เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการชุมนุมทางการเมืองที่มีนายสมศักดิ์ บุญทอง อดีตรองอัยการสูงสุด เป็นประธานได้ประชุมเพื่อรับฟังผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่เมืองพัทยาและภูมิภาค 2.คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงบริเวณมหาดไทยและศาลรัฐธรรมนูญ
อนุฯสรุปผลสอบแดงป่วนพัทยา
นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่เมืองพัทยาและภูมิภาค ส่งรายงานประมาณ 200 หน้า ได้รวบรวมข้อมูลจากเอกสารทั้งจากสื่อและหนังสือราชการรวมทั้งได้ลงพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น จ.เชียงใหม่และ จ.ชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมของคนเสื้อแดงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปช.)
ชี้ฝ่ายข่าว-สตช.-บกพร่องหมด
โดยคณะอนุกรรมการฯมีข้อสังเกตุว่า สาเหตุที่ทำให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนล้มนั้น เกิดจากความผิดพลาดด้านการข่าวของรัฐบาล อาทิ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) และครม.มีความบกพร่องอย่างมากจึงทำให้ประเมินสถานการณ์ทั้งข้อมูลของฝ่ายกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่รัฐผิดพลาด จนมาสู่การยืนยันไม่เปลี่ยนสถานที่จัดประชุม
ระบบรปภ.ห่วย-ตร.ใส่เกียร์ว่าง
นอกจากนี้อนุกรรมการฯ ยังเห็นอีกว่า การเตรียมการด้านการรักษาความปลอดภัยมีความบกพร่องหลายประการ
อาทิ การประเมินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ไม่ครบถ้วนและไม่วางแผนการปฏิบัติอย่างจริงจัง ขาดการเชื่อมโยงระหว่างแผนแม่บทและแผนในพื้นที่ทำให้ขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และตำรวจไม่สกัดกั้นทั้งที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศก่อนหน้าว่าจะเดินทางจากกรุงเทพฯไปพัทยา
แฉแผนเสื้อแดงจุดชนวนปฏิวัติ
"การที่กลุ่มผู้ชุมนุมบุกโรงแรมรอยัลคลิปบีชจนนำไปสู่การล้มการประชุมสุดยอดอาเซียน ไม่ได้มีมูลเหตุที่แท้จริงมาจากการปะทะระหว่างคนเสื้อแดงกับเสื้อน้ำเงินดังที่กลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวอ้าง แต่มูลเหตุแท้จริงน่าจะมาจากผู้นำและแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงมีความต้องการตั้งแต่ต้นที่จะอาศัยจังหวะการประชุมสำคัญเช่นนี้เพื่อก่อให้เกิดการจลาจลจนนำไปสู่การลาออกของนายกฯ การประกาศยุบสภา หรือนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร"นายอโณทัย สรุปผลการรวบรวมข้อมูล
วางแผนให้ทุบรถนายกฯคาไฟแดง
และว่าส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงที่ทุบรถนายกฯ เมื่อวันที่ 7 เมษายนระหว่างติดไฟแดง
อนุกรรมการฯ เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีคนโยงใยและตั้งใจให้เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นไปเพราะความบังเอิญหรือผิดพลาดโดยไม่เจตนา ดังนั้นเห็นว่ารัฐบาลควรทำเรื่องนี้ให้กระจ่างและดำเนินคดีทางอาญาและทางวินัยกับผู้ที่กระทำความผิดอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก
เผยโทษเสื้อแดงถึงประหารชีวิต
"อนุกรรมการมีความเห็นสำหรับการบุกรุกเข้าไปโรงแรมที่จัดการประชุมอนุกรรมการฯ เห็นว่ายังมีผู้กระทำผิดและร่วมกระทำความผิดอีกมาก โดยเฉพาะแกนนำกลุ่มเสื้อแดงที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี เพราะมีการปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมใช้กำลังบุกรุกสถานที่เพื่อจับกุมนายกรัฐมนตรีและผู้นำประเทศต่างๆ
ซึ่งเข้าข่ายการประทุษร้ายต่อเสรีภาพของประชุมแห่งรัฐต่างประเทศ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรมาตรา 127 ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ถ้าเกิดเหตุร้ายผู้กระทำมีโทษถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังมีความผิดตามกฎหมายเดียวกันมาตรา 113 ประกอบมาตรา 130 เป็นต้น"นายอโณทัยกล่าว
กลุ่มเสื้อน้ำเงินรอดไม่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้อนุกรรมการฯ เห็นว่า กลุ่มที่มาปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 เมษายนนั้น เป็นการระดมคนในพัทยาประกอบด้วยนักธุรกิจเจ้าของกิจการ กลุ่มมวลชนท้องถิ่นและอาสาสมัครที่ไม่พอใจกับการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง
ส่วนในวันที่ 11 เมษายนเป็นการกะเกณฑ์คนมาเพิ่มเติมเพราะทางรัฐบาลทราบว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอาจไม่ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ จึงได้นำคนที่เกณฑ์มาใส่เสื้อน้ำเงินที่กระทรวงมหาดไทยจัดเตรียมไว้เพื่อป้องกันความสับสน
ส่วนข้อสงสัยที่ระบุว่ารัฐบาลสั่งการให้ตำรวจสวมใส่เสื้อสีน้ำเงิน ทางอนุกรรมการฯไม่สามารถระบุผลได้ว่ามีเหตุจงใจใดที่รัฐบาลจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใส่เสื้อสีน้ำเงิน
พท.โวยลั่นผลสอบใส่ร้ายเสื้อแดง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายอโณทัยสรุปรายงานต่อที่ประชุมแล้วเสร็จกรรมการจากพรรคเพื่อไทยได้แสดงความไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลกระบุว่า คนเสื้อแดงก็เป็นคนไทยเช่นเดียวกันจึงไม่อยากให้สรุปรายงานที่เป็นการให้ร้ายเกินไป และมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นความบกพร่องของการรักษาความปลอดภัยมากกว่า
ทุบรถนายกฯที่มท.สรุปไม่ได้
จากนั้นนางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ ประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่กระทรวงมหาดไทยและศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่สามารถสรุปได้ว่านายกฯอยู่ในรถหรือไม่เนื่องจากแม้ว่าจะมีหลักฐานยืนยันว่านายกฯขึ้นรถจริง แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่านายกฯไม่ได้ออกจากรถระหว่างขับวนอยู่ในกระทรวงมหาดไทยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนคณะอนุกรรมการฯชุดอื่นที่ยังไม่เสนอรายงานนั้น มีการให้ขยายเวลาไปจนถึงวันที่30กรกฎาคมจากนั้นจะจัดทำรายงานเพื่อเสนอต่อประธานสภาฯต่อไป
ที่มา :แนวหน้า