต่เราจะปฏิเสธได้อย่างไรว่า ฝาเบียร์ที่กองเป็นภูเขาเลากาอยู่ในรายการนั้น ทำให้ผู้คนนับล้านคน นั่งรอลุ้นมาเป็นสัปดาห์ๆแล้วว่า ตนอาจจะเป็นผู้โชคดีที่ได้สร้อยทอง1เส้น


ทั้งๆที่ควรจะเอาเวลาในการฝันกลางวันนั้น ไปใช้ตั้งใจทำงานหรือทำความดีเรื่องอื่นๆ ซึ่งอาจมีค่ามากกว่าสร้อยทอง1เส้นด้วยซ้ำ


และไม่เพียงการฝันลมๆแล้งๆ ผู้ชมยังถูกมอมเมาด้วยเบียร์จำนวนมากขึ้น แต่เงินทองร่อยหรอลง เพื่อหวังจำนวนฝาเบียร์ที่มากขึ้นเพื่อส่งชิงโชคนั่นเอง



ควรจะขอบคุณผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อไหม ที่ฝึกให้ประชาชนท่องจำสโลแกนสินค้าอย่างขึ้นใจ เผื่อว่าจะมีโทรศัพท์ไปถามถึงบ้านยามใดก็ไม่รู้ จะได้ตอบสโลแกนนั้นถูก แล้วได้เงิน2-3พันบาท

ทั้งๆที่ความจำ และเวลาของมนุษย์นั้นมีค่ามากกว่าเงิน2-3พันเสียอีก



ควรจะขอบคุณ การทายผลฟุตบอลรายการใหญ่ๆไหม
ที่เสนอบ้านเสนอรถให้ โดยให้ผู้ชมเขียนทายทีมฟุตบอลที่จะได้แชมป์ โดยให้เขียนทายในไปรษณียบัตร หรือตัดคูปองในหนังสือพิมพ์ส่งมา

ทำให้ผู้คนรีบออกไปกว้านซื้อไปรณียบัตรจำนวนมาก
หรือคอยซื้อหนังสือพิมพ์เป็นประจำทุกเช้า แล้วนั่งเขียนทายผลทีมฟุตบอลที่ชนะ เพื่อส่งไปจับสลากเป็นภูเขาเลากา



จริงอยู่รางวัลเป็นบ้านเป็นรถซึ่งราคาแพง หากเทียบกับไปรษณียบัตรหรือหนังสือพิมพ์1ฉบับ ยิ่งคนที่ยังไม่มีบ้านหรือยังไม่มีรถก็เป็นเรื่อง”เทวดามาโปรด” รู้สึกว่าคุ้มค่าจริงๆ



แต่ประชาชนนับล้านคน ต่างคนก็ต่างซื้อ แล้วเขียนส่งมานับร้อยนับพันใบ ต่างคนก็ต่างลงทุนนับหลายร้อยหลายพันบาท ทั้งใช้เวลาเขียนนับๆชั่วโมง แล้วนั่งฝันกลางวันกันไป โดยหยุดทำงานเป็นช่วงๆ สติล่องลอยเป็นช่วงๆ พูดคุยกับเพื่อนคอเดียวกันเป็นช่วงๆ



หากนับค่าสูญเสียทั้งประเทศ…..จะนับมากขนาดไหน จะนับอย่างไรดี


เพราะเวลาที่ประชาชนฝันกลางวันนั้น สามารถสร้างผลผลิตและตัวเงิน ให้กับตนเอง และให้กับประเทศได้มาก จนแทบจะเรียกว่าประเมินค่าไม่ได้



ควรจะขอบคุณรายการโหวตความคิดเห็น โดยส่งเป็นข้อความสั้น(SMS) นาทีละ6-9บาท ไปยังรายการโทรทัศน์ที่กำลังออกรายการอยู่ ถ้าตอบถูกก็จะจับฉลากผู้โชคดี เพื่อมอบสิ่งของหรือสินค้าที่ทำขึ้นเพื่อแจกลูกค้า(สินค้าPREMIUM) ....ดีไหม?



ตัวประชาชนที่โหวตความคิดเห็น ทั้งต้องลงทุนเพื่อส่งข้อความสั้น ทั้งต้องเสียเวลาเพื่อรอฟังผลประกาศ ทั้งต้องจ่ายค่ายานพาหนะและค่าเสียเวลาไปรับของ และทั้งต้องหงุดหงิดผิดหวังไม่สบอารมณ์ เมื่อไม่มีโชคได้รางวัล


หากรวมๆกันของหลายพันคนหรือบางครั้งนับหมื่นคน
แล้วคิดเป็นตัวเลขที่เสียไป……ก็มากโขอยู่



ภาพฝันเหล่านี้แม้ไม่ใช่การหลอกลวงประชาชน เพราะถ้าผู้เข้าแข่งขัน รู้ทุกเรื่องจริง..จำนวน16เรื่อง

รู้จักใบหน้าทุกใบหน้าจริง..จำนวน10ใบหน้า

รู้ลึกในประเด็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งจริง..อย่างแฟนพันธ์แท้

หรือรู้จักเนื้อเพลง เพลงใดเพลงหนึ่ง ที่เขาเลือกมาให้
โดยไม่ผิดแม้แต่คำเดียวจริง....ก็จะได้เงินก้อนใหญ่จริง


แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้ถึงจุดนั้น ส่วนใหญ่ก็มีลุ้น เกือบจะได้ อีกข้อเดียว หรือหมดเวลาเสียก่อนทุกครั้ง



เงินล้านจึงเป็นแค่ภาพฝันที่ผู้คนน้อยน้อยคน..จะจับต้องได้จริง



บุคคลที่ประสบความสำเร็จ ในชีวิตจริงของเขาไม่ว่า จากรายการสู้แล้วรวย เกมแก้จน หรือรายการที่นำผู้ประกอบการSMEs มาเล่าความเป็นมา ล้วนต่างบอกประโยคคล้ายๆกันว่า

กว่าจะก้าวมาถึงวันนี้ ต้องขยัน อดทน สู้งานหนัก ไม่ย่อท้อปัญหาอุปสรรค ประหยัด ซื่อสัตย์ และเชื่อมั่นในความสามารถของตนว่าต้องทำสิ่งที่หวังให้ได้


เรียกว่าเชื่อมั่นในความสามารถของการ
“ เป็นที่พึ่งของตนเอง “


ไม่มีสักคนที่จะบอกว่า รอเทวดามาโปรด และบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เฮง



ขอทุกท่านอย่ามัวฝันกลางวันอยู่เลย จงหยิบคว้าสิ่งที่จะได้เป็นเงินใกล้ๆตัวกันเถอะ



แม้จะเหนื่อย แม้จะลำบาก แม้จะได้น้อย แต่ก็เป็นเงินที่ได้จริง ไม่มีคำว่าถ้า.....



เงินน้อยในกำมือ ดีกว่าเงินล้านในภาพฝัน…เป็นเรื่องจริงนะครับ....



โดย yyswim


Create Date : 01 มีนาคม 2548
Last Update : 9 เมษายน 2548 1:33:13 น. 5 comments
Counter : 748 Pageviews.

 
ทั้งหมดที่พูดมาเราเห็นด้วย
แต่ในความเป็นจริง เราคือหนึ่งในหลายพันคนที่ชอบฝันกลางวัน
บ้าบอคอแตกกับการส่งชิ้นส่วนเพื่อจะได้นั่งรอลุ้นหน้าจอทีวี แล้ว
ก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อจบรายการด้วยคำว่าผิดหวัง แต่ก็ไม่รู้จักเข็ดสักทั แต่คราวนี้เห็นทีจะต้องตัดใจคิดให้ได้อย่างข้อเขียนนี้ เอาเป็นว่าขอ ปริ๊นส์ ไปแปะไว้เตือนตัวเองหน่อยละกัน


โดย: AAA IP: 203.151.140.118 วันที่: 16 มีนาคม 2548 เวลา:14:30:56 น.  

 
มาเยี่ยมค่ะ มาดูBlogของหนูคนน่ารักบ้างนะ ^^
มีรูปหนูเป็นภาพประกอบทุก Blog ค่า
คลิกเลยๆ



โดย: what for ^.~ วันที่: 19 มีนาคม 2548 เวลา:14:39:42 น.  

 
โอ้ว ล้ำลึก อ่านแร้วเหนด้วย ชอบประโยคนี้จัง
"กรรมดีจะสนองตอบต่อผู้กระทำดี มีหรือที่จะสนองตอบต่อผู้นั่งฝันกลางวัน"

ว่างๆก็แวบๆไปเยี่ยมใหม่น๊า>.<


โดย: peace_valentine วันที่: 21 มีนาคม 2548 เวลา:18:21:01 น.  

 
ยังไงๆก้อยังอยากฝัน ; }


โดย: คุณจะรู้ไหมครับ วันที่: 13 พฤษภาคม 2548 เวลา:2:45:03 น.  

 
มาเยี่ยมค่ะ ได้ข้อคิดดีๆ ติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
ขอบคุณนะคะ


โดย: beejasmine วันที่: 4 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:54:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.